“ไม่จริงค่ะคุณย่า วันนี้มันไปที่สปาสาขาใหม่ พีชยังเห็นมันลอยหน้าลอยตาอยู่ที่ร้านเลย มันไม่ได้อยู่บุรีรัมย์”
ขวัญชีวาพูดโพล่งออกไปโดยไม่ทันคิด ไม่นำพากับแรงสะกิดของมารดาที่พยายามส่งสัญญาณเตือน
“แล้วหล่อนจะไปให้เขาตบถึงที่ทำไมล่ะ อยู่ดีไม่ว่าดีเองนี่นา ฉันเคยบอกเอาไว้แล้วไม่ใช่หรือว่าให้ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องมาข้องแวะกันอีก แล้วทำไมหล่อนไม่ฟัง หืม...”
ขวัญชีวาหุบปากฉับทันที อรชุมาเห็นดังนั้นจึงอดพูดไม่ได้
“แต่ทำกันขนาดนี้ก็เกินไปหน่อยนะคะคุณแม่ ยังไงพีชก็เป็นน้อง ลินดาไม่น่าทำกับน้องสาวตัวเองขนาดนี้”
“อ้อ...นี่หล่อนเห็นแม่ลินดาเป็นพี่สาวด้วยหรือแม่พีช ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ย ถ้านับถือเป็นพี่เป็นน้องกันแล้วแบบนี้คนแก่อย่างฉันก็คงนอนตายตาหลับ”
มารศรีแกล้งพูดแทงใจดำสองแม่ลูก และคนที่เก็บอารมณ์และความคิดของตัวเองไม่เคยอยู่อย่างขวัญชีวาก็โพล่งขึ้นมาทันที
“เปล่าสักหน่อยค่ะคุณย่า พีชไม่มีวันนับญาติกับคนที่ฆ่าพ่อตัวเองได้ลงคอหรอก”
“แม่พีช!” มารศรีตวาดใส่หลานเสียงกร้าว ก่อ
ปกเกล้ายืนกอดอกมองเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นจุดต่าง ๆ ภายในสำนักงานของตนด้วยแววตาเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึก หากแต่ในใจนั้นกำลังคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่ามือมืดที่ต้องการเล่นงานตนนั้นเป็นใคร แม้เขาเพิ่งจะมาทำธุรกิจอย่างจริงจังที่นี่ แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็เทียวไปเทียวมาระหว่างกรุงเทพฯ กับบุรีรัมย์อยู่บ่อย ๆ เพราะต้องมาช่วยงานนิรุตติ์ ผู้เป็นลุง อีกทั้งยังต้องสร้างคอนเนกชันเพื่อปูทางสำหรับธุรกิจยานยนต์ของตนอีกด้วยเขาเคยสร้างความเดือดร้อนให้ใครหรือเปล่า...คิดว่าไม่เขาถูกคนหมั่นไส้จนโดนใครหมายหัวไหม...คิดว่าเยอะพอสมควรจับมือใครดมไม่ได้แบบนี้ เห็นทีคงต้องเรียกใช้บริการเจ้าหมอนั่นเสียแล้วชายหนุ่มนึกถึงหมากลับของตนขึ้นมาทันที หมากลับของเขาคนนี้เหมือนเป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่สุดคนหนึ่ง ไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตาของคนผู้นี้นอกจากเขา และไม่มีใครรู้ตัวตนอีกด้านหนึ่งของคนผู้นี้นอกจากเขาอีกเช่นกัน เพื่อนสนิท และบรรดาคนใกล้ชิดของเขาจะรู้เพียงว่าเขามีหมากลับอยู่ในมือ และหากต้องการเรียกใช้บริการก็จะสั่งงานผ่านเขาได้เพียงผู้เดียวการตรวจค้นใช้เวลาไม่นานนักเพร
“ตาปก แกอยู่ไหนแล้วเนี่ย”“ผมออกจากบุรีรัมย์แล้วครับคุณแม่ นี่ใกล้ถึงโคราชแล้ว โธ่...ทนคิดถึงผมไม่ไหวขนาดนั้นเลยหรือคร้าบ” พูดจบเขาก็หัวเราะอย่างอดไม่อยู่เมื่อได้ยินเสียง “เชอะ” ราวกับประชดของมารดา“แล้วแกจะถึงกรุงเทพฯ กี่โมงกี่ยามยะพ่อคุณ”“ผมคิดว่าน่าจะไปถึงประมาณทุ่มนิด ๆ ครับคุณแม่ อยากกินกะหรี่ปั๊บสระบุรีไหมครับ ผมจะได้แวะซื้อไปฝาก”“ถ้าผ่านก็ซื้อมาเถอะ”“ได้เลยครับคุณแม่” เขารู้ว่ามารดาชอบกินกะหรี่ปั๊บมาก ทุกครั้งที่กลับจากบุรีรัมย์ ท่านมักจะให้เขาแวะซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วยทุกครั้ง“ถ้าอย่างนั้นสักประมาณสองทุ่มแกมารับแม่ที่อเวนิวตรงเลียบทางด่วนหน่อยได้ไหม แม่จะไปทำสปาน่ะแต่รถแม่ยังไม่ได้ติดป้ายวงกลมอันใหม่เลยไม่อยากเสี่ยงขับ กลัวไปเจอตำรวจเข้า ตอนไปว่าจะให้ตาป้องขับรถไปส่ง แต่ขากลับคงต้องให้แกมารับแม่แล้วล่ะเพราะตาป้องเขาจะออกไปงานแต่งของเพื่อน”“ได้เลยครับคุณแม่ อเวนิวตรงเลียบทางด่วนใช่ไหมครับ เอาเป็นว่าถ้าผมถึงกรุงเทพฯ
“ผมอยู่เส้นตัดใหม่แล้วครับคุณแม่ คิดว่าน่าจะไปถึงที่นั่นในอีกสิบห้านาทีเพราะรถไม่ค่อยติดเท่าไร”“โอเค ถ้าแกมาถึงแล้วก็เดินเล่นไปก่อนละกัน แม่เสร็จแล้วจะโทร. ไปบอกอีกทีนะ เพราะนี่ก็ใกล้แล้วละ”เมื่อนัดแนะกับบุตรชายเสร็จเรียบร้อยเกศรินก็กดวางสาย จากนั้นก็นอนยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี ไม่นานนักอลินดาก็เข้ามาในห้องอีกครั้งเพื่อทำการเช็ดสมุนไพรบนใบหน้าออกให้“วันนี้แม่หนูจะมารึเปล่าจ๊ะ” เกศรินแกล้งถามหญิงสาว“ไม่แน่ใจนะคะคุณป้า ไม่เห็นคุณแม่บอกไว้เลยค่ะว่าจะมา” อลินดาตอบไปตามตรง“ถ้ามาก็ดีเนอะ จะได้ชวนกินมื้อเย็นสักหน่อย จะว่าไปก็หิวเหมือนกันนะเนี่ย หนูลินดากินข้าวรึยังจ๊ะ”“ยังเลยค่ะ กะว่ารอเสร็จจากตรงนี้ก่อนแล้วค่อยกินก็ได้” หญิงสาวตอบเสียงแผ่ว เสียงแหบพร่าของเธอเวลาพูดเบา ๆ นั้นยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกเซ็กซี่และมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูกเกศรินได้แต่ภาวนาอยู่ในใจให้บุตรชายคนเล็กชอบผู้หญิงคนนี้อย่างที่ตนชอบ คิดแล้วก็แทบทนรอไม่ไหวเพราะอยากให้ปกเกล้าได้เจอกับอลินดาเร็ว ๆ ทั้งที่ในอ
ประโยคหลังชายหนุ่มไม่ได้พูดออกไปเพราะเกรงว่าจะยิ่งทำให้เธอเกลียดขี้หน้าตนไปมากกว่านี้ เขามองมารดาที่กำลังคุยหัวร่อต่อกระซิกกับมารดาของหญิงสาวก็พอรู้แล้วว่างานนี้เขาถูกมารดาสุดที่รักวางแผนจับคู่มาดูตัวอีกตามเคย แต่ทว่างานนี้เขายินดี และเต็มใจให้ท่านจับคู่เป็นอย่างยิ่งแม่ครับ...ผมรักแม่ที่สุดในโลกเลย!เมื่อถึงร้านอาหารญี่ปุ่น สองหนุ่มสาวต่างนั่งคู่กับมารดาของตน จึงทำให้อลินดากับปกเกล้าต้องนั่งตรงข้ามกันอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง หญิงสาวพยายามทำเป็นไม่สนใจเขา ขณะที่ปกเกล้าก็พยายามสงวนท่าทีของตนไม่ให้ดีใจจนออกนอกหน้าเกินไปนักเพราะไม่อยากให้บรรดาแม่ ๆ รู้ว่าเขากับอลินดารู้จักกันมาก่อนหน้านั้นหลังจากสั่งอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ เกศรินจึงเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน“เห็นแม่ของหนูบอกว่าหนูหุ้นกับเพื่อนทำเกสต์เฮ้าส์ที่บุรีรัมย์ใช่ไหมจ๊ะลินดา”“ใช่ค่ะ หุ้นกับเพื่อนอีกสองคน” หญิงสาวตอบไปตามความจริงเพราะมั่นใจว่ามารดาของตนคงเล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟังหมดแล้ว“แหม พอดีเลยนะเนี่ยพี่ปกเขาก็ไปเปิดศูนย์ตกแต่งรถสปอร์
“ตาปก แกว่าหนูลินดาเป็นยังไงบ้าง”ได้ยินคำถามจากมารดา ปกเกล้าก็ยิ้มทันทีเพราะคิดไว้แล้วว่าท่านจะต้องถามเขาแน่นอน หากเป็นเมื่อก่อน ไม่ว่าผู้หญิงคนที่มารดาแนะนำจะสวย น่ารัก หรือเรียบร้อยอ่อนหวานสักแค่ไหนเขาก็ไม่นึกชอบ หรือถูกใจใครสักคน ดังนั้นจึงได้แต่บอกปัดไปส่ง ๆ ว่ารู้สึกเฉย ๆ ซึ่งพอเขาตอบไปแบบนั้นท่านก็จะไม่เซ้าซี้ให้เขารู้จักกับหญิงสาวคนนั้นอีกและหากเขายังพูดประโยคเดิม ท่านก็คงทำเหมือนที่ผ่านมาซึ่งเขายอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ เพราะยังต้องอาศัยท่านเป็นสื่อกลางให้เขาได้เจอกับอลินดา“น่าสนใจมากครับคุณแม่ ดูนิ่ง ๆ ดี”ได้นั่งกินข้าวด้วยกันหนึ่งมื้อจึงทำให้ปกเกล้าได้รู้จักตัวตนของอลินดาขึ้นมาอีกเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา เธอเก็บงำอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ดีเสียจนเขาเดาไม่ออกว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งที่อายุยังน้อยแต่ความรู้สึกของเขามันบอกว่าชีวิตเธอผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน“จริงหรือ แกชอบใช่ไหม แม่ก็ชอบ” ผู้เป็นมารดายิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบที่น่าพอใจ“ครับ
และความจริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้สนใจเกมการพนันขันต่อที่ท้าทายอลินดาไว้ เขาแค่อยากหาเรื่องใกล้ชิดเธอเท่านั้นเพราะยอมรับว่าตนถูกใจผู้หญิงคนนี้จริง ๆ และไม่ใช่ว่าเขาถูกใจเธอที่ความสวยสง่าหรือเซ็กซี่เท่านั้น แต่เขาถูกใจไลฟ์สไตล์ และรสนิยมของเธอมากกว่า ผู้หญิงแบบนี้ใช่ว่าจะเจอกันได้ง่าย ๆ เขาเองก็เป็นพวกที่ชอบอะไรที่เป็นแรร์ไอเทมเสียด้วยสิอลินดาสะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกของอะไรบางอย่างที่กำลังเกาะกุมข้อเท้า ครั้นพอลืมตาขึ้นหญิงสาวก็พบว่าตนไม่ได้นอนอยู่ในห้องของตัวเอง แต่กำลังนอนอยู่บนพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบตรงหน้าบันได เธอหลับตาลงไปอีกครั้งแล้วลืมขึ้นมาใหม่จึงพบว่าสถานที่อันแสนคุ้นเคยนี้ไม่ใช่บ้านที่ตนอาศัยอยู่กับมารดาในปัจจุบัน แต่เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เคยอาศัยอยู่ที่นั่นจนอายุได้สิบห้าปีแรงบีบที่ข้อเท้าเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังเหมือนกำลังดึงร่างเธอให้เข้าไปใกล้หญิงสาวจึงผงกศีรษะขึ้นมอง สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาคือผู้ชายคนหนึ่งกำลังนอนคว่ำอยู่บนพื้นเช่นกัน หากแต่ใบหน้าของเขานั้นมีแต่เลือดเต็มไปหมดจนแทบมองไม่ออกว่าเป็นใคร ดวงต
“ดูทำหน้าเข้า เขาอุตส่าห์มาก็ดีแล้ว แกอย่าทำให้แม่เสียหน้าเชียวนะตาปก” ท่านชี้หน้าเขาอย่างคาดโทษ“จะพยายามละกันครับ” เขายักไหล่อย่างขอไปทีก่อนจะเดินไปเปิดฝาชีที่ครอบอาหารออกแล้วเอาไปวางไว้บนเก้าอี้อีกตัว จากนั้นก็คดข้าวใส่จานนั่งกินอยู่ในครัวด้วยความหิวอลินดาตื่นขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อได้นอนหลับสนิทและกินยาแก้ปวดที่แวววรรณนำมาให้ อาการปวดศีรษะจึงหายไป หญิงสาวลุกจากเตียงแล้วนำผ้าขนหนูที่ใช้ห่มนอนไปใส่ในตะกร้าสำหรับผ้าใช้แล้ว จากนั้นก็ออกจากห้องแล้วเดินเข้าไปด้านหลังซึ่งเป็นตู้เก็บของเพื่อหยิบของใช้ส่วนตัวเข้าไปจัดการล้างหน้าแปรงฟันในห้องที่ตนใช้นอนเมื่อครู่ เสร็จเรียบร้อยก็มีโทรศัพท์เข้ามาพอดีเธอจึงเดินไปหยิบออกจากกระเป๋าแล้วกดรับสาย“ค่ะคุณแม่”“ลินดาจะมารับแม่กี่โมง แม่ซื้อของขวัญให้ป้าเกศเสร็จพอดี”“ตอนนี้คุณแม่อยู่บ้าน หรืออยู่ที่ไหนคะ”วันนี้มารดาของเธอไม่ได้ไปพิมาลินสปาสาขาอื่น เพราะท่านจ้างให้คนทำความสะอาดประจำหมู่บ้านมาปัดกวาดเช็ดถูบ้า
...จะว่าไปแล้ว จะชุดแข่งรถหรือเสื้อยืดกางเกงยีนที่เขาเคยเห็นเธอใส่ ไม่ว่าอลินดาจะอยู่ในชุดอะไร เขาก็ไม่อาจละสายตาจากเธอได้อยู่ดี“มากันเยอะแล้วสิเนี่ย น้ามาสายใช่ไหม” อรพิมดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด“ก็ประมาณเกือบสิบคนครับคุณน้า แต่ส่วนใหญ่มีแต่คนกันเองทั้งนั้นแหละ เห็นคุณแม่บอกว่าเพื่อน ๆ ที่มาวันนี้คุณน้าก็รู้จักทุกคนนี่ครับ”ปกเกล้าคุยกับมารดาของอลินดา แต่สายตากลับคอยมองตามหญิงสาวที่ก้มไปหยิบของที่เบาะหลัง เมื่อเธอปิดประตูรถเขาจึงเห็นว่าของที่เธอหยิบมานั้นคือถุงกล่องของขวัญที่นำมาให้มารดาของเขานั่นเอง“มันก็จริงนะ แต่น้าไม่ได้เจอเพื่อนมาหลายสิบปีมากแล้ว ก็เลยรู้สึกตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้สิ แล้วแม่เราล่ะ อยู่ในบ้านใช่ไหม”“ครับ คุณแม่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนอยู่” เขายื่นมือไปหาอลินดาแล้วพูดว่า“ให้พี่ช่วยถือไหม”“ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่หนัก” หญิงสาวตอบพลางยิ้มบาง ๆ ปกเกล้าจึงไม่เซ้าซี้รบเร้าช่วยเธอถืออีก“ถ้างั้นก็เชิญเข้าบ้านกันเลยครับ” พูดจบชายหนุ่มก็
“ไม่!” เธอมองเขาตาเขียวก่อนจะรีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากห้องนอนก่อนที่จะทนลูกอ้อนของเขาไม่ไหว เพราะสำหรับปกเกล้าแล้ว คำว่าแป๊บเดียวนั้นไม่เคยต่ำกว่ายี่สิบนาทีอลินดาลงไปรับภาวินกับแฟนสาวที่ล็อบบี้ชั้นล่าง สาวน้อยคนนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างที่ปกเกล้าว่าไว้จริงเสียด้วย“อ้าวลินดา อยู่กับไอ้ปกมันหรือ” ภาวินทักด้วยรอยยิ้มแต่สีหน้าเหมือนจะล้อเลียนเรื่องที่ตนลงมาช้าเพราะคงคิดว่าเธอกับปกเกล้ามัวแต่เล่นผีผ้าห่มกันอยู่บนเตียงกระมัง“เอ่อ...ค่ะ พี่ปกอาบน้ำอยู่ก็เลยให้ลินดาลงมารับ”“นี่มะลิ แฟนพี่เอง นี่พี่ลินดาแฟนพี่ปกเขาน่ะ” ภาวินแนะนำแฟนสาวให้รู้จัก อีกฝ่ายจึงยกมือไหว้พลางมองมาด้วยสายตาชื่นชมอย่างปิดไม่มิด อลินดาจึงรับไหว้และยิ้มกว้างพลางพูดว่า“ยังเด็กอยู่เลย พี่วินหลอกน้องเขามารึเปล่าคะเนี่ย”“เด็กอะไร ไม่เด็กแล้ว หน้าอ่อนเฉย ๆ หรอก แหม...เห็นพี่เป็นพวกโลลิคอนรึไง”เมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก อลินดาจึงเดินไปหยิบน้ำมาให้แขก เป็นเวลาเดียวกับที่ปกเกล้าเดินออกมาจากห้องนอนพอดี
ปกเกล้าคลี่ยิ้มร้ายกาจ ความช่างยั่วแสนเซ็กซี่ของเธอนี่เป็นอย่างหนึ่งที่ถูกใจเขามากเช่นกัน และเขาก็ไม่รอให้เธออนุญาตหรือตั้งตัว ก้มลงจูบหญิงสาวทันทีท่ามกลางคนมากมายที่กำลังเดินออกจากผับ“โอเค ถือว่าดื่มไม่เยอะเท่าไร แต่เพื่อความปลอดภัยพี่ว่าเธอขับรถพี่กลับไปดีกว่าไหม” ไม่พูดเปล่า แต่เขาล้วงหยิบกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงมาใส่มือเธอด้วย เพราะสำหรับเขาแล้วความปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนของอลินดาสำคัญที่สุด“ก็ได้” เธอหยิบกุญแจรถบิ๊กไบค์และหมวกกันน็อกของตัวเองยื่นส่งให้เขาบ้าง จากนั้นก็เดินออกไปที่ลานจอดรถรถซูเปอร์คาร์ของปกเกล้าหาไม่ยากนักเพราะน้อยคนที่จะมีรถแบบนี้ขับ หลังจากสตาร์ตเครื่องแล้วอลินดาก็ได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์รถบิ๊กไบค์อันแสนคุ้นหูอยู่ใกล้กับรถที่ตนนั่งอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปกเกล้าขี่เจ้าแพนเตอร์มาจอดรออยู่เบื้องหน้าแล้ว เธอจึงเลื่อนกระจกลงแล้วทำมือเป็นเชิงบอกให้เขาล่วงหน้าไปก่อนได้เลย เพราะเธอจะขับตามเขาไปเองปกเกล้าพยักหน้าแล้วเคลื่อนรถออกไปไม่เร็วนัก อลินดาจึงขับตามไป เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าแฟนสาวขับตามมาแล้วจึงเร่ง
อลินดาขับรถบิ๊กไบค์คู่ใจเข้ามาจอดไว้ในบริเวณที่ทางสถานบันเทิงจัดเอาไว้ให้โดยมียูมิ เพื่อนสนิทขับอีกคันเข้ามาจอดคู่กัน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในผับชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงยีนสกินนีกับเสื้อยืดพอดีตัวเช่นเคย ส่วนยูมินั้นสวมกางเกงยีนรัดรูปกับเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยเพื่อโชว์รอยสักรูปเกอิชาบนแผ่นหลังที่เจ้าตัวแสนภาคภูมิใจอลินดามองหากลุ่มเพื่อนของตนที่นัดเอาไว้ แต่สายตาดันไปหยุดอยู่ที่โต๊ะของนักท่องราตรีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในโต๊ะเธอก็คุ้นหน้าคุ้นตาดีทั้งสามคน แต่ที่ไม่คุ้นคือหญิงสาวอีกสามคนที่นั่งเบียดกับหนุ่ม ๆ เหล่านั้นจนแทบจะรวมร่างกันอยู่รอมร่อ“มึงเดินไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูตามไป” อลินดาหันไปบอกเพื่อน ยูมิมองตามสายตาของอีกฝ่ายจึงแค่นยิ้มมุมปากพลางพูดว่า“ได้ แต่ถ้าจะตบก็เรียกกูด้วยละกัน พักนี้กูคัน อยากตบคน”อลินดาหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้าพูดว่า “เออ รู้แล้วน่า”จากนั้นหญิงสาวก็เดินไปยังโต๊ะที่ปกเกล้ากับเพื่อนอีกคนสองคนนั่งอยู่ เธอเห็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าแฟ
ปกเกล้าก้าวลงจากรถสปอร์ตสีเทาดำแล้วเดินเข้าไปในคอนโดมิเนียมของแฟนสาว ขณะที่กำลังจะกดเรียกลิฟต์นั้น สายตาของชายหนุ่มก็เห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวที่เขาตั้งใจขับรถจากบุรีรัมย์มาหาเพราะอยากเห็นหน้า และชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกันก่อนที่ตนจะต้องขับกลับไปทำงานที่จังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้งอลินดากำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งหากเป็นคนอื่นปกเกล้าคงไม่เข้าไปวุ่นวาย แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นนครินทร์ ตำรวจหนุ่มที่จ้องจะตีท้ายครัวของตนเสมอเมื่อสบโอกาส เขาจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้ ฉะนั้นปกเกล้าจึงเดินเข้าไปหาแฟนสาวแล้วโอบเอวของเธอพร้อมกับจูบขมับเบา ๆ เพื่อประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที“ไงครับผู้กอง เพิ่งกลับหรือครับ” ปกเกล้ายิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าขณะที่มือก็เลื่อนขึ้นมาโอบบ่าของอลินดาไว้“ครับ เพิ่งมาถึงก็เจอคุณลินดาพอดี” นครินทร์ยิ้มตอบ“ผู้กองเขาชวนไปกินข้าวหน้าคอนโดฯ น่ะ พี่กินอะไรมารึยังล่ะ”อลินดาหันไปถามแฟนหนุ่มพร้อมกับยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นอาการขี้หวงของใครบางคนกำเริบ“กินอะไรเล่า เดี๋ยวเราต้องร
“เรื่องนั้นมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเรามีลูกพี่ก็คงอยากให้ลูกเข้าเรียนที่กรุงเทพฯ มากกว่าเพราะใกล้ญาติพี่น้องทางนี้ เวลามีเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ง่ายกว่าอยู่บุรีรัมย์”“ถ้าเราแต่งงานกัน พี่ไปอยู่บ้านลินได้ไหมล่ะ แม่ของลินจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว เพราะบ้านพี่ก็มีพี่ป้องกับพี่ก้อยอยู่ที่นั่นแล้ว”“ได้สิไม่มีปัญหา” เขายิ้มมุมปากพลางเลื่อนมือลงต่ำไปที่บั้นท้ายงามงอนแล้วเลิกชายกระโปรงของเธอขึ้นแล้วพูดว่า“แต่เราอาจต้องทำห้องนอนใหม่นะ เอาแบบที่เก็บเสียงได้ดีหน่อย ไม่อย่างนั้นแม่ของลินอาจจะนอนไม่หลับเพราะเสียงตอนพี่กระแทกเธอคงดังรบกวนท่านแน่นอน” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังจ่ออาวุธประจำตัวเข้าที่จุดเดิมแล้วเริ่มขยับสะโพกอย่างเป็นจังหวะ มือทั้งสองข้างก็จับชายชุดกระโปรงของหญิงสาวแล้วดึงขึ้นเพื่อถอดออกไปทางศีรษะ จนในที่สุดร่างเซ็กซี่เย้ายวนที่เขาหลงใหลก็ปรากฏต่อสายตา“ไหนว่าจะนวดให้ไง” เสียงแหบพร่าของเธอกระท่อนกระแท่นไปตามแรงกระแทกกระทั้น“ขออีกยกแล้วจะนวดให้ รับรองว่าเธอจะติดใจฝีมือการนวดของ
“แล้วคิดว่าไงล่ะ” แค่เธอลูบคลำไปมา เจ้าสิ่งที่อยู่ในกางเกงก็ประกาศศักดาสู้มือทันทีราวกับสั่งได้“จะไวไฟไปแล้วนะ” อลินดาแค่นยิ้มให้แฟนหนุ่ม“ไม่ไวได้ไงเล่า พี่ไม่ได้เมกเลิฟกับเธอนานแล้วนะ กระสุนเต็มรังแล้วเนี่ยไม่ได้ยิงออกไปสักที” ปกเกล้าปลดกระดุมกางเกงยีนเพื่อปล่อยอาวุธประจำกายให้เป็นอิสระ จากนั้นก็ยกมือขึ้นแตะศีรษะหญิงสาวเป็นเชิงบอกใบ้ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะการทำแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก“นานอะไรกัน ยังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เลย หื่นไม่เข้าเรื่อง” อลินดายิ้มมุมปาก“สามวันก็จะขาดใจแล้ว นะที่รัก” ปกเกล้าออดอ้อนเสียงอ่อน ก่อนจะครางออกมาเบา ๆ เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มที่เขาหลงใหลปัดป่ายอยู่ตรงส่วนหัวแล้วลากไล่จากโคนถึงปลาย ตามมาด้วยความอุ่นร้อนจากโพรงปากที่กำลังกลืนกินเขาเข้าไปทีละนิดจนหมดชายหนุ่มชะลอรถให้วิ่งช้าลง เขาไม่กลัวรถคันอื่นจะมองมาแล้วเห็นว่าแฟนสาวคนสวยของเขากำลังก้มหน้าทำอะไรให้เพราะกระจกติดฟิล์มดำ อีกทั้งการขับรถไปแบบเสียว ๆ นี้ทำให้เขาตื่นเต้นและอารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด ส่งผลให้
อลินดายืนกอดอกมองคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามาในร้านพิมาลินสปาด้วยแววตาขบขัน จำได้ว่าเมื่อวานปกเกล้าเพิ่งพูดกับเธอว่าจะไม่เข้ากรุงเทพฯ หลายวันเพราะต้องเตรียมเรื่องการจัดแข่งขันรถยนต์ให้กับสมาชิกของทริปเปิลเอกซ์ เขายังบอกเธอด้วยว่าไม่ต้องคิดถึงเขามากเกินไปจนไม่เป็นอันกินอันนอน แต่ทำไมคนพูดถึงได้มาโผล่ที่นี่เวลานี้ได้เล่า“มาทำไมคะคุณปกเกล้า” เธอถามยิ้ม ๆ“มาหาข้าวกิน ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ” พูดจบเขาก็คว้าข้อมือเธอแล้วจะดึงไปข้างนอก แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มก็หันมาพูดว่า“ไม่กินแถวนี้นะเบื่อแล้ว ไปกินข้างนอกกันบ้างดีกว่า”หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ “ก็ได้ ขอไปหยิบกระเป๋าก่อนนะ”หลังจากนั้นอลินดาก็ขึ้นรถไปกับปกเกล้า ชายหนุ่มขับไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง หญิงสาวรู้สึกสงสัยจึงถามไปว่า“นึกยังไงถึงพามากินที่นี่ และทำไมต้องร้านนี้ด้วยล่ะ”“ความจริงแล้วพี่นัดเพื่อนไว้น่ะ”“อ้าว นัดเพื่อนไว้แล้วพี่จะลากลินมาด้วยทำไมเนี่ย”“ก็อยากพามาด้วยนี่
“ไปกินเค้กวันเกิดเว้ย” ชินดนัยตอบทั้งรอยยิ้ม“ตอนกินใส่ชุดวันเกิดด้วยละสิท่า โธ่เอ๊ย สุดท้ายก็เห็นหญิงดีกว่าเพื่อนนะมึงเนี่ย” ปกเกล้าหยิบเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในจานกับแกล้มปาใส่เพื่อนด้วยความหมั่นไส้ แต่ชินดนัยเอาแต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางโบกมือให้แล้วเดินจากไปเมื่อเหลือกันอยู่สามคน ปกเกล้าจึงชี้ไปที่ภาวินแล้วพูดกับหญิงสาวว่า“รู้จักเครื่องสำอางแบรนด์เอเอ็นเอสไหม คนนี้แหละคือเจ้าของ”อลินดาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ เครื่องสำอางแบรนด์นี้ใครบ้างจะไม่รู้จัก ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเจอกับเจ้าของแบรนด์ตัวจริงเสียงจริง หนำซ้ำยังเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีอีกด้วย“สนใจเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แบรนด์พี่ไหมครับ พี่ว่าน้องสวยกว่าดาราบางคนซะอีกนะ” ภาวินได้โอกาสจึงชักชวนให้มาเป็นนางแบบเครื่องสำอางแบรนด์ของตนทันที แต่สุดท้ายก็ถูกปกเกล้าเบรกตัวโก่ง“ไม่ให้เว้ย”“อ้าว มึงมีสิทธิ์อะไรไปห้ามน้องเขาเนี่ยไอ้ปก มึงเป็นอะไรกับเขา”ภาวินแกล้งโวยวาย“กูเป็นแฟนเขา ก็กูไม่ให้อะมีปัญหา
อลินดายืนกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่เดิม หลังจากเก็บเงินในกระเป๋าสตางค์เรียบร้อยแล้วจึงหันกลับมา เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเทรนเนอร์หนุ่มคนเดิมยืนยิ้มให้อย่างเคย“พักนี้ผมไม่ค่อยเจอคุณเลย อยู่อีกสาขาหรือครับ”“ใช่ค่ะ ดูแลสลับกันไปเรื่อย ๆ” ในเมื่อเขาชี้นำคำตอบมาให้แล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องคิดหาคำตอบอื่นเพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องบอกเขาว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอไปอยู่บุรีรัมย์ทั้งเดือน“ถึงว่าสิครับ ไม่เจอเลย ตอนแรกแอบใจหายนึกว่าคุณลาออกไปแล้วเสียอีก”“งานสมัยนี้หายากจะตาย จะลาออกทำไมละคะ”เธอมองไปทางหน้าร้านสปาของตน เห็นมีลูกค้ากำลังเดินเข้าไปจึงเอ่ยปากขอตัวกับเขา ชายหนุ่มจึงพูดว่า“ผมยังเสนอให้คุณเหมือนเดิมนะครับถ้าคุณสนใจจะนวด ผมบริการให้ฟรีเลยถ้าเป็นคุณ”ช่วงนี้อรชุมาไม่ได้เรียกใช้บริการเขาแล้วเพราะเจ้าหล่อนติดใจหมอนวดหนุ่มคนอื่น อีกทั้งพักหลังนี้อรชุมาจะติดใจการนวดแล้วนาบแบบแซนวิชที่ต้องใช้หมอนวดชายสองคน เขาจึงไม่ต้องหลอกล่อสาวสวยคนนี้ให้มาใช้บริ