อนาวินหันไปมองหญิงสาวหลังจากที่จอดรถสนิท เขาลังเลว่าจะปลุกเธอดีหรือเปล่า เพราะดูท่าทางเธอน่าจะเหนื่อยมาก ถึงได้นอนหลับมาตลอดทาง ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยหลับอยู่บนรถให้เขาเห็นเลยสักครั้ง
เมื่อเห็นว่าเธอยังคงหลับสนิทเขาจึงช่วยปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วปรับเบาะให้เธอ จังหวะที่เขากำลังโน้มตัวไปคลำหาปุ่มปรับเบาะ ตากลมโตก็ลืมตาขึ้นมาพอดี ก่อนที่เธอจะเบิกตากว้างเมื่อใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่ไม่กี่เซน แล้วท่าทางของเขายังล่อแหลม หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ
...แต่ไม่ใช่แค่เธอหรอกนะที่ตกใจ อนาวินเองก็ตกใจเช่นกัน… ที่ทำให้เธอตื่น แล้วดูท่าทางเธอกำลังเข้าใจผิดว่าเขากำลังจะล่วงเกินเธอแน่ๆ
พรึบ!!!!
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังสบตากัน อนาวินสัมผัสไปโดนปุ่มปรับเบาะเข้าพอดี จึงทำให้เขาเสียหลักทาบทับลงไปที่ล่างเล็ก
ม๊วฟ!!!!
แล้วก็ไม่ใช่แค่ร่างกายที่สัมผัสกัน ริมฝีปากยังแนบชิดบดเบียดกันจนคนใต้ร่างเบิกตากว้างหัวใจเต้นแรงแทบระเบิด สัมผัสที่ไม่เคยพบเจอทำให้ร่างเล็กเกร็งไปทั่วร่างจนถึงปลายเท้า แล้วเขายังไม่ยอมถอนริมฝีปากออกเสียด้วย จนเธอต้องเป็นฝ่ายดันหน้าอกของเขาออกแทน
“ขอโทษครับ พี่แค่จะปรับเบาะให้พิมพ์”
อนาวินบอกไปหลังจากที่ผละออกจากริมฝีปากบางและร่างเนียนนุ่มอย่างน่าเสียดาย ใครจะรู้ว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน ไม่ให้ทำอะไรเธอไปมากกว่านี้ ทั้งๆ ที่อยากทำใจจะขาด
“ไม่เป็นไรค่ะ”
พราวฟ้าตอบไปเสียงเบา แล้วเบือนหน้ามองออกไปนอกรถ ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นแรงจนทำตัวไม่ถูก เมื่อกี้เขาเรียกว่าจูบหรือเปล่า เธอยังไม่ได้เสียจูบแรกใช่ไหม เธอได้แต่ถามตัวเองด้วยท่าทางตื่น จนไม่ได้ฟังที่คนข้างๆ ถาม
“พิมพ์ครับ”
“ค่ะ”
พราวฟ้าตอบเสียงสั่น เมื่อชายหนุ่มเรียกสติของเธอด้วยการใช้มือสัมผัสที่แก้มของเธอเบาๆ สายตาที่มองเธอก็อ่อนโยนจนเธอใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจจะเป็นเพราะเธอไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนมาก่อน
“ไปกันดีกว่าครับ คนของพี่เตรียมเรือไว้แล้ว”
เตรียมเรืออย่างนั้นเหรอ พราวฟ้ามองหน้าชายหนุ่มด้วยท่าทางสงสัย เขาจะเตรียมเรือทำไม นี่เขาจะพาเธอไปไหนกันแน่ ไม่ใช่สิ… ต้องบอกว่าเขาจะพาพิมพ์ดาวไปไหนถึงจะถูก เพราะตอนนี้เธอเป็นตัวแทนของพิมพ์ดาว
พราวฟ้านั่งนิ่งมองร่างสูงที่กำลังเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้เธอ เขาช่างอบอุ่นและใส่ใจน้องสาวของเธอจริงๆ
“ไปครับ” อนาวินยื่นมือมากุมมือเธอแล้วพาเธอเดินไปยังที่ไหนสักแห่ง
พราวฟ้าได้มองที่มือของตัวเองที่ผสานกันกับมือหนา เธอเดินตามเขาไปโดยไม่ถามอะไร
เพราะคำตอบอยู่ตรงหน้าแล้ว พราวฟ้ามองเรือยอร์ชลำใหญ่ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยขึ้นเรือแต่เธอรู้สึกตื่นเต้นที่ต้องไปกับเขา คนที่เธอแทบจะไม่รู้จัก รู้แค่เพียงว่าเขาชื่ออนาวินและเป็นแฟนของน้องสาวเธอ
“ระวังนะครับ”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่เขาเอ่ยออกมาบ่งบอกถึงความห่วงใยและใส่ใจ จนพราวฟ้ารู้สึกอบอุ่นหัวใจไปด้วย เขาประคองเธอราวกับว่าเธอเป็นเด็กน้อยที่กำลังหัดเดิน
“เราจะไปไหนกันเหรอคะ ทำไมต้องขึ้นเรือ”
ถึงมันจะสายไปแล้วที่เธอถามตอนที่ขึ้นเรือมากับเขาแล้ว แต่เธอก็ถามออกไปเพื่อไม่ให้สถานการณ์ดูตึงเครียดเท่านั้น ระหว่างเธอกับเขาแทบไม่รู้จักกันเลย แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกปลอดภัยก็ไม่รู้
“พิมพ์อยากมานอนดูดาวไม่ใช่เหรอครับ”
อนาวินพูดออกไปขณะที่เดินมาถึงที่หมาย ที่ที่เขาสั่งให้ลูกน้องคนสนิทจัดเตรียมไว้ไม่กี่ชั่วโมงก่อน ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่เขากับเธอจะมาถึง
ทันทีที่ก้าวขึ้นมาถึงดาดฟ้าชั้นบนสุดของเรือ พราวฟ้าก็ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ที่นอนเล็กๆ ที่รายล้อมไปด้วยไฟกระพริบๆ วิบวับเล็กๆ ราวกับเอาดวงดาวบนท้องฟ้าลงมาประดับ บวกกับบรรยากาศและคลื่นลมทำให้ดูโรแมนติกสุดๆ
“ชอบไหมครับ”
เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นข้างๆ หูทำเอาพราวฟ้าขนลุกไปทั้งตัว แล้วหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นเมื่อแขนแกร่งสวมกอดเธอจากด้านหลัง ความอ่อนโยนของเขาทำเธอไปไม่เป็น จะปฏิเสธก็กลัวเขาจะจับได้ว่าเธอไม่ใช่พิมพ์ดาวคนรักของเขา จึงได้แต่ยืนให้เขาสวมกอดอยู่อย่างนั้น
“ชอบค่ะ”
พราวฟ้าตอบเสียงสั่น ร่างกายร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนนี้เธอแทบจะไม่ได้สนใจบรรยากาศโดยรอบเลย เพราะลมหายใจอุ่นๆ ของเขากำลังทำลายสติของเธอ
“ไปนอนดูดาวกันดีกว่าครับ”
อนาวินคลายกอดแล้วจูงมือแฟนสาวมายังพื้นที่เล็กๆ ที่ลูกน้องคนสนิทเตรียมไว้ให้ เขาประคองเธอนอนลงเบาๆ ก่อนที่เขาจะนอนลงข้างๆ เธอ
ทั้งสองคนนอนมองท้องฟ้าโดยไม่มีการพูดคุยใดๆ ออกมา มีเพียงเสียงลมเสียงคลื่นที่พัดผ่าน อากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้พราวฟ้าใช้สองแขนโอบกอดตัวเองเพื่อคลายหนาว โดยไม่รบกวนคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ บางทีเขาอาจจะเหนื่อยจากการทำงานเหมือนเธอที่เผลอหลับตอนเขาขับรถมา น่าอายจริงๆ
ขณะที่พราวฟ้ากำลังคิดอะไรเพลินๆ คนที่เธอคิดว่านอนหลับก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างของเธอ พราวฟ้าเบิกตากว้างมองใบหน้าหล่อที่ห่างกันไม่กี่เซน จนเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่กำลังเป่ารดแก้มของเธอทำให้เธอเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง
‘เอายังไงต่อดียัยพราว’ พราวฟ้าพยายามคิดหาทางออกให้ตัวเอง ขณะที่ใบหน้าหล่อกำลังเลื่อนเข้าใกล้มาเรื่อยๆ
“ที่พี่ไม่เคยล่วงเกินพิมพ์ ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รักพิมพ์ หรือว่าพี่รังเกียจพิมพ์นะครับ”
พราวฟ้ารู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าเขาไม่เคยล่วงเกินน้องสาวของเธอ แล้วตอนนี้เขาก็คงจะไม่ทำเหมือนกัน… ใช่ไหม?
“แต่ที่พี่ไม่ทำเพราะพี่อยากให้พิมพ์รู้ว่า พี่รักพิมพ์จริงๆ ไม่ใช่หวังแค่ร่างกายของพิมพ์ เหมือนผู้ชายที่ผ่านมาของพิมพ์”
พราวฟ้านิ่งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดออกมา ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสายตาชื่นชมในความเป็นสุภาพบุรุษของผู้ชายคนนี้
ถึงเธอจะไม่รู้จักเขามาก่อน เธอก็รู้สึกได้ถึงความจริงใจของเขาที่มีต่อน้องสาวของเธอ ซึ่งหาได้ยากมากจากผู้ชายสมัยนี้ ขนาดเขารู้ว่าน้องสาวของเธอเคยคบกับใครมาก่อน แล้วเจออะไรมาบ้าง เขาก็ยังรักและทะนุถนอมน้องสาวของเธอ น่าชื่นชมจริงๆ
พราวฟ้าเผลอมองใบหน้าหล่อด้วยสายตาหยาดเยิ้มและคิดอะไรเพลินๆ จนไม่รู้ตัวว่าเธอกำลังจะโดนขโมยจูบอีกครั้ง
“อือ...”
O.O!!
ตากลมโตเบิกกว้าง หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อริมฝีปากหนากดลงมาที่ริมฝีปากบางของเธออย่างหนักหน่วง ปลายลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก กวาดต้อนหาความหวานจากทุกซอกทุกมุม มันช่างเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่รู้สึกดีเหลือเกิน พราวฟ้าเคลิ้มไปกับรสชาติการจูบของชายหนุ่มจนลืมความถูกต้อง เธอไม่ใช่พิมพ์ดาว เธอจะยอมให้เขาจูบตามอำเภอใจแบบนี้ไม่ได้
พราวฟ้าเลื่อนมือขึ้นมาดันหน้าอกแกร่งให้เขาหยุด แต่เขากลับรวบมือทั้งสองข้างของเธอ แล้วกดเอาไว้กับที่นอนไม่ให้เธอขัดขืนโดยที่ปากยังจูบเธออย่างดูดดื่ม
..
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
เป็นเรื่องแล้วไง จะทำยังไงต่อไปล่ะพราวฟ้า!!
“อืม~”เสียงครางเบาๆ เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากเล็ก ร่างกายร้อนรุ่มราวกับคนเป็นไข้ ความรู้สึกแปลกใหม่ที่หญิงสาวไม่เคยพบเจอทำให้เธออ่อนระทวยไปทั้งตัว สัมผัสของเขาช่างอบอุ่นและอ่อนโยน เข้ากับกลิ่นกายหอมสะอาดแสนอบอุ่นของเขาผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์เหลือเกิน จนพราวฟ้าไม่อาจต้านทานได้ มันช่างเป็นความรู้สึกที่วิเศษจริงๆ ทั้งบรรยากาศรอบข้างและสัมผัสของชายหนุ่ม หญิงสาวเคลิ้มไปกับสิ่งปลุกเร้า ขณะที่ชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปากไปที่ซอกคอขาว ยิ่งให้เสียวซ่านจนขนลุกชัน ส่วนมือของเขาก็เลื่อนลงไปที่หว่างขาเรียว จากนั้นก็ใช้นิ้วแหวกแพนตี้เข้าไปหาความชื้นแฉะอย่างไม่รั้งรอทุกอย่างมันเร็วมากจนหญิงสาวตั้งตัวไม่ทันจริงๆ กว่าจะตั้งสติได้ก็โดนนิ้วร้ายพรากความสาวไปซะแล้ว มือเล็กรีบยกขึ้นมาดันหน้าอกแกร่งทันที“อย่าค่ะ!!”หญิงสาวตาปรือเพราะความเสียวซ่าน อีกทั้งยังรู้สึกทรมาน เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในร่างกาย มันรู้สึกอึดอัด…จนเธอต้องขยิบช่องรักตลอดเวลา แต่เธอหารู้ไม่ว่าการกระทำของเธอ ปลุกเร้าอารมณ์ให้อีกฝ่ายได้เป็นอย่างดีโพรงเนื้อนุ่มแน่นราวกับไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อนทำให้ชายหนุ่มสับสนยิ่งนัก ไม่อยากจะเชื่อว่าพิมพ์ดาวไม่เ
ขณะที่หญิงสาวกำลังตกตลึงในความใหญ่โตของชายหนุ่ม เขาก็ไม่รอช้ารีบพาร่างกำยำลงมาทาบทับร่างเล็กทันที เพราะเขาเองก็ทนความสวยของเธอไม่ไหวแล้วเช่นกันใบหน้าหล่อซุกไปที่เต้าอวบอิ่ม ขณะที่ใช้เข่าดันขาเรียวออกกว้างพอที่เขาจะแทรกตัวเข้าไปได้ เรียกได้ว่าอนาวินรอเวลานี้มานานมาก เพราะที่ผ่านมาเขาต้องอดทนอดกลั้นทำตัวเป็นสุภาพบุรุษและให้เกียรติเธอแต่ต่อจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็พร้อมที่จะรับผิดชอบในความรู้สึกและการกระทำของตัวเอง เพราะเขามั่นใจว่าพิมพ์ดาวคือผู้หญิงที่เขารักและอยากจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเธอไปตลอดชีวิต“อย่าค่ะ! อ่ะ!!” เสียงครางหวานดังขึ้นมาขณะที่ชายหนุ่มจับท่อนเอ็นไปถูไถกับร่องชื้นแฉะ ความเสียวแผ่ซ่านไปทั่วร่างจนอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงและเป็นเรื่องยากเกินที่จะต้านทาน“อ่าส์!” ร่างกำยำเกร็งเครียดด้วยความทรมานเมื่อร่องรักปิดสนิททำให้เขาเข้าไปได้เพียงแค่ส่วนหัวบานหยักเท่านั้นอารมณ์ความต้องการเพิ่มมากขึ้นทุกวินาทีจนไม่อาจต้านทานและอดทนต่อความรู้สึกที่มีได้ ไม่ว่าหญิงสาวใต้ร่างจะปฏิเสธแต่เขาก็ไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองเอาไว้ได้“อย่าเกร็งสิครับ”น้ำเสียงแหบพล่ากระซิบข้างหูของหญิงสาวที่นอนป
เช้าวันต่อมาอนาวินตื่นเช้าเพื่อเตรียมเสื้อผ้าให้กับหญิงสาวที่เขาคิดว่าเธอคือพิมพ์ดาวแฟนของเขา เรียกได้ว่าดูแลทุกอย่างจนอีกฝ่ายไม่ต้องทำอะไรเลยพราวฟ้าตื่นขึ้นมาเห็นชายหนุ่มนั่งมองเธออยู่ที่ปลายเตียง มือบางรีบดึงผ้าห่มผืนใหญ่มาปกคลุมตัวเองให้เรียบร้อย เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอไม่ได้สวมใส่อะไรเลย“พี่เตรียมชุดเอาไว้ให้แล้วนะครับ” อนาวินบอกหญิงสาว ซึ่งเธอดูมีท่าทางที่แปลกไปและดูจะเขินอายไม่เหมือนพิมพ์ดาวคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก“ค่ะ” พราวฟ้าตอบเสียงเบาและยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่กล้าที่จะขยับไปไหน หัวใจดวงน้อยเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“เดี๋ยวพี่ออกไปรอข้างนอกนะครับ” ชายหนุ่มบอกด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ บางทีเธออาจจะรู้สึกอายจึงไม่กล้าลุกจากเตียงในตอนที่เขาอยู่ด้วยก็ได้พราวฟ้ามองตามหลังชายหนุ่มที่เดินออกไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย พร้อมกับถามตัวเองในใจว่าเมื่อคืนเธอทำอะไรลงไปใช้เวลาไม่นานพราวฟ้าก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเดินออกไปหาชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ด้านนอก บรรยากาศบนเรือตอนเช้ามีแสงแดดอ่อนๆ และมีลมพัดผ่านเย็นสบายทำให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก“หิวไหมครับ”อนาวินเอ่ยถามอย่างเอาใ
ทางด้านอนาวินก็รีบเข้ามาทำงานที่บริษัทแต่เช้า ถึงแม้งานตรงหน้าจะกองเยอะแค่ไหนแต่ในใจเขายังคงคิดถึงแฟนสาวอยู่ตลอดเวลา ยิ่งได้นึกถึงเหตุการณ์บนเรือก็ยิ่งทำให้เขาไม่มีสมาธิที่จะทำงานสุดท้ายชายหนุ่มก็ทนต่อความสงสัยไม่ไหวเพราะพิมพ์ดาวแฟนของเขาเคยผ่านผู้ชายมาแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาอยู่แล้วแต่เมื่อคืนพิมพ์ดาวที่อยู่กับเขาบนเรือเธอยังบริสุทธิ์และไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน ซึ่งทำให้เขาติดอยู่กับความสงสัยนี้ไม่หาย จนต้องเรียกเลขาคนสนิทให้เข้ามาหาในห้องทำงาน“ไปจ้างนักสืบให้หาข้อมูลครอบครัวของพิมพ์ดาวแบบละเอียดให้ด้วย”“คุณพิมพ์ดาวเป็นแฟนท่านประธานไม่ใช่เหรอครับ” เลขาคนสนิทถามเจ้านายด้วยความสงสัย เพราะเจ้านายกับแฟนสาวก็คบหาดูใจกันมาหลายปีแล้ว ทำไมถึงต้องจ้างนักสืบให้ไปตามสืบอยู่อีก“ไม่ต้องถาม รีบไปทำตามที่สั่งก็พอ”เพราะพิมพ์ดาวเป็นแฟนอนาวิน เขาก็เลยต้องตามสืบประวัติของครอบครัวเธอให้ละเอียดเป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้คลายความสงสัยที่ติดอยู่ในใจ ที่ผ่านมาที่เขาไม่ตามสืบเพราะเขารักเธอด้วยใจจริงและไม่เคยคิดว่าเธอต่ำต้อยเลยสักนิด“ขอด่วนที่สุด!” ชายหนุ่มย้ำความต้องการของ
“น้องทำงานอะไรเหรอครับ”“เอ่อ… มานั่งด้วยกันก่อนสิลูก” ดารารายรีบเดินเข้าไปหาลูกสาวอย่างเอาใจ เพื่อที่จะได้มีเวลาคิดหาทางออกให้กับเรื่องนี้ดารารายคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะที่ผ่านมาเธอบอกอนาวินว่าเธอมีลูกสาวคนเดียว นั่นก็คือพิมพ์ดาวที่เป็นแฟนของชายหนุ่ม แต่พอมาถึงตอนนี้มันคงถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องบอกความจริงกับเขาเพราะถึงยังไงคนเป็นแม่ก็อยากจะให้ลูกสาวได้มีผู้ชายดีๆ อยู่ข้างกาย ซึ่งอนาวินคือว่าที่ลูกเขยที่ดารารายพอใจและถูกใจเป็นอย่างมาก จนเธออยากจะฝากชีวิตของพิมพ์ดาวให้เขาดูแล ไม่ว่าฐานะหรือหน้าตาทางสังคมเขาสามารถดูแลพิมพ์ดาวให้อยู่สุขสบายได้อย่างแน่นอนบรรยากาศภายในห้องรับแขกเต็มไปด้วยความเงียบจนน่าอึดอัดเมื่อไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคน ส่วนพราวฟ้าก็นั่งเงียบและทำตัวไม่ถูกที่เธอต้องเจอชายหนุ่มอีกครั้งโดยที่เธอไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ก่อน“คือ… แม่มีเรื่องจะบอกพอดีเลย”“มีเรื่องอะไรเหรอครับ” อนาวินแกล้งถามด้วยความสงสัย พร้อมกับจ้องมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ คุณแม่“คือความจริงแล้วแม่มีลูกสาวสองคนจ้ะ” ดารารายกลั้นใจพูดความจริงออกมาเรื่องนี้จะได้จบๆ ไปสักที“แล้วอี
เช้าวันต่อมา“คุณพิมพ์ดาวกลับมาบ้านแล้วค่ะ” แม่บ้านรีบเข้ามารายงานตามคำสั่งที่ได้รับเมื่อคืนทันที“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ดารารายนอนแทบไม่หลับตลอดทั้งคืน หลังจากรู้ความจริงเธอก็นั่งโทรหาพิมพ์ดาวทั้งคืน แต่ไม่ว่าจะโทรไปกี่ครั้งลูกสาวตัวดีก็ไม่ยอมรับสาย“ประมาณตีสี่ค่ะ” โชคดีที่แม่บ้านออกมาเข้าห้องน้ำพอดีก็เลยเห็น แต่ก็ไม่ได้ไปรายงานเพราะยังเช้าอยู่ดารารายหยิบเสื้อคลุมมาสวมก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วตรงไปยังห้องของพิมพ์ดาวอย่างไม่รีรอ ยังไงวันนี้เธอจะต้องรู้ความจริงจากปากของลูกสาวให้ได้“พิมพ์ตื่น! ตื่นมาคุยกับแม่ก่อน!” ดารารายปลุกลูกสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรเลย“อื้อออ~ ขอหนูนอนพักก่อนค่ะ” พิมพ์ดาวที่พึ่งจะได้นอนก็งัวเงียหลับตาตอบคุณแม่ ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะคุยกับใคร ร่างกายของเธอต้องการนอนเท่านั้น“แม่มีเรื่องจะคุยด้วย! ลุกขึ้นมาคุยกับแม่ก่อน” ดารารายดึงแขนลูกสาวให้ลุกขึ้นนั่ง ทว่าพิมพ์ดาวกลับตัวอ่อนไร้เรี่ยวแรงไม่ยอมลุกสักที“อื้อออ~ หนูจะนอน” พิมพ์ดาวตอบเสียงยานก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้คุณแม่“มีเรื่องอะไรทำไมไม่บอกแม่ ลุกขึ้นมาคุยกับแม่ก่อน” ผู้เป็นแม่ยังคงรบเร้
พราวฟ้านั่งเครียดหนักอยู่ภายในห้องทำงาน เพราะเธอมัวแต่คิดและเป็นห่วงความรู้สึกของพิมพ์ดาวน้องสาวฝาแฝด เรื่องราวตอนนี้มันวุ่นวายไปหมดจนเธอไม่มีสมาธิที่จะทำงานเลยด้วยซ้ำเมื่อถึงเวลาเลิกงานพราวฟ้าก็รีบกลับบ้าน โดยที่เธอได้ลืมเรื่องงานเลี้ยงสำคัญที่จะต้องไปในตอนเย็น ถึงแม้ว่าเลขาได้มาบอกเธอล่วงหน้าแล้วหลังจากที่มาถึงบ้านพราวฟ้าก็สัมผัสได้ถึงความเงียบสงบและว่างเปล่าต่างจากทุกวัน เมื่อไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน“คุณพราวเลิกงานแล้วเหรอคะ” มีเพียงแม่บ้านที่เอ่ยถามพร้อมกับถือน้ำเย็นๆ มาให้เธอ“ค่ะ แล้วไม่มีใครอยู่บ้านเลยเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเรียบ“ออกไปข้างนอกกันหมดเลยค่ะ”ยังไม่ทันที่พราวฟ้าจะได้ถามอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังแทรกขึ้นมา จนทำให้เธอต้องหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าสะพายขึ้นมาดู“สวัสดีค่ะ” พราวฟ้าทักทายคนในสายทันทีหลังจากที่เธอกดรับสาย(คุณพราวอยู่ไหนคะ) เสียงของเลขาหน้าห้องที่คุ้นเคยเอ่ยถามขึ้นมา“พราวอยู่บ้านค่ะ”พราวฟ้าตอบไปตามตรงพร้อมกับความสงสัย ถ้าหากเลขาโทรหาเธอในเวลานี้แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงเธอก็คิดไม่ออกว่ามีเรื่องอะไร(คุณพราวลืมเรื่อง
พรึบ!พราวฟ้ารวบรวมสติที่มีอยู่อันน้อยนิดและรวบรวมกำลังที่มีผลักหน้าอกแกร่งของชายหนุ่มให้ออกห่างทันที ถ้าช้ากว่านี้ร่างกายเธอคงพ่ายแพ้ให้กับการกระทำของเขาอย่างแน่นอนโชคดีที่มีคนเดินผ่านมาอนาวินจึงยอมปล่อยหญิงสาวไปก่อน เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดีจนทำให้เธอเสียหายได้เมื่อคนเดินผ่านไปแล้วอนาวินก็จับร่างบางมาจูบอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เขากลับแกล้งทำท่าทางเหมือนคนเมาที่ไร้สติและทำเหมือนกับว่าเขาไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ร่างบางพยายามดิ้นและต่อต้านการกระทำของอีกฝ่าย แต่ยิ่งเธอดิ้นเขาก็ยิ่งจูบและกอดเธอแรงมากขึ้น จนเธอหายใจแทบไม่ทัน มือบางทุบหน้าอกแกร่งรัวๆ เพื่อให้เขาหยุดแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล“อื้อ! อ่อย!” พราวฟ้าดิ้นสุดกำลังจากจูบที่เร่าร้อนก็เริ่มดุดันมากขึ้น“ฉันไม่ใช่พิมพ์ดาว” เมื่อได้รับอิสระพราวฟ้าจึงต้องรีบบอกความจริงให้อีกฝ่ายได้รู้ทันที เพราะไม่มีอะไรที่เธอจะต้องปิดบังอีกต่อไป“ไม่ใช่พิมพ์ดาวแต่ก็เป็นคนที่อยู่บนเรือคืนนั้น…” อนาวินพูดออกมาตามความรู้สึกเมื่อพิมพ์ดาวดูแตกต่างจากผู้หญิงที่ไปกับเขาบนเรือคืนนั้น“….” พราวฟ้ากลืนน้ำลายฝืดลงคอด้วยความยากลำบาก เมื่อเขาพูดออก
ร่างหนาเดินออกมาจากห้องน้ำก็ต้องพบกับความเงียบ เมื่อภายในห้องมีเพียงความว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลยสักคนอนาวินมีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่พันรอบเอวอยู่ พอได้อาบน้ำสบายตัวก็คิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนสายตาคมเข้มกวาดมองไปรอบห้องเพื่อที่จะมองหาพราวฟ้า แต่สายตาเขาก็สะดุดไปเห็นเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นที่แขวนไว้อยู่หน้าตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกลซึ่งคงจะเป็นเสื้อและกางเกงที่ใหญ่ที่สุดในตู้ของพราวฟ้าและเธอคงจะมั่นใจและคิดว่าเขาคงจะใส่ได้อย่างแน่นอนอนาวินไม่รอช้ารีบใส่เสื้อผ้าและแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะเดินลงไปหาเธอข้างล่าง แน่นอนว่าเธอคงจะทำอาหารอยู่ในห้องครัวเป็นแน่“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอคะ” พราวฟ้าที่กำลังยุ่งอยู่หน้าเตาแก๊สก็เอ่ยถามชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม“ครับ ทำอะไรอยู่ครับทำไมหอมจังเลย” อนาวินไม่พูดเปล่าขายาวรีบเดินเข้าไปหาหญิงสาวพร้อมกับกอดเธอเอาไว้แน่น“พราวทำข้าวต้มค่ะ พี่วินหิวหรือยังคะ”ใบหน้าสวยตอบพร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้จะโดนอีกฝ่ายกอดในขณะที่เธอกำลังทำข้าวต้มอยู่ เธอก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือวุ่นวาย แต่กลับรู้สึกดีและมีความสุขมากๆ อีกด้วย“หิวครับ”“รออีกนิดนะคะข้าวต้ม
ปึก! ปึก! ปึก!“อะ! อ๊ะ!”เสียงครางหวานยังคงดังออกมาเป็นระยะ โชคดีที่เป็นห้องเก็บเสียงและวันนี้ก็ไม่มีใครอยู่บ้าน ส่วนแม่บ้านประจำก็ลากลับบ้าน พราวฟ้าอยู่คนเดียวแล้วก็เหงาก็เลยชวนอนาวินมาอยู่เป็นเพื่อนม๊วฟ!“ซี๊ดดด!”ริมฝีปากบางซูดปากครางเสียวร่างสวยเกร็งไปแทบทุกส่วน เมื่อริมฝีปากหนาทั้งดูดทั้งเลียหน้าอกอวบอิ่ม แถมช่วงล่างก็กระแทกสะโพกเข้าออกไม่หยุด เรียกได้ว่าปรนเปรอทั้งช่วงบนช่วงล่างพร้อมกันแบบนี้จะไม่ให้พราวฟ้าเสียวได้ยังไง“อ่าส์!” เสียงคำรามจากร่างหนาก็ดังออกมาเป็นระยะไม่ต่างกัน ยิ่งเขากระแทกและบดขยี้แก่นกายใหญ่ ร่องรักก็ยิ่งรัดแน่นจนอนาวินแทบจะทนไม่ไหวความเสียวที่ถูกปะปนไปด้วยความทรมานแต่ก็ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกดีไม่น้อย ซึ่งมันเป็นความรู้สึกเสียวซ่านจนยากเกินที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้“อึก! อะ! พราวไม่ไหวแล้วค่ะ ซี๊ด!” พราวฟ้าพูดออกมาพร้อมกับความรู้สึกที่แปลกใหม่วิ่งวนอยู่ภายในร่างกาย ซึ่งเธอไม่เคยรู้สึกดีกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน“อ๊าส์! พี่ก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันครับ” น้ำเสียงที่อบอุ่นปนด้วยความทรมานเอ่ยบอกหญิงสาวที่นอนอยู่ใต้ร่างถึงแม้ว่าปากจะบอกว่าไม่ไหวแต่สะโพกหนาก็ยังคงก
แขนเรียวทั้งสองข้างโอบกอดชายหนุ่มเอาไว้ด้วยความอบอุ่น โดยที่ริมฝีปากของทั้งสองยังคงแนบชิดและบดขยี้กันอย่างดูดดื่ม“อืม…” น้ำเสียงทุ้มต่ำครางเสียงกระเส่าอยู่ข้างใบหูเล็กด้วยความพอใจพราวฟ้าในตอนนี้ราวกับพราวฟ้าคนใหม่ที่ไม่เคยมีใครเห็นเธอในมุมนี้มาก่อน ทั้งท่าทางและน้ำเสียงเธอดูออดอ้อนเพื่อเอาใจอีกฝ่ายอย่างสุดกำลัง ถ้าหากอะไรที่ทำให้ชายหนุ่มมีความสุข เธอก็พร้อมที่จะทำและปรนเปรอเขาทุกอย่างมือบางจัดการถอดเสื้อผ้าชายหนุ่มออกจนหมดถึงแม้พราวฟ้าจะรู้สึกเกร็งๆ อยู่บ้างแต่เธอก็พยายามทำใจให้สบายและผ่อนคลายมากขึ้นพรึบ!ร่างหนาถูกผลักให้นั่งลงอยู่บนเตียงนอนกว้าง ถึงไม่ใช่ครั้งแรกแต่ก็ทำให้อนาวินตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าตื่นเต้นกว่าครั้งแรกเสียอีก“เดี๋ยวพราวทำให้ค่ะ” น้ำเสียงและสายตายั่วยวนมองไปที่ชายหนุ่ม หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ทำอะไรที่แปลกใหม่ ซึ่งเธอเองก็ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มด้วยความพอใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังถอดเสื้อผ้าออกอย่างช้าๆ ต่อหน้าเขา เรือนร่างสวยไร้สิ่งปกปิดทำเอาอนาวินเผลอจ้องมองไม่ยอมละสายตา“มองแบบนี้พราวก็เขินแย่สิคะ” ใบหน้าส
ระหว่างทางที่อยู่บนรถมีเพียงแค่ความเงียบ ซึ่งไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง ปกติแล้วอนาวินจะอารมณ์ดีและชวนคุยอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้พราวฟ้ารับรู้ได้ถึงความผิดปกติลางอย่างขึ้นมาได้อย่างชัดเจนร่างบางนั่งเงียบมองซ้ายมองขวาไม่รู้เลยว่าจะต้องทำตัวยังไง จะต้องถามอะไรถึงจะไม่ทำให้บรรยากาศบนรถนั้นเงียบจนเกินไป“พี่วิน…” พราวฟ้าตัดสินใจเรียกชื่อชายหนุ่มขึ้นมา แต่เธอก็ยังไม่กล้าที่จะพูดหรือถามอะไรในตอนนี้“ครับ” มีเพียงเสียงตอบรับสั้นๆ และสายตานิ่งเรียบที่มองถนนอย่างไม่ยอมละสายตา“พี่วินเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามออกมาตามตรงในขณะที่รถยนต์คันหรูวิ่งเข้ามาจอดภายในบ้านหลังใหญ่“เปล่าครับ” ชายหนุ่มยังคงตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทางนิ่งเรียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“งอนพราวอยู่ใช่ไหมคะ” พราวฟ้าถามต่อเมื่อรถยนต์จอดสนิทที่หน้าบ้าน“เปล่าครับ”“ใช่แน่เลย พี่วินงอนพราวเรื่องอะไรคะ” ในขณะที่ถามพราวฟ้าก็พยายามคิดว่าชายหนุ่มกำลังงอนเธอเรื่องอะไร เขาถึงได้ทำตัวเฉยชากับเธอแบบนี้“นี่ก็ดึกแล้ว พี่ว่าพราวเข้าบ้านไปพักเถอะ”ยิ่งเห็นท่าทางและคำพูดที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่มพราวฟ้าก็ยิ่งรู้สึกผิดและอยากจะทำให้ทุกอย่างกลั
เมื่อพราวฟ้าเข้าห้องประชุมเธอก็ทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี ตั้งใจทำงานนั่งรับฟังทุกข้อเสนอและทุกแผนงานของบริษัทเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นการประชุมใหญ่ประจำปีการประชุมในครั้งนี้จึงใช้เวลาประชุมยาวนานกว่าทุกครั้งใช้เวลาในการประชุมเกือบสามชั่วโมงกว่าพราวจะประชุมเสร็จก็แทบจะหมดแรงและใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ร่างบางเดินกลับเข้าห้องทำงานด้วยความเหนื่อยล้าพลังงานที่มีหมดไปกับการประชุมแล้วจริงๆ“พี่วิน…” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มเสียงเบาแต่ก็เต็มไปด้วยความตกใจที่เห็นอนาวินนั่งหลับอยู่ที่โซฟารับรองแขกภายในห้องทำงานของเธอพราวฟ้ามองใบหน้าหล่อด้วยความสงสัยพร้อมกับคำถามมากมายที่วิ่งเข้ามาในหัว เธอเดินเข้าไปดูเขาใกล้ๆ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเขากลับมารับเธอหรือว่าเขานั่งรออยู่ในห้องนี้จนเธอประชุมเสร็จ“ทำไมมานั่งหลับอยู่ตรงนี้คะ”ร่างบางตัดสินใจถามขึ้นมาตามตรง เพราะตอนนี้ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้วเธอจะปล่อยให้เขาหลับต่อไปแบบนี้ไม่ได้“อือ… ประชุมเสร็จแล้วเหรอครับ” ร่างหนางัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำถาม“เสร็จสักพักแล้วค่ะ”“ทำไมไม่ปลุกพี่ละครับ”“พี่วินได้กลับไปทำงานหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเลือกที่จะถามกลับ
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่เรื่องราวทุกอย่างผ่านไปพิมพ์ดาวกับคุณแม่ก็ได้เดินทางไปเที่ยวและพักผ่อนที่ต่างประเทศ เพื่อที่จะได้เปลี่ยนบรรยากาศและทำใจให้สบายมากขึ้น ก่อนที่จะกลับมาคลอดและเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าส่วนพราวฟ้าก็ยินดีที่จะออกเงินและดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับคุณแม่และน้องสาว ซึ่งเธอก็มีอนาวินคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ทำให้ดารารายและพิมพ์ดาวได้ไปเที่ยวแบบสบายใจไม่ต้องคอยเป็นห่วงพราวฟ้า“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”พราวฟ้าเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม หลังจากที่คุณแม่กับน้องสาวไปเที่ยว อนาวินก็ทำหน้าที่ดูแลเธอเป็นอย่างดีทุกอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องในหน้าที่แฟนเลยสักครั้ง“เดี๋ยวพี่มารับไปทานข้าวเที่ยงนะครับ”“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนบ่ายพราวมีประชุมถ้าออกไปทานข้างนอกคงกลับมาไม่ทันแน่เลยค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธเพราะช่วงนี้งานที่บริษัทค่อนข้างเยอะ ทำให้เธอไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะออกไปไหน“งั้นเดี๋ยวพี่ซื้อมาทานด้วยที่บริษัท” อนาวินแทบจะขาดพราวฟ้าไม่ได้ก็อาสาซื้อมาทานด้วยเพื่อเอาใจเธอ“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”“ตั้งใจทำงานนะครับ”“พี่วินก็ตั้งใจทำงานเหมือนกันนะคะ”“ครับ แล้วเจอกันนะ”“ค่ะ”
“รับสายหรือยังครับ” อนาวินเอ่ยถามเสียงเรียบในขณะที่สายตาจ้องมองถนน“ยังค่ะ” พราวฟ้ายังคงกดโทรออกย้ำๆ และภาวนาให้พิมพ์ดาวรับสายเธอสักที ในใจก็ร้อนรุ่มและเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไร“งั้นเราไปดูที่หน้าคอนโดก่อน”“พี่วินรู้จักเหรอคะ”“พี่ก็พอจะรู้บ้างครับ”“งั้นรีบไปกันเลยค่ะ” หญิงสาวไม่รอช้าถ้าหากที่ไหนพอจะทำให้เธอเจอน้องสาว เธอก็พร้อมที่จะไปหาในทันที ดีกว่ารออยู่เฉยๆ ให้เสียเวลาเปล่า“ครับ”“พิมพ์โทรกลับมาแล้วค่ะ” พราวฟ้าบอกชายหนุ่มด้วยความตื่นเต้นและดีใจในเวลาเดียวกันก่อนที่เธอจะกดรับสาย อย่างน้อยพิมพ์ดาวก็โทรกลับมาหาเธอ“พิมพ์อยู่ไหน” หญิงสาวเอ่ยถามคนในสายอย่างไม่รีรอ(พี่พราว… อึก!) พิมพ์ดาวเรียกชื่อพี่สาวเสียงเบาพร้อมกับเสียงสะอื้นซึ่งบ่งบอกได้ว่าเธอผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง จนไม่สามารถเก็บเสียงสะอื้นเอาไว้ได้“พิมพ์เป็นอะไร อยู่ที่ไหน” พราวฟ้าถามต่อด้วยความเป็นห่วง(พิมพ์… อึก!) พิมพ์ดาวพูดอะไรไม่ออกมีเพียงเสียงสะอื้นแทรกขึ้นมา“พิมพ์เป็นอะไร มีอะไรค่อยๆ พูดนะ” พราวฟ้าที่ใจร้อนก็พยายามพูดอย่างใจเย็นและบอกให้น้องสาวตั้งสติค่อยๆ พูด(อึก!) ทว่ายิ่งบอกให้ใจเย็นพิมพ์ดาวก็เอาแ
หนึ่งเดือนต่อมา“วันนี้มีประชุมตอนเย็นไม่ใช่เหรอคะ”พราวฟ้าที่พึ่งจะประชุมเสร็จก็รีบเดินเข้ามาถามชายหนุ่มที่นั่งรอเธออยู่ในห้องทำงานทันที เพราะก่อนหน้านี้เขาบอกเธอว่าไม่ว่างและติดประชุมที่บริษัท แต่ตอนนี้กลับมานั่งรอเธออยู่ในห้องทำงานแบบสบายใจอีก“เลื่อนไปประชุมวันอื่นแล้วครับ” ใบหน้านิ่งเรียบตอบหญิงสาวราวกับการประชุมเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ได้สำคัญอะไร“ทำไมเหรอคะ” หญิงสาวขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจในคำตอบของชายหนุ่ม ทำไมเขาถึงได้เลื่อนประชุมไปวันอื่นได้ ทั้งๆ ที่บอกกับเธอว่าเป็นประชุมสำคัญ“คิดถึง” อนาวินตอบเพียงสั้นๆ แต่ได้ใจความเต็มๆ“พี่วิน!” ใบหน้าสวยแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าคิดถึง แม้ว่าเขาและเธอจะเจอกันทุกวันแถมทั้งแต่เป็นแฟนกันมาแทบจะตัวติดกันตลอดเวลาด้วยซ้ำ“พี่พูดจริงๆ นะ” ร่างหนาเดินเข้าไปโอบกอดหญิงสาวด้วยความคิดถึงเมื่ออยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องทำงาน“เจอกับทุกชั่วโมงแบบนี้ยังคิดถึงอีกเหรอคะ”“คิดถึงครับ คิดถึงมากด้วย เย็นนี้ไปทานข้าวที่ร้านอาหารกันนะ”“พราวขอคิดดูก่อนนะคะ” พราวฟ้าแกล้งตอบพร้อมกับทำท่าทางใช้ความคิด“ไม่ได้ครับ พี่จองโต๊ะเอาไว
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” อนาวินเดินเข้ามาก็เอ่ยถามพร้อมกับอาสาที่จะช่วย เนื่องจากวันนี้เขาพาครอบครัวมาทานข้าวที่บ้านหลังนี้ เขาจึงอยากมีส่วนร่วมในการที่จะทำอะไรบ้าง“เสร็จพอดีเลยจ้ะ”ดารารายหันไปตอบชายหนุ่มก่อนใคร ตั้งแต่อนาวินเดินหน้าจีบพราวฟ้าอย่างจริงจัง ดารารายก็คอยพูดดี ทำดีด้วยตลอด ถ้าหากทั้งสองรักกันเธอก็มีความสุขไปด้วย ส่วนพิมพ์ดาวก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในแบบที่ตัวเองต้องการแล้ว“พี่วินมีอะไรหรือเปล่าคะ” พราวฟ้าสังเกตเห็นอนาวินมีท่าทางอ้ำอึ้งเหมือนกำลังมีบางอย่างอยู่ในใจแต่ไม่กล้าที่จะพูดออกมา เธอจึงถามขึ้นมาเพื่อคลายความสงสัย“คือพี่ว่าจะชวนพราวไปดูดาวตก ไปดูดาวตกด้วยกันไหมครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจถามตามตรง จะได้รู้คำตอบไปเลย“วันไหนคะ”“วันนี้ครับ” อนาวินตอบแบบตรงไปตรงมา“แต่ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วนะคะ”“ดาวตกก็ต้องดูตอนดึกสิพี่พราว” พิมพ์ดาวพูดแทรกติดตลกขึ้นมา“ผมขออนุญาตพาน้องไปดูดาวตกได้ไหมครับ” ชายหนุ่มหันหน้าไปถามคุณแม่ของหญิงสาวด้วยความเคารพนับถือ“จะไปดูที่ไหนลูก ว่าแต่ช่วงนี้มีดาวตกด้วยเหรอ แม่ไม่เห็นข่าวประกาศบอกเลย” ดารารายที่ชอบดูข่าวจึงถามขึ้นด้วยความไม่รู้ เพราะปกติเธอชอ