“ก็ขึ้นรถสิ หรือพี่จะเดินเข้าไปเอง” หญิงสาวพยักพเยิดไปทางด้านหลังตัวเอง เขาจึงยิ้มแล้วขึ้นนั่งซ้อนท้ายเหมือนตอนขามา
อลินดาขี่รถเข้าไปในบริเวณบ้านจนกระทั่งมาจอดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ แม้ไม่ใช่บ้านรูปแบบหรูหราอย่างที่หญิงสาวแอบคาดเดาไว้ในใจ แต่มองแล้วให้ความรู้สึกสงบและร่มรื่นน่าอยู่ไม่น้อยเลย
“นั่นไง ลูกรักของเธอน่ะ”
ปกเกล้าชี้ไปทางรถเอสยูวีสีดำที่จอดอยู่ในโรงรถ แต่พอมองดี ๆ แล้วจึงเห็นว่าข้างตัวรถมีจักรยานยนต์คันหนึ่งจอดอยู่ หญิงสาวรีบลงจากรถทันทีเพราะอยากไปดูสภาพรถของตน แต่ชายหนุ่มกลับคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิลินดา ไปไหว้ป๋าก่อน” เขาบุ้ยหน้าไปทางตัวบ้าน อลินดาจึงเพิ่งนึกได้ว่าตนทำเสียมารยาทแล้ว
“เออเนอะ มัวแต่ห่วงรถ” เธอแค่นยิ้มให้ตัวเองก่อนจะเดินตามแรงจับจูงไป แต่พอนึกขึ้นได้หญิงสาวก็ดึงมือตัวเองกลับแล้วพูดกับเขาว่า
“เนียนเชียวนะ”
ปกเกล้าทำหน้าเหลอหลาราวกับไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไร แต่แล้วก็ต้องหัวเราะออกมาเบา ๆ
“แกล้งทำเป็นไม่สนใจบ้างก็ได้นะ ไอ้เ
“ยังไม่ได้ตรวจละเอียดเลย แต่ที่แน่ ๆ ภายนอกต้องทำใหม่หมดเพราะทั้งบุบทั้งถลอกเยอะอยู่ เอาไว้ที่นี่ก่อนสิพี่จะเช็กดูให้” ได้ยินเชิดบอกมาแบบนั้น ปกเกล้าจึงหันไปบอกอลินดา“พี่เชิดเขามีอู่อยู่น่ะ เอารถให้พี่เขาช่วยทำให้ละกันนะลินดา”“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่” อลินดายกมือไหว้เชิดแล้วพูดอีกว่า“แต่ขอออกไปดูสภาพมันหน่อยนะคะ”“ได้ ๆ ไปดูก่อนเลย อยากให้ทำอะไรเพิ่มหรืออยากเปลี่ยนสีก็บอกพี่ได้” เชิดอาสาอย่างใจดีเพราะเขารู้ว่างานนี้ปกเกล้าจ่ายไม่อั้นอลินดาผงกศีรษะรับ จากนั้นก็หันไปไหว้ลานิรุตติ์กับสิงหา“ถ้างั้นลินกลับก่อนนะคะ”“อืม ไปเถอะ แล้ววันหน้ามาเที่ยวใหม่นะ ที่นี่ยินดีต้อนรับเสมอ” นิรุตติ์ยิ้มบาง ๆ มองส่งหญิงสาวกับหลานชายเดินออกจากบ้านไปอลินดาเห็นสภาพรถของตัวเองแล้วก็ไม่ได้พูดหรือแสดงสีหน้าใด ๆ ที่บ่งบอกว่าไม่พอใจหรือกล่าวโทษคนที่ทำมันล้ม หญิงสาวเพียงเดินดูรอบคันและตรวจเช็กตรงคอและแฮนด์จับเท่านั้นเพราะยังไม่ได้ลองขี่จึงไม่รู้ว่ามันเสียหายมากน้อยแค่ไห
อลินดาเบิกตากว้างพลางมองเข้าไปในนัยน์ตาสีดำสนิทของเขาอย่างลืมตัวเช่นกัน ในนั้นเธอเห็นเงาของตัวเองอย่างแจ่มชัด และดูเหมือนเงานั้นจะใหญ่และเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งรับรู้ได้ถึงความอุ่นชื้นที่ริมฝีปาก และความอ่อนนุ่มที่แทรกเข้ามาทำให้หญิงสาวตัวแข็งค้างอย่างคนทำอะไรไม่ถูกสมองสั่งให้ผลักเขาออกไป แต่ร่างกายกลับไม่ยอมขยับขณะที่อลินดาต่อสู้กับความรู้สึกปั่นป่วนของตัวเองอยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องพักก็ดังขึ้นตามมาด้วยเสียงของพนักงานต้อนรับที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์“คุณลินดาคะ มีตำรวจมาขอพบค่ะ”หญิงสาวตื่นจากภวังค์ เธอรีบถอนริมฝีปากออกมาแล้วลุกขึ้นพรวดพราดไปเปิดประตู จากนั้นก็เดินออกจากห้องของปกเกล้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับไปมองหน้าเขาอีกเลยส่วนคนที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในห้องนั้นได้แต่นั่งยิ้มเพียงลำพังราวกับคนเสียสติ เขายกมือขึ้นลูบอกข้างซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจเมื่อรู้สึกได้ว่ามันเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอก“ใกล้ความจริงแล้วเว้ยไอ้ปก”เขาพึมพำกับตัวเองทั้งที่ยังยิ้มไม่หุบ ใจอยากเดินตามอลินดาไปตอนนี้แต่พอคิดอีกที
ห้องพักของมือปืนคนนั้นไม่มีข้าวของใดที่บ่งบอกถึงตัวตนของอีกฝ่าย มีเพียงเสื้อผ้าแค่ไม่กี่ชุดในกระเป๋าเป้และของใช้ส่วนตัวในห้องน้ำเท่านั้น“เขาได้จ่ายค่าห้องพักรึยังครับ” นครินทร์ถามอลินดาระหว่างที่เดินเปิดตู้และลิ้นชักต่าง ๆ ในห้อง“เพิ่งจ่ายมาสองวันค่ะ ที่เหลือยังไม่จ่ายเลย”หญิงสาวยืนอยู่หน้าห้องไม่ได้เข้าไปด้วยเพราะต้องการปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการตรวจค้นห้องพัก ส่วนปกเกล้าก็ยืนอยู่ใกล้กัน สายตาจับจ้องการทำงานของตำรวจทั้งสองนายโดยไม่ได้เอ่ยปากใด ๆ แม้แต่คำเดียวเมื่อไม่เจออะไรที่พอจะใช้เป็นหลักฐานในการตามตัวได้ นครินทร์จึงเดินออกจากห้องแล้วพูดกับผู้เป็นเจ้าของสถานที่อย่างอลินดาว่า“ผมรบกวนให้ปิดห้องนี้ไว้ก่อนได้ไหมครับ อย่าเพิ่งทำความสะอาดและให้คนอื่นพักต่อ และถ้าเขากลับมาผมอยากรบกวนให้คุณช่วยติดต่อให้เรารู้ด้วย”“ฉันปิดไว้ได้แค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้นนะคะ ช่วงอาทิตย์หน้าจะมีการแข่งบอลที่สนามช้างอารีนา คนจะเข้าพักกันเยอะค่ะ หวังว่าคุณตำรวจคงเข้าใจ”อลินดายิ้มบาง ๆ ท
“ลองดูก็ดีนะครับเฮีย ผมจะได้บอกลูกค้า”“เดี๋ยวเอ็งไปเตรียมทำใบปลิวแจกนะว่าร้านเรามีแบบนี้ คนจะได้แห่มาผ่อนกัน แล้วพวกเอ็งก็โทร. ตามลูกค้าที่เคยกู้แบงค์ไม่ผ่านด้วยว่าสนใจโครงการนี้รึเปล่า จ่ายงวดแรกก็รับรถไปเลยไม่ต้องมีเงินดาวน์ มีแค่บัตรประชาชนกับคนค้ำก็พอ” เขาหยุดพูดแล้วเอนหลังพิงพนักก่อนพูดต่อ“ออกไปแล้วเรียกตุ้มมาหาเฮียหน่อย เฮียจะให้ประกาศรับสมัครบัญชีเพิ่ม” เขาพูดจบก็มีโทรศัพท์เข้ามา ซึ่งหลังจากได้ฟังไม่กี่ประโยค เฮียไช้ก็ลุกพรวดขึ้นพร้อมกับเบิกตากว้างพลางโบกมือไล่เซลล์ทั้งสองคนนั้นออกไปจากห้อง“ว่าไงนะ! มึงกบดานไปก่อนเลยนะอย่าให้ตำรวจเจอตัวมึงเด็ดขาดเข้าใจไหม” เฮียไช้กดวางสายแล้วก็แทบสะดุ้งเมื่อมีสายเรียกเข้ามาอีก และคราวนี้คนที่โทร. เข้ามาก็ทำให้เขาถึงกับเหงื่อซึมหน้าผาก“ค...ครับท่าน รู้ข่าวแล้วครับ” เขาเดินไปล็อกประตูเพื่อไม่ให้มีคนเปิดเข้ามาได้ยินบทสนทนาของตนกับนที“ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงครับเพราะเรื่องนี้ผมไม่ได้บอกลูกน้องผมเลยสักคน ไอ้จ๊อดไอ้นุก็ไม่รู้เพราะผมเป็
เมื่อมาถึง อลินดาก็พาชายหนุ่มไปนั่งโต๊ะที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและไม่ติดกับโต๊ะตัวอื่นมากนักเพราะคิดว่าปกเกล้าน่าจะคุยกับตนเรื่องเฮียไช้ และอีกหลายเรื่องที่ไม่ควรให้คนอื่นได้ยิน แต่ทว่าประวุธกลับไม่คิดเช่นนั้น“เฮ้ยไอ้เปลว มึงใจเย็นนะเว้ยเพื่อน” อิทธิพลปรามเพื่อนที่เอาแต่มองไปทางอลินดากับปกเกล้าแทบไม่วางตา“กูเย็นอยู่แล้ว กูจะทำอะไรได้วะอู๋ กูมันก็แค่เพื่อน”ประวุธละสายตาจากคนทั้งคู่แล้วเดินเข้าไปด้านหลังร้าน อิทธิพลจึงเดินตามเข้าไปเพราะเกรงว่าหากเพื่อนเศร้าเสียใจจนคิดทำอะไรบ้า ๆ ขึ้นมาเช่นการไปหาเรื่องผู้ชายคนนั้น ตนจะได้ห้ามทัน อย่างไรเสียทั้งประวุธและอลินดาก็เป็นเพื่อนของเขาทั้งสองคนปกเกล้าไม่เห็นเพื่อนชายทั้งสองคนของอลินดาเดินออกมาหาอย่างที่คาดการณ์ไว้ เขาจึงชวนเธอคุยเรื่องอื่น“ปกติใครเป็นคนดูแลเกสต์เฮ้าส์หรือ”เขาเห็นเธอต้องดูแลสปาที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก ทั้งยังได้ยินด้วยว่าเพื่อนอีกสองคนของเธอก็อยู่กรุงเทพฯ เช่นกันจึงไม่รู้ว่าใครดูแลที่นี่“โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นยูมิ เพราะเขามีโรงงานอาหารกระ
“แต่มึงก็ชอบเขาใช่ไหมลิน” อิทธิพลถามจี้ใจดำ อลินดาทำท่าจะปฏิเสธอีกครั้งแต่กลับพูดไม่ออก“มึงไม่ต้องมาปฏิเสธหรอก นิสัยมึงทำไมกูจะไม่รู้ ถ้ามึงไม่ชอบเขามึงจะยอมไปไหนมาไหนกับเขาหรือ มึงจะยอมให้เขามาพักที่ลอยชายได้เป็นอาทิตย์ ๆ แบบนี้หรือวะ นิสัยมึงน่ะเวลามีคนมาจีบต่อให้เขาทำดีด้วยแค่ไหน เอาใจมึงแค่ไหนแต่ถ้ามึงไม่ชอบซะอย่างใครก็มาบังคับมึงไม่ได้ แต่นี่ไม่ต้องบังคับเลย มึงไปกับเขาโดยสมัครใจ จริงไหมเพื่อน”อิทธิพลหยุดพูดเพื่อให้หญิงสาวได้คิดทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยเห็นอลินดามีแฟนเลยสักครั้งจนเขาเคยคิดว่าเพื่อนคนนี้มีรสนิยมแบบหญิงรักหญิงเหมือนยูมิอลินดาเป็นคนสวย รูปร่างหน้าตาดีจึงมักเป็นที่ต้องตาของเพศตรงข้ามอยู่เสมอ และมักโดนเขม่นจากผู้หญิงด้วยกันอยู่หลายครั้ง แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยแยแสใคร หรือหากใครคิดจะหาเรื่อง อลินดาก็ไม่เคยยอมเป็นเป้านิ่งให้โจมตีอยู่แล้ว บรรดาสาว ๆ ในกลุ่มที่นิยมบิ๊กไบค์แต่ไม่ชอบอลินดาจึงพากันเรียกเธอลับหลังว่านางมาร หรือไม่ก็นางปีศาจหน้าสวย“กูไม่เคยรู้เลยว่าเปลวมันจะ...ยังไงกูก็รักมัน
ปกเกล้าดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือพลางขมวดคิ้วมุ่น อลินดาหายไปร่วมสิบห้านาทีแล้ว เขาคิดว่านานเกินไป อีกทั้งเมื่อครู่เธอก็มีท่าทางแปลก ๆ จึงทำให้เขาอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าหญิงสาวกำลังมีปัญหาอะไรหรือเปล่าขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นไปดูอลินดาที่ห้องน้ำนั้น จู่ ๆ พนักงานคนที่มาเสิร์ฟอาหารให้ที่โต๊ะก็เดินมาหาเขาด้วยใบหน้าซีดเผือดและลนลานพูดจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์“พี่ พี่คะ พี่ผู้หญิงถูกจับไป ถูกจับไปแล้ว”“ที่ไหน!” เขาลุกพรวดขึ้นแล้ววิ่งตามพนักงานคนนั้นไปยังห้องน้ำที่อยู่ในลานจอดรถ แต่บริเวณนั้นมีแต่รถของลูกค้าที่มานั่งกินอาหารในร้าน“รถอะไร จำสีได้ไหม ตอบเร็ว!” เขาคาดคั้นกับพนักงานซึ่งมีท่าทางหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด“รถ รถตู้สีขาว หนูเห็นขับออกไปทางนี้ มีผู้หญิงด้วย”พนักงานสาวชี้ไปทางซ้ายมือซึ่งเป็นทางออกจากลานจอดรถไปถนนใหญ่ ปกเกล้าจึงรีบบอกอีกฝ่ายทันที“ไปบอกเจ้านายว่าลินดาถูกจับตัวไป ดูกล้องวงจรปิดด้วยว่ารถคันนั้นเลขทะเบียนอะไรแล้วรีบแจ้งตำรวจ” พูดจบเขาก็วิ่งไปที่รถของตัวเองแ
ปกเกล้าปิดเสียงโทรศัพท์และหยิบปืนเก็บเสียงมาถือกระชับไว้ในมือ โชคดีที่ยังมีแสงจันทร์ส่องสว่างจึงทำให้เขามองเห็นทางเดินโดยไม่ต้องกลัวว่าจะสะดุดล้มหลังจากเดินผ่านสวนยางไปได้ไม่นานนัก ชายหนุ่มก็เห็นบ้านไม้ชั้นเดียวปลูกอย่างโดดเดี่ยวกลางไร่มันสำปะหลัง ในบ้านมีแสงไฟสีเหลืองนวลเปิดไว้ แต่ด้านนอกไม่มีคนเฝ้าแม้แต่คนเดียว ทั้งยังไม่มีรถจอดอยู่ทำให้เขารู้สึกเอะใจขึ้นมาทันที แต่กระนั้นเขาก็ยังค่อย ๆ ย่องเข้าไปจนกระทั่งใกล้ถึงตัวบ้านจึงลองหยิบก้อนหินแถวนั้นปาไปที่ประตู ทว่ากลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินคราวนี้ปกเกล้าตัดสินใจเดินดุ่ม ๆ เข้าไปใช้เท้าถีบประตูบ้านจนมันเปิดออก สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของเขาคือความว่างเปล่า ไม่มีอลินดา ไม่มีสิ่งของเครื่องใช้ใด ๆ ในบ้านเลยแม้แต่อย่างเดียว“แม่งเอ๊ย!”เขาถูกหลอกจนได้ ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า แม้จะรู้สึกเจ็บขาที่ยังเคล็ดจากรถล้มเมื่อตอนเที่ยงที่ผ่านมา แต่เขาก็กัดฟันวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อไปถึงรถของตัวเอง เมื่อขึ้นรถได้ก็สตาร์ตเครื่องออกไปจากบริเวณนี้ทันทีพร้อมกับต่อสายไปหาสิงหาอีกครั้ง&ldq
“ไม่!” เธอมองเขาตาเขียวก่อนจะรีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกจากห้องนอนก่อนที่จะทนลูกอ้อนของเขาไม่ไหว เพราะสำหรับปกเกล้าแล้ว คำว่าแป๊บเดียวนั้นไม่เคยต่ำกว่ายี่สิบนาทีอลินดาลงไปรับภาวินกับแฟนสาวที่ล็อบบี้ชั้นล่าง สาวน้อยคนนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างที่ปกเกล้าว่าไว้จริงเสียด้วย“อ้าวลินดา อยู่กับไอ้ปกมันหรือ” ภาวินทักด้วยรอยยิ้มแต่สีหน้าเหมือนจะล้อเลียนเรื่องที่ตนลงมาช้าเพราะคงคิดว่าเธอกับปกเกล้ามัวแต่เล่นผีผ้าห่มกันอยู่บนเตียงกระมัง“เอ่อ...ค่ะ พี่ปกอาบน้ำอยู่ก็เลยให้ลินดาลงมารับ”“นี่มะลิ แฟนพี่เอง นี่พี่ลินดาแฟนพี่ปกเขาน่ะ” ภาวินแนะนำแฟนสาวให้รู้จัก อีกฝ่ายจึงยกมือไหว้พลางมองมาด้วยสายตาชื่นชมอย่างปิดไม่มิด อลินดาจึงรับไหว้และยิ้มกว้างพลางพูดว่า“ยังเด็กอยู่เลย พี่วินหลอกน้องเขามารึเปล่าคะเนี่ย”“เด็กอะไร ไม่เด็กแล้ว หน้าอ่อนเฉย ๆ หรอก แหม...เห็นพี่เป็นพวกโลลิคอนรึไง”เมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก อลินดาจึงเดินไปหยิบน้ำมาให้แขก เป็นเวลาเดียวกับที่ปกเกล้าเดินออกมาจากห้องนอนพอดี
ปกเกล้าคลี่ยิ้มร้ายกาจ ความช่างยั่วแสนเซ็กซี่ของเธอนี่เป็นอย่างหนึ่งที่ถูกใจเขามากเช่นกัน และเขาก็ไม่รอให้เธออนุญาตหรือตั้งตัว ก้มลงจูบหญิงสาวทันทีท่ามกลางคนมากมายที่กำลังเดินออกจากผับ“โอเค ถือว่าดื่มไม่เยอะเท่าไร แต่เพื่อความปลอดภัยพี่ว่าเธอขับรถพี่กลับไปดีกว่าไหม” ไม่พูดเปล่า แต่เขาล้วงหยิบกุญแจรถจากกระเป๋ากางเกงมาใส่มือเธอด้วย เพราะสำหรับเขาแล้วความปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนของอลินดาสำคัญที่สุด“ก็ได้” เธอหยิบกุญแจรถบิ๊กไบค์และหมวกกันน็อกของตัวเองยื่นส่งให้เขาบ้าง จากนั้นก็เดินออกไปที่ลานจอดรถรถซูเปอร์คาร์ของปกเกล้าหาไม่ยากนักเพราะน้อยคนที่จะมีรถแบบนี้ขับ หลังจากสตาร์ตเครื่องแล้วอลินดาก็ได้ยินเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์รถบิ๊กไบค์อันแสนคุ้นหูอยู่ใกล้กับรถที่ตนนั่งอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นปกเกล้าขี่เจ้าแพนเตอร์มาจอดรออยู่เบื้องหน้าแล้ว เธอจึงเลื่อนกระจกลงแล้วทำมือเป็นเชิงบอกให้เขาล่วงหน้าไปก่อนได้เลย เพราะเธอจะขับตามเขาไปเองปกเกล้าพยักหน้าแล้วเคลื่อนรถออกไปไม่เร็วนัก อลินดาจึงขับตามไป เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าแฟนสาวขับตามมาแล้วจึงเร่ง
อลินดาขับรถบิ๊กไบค์คู่ใจเข้ามาจอดไว้ในบริเวณที่ทางสถานบันเทิงจัดเอาไว้ให้โดยมียูมิ เพื่อนสนิทขับอีกคันเข้ามาจอดคู่กัน ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในผับชื่อดังของตัวเมืองบุรีรัมย์หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงยีนสกินนีกับเสื้อยืดพอดีตัวเช่นเคย ส่วนยูมินั้นสวมกางเกงยีนรัดรูปกับเสื้อสายเดี่ยวเอวลอยเพื่อโชว์รอยสักรูปเกอิชาบนแผ่นหลังที่เจ้าตัวแสนภาคภูมิใจอลินดามองหากลุ่มเพื่อนของตนที่นัดเอาไว้ แต่สายตาดันไปหยุดอยู่ที่โต๊ะของนักท่องราตรีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในโต๊ะเธอก็คุ้นหน้าคุ้นตาดีทั้งสามคน แต่ที่ไม่คุ้นคือหญิงสาวอีกสามคนที่นั่งเบียดกับหนุ่ม ๆ เหล่านั้นจนแทบจะรวมร่างกันอยู่รอมร่อ“มึงเดินไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูตามไป” อลินดาหันไปบอกเพื่อน ยูมิมองตามสายตาของอีกฝ่ายจึงแค่นยิ้มมุมปากพลางพูดว่า“ได้ แต่ถ้าจะตบก็เรียกกูด้วยละกัน พักนี้กูคัน อยากตบคน”อลินดาหัวเราะเบา ๆ แล้วพยักหน้าพูดว่า “เออ รู้แล้วน่า”จากนั้นหญิงสาวก็เดินไปยังโต๊ะที่ปกเกล้ากับเพื่อนอีกคนสองคนนั่งอยู่ เธอเห็นตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าแฟ
ปกเกล้าก้าวลงจากรถสปอร์ตสีเทาดำแล้วเดินเข้าไปในคอนโดมิเนียมของแฟนสาว ขณะที่กำลังจะกดเรียกลิฟต์นั้น สายตาของชายหนุ่มก็เห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวที่เขาตั้งใจขับรถจากบุรีรัมย์มาหาเพราะอยากเห็นหน้า และชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกันก่อนที่ตนจะต้องขับกลับไปทำงานที่จังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้งอลินดากำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งหากเป็นคนอื่นปกเกล้าคงไม่เข้าไปวุ่นวาย แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นนครินทร์ ตำรวจหนุ่มที่จ้องจะตีท้ายครัวของตนเสมอเมื่อสบโอกาส เขาจึงไม่สามารถอยู่เฉยได้ ฉะนั้นปกเกล้าจึงเดินเข้าไปหาแฟนสาวแล้วโอบเอวของเธอพร้อมกับจูบขมับเบา ๆ เพื่อประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที“ไงครับผู้กอง เพิ่งกลับหรือครับ” ปกเกล้ายิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าขณะที่มือก็เลื่อนขึ้นมาโอบบ่าของอลินดาไว้“ครับ เพิ่งมาถึงก็เจอคุณลินดาพอดี” นครินทร์ยิ้มตอบ“ผู้กองเขาชวนไปกินข้าวหน้าคอนโดฯ น่ะ พี่กินอะไรมารึยังล่ะ”อลินดาหันไปถามแฟนหนุ่มพร้อมกับยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นอาการขี้หวงของใครบางคนกำเริบ“กินอะไรเล่า เดี๋ยวเราต้องร
“เรื่องนั้นมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเรามีลูกพี่ก็คงอยากให้ลูกเข้าเรียนที่กรุงเทพฯ มากกว่าเพราะใกล้ญาติพี่น้องทางนี้ เวลามีเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ง่ายกว่าอยู่บุรีรัมย์”“ถ้าเราแต่งงานกัน พี่ไปอยู่บ้านลินได้ไหมล่ะ แม่ของลินจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว เพราะบ้านพี่ก็มีพี่ป้องกับพี่ก้อยอยู่ที่นั่นแล้ว”“ได้สิไม่มีปัญหา” เขายิ้มมุมปากพลางเลื่อนมือลงต่ำไปที่บั้นท้ายงามงอนแล้วเลิกชายกระโปรงของเธอขึ้นแล้วพูดว่า“แต่เราอาจต้องทำห้องนอนใหม่นะ เอาแบบที่เก็บเสียงได้ดีหน่อย ไม่อย่างนั้นแม่ของลินอาจจะนอนไม่หลับเพราะเสียงตอนพี่กระแทกเธอคงดังรบกวนท่านแน่นอน” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังจ่ออาวุธประจำตัวเข้าที่จุดเดิมแล้วเริ่มขยับสะโพกอย่างเป็นจังหวะ มือทั้งสองข้างก็จับชายชุดกระโปรงของหญิงสาวแล้วดึงขึ้นเพื่อถอดออกไปทางศีรษะ จนในที่สุดร่างเซ็กซี่เย้ายวนที่เขาหลงใหลก็ปรากฏต่อสายตา“ไหนว่าจะนวดให้ไง” เสียงแหบพร่าของเธอกระท่อนกระแท่นไปตามแรงกระแทกกระทั้น“ขออีกยกแล้วจะนวดให้ รับรองว่าเธอจะติดใจฝีมือการนวดของ
“แล้วคิดว่าไงล่ะ” แค่เธอลูบคลำไปมา เจ้าสิ่งที่อยู่ในกางเกงก็ประกาศศักดาสู้มือทันทีราวกับสั่งได้“จะไวไฟไปแล้วนะ” อลินดาแค่นยิ้มให้แฟนหนุ่ม“ไม่ไวได้ไงเล่า พี่ไม่ได้เมกเลิฟกับเธอนานแล้วนะ กระสุนเต็มรังแล้วเนี่ยไม่ได้ยิงออกไปสักที” ปกเกล้าปลดกระดุมกางเกงยีนเพื่อปล่อยอาวุธประจำกายให้เป็นอิสระ จากนั้นก็ยกมือขึ้นแตะศีรษะหญิงสาวเป็นเชิงบอกใบ้ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะการทำแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก“นานอะไรกัน ยังไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เลย หื่นไม่เข้าเรื่อง” อลินดายิ้มมุมปาก“สามวันก็จะขาดใจแล้ว นะที่รัก” ปกเกล้าออดอ้อนเสียงอ่อน ก่อนจะครางออกมาเบา ๆ เมื่อปลายลิ้นอ่อนนุ่มที่เขาหลงใหลปัดป่ายอยู่ตรงส่วนหัวแล้วลากไล่จากโคนถึงปลาย ตามมาด้วยความอุ่นร้อนจากโพรงปากที่กำลังกลืนกินเขาเข้าไปทีละนิดจนหมดชายหนุ่มชะลอรถให้วิ่งช้าลง เขาไม่กลัวรถคันอื่นจะมองมาแล้วเห็นว่าแฟนสาวคนสวยของเขากำลังก้มหน้าทำอะไรให้เพราะกระจกติดฟิล์มดำ อีกทั้งการขับรถไปแบบเสียว ๆ นี้ทำให้เขาตื่นเต้นและอารมณ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด ส่งผลให้
อลินดายืนกอดอกมองคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามาในร้านพิมาลินสปาด้วยแววตาขบขัน จำได้ว่าเมื่อวานปกเกล้าเพิ่งพูดกับเธอว่าจะไม่เข้ากรุงเทพฯ หลายวันเพราะต้องเตรียมเรื่องการจัดแข่งขันรถยนต์ให้กับสมาชิกของทริปเปิลเอกซ์ เขายังบอกเธอด้วยว่าไม่ต้องคิดถึงเขามากเกินไปจนไม่เป็นอันกินอันนอน แต่ทำไมคนพูดถึงได้มาโผล่ที่นี่เวลานี้ได้เล่า“มาทำไมคะคุณปกเกล้า” เธอถามยิ้ม ๆ“มาหาข้าวกิน ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ” พูดจบเขาก็คว้าข้อมือเธอแล้วจะดึงไปข้างนอก แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มก็หันมาพูดว่า“ไม่กินแถวนี้นะเบื่อแล้ว ไปกินข้างนอกกันบ้างดีกว่า”หญิงสาวพยักหน้าช้า ๆ “ก็ได้ ขอไปหยิบกระเป๋าก่อนนะ”หลังจากนั้นอลินดาก็ขึ้นรถไปกับปกเกล้า ชายหนุ่มขับไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง หญิงสาวรู้สึกสงสัยจึงถามไปว่า“นึกยังไงถึงพามากินที่นี่ และทำไมต้องร้านนี้ด้วยล่ะ”“ความจริงแล้วพี่นัดเพื่อนไว้น่ะ”“อ้าว นัดเพื่อนไว้แล้วพี่จะลากลินมาด้วยทำไมเนี่ย”“ก็อยากพามาด้วยนี่
“ไปกินเค้กวันเกิดเว้ย” ชินดนัยตอบทั้งรอยยิ้ม“ตอนกินใส่ชุดวันเกิดด้วยละสิท่า โธ่เอ๊ย สุดท้ายก็เห็นหญิงดีกว่าเพื่อนนะมึงเนี่ย” ปกเกล้าหยิบเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในจานกับแกล้มปาใส่เพื่อนด้วยความหมั่นไส้ แต่ชินดนัยเอาแต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางโบกมือให้แล้วเดินจากไปเมื่อเหลือกันอยู่สามคน ปกเกล้าจึงชี้ไปที่ภาวินแล้วพูดกับหญิงสาวว่า“รู้จักเครื่องสำอางแบรนด์เอเอ็นเอสไหม คนนี้แหละคือเจ้าของ”อลินดาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ เครื่องสำอางแบรนด์นี้ใครบ้างจะไม่รู้จัก ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเจอกับเจ้าของแบรนด์ตัวจริงเสียงจริง หนำซ้ำยังเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีอีกด้วย“สนใจเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แบรนด์พี่ไหมครับ พี่ว่าน้องสวยกว่าดาราบางคนซะอีกนะ” ภาวินได้โอกาสจึงชักชวนให้มาเป็นนางแบบเครื่องสำอางแบรนด์ของตนทันที แต่สุดท้ายก็ถูกปกเกล้าเบรกตัวโก่ง“ไม่ให้เว้ย”“อ้าว มึงมีสิทธิ์อะไรไปห้ามน้องเขาเนี่ยไอ้ปก มึงเป็นอะไรกับเขา”ภาวินแกล้งโวยวาย“กูเป็นแฟนเขา ก็กูไม่ให้อะมีปัญหา
อลินดายืนกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มที่เดิม หลังจากเก็บเงินในกระเป๋าสตางค์เรียบร้อยแล้วจึงหันกลับมา เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเทรนเนอร์หนุ่มคนเดิมยืนยิ้มให้อย่างเคย“พักนี้ผมไม่ค่อยเจอคุณเลย อยู่อีกสาขาหรือครับ”“ใช่ค่ะ ดูแลสลับกันไปเรื่อย ๆ” ในเมื่อเขาชี้นำคำตอบมาให้แล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องคิดหาคำตอบอื่นเพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่จะต้องบอกเขาว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอไปอยู่บุรีรัมย์ทั้งเดือน“ถึงว่าสิครับ ไม่เจอเลย ตอนแรกแอบใจหายนึกว่าคุณลาออกไปแล้วเสียอีก”“งานสมัยนี้หายากจะตาย จะลาออกทำไมละคะ”เธอมองไปทางหน้าร้านสปาของตน เห็นมีลูกค้ากำลังเดินเข้าไปจึงเอ่ยปากขอตัวกับเขา ชายหนุ่มจึงพูดว่า“ผมยังเสนอให้คุณเหมือนเดิมนะครับถ้าคุณสนใจจะนวด ผมบริการให้ฟรีเลยถ้าเป็นคุณ”ช่วงนี้อรชุมาไม่ได้เรียกใช้บริการเขาแล้วเพราะเจ้าหล่อนติดใจหมอนวดหนุ่มคนอื่น อีกทั้งพักหลังนี้อรชุมาจะติดใจการนวดแล้วนาบแบบแซนวิชที่ต้องใช้หมอนวดชายสองคน เขาจึงไม่ต้องหลอกล่อสาวสวยคนนี้ให้มาใช้บริ