“มันมาแน่ คนอย่างมันน่ะคิดเป็นอยู่ไม่กี่อย่างหรอก สมองแม่งเอาไปลงกับอสุจิหมด มันต้องรู้แล้วละว่าพี่สืบจนรู้เรื่องที่มันเอายาบ้ามาไว้ที่นี่ เพราะฉะนั้นมันต้องรีบแจ้นมาร่วมแสดงความยินดี ทำเหมือนมันไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน และอีกอย่างนะ แกคอยดูตอนที่มันมานะก้อง มันจะต้องวางท่าทำตัวเป็นผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อให้คนอื่นคิดว่าพี่เกรงใจมันแน่นอน หึ! ไอ้ห่านี่สันดานมันเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“แล้วทำไมต้องเป็นออมสินหมูละพี่”
กรกฎอยากรู้เรื่องนี้เช่นกัน เพราะปกเกล้ายังเจาะจงด้วยว่าต้องเป็นออมสินเซรามิกรูปหมูตัวสีเหลืองเท่านั้น โชคดีที่มันหาไม่ยากเท่าไรเพราะในตลาดนัดยังมีขายอยู่
ปกเกล้าแค่นยิ้มอย่างดูถูกดูแคลนเมื่อนึกถึงใบหน้าขาวตี๋ของเฮียไช้ จะว่าไป ประวัติของอีกฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเล่าให้ลูกน้องคนสนิทฟัง
“มันเป็นกระปุกแห่งความหลัง รู้ใช่ไหมว่าเมื่อก่อนมันเคยมาขับรถให้ป๋า แล้วรู้ไหมว่าตอนนั้นมันมีเมียอยู่แล้วคนหนึ่ง เมียมันเป็นลูกจ้างในร้านขายอาหารตามสั่งอยู่ในราชภัฏ มันกับเมียน่ะซื้อกระปุกแบบนี้มาแล
เมื่อเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างผ่อนคลาย เขาเอื้อมหยิบรีโมตโทรทัศน์แล้วเปิดข่าวดูเพื่อไม่ให้เงียบเหงาเกินไป คืนนี้เขาคงไม่ออกไปไหนเพราะเพื่อนสนิทอย่างตฤณภพกับนรเชษฐ์ก็อยู่กรุงเทพฯ จะมาบุรีรัมย์อีกทีก็คงวันที่ทริปเปิลเอกซ์ ศูนย์ตกแต่งยานยนต์ของเขาเปิดตัวเมื่ออยู่ว่าง ปกเกล้าจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. สั่งงานสำคัญทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์“อ๊อด นี่มึงอยู่ไหน”อ๊อด อนุชาเป็นลูกน้องอีกคนที่เขาไว้วางใจให้ทำงานสำคัญ และโดยส่วนใหญ่มักเป็นงานที่เสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย หรืองานใต้ดินประเภทธุรกิจสีดำ อ๊อดจะเป็นคนที่รู้เรื่องและทางหนีทีไล่ได้ดีที่สุด“ผมอยู่โต๊ะสนุกเกอร์ครับพี่”“พี่มีงานให้มึงทำ พรุ่งนี้มึงไปหาพี่สิงห์นะ บอกว่ากูให้มาเอาของ” จากนั้นเขาก็สั่งเป็นข้อ ๆ โดยพูดชัดถ้อยชัดคำเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจ และจดจำได้“มีตรงไหนไม่เข้าใจไหม” เมื่อสั่งทุกอย่างเสร็จ ปกเกล้าก็ถามย้ำอีกครั้ง“ไม่มีครับพี่”“ดี จำไว้ว่าใช้คนให้น้อย
เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงวันที่ทริปเปิลเอกซ์ ศูนย์ตกแต่งยานยนต์ของปกเกล้าเปิดบริการเป็นวันแรก แต่ยังไม่ถือว่าเปิดอย่างเป็นทางการเพราะบิดามารดาของชายหนุ่มถือฤกษ์งามยามดีเอาวันนี้เป็นวันเปิดสำนักงาน ส่วนเรื่องการบริการ รวมถึงวันที่พนักงานทุกฝ่ายจะเข้ามาทำงานกันอย่างเต็มรูปแบบนั้น จะเริ่มในอีกสองวันถัดไปผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่มีแต่นักธุรกิจในแวดวงยานยนต์ด้วยกัน รวมถึงตัวแทนจากบริษัทแม่ที่มาร่วมแสดงความยินดีกับดีลเลอร์รายใหญ่ คนที่นิยมรถซูเปอร์คาร์ต่างพากันไปมุงดู McLaren 720S สีฟ้าเมทัลลิก เวอร์ชั่นเปิดประทุนที่ตั้งโชว์อยู่กลางงาน แม้กระทั้งอลินดาเองก็ยังไปยืนดูด้วยความสนใจ“ท่าทางจะแพงนะเนี่ย” อรพิมพูดกับบุตรสาวเบา ๆ“ก็น่าจะราคาเอาเรื่องอยู่ค่ะ แต่หนูไม่รู้ว่าเท่าไรเพราะไม่ค่อยสันทัดรถพวกนี้” หญิงสาวตอบไปตามความจริงเพราะหากเป็นเรื่องรถ เธอจะถนัดซูเปอร์ไบค์มากกว่า ส่วนมารดานั้นไม่แปลกใจเพราะคิดว่าบุตรสาวของตนขับแต่รถยนต์ธรรมดาทั่วไปจึงไม่รู้เรื่องรถประเภทนี้อยู่แล้ว“รุ่นนี้ราคาเริ่มต้นที่ยี่สิบเจ็ดล้านไม่รวมแต่งครั
ปกเกล้าพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สายตาจ้องอีกฝ่ายเขม็งจนแทบไม่กะพริบ ขณะเดียวกันผู้มาร่วมงานที่ยังไม่ได้เข้าไปนั่งด้านในต่างก็เริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติ โชคดีที่คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกหนุ่มสาวที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกันและรู้จักคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ทุกคนจึงไม่กระโตกกระตากให้บรรดาผู้ใหญ่ หรือผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ด้านในรู้เรื่อง“นี่มึงขู่กูหรือไอ้ปก!” เฮียไช้ชี้หน้าปกเกล้าอย่างเดือดดาล“เปล๊า กูไม่ได้ขู่แต่กูทำจริง” สามคำหลังชายหนุ่มย้ำชัดและหนักแน่น เขาเดินขึ้นหน้าไปอีกก้าวแต่เฮียไช้กลับร่นถอยหลังเพื่อรักษาระยะห่าง“คนอย่างกูไม่เคยลอบกัดใครลับหลัง เว้นแต่ว่าโดนหมามันกัดก่อน กูก็ต้องเอาไม้ฟาดให้หลาบจำ แต่ถ้ามันไม่จำยังคิดจะมากัดกูซ้ำ กูยิงทิ้งแม่งอย่างเดียว” ปกเกล้าชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างคาดโทษแล้วพูดอีกว่า“กูเตือนมึงครั้งนี้ครั้งสุดท้ายนะไอ้ไช้ อย่า-ล้ำ-เส้น!”พูดจบชายหนุ่มก็หมุนตัวเดินกลับเข้ามาในบริเวณงานอีกครั้งโดยไม่หันไปมองทั้งสามคนอีกเลย แต่กรกฎไม่วางใจเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะชักปืนมายิงผู้เป็นนายรึเ
“สวยสิ รุ้งใส่ชุดไหนก็สวย ยิ่งใส่สีนี้ก็ยิ่งเด่นเลย” เขาพูดพลางโอบเอวบางไว้จากด้านหลังแล้วเอาคางเกยบ่าเธอ“รุ้งพยายามชวนคุณพ่อแล้วแต่ท่านไม่ยอมไป ไม่รู้ทำไม เฮียอย่าโกรธคุณพ่อนะ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาท่านก็ไม่ค่อยชอบออกงานสังคมเท่าไร”รุ้งลาวัลย์ทำหน้ามุ่ย สามีให้ชวนบิดาไปร่วมงานให้ได้ เธอชวนแล้วแต่ท่านพูดมาคำเดียวว่าไม่ไป ไม่ว่าจะคะยั้นคะยอท่านแค่ไหน บิดาก็ได้แต่นิ่งเฉย เธอจึงต้องยอมถอยเพราะรู้ดีว่าท่านเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น“ไม่เป็นไร เฮียจะไปโกรธท่านได้ยังไงเฮียเข้าใจ เฮียก็แค่อยากให้ท่านออกมาเปิดหูเปิดตาสังสรรค์กับคนอื่นบ้าง อีกอย่างนะ งานวันเกิดเฮียทั้งทีแต่ไม่มีพ่อตาไปร่วมงานด้วย คนอื่นเห็นเข้าก็คงเอาไปพูดกันแน่ว่าเฮียกับพ่อตาไม่กินเส้นกัน เฮียไม่อยากให้คนอื่นพูดถึงท่านในทางไม่ดีก็แค่นั้นเอง”เฮียไช้ผละออกไปหยิบแหวนเพชรบนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาใส่นิ้วพลางลอบยิ้มมุมปาก ตอนนี้เขาจัดการสุรพลได้อยู่หมัดแล้ว เหลือก็แต่รุ้งลาวัลย์ที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป ผู้หญิงคนนี้ฉลาดน้อยและทำอะไรมุทะลุ หากเขาทิ้งเธอตอนนี้มีแต่จะทำให้เสียเรื่องเปล
รุ้งลาวัลย์ได้ยินอย่างนั้นก็น้ำตาคลอเบ้าด้วยความตื้นตันใจที่สามีจะคิดอ่านทำการใดก็นึกถึงบิดาของตนอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าพักหลังมานี้ท่านจะเย็นชากับลูกเขยอย่างไม่รู้สาเหตุ แต่สามีสุดที่รักก็ไม่เคยเก็บมาคิดให้เป็นอารมณ์เลยสักครั้ง มีแต่จะเอาอกเอาใจเพื่อให้ท่านได้อยู่อย่างสุขสบายที่สุด“และผมสัญญาว่าผมจะลากคอไอ้คนที่มันใส่ร้ายผม ทำให้ผมต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงในวันนี้ออกมาให้ได้”เฮียไช้ประกาศกร้าวพร้อมกับชูแก้วเบียร์ขึ้นสูง“ผมขอดื่มให้ทุกท่านครับ”เมื่อเขาพูดจบ ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันพร้อมกับชูแก้วในมือขึ้น “ดื่ม!”เฮียไช้ดื่มจนหมดแก้วแล้วค้อมศีรษะให้ทุกคนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาแดงก่ำอย่างคนกลั้นน้ำตา“ผมขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างยิ่งที่เชื่อใจผม” แม้ปากเขาจะพูดอย่างนั้น หากแต่ใจกลับคิดไปอีกอย่างวันนี้เขาต้องก้มหัวให้คนอื่น แต่วันหน้า ทุกคนในที่นี้จะต้องเป็นฝ่ายก้มหัวและยกมือไหว้เขา!แต่เฮียไช้ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตนกำลังเป็นที่จับตามองของใครบางคนเข้าเสียแล้ว
ปกเกล้าเดินออกจากห้องพักตั้งใจจะไปนั่งเล่นบนทางเดินข้างบ่อปลาคาร์ฟ เวลานี้มืดแล้วแต่ตามทางเดินยังมีแสงไฟให้ความสว่างอยู่ แสงสีเหลืองนวลจากหลอดไฟส่องกระทบผิวน้ำจนระยิบระยับมองแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งกับพื้นพลางมองไปทางห้องของอลินดา เขารู้ว่าเวลานี้เธอยังไม่นอนเพราะเพิ่งจะทุ่มกว่าเท่านั้น จึงคิดอยากชวนเธอออกมานั่งคุยกัน แต่ถ้าชวนเฉย ๆ หญิงสาวไม่ออกมาแน่ ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เหยื่อล่อPK : ทำไรอยู่ ออกมาคุยกันหน่อยสิ มีอะไรเด็ด ๆ จะให้ดูเขาส่งข้อความไปหาเธอ รอไม่นานนักหญิงสาวก็พิมพ์ตอบกลับมาA Linda : ดูไรPK : ถ้าอยากรู้ก็ออกมาสิPK : พี่นั่งอยู่ข้างบ่อปลาหน้าห้องเธอเนี่ยอลินดาไม่ได้พิมพ์ตอบมาอีก ทำให้เขาต้องลุ้นเอาว่าเธอจะออกมาไหม ทว่าผ่านไปหนึ่งนาทีก็แล้ว สองนาทีก็แล้วแต่ยังไม่เห็นวี่แววว่าหญิงสาวจะออกมาตามคำชวน เขาจึงได้แต่ถอดใจและนั่งปล่อยอารมณ์ไปเงียบ ๆ คนเดียวแต่แล้วเสียงเปิดประตูจากห้องที่อยู่ด้านหลังก็ทำให้ปกเกล้าตัวเกร็งขึ้นมาทันที ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติพร้อมกับหันไปมอง จึงได้เห็นร่าง
เขายื่นแก้วไปชนกับแก้วของภรรยาอีกครั้ง รุ้งลาวัลย์จึงจิบไวน์เข้าไปอีกตามที่เขาต้องการ“เฮียจะมอมรุ้งหรือไง” เธอถามเขาด้วยแววตาหวานฉ่ำ“ไม่ได้มอมสักหน่อย เฮียแค่อยากให้รุ้งสนุกให้เต็มที่ในคืนนี้ต่างหากล่ะ”เขาพูดจบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นทันที รุ้งลาวัลย์หน้าง้ำอย่างไม่สบอารมณ์ที่มีคนมาขัดจังหวะเวลานี้ ขณะที่เฮียไช้ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูเมื่อเห็นผู้ชายสามคนเดินเข้ามาในห้อง รุ้งลาวัลย์ก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะทั้งสามคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่คือเพื่อนของเฮียไช้ที่นั่งดื่มด้วยกันเมื่อครู่ในห้องจัดเลี้ยงนั่นเอง และหนึ่งในนั้นก็มีเฮียซ้งอยู่ด้วย“นี่มันอะไรกันน่ะ เฮียให้พวกเขาเข้ามาหรือ” เธอถามด้วยความไม่พอใจ“ใช่ เฮียบอกแล้วไงว่าคืนนี้อยากให้รุ้งสนุกให้เต็มที่ เฮ้ยพวกมึง จัดให้เมียกูหน่อย เมียกูชอบให้เอาแรง ๆ” เฮียไช้พูดกับเพื่อนทั้งสามคนซึ่งขณะนี้แต่ละคนเริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองแล้ว“เฮียหมายความว่าไง! รุ้งไม่เข้าใจ”รุ้งลาวัลย์ลุกขึ้นยืนทันที เฮียไช้จึงเดินเข้า
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว อลินดาก็เดินออกมานอกห้องพัก ได้ยินเสียงใส ๆ ของปกปักษ์กำลังเจื้อยแจ้วกับผู้เป็นแม่ตรงบ่อปลาคาร์ฟ หญิงสาวจึงเดินไปหา กวิสราเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอจึงยิ้มให้แล้วพูดถึงบุตรชายให้ฟังว่า“ตาโป้งตื่นเต้นใหญ่เลย แทบจะวิ่งลงไปจับปลาอยู่แล้ว บอกว่าอยากเอากลับไปเลี้ยงที่บ้าน”“คงเห็นว่าสีสวยมั้งคะ ตัวใหญ่ด้วยก็เลยชอบ” เธอยิ้มพลางรวบใบของต้นสาวน้อยประแป้งที่ยื่นล้ำออกมาตรงทางเดินเก็บเข้าไปจะได้ไม่ถูกคนเหยียบ“สองพี่น้องนั่นเขายังไม่ตื่นกันเลย เมื่อคืนเขาไปท่องราตรีกันมา กลับมาตีสามกว่าได้มั้ง”กวิสราพูดถึงปกป้องกับปกเกล้า ซึ่งตอนนี้นอนอยู่ด้วยกันในห้องพักของผู้เป็นน้องชาย ส่วนคนฟังอย่างอลินดานั้นเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ เพราะหมายความว่าเมื่อคืนหลังจากที่เธอเข้าห้องพักไปแล้ว ปกเกล้ากับพี่ชายก็ออกไปเที่ยวกลางคืนกันต่อ“พี่ลินดาคับ โป้งอยากพาปลากลับบ้าน”ปกปักษ์ดึงชายเสื้อของอลินดาพร้อมกับเงยหน้ามองด้วยสายตาอ้อนวอน หญิงสาวจึงมองไปทางกวิสรา เห็นอีกฝ่ายแอบส่ายหน้าให้ตนเป็นเชิงให้ปฏ
“ไม่!” เธอมองเขาตาเขียวก่อนจะรีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากห้องนอนก่อนที่จะทนลูกอ้อนของเขาไม่ไหว เพราะสำหรับปกเกล้าแล้ว คำว่าแป๊บเดียวนั้นไม่เคยต่ำกว่ายี่สิบนาทีอลินดาลงไปรับภาวินกับแฟนสาวที่ล็อบบี้ชั้นล่าง สาวน้อยคนนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างที่ปกเกล้าว่าไว้จริงเสียด้วย“อ้าวลินดา อยู่กับไอ้ปกมันหรือ” ภาวินทักด้วยรอยยิ้มแต่สีหน้าเหมือนจะล้อเลียนเรื่องที่ตนลงมาช้าเพราะคงคิดว่าเธอกับปกเกล้ามัวแต่เล่นผีผ้าห่มกันอยู่บนเตียงกระมัง“เอ่อ...ค่ะ พี่ปกอาบน้ำอยู่ก็เลยให้ลินดาลงมารับ”“นี่มะลิ แฟนพี่เอง นี่พี่ลินดาแฟนพี่ปกเขาน่ะ” ภาวินแนะนำแฟนสาวให้รู้จัก อีกฝ่ายจึงยกมือไหว้พลางมองมาด้วยสายตาชื่นชมอย่างปิดไม่มิด อลินดาจึงรับไหว้และยิ้มกว้างพลางพูดว่า“ยังเด็กอยู่เลย พี่วินหลอกน้องเขามารึเปล่าคะเนี่ย”“เด็กอะไร ไม่เด็กแล้ว หน้าอ่อนเฉย ๆ หรอก แหม...เห็นพี่เป็นพวกโลลิคอนรึไง”เมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก อลินดาจึงเดินไปหยิบน้ำมาให้แขก เป็นเวลาเดียวกับที่ปกเกล้าเดินออกมาจากห้องนอนพอดี
ปกเกล้าคลี่ยิ้มร้ายกาจ ความช่างยั่วแสนเซ็กซี่ของเธอนี่เป็นอย่างหนึ่งที่ถูกใจเขามากเช่นกัน และเขาก็ไม่รอให้เธออนุญาตหรือตั้งตัว ก้มลงจูบหญิงสาวทันทีท่ามกลางคนมากมายที่กำลังเดินออกจากผับ“โอเค ถือว่าดื่มไม่เยอะเท่าไร แต่เพื่อความปลอดภัยพี่ว่าเธอขับรถพี่กลับไปดีกว่าไหม” ไม่พูดเปล่า แต่เขาล้วงหยิบกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงมาใส่มือเธอด้วย เพราะสำหรับเขาแล้วความปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนของอลินดาสำคัญที่สุด“ก็ได้” เธอหยิบกุญแจรถบิ๊กไบค์และหมวกกันน็อกของตัวเองยื่นส่งให้เขาบ้าง จากนั้นก็เดินออกไปที่ลานจอดรถรถซูเปอร์คาร์ของปกเกล้าหาไม่ยากนักเพราะน้อยคนที่จะมีรถแบบนี้ขับ หลังจากสตาร์ตเครื่องแล้วอลินดาก็ได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์รถบิ๊กไบค์อันแสนคุ้นหูอยู่ใกล้กับรถที่ตนนั่งอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปกเกล้าขี่เจ้าแพนเตอร์มาจอดรออยู่เบื้องหน้าแล้ว เธอจึงเลื่อนกระจกลงแล้วทำมือเป็นเชิงบอกให้เขาล่วงหน้าไปก่อนได้เลย เพราะเธอจะขับตามเขาไปเองปกเกล้าพยักหน้าแล้วเคลื่อนรถออกไปไม่เร็วนัก อลินดาจึงขับตามไป เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าแฟนสาวขับตามมาแล้วจึงเร่ง
อลินดาขับรถบิ๊กไบค์คู่ใจเข้ามาจอดไว้ในบริเวณที่ทางสถานบันเทิงจัดเอาไว้ให้โดยมียูมิ เพื่อนสนิทขับอีกคันเข้ามาจอดคู่กัน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในผับชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงยีนสกินนีกับเสื้อยืดพอดีตัวเช่นเคย ส่วนยูมินั้นสวมกางเกงยีนรัดรูปกับเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยเพื่อโชว์รอยสักรูปเกอิชาบนแผ่นหลังที่เจ้าตัวแสนภาคภูมิใจอลินดามองหากลุ่มเพื่อนของตนที่นัดเอาไว้ แต่สายตาดันไปหยุดอยู่ที่โต๊ะของนักท่องราตรีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในโต๊ะเธอก็คุ้นหน้าคุ้นตาดีทั้งสามคน แต่ที่ไม่คุ้นคือหญิงสาวอีกสามคนที่นั่งเบียดกับหนุ่ม ๆ เหล่านั้นจนแทบจะรวมร่างกันอยู่รอมร่อ“มึงเดินไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูตามไป” อลินดาหันไปบอกเพื่อน ยูมิมองตามสายตาของอีกฝ่ายจึงแค่นยิ้มมุมปากพลางพูดว่า“ได้ แต่ถ้าจะตบก็เรียกกูด้วยละกัน พักนี้กูคัน อยากตบคน”อลินดาหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้าพูดว่า “เออ รู้แล้วน่า”จากนั้นหญิงสาวก็เดินไปยังโต๊ะที่ปกเกล้ากับเพื่อนอีกคนสองคนนั่งอยู่ เธอเห็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าแฟ
ปกเกล้าก้าวลงจากรถสปอร์ตสีเทาดำแล้วเดินเข้าไปในคอนโดมิเนียมของแฟนสาว ขณะที่กำลังจะกดเรียกลิฟต์นั้น สายตาของชายหนุ่มก็เห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวที่เขาตั้งใจขับรถจากบุรีรัมย์มาหาเพราะอยากเห็นหน้า และชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกันก่อนที่ตนจะต้องขับกลับไปทำงานที่จังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้งอลินดากำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งหากเป็นคนอื่นปกเกล้าคงไม่เข้าไปวุ่นวาย แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นนครินทร์ ตำรวจหนุ่มที่จ้องจะตีท้ายครัวของตนเสมอเมื่อสบโอกาส เขาจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้ ฉะนั้นปกเกล้าจึงเดินเข้าไปหาแฟนสาวแล้วโอบเอวของเธอพร้อมกับจูบขมับเบา ๆ เพื่อประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที“ไงครับผู้กอง เพิ่งกลับหรือครับ” ปกเกล้ายิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าขณะที่มือก็เลื่อนขึ้นมาโอบบ่าของอลินดาไว้“ครับ เพิ่งมาถึงก็เจอคุณลินดาพอดี” นครินทร์ยิ้มตอบ“ผู้กองเขาชวนไปกินข้าวหน้าคอนโดฯ น่ะ พี่กินอะไรมารึยังล่ะ”อลินดาหันไปถามแฟนหนุ่มพร้อมกับยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นอาการขี้หวงของใครบางคนกำเริบ“กินอะไรเล่า เดี๋ยวเราต้องร
“เรื่องนั้นมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเรามีลูกพี่ก็คงอยากให้ลูกเข้าเรียนที่กรุงเทพฯ มากกว่าเพราะใกล้ญาติพี่น้องทางนี้ เวลามีเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ง่ายกว่าอยู่บุรีรัมย์”“ถ้าเราแต่งงานกัน พี่ไปอยู่บ้านลินได้ไหมล่ะ แม่ของลินจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว เพราะบ้านพี่ก็มีพี่ป้องกับพี่ก้อยอยู่ที่นั่นแล้ว”“ได้สิไม่มีปัญหา” เขายิ้มมุมปากพลางเลื่อนมือลงต่ำไปที่บั้นท้ายงามงอนแล้วเลิกชายกระโปรงของเธอขึ้นแล้วพูดว่า“แต่เราอาจต้องทำห้องนอนใหม่นะ เอาแบบที่เก็บเสียงได้ดีหน่อย ไม่อย่างนั้นแม่ของลินอาจจะนอนไม่หลับเพราะเสียงตอนพี่กระแทกเธอคงดังรบกวนท่านแน่นอน” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังจ่ออาวุธประจำตัวเข้าที่จุดเดิมแล้วเริ่มขยับสะโพกอย่างเป็นจังหวะ มือทั้งสองข้างก็จับชายชุดกระโปรงของหญิงสาวแล้วดึงขึ้นเพื่อถอดออกไปทางศีรษะ จนในที่สุดร่างเซ็กซี่เย้ายวนที่เขาหลงใหลก็ปรากฏต่อสายตา“ไหนว่าจะนวดให้ไง” เสียงแหบพร่าของเธอกระท่อนกระแท่นไปตามแรงกระแทกกระทั้น“ขออีกยกแล้วจะนวดให้ รับรองว่าเธอจะติดใจฝีมือการนวดของ
“แล้วคิดว่าไงล่ะ” แค่เธอลูบคลำไปมา เจ้าสิ่งที่อยู่ในกางเกงก็ประกาศศักดาสู้มือทันทีราวกับสั่งได้“จะไวไฟไปแล้วนะ” อลินดาแค่นยิ้มให้แฟนหนุ่ม“ไม่ไวได้ไงเล่า พี่ไม่ได้เมกเลิฟกับเธอนานแล้วนะ กระสุนเต็มรังแล้วเนี่ยไม่ได้ยิงออกไปสักที” ปกเกล้าปลดกระดุมกางเกงยีนเพื่อปล่อยอาวุธประจำกายให้เป็นอิสระ จากนั้นก็ยกมือขึ้นแตะศีรษะหญิงสาวเป็นเชิงบอกใบ้ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะการทำแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก“นานอะไรกัน ยังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เลย หื่นไม่เข้าเรื่อง” อลินดายิ้มมุมปาก“สามวันก็จะขาดใจแล้ว นะที่รัก” ปกเกล้าออดอ้อนเสียงอ่อน ก่อนจะครางออกมาเบา ๆ เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มที่เขาหลงใหลปัดป่ายอยู่ตรงส่วนหัวแล้วลากไล่จากโคนถึงปลาย ตามมาด้วยความอุ่นร้อนจากโพรงปากที่กำลังกลืนกินเขาเข้าไปทีละนิดจนหมดชายหนุ่มชะลอรถให้วิ่งช้าลง เขาไม่กลัวรถคันอื่นจะมองมาแล้วเห็นว่าแฟนสาวคนสวยของเขากำลังก้มหน้าทำอะไรให้เพราะกระจกติดฟิล์มดำ อีกทั้งการขับรถไปแบบเสียว ๆ นี้ทำให้เขาตื่นเต้นและอารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด ส่งผลให้
อลินดายืนกอดอกมองคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามาในร้านพิมาลินสปาด้วยแววตาขบขัน จำได้ว่าเมื่อวานปกเกล้าเพิ่งพูดกับเธอว่าจะไม่เข้ากรุงเทพฯ หลายวันเพราะต้องเตรียมเรื่องการจัดแข่งขันรถยนต์ให้กับสมาชิกของทริปเปิลเอกซ์ เขายังบอกเธอด้วยว่าไม่ต้องคิดถึงเขามากเกินไปจนไม่เป็นอันกินอันนอน แต่ทำไมคนพูดถึงได้มาโผล่ที่นี่เวลานี้ได้เล่า“มาทำไมคะคุณปกเกล้า” เธอถามยิ้ม ๆ“มาหาข้าวกิน ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ” พูดจบเขาก็คว้าข้อมือเธอแล้วจะดึงไปข้างนอก แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มก็หันมาพูดว่า“ไม่กินแถวนี้นะเบื่อแล้ว ไปกินข้างนอกกันบ้างดีกว่า”หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ “ก็ได้ ขอไปหยิบกระเป๋าก่อนนะ”หลังจากนั้นอลินดาก็ขึ้นรถไปกับปกเกล้า ชายหนุ่มขับไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง หญิงสาวรู้สึกสงสัยจึงถามไปว่า“นึกยังไงถึงพามากินที่นี่ และทำไมต้องร้านนี้ด้วยล่ะ”“ความจริงแล้วพี่นัดเพื่อนไว้น่ะ”“อ้าว นัดเพื่อนไว้แล้วพี่จะลากลินมาด้วยทำไมเนี่ย”“ก็อยากพามาด้วยนี่
“ไปกินเค้กวันเกิดเว้ย” ชินดนัยตอบทั้งรอยยิ้ม“ตอนกินใส่ชุดวันเกิดด้วยละสิท่า โธ่เอ๊ย สุดท้ายก็เห็นหญิงดีกว่าเพื่อนนะมึงเนี่ย” ปกเกล้าหยิบเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในจานกับแกล้มปาใส่เพื่อนด้วยความหมั่นไส้ แต่ชินดนัยเอาแต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางโบกมือให้แล้วเดินจากไปเมื่อเหลือกันอยู่สามคน ปกเกล้าจึงชี้ไปที่ภาวินแล้วพูดกับหญิงสาวว่า“รู้จักเครื่องสำอางแบรนด์เอเอ็นเอสไหม คนนี้แหละคือเจ้าของ”อลินดาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ เครื่องสำอางแบรนด์นี้ใครบ้างจะไม่รู้จัก ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเจอกับเจ้าของแบรนด์ตัวจริงเสียงจริง หนำซ้ำยังเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีอีกด้วย“สนใจเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แบรนด์พี่ไหมครับ พี่ว่าน้องสวยกว่าดาราบางคนซะอีกนะ” ภาวินได้โอกาสจึงชักชวนให้มาเป็นนางแบบเครื่องสำอางแบรนด์ของตนทันที แต่สุดท้ายก็ถูกปกเกล้าเบรกตัวโก่ง“ไม่ให้เว้ย”“อ้าว มึงมีสิทธิ์อะไรไปห้ามน้องเขาเนี่ยไอ้ปก มึงเป็นอะไรกับเขา”ภาวินแกล้งโวยวาย“กูเป็นแฟนเขา ก็กูไม่ให้อะมีปัญหา
อลินดายืนกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่เดิม หลังจากเก็บเงินในกระเป๋าสตางค์เรียบร้อยแล้วจึงหันกลับมา เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเทรนเนอร์หนุ่มคนเดิมยืนยิ้มให้อย่างเคย“พักนี้ผมไม่ค่อยเจอคุณเลย อยู่อีกสาขาหรือครับ”“ใช่ค่ะ ดูแลสลับกันไปเรื่อย ๆ” ในเมื่อเขาชี้นำคำตอบมาให้แล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องคิดหาคำตอบอื่นเพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องบอกเขาว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอไปอยู่บุรีรัมย์ทั้งเดือน“ถึงว่าสิครับ ไม่เจอเลย ตอนแรกแอบใจหายนึกว่าคุณลาออกไปแล้วเสียอีก”“งานสมัยนี้หายากจะตาย จะลาออกทำไมละคะ”เธอมองไปทางหน้าร้านสปาของตน เห็นมีลูกค้ากำลังเดินเข้าไปจึงเอ่ยปากขอตัวกับเขา ชายหนุ่มจึงพูดว่า“ผมยังเสนอให้คุณเหมือนเดิมนะครับถ้าคุณสนใจจะนวด ผมบริการให้ฟรีเลยถ้าเป็นคุณ”ช่วงนี้อรชุมาไม่ได้เรียกใช้บริการเขาแล้วเพราะเจ้าหล่อนติดใจหมอนวดหนุ่มคนอื่น อีกทั้งพักหลังนี้อรชุมาจะติดใจการนวดแล้วนาบแบบแซนวิชที่ต้องใช้หมอนวดชายสองคน เขาจึงไม่ต้องหลอกล่อสาวสวยคนนี้ให้มาใช้บริ