“แม่...แม่อย่าทิ้งฟ้าไป ฮือๆๆ อย่าทิ้งฟ้าไป” หญิงสาวละเมอ ส่ายหน้าไปมา เสียงร้องไห้และน้ำตาทำให้คนที่ยืนมองอยู่สงสารจับใจ มือหนาเอื้อมไปแตะแกมเนียน เช็ดน้ำตาให้เบาๆด้วยความรู้สึกห่วงใย เพียงฟ้าจับมือที่แตะแก้มของตนเองไว้แน่น ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มหวานทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“แม่กลับมาหาฟ้าแล้ว แม่อยู่กับฟ้านะคะ แม่อย่าไปไหนนะ อย่าทิ้งฟ้าไป อย่า
ทิ้งฟ้า...” หญิงสาวละเมอจนเงียบและหลับไปอีกครั้ง นิธิมองมือบางที่กุมมือเขาไว้แน่นแล้วถอนหายใจแรง เขายืนนิ่งปล่อยให้หญิงสาวกุมมือไว้อย่างนั้น แล้วเอื้อมมือไปลูบศีรษะทุยราวกับต้องการปลอบโยน
“ผมจะดูแลคุณ จะอยู่กับคุณเองเพียงฟ้า” หัวใจที่แกร่งกล้าหนักแน่นมานานปี สั่นสะเทือนหวั่นไหวเพราะผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่เขารังแกเธอด้วยอารมณ์อยากเอาชนะ เมื่อสองเดือนที่แล้ว ในวันที่เขาขับรถไปส่งเธอที่บ้านนั้น ระหว่างทางหญิงสาวไม่ยอมพูดจาใดๆกับเขาเลย การจากลาในวันนั้นที่บ้านของหญิงสาว ไม่มีคำพูดใดๆ ราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ เธอไม่เชิญเขาเข้าบ้าน ไม่หันกลับมามอง เขาอยากจะขอรับผิดชอบ แต่เธอไม่เปิดโอกาสให้เลย
จากวันนั้นจนกระทั่งวันนี้ ไ
“ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจพิสูจน์หลักฐานการเกิดเพลิงไหม้ครับ ตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ตอนนั้นคุณพรจันทร์นอนอยู่บ้านคนเดียว คุณฟ้ายังไม่กลับจากที่ทำงานครับ” เหมันต์มีสีหน้าหนักใจ สงสารสองสาวที่ต้องสูญเสียมารดาไปกับเหตุสลดใจครั้งนี้ เพียงขวัญนั้นคอยปลอบโยนเพียงฟ้าก็จริง แต่หญิงสาวเองก็ใช่ว่าจะเข้มแข็ง ตลอดการเดินทางมาที่นี่หญิงสาวร้องไห้มาตลอดทาง แต่เมื่อมาเจอน้องสาว เพียงขวัญกลับต้องพยายามข่มกลั้นความเจ็บปวดเสียใจไว้ เพราะเธอมีหน้าที่ต้องดูแลน้องสาวที่กำลังขวัญเสียอยู่“เอ่อ...คุณเหมครับ” นิธิเองก็มีสีหน้าหนักใจไม่ต่างกันกับเจ้านาย“มีอะไรหรือเปล่าคุณนิธิ ดูคุณมีเรื่องกังวลใจอยู่นะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” หนุ่มใหญ่ถอนหายใจแรง สบสายตากับเจ้านายก่อนจะบอกเล่าสิ่งที่เขาเพิ่งรับรู้จากแพทย์ที่เข้ามาตรวจอาการเพียงฟ้าเมื่อเช้านี้“คุณฟ้าท้องครับ” เหมันต์ขมวดคิ้วมุ่นทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่คนสนิทบอก แต่ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากซักถามใดๆออกไป นิธิก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“คุณฟ้าท้องกับผม ผมเอาเปรียบเธอในคืนที่คุณเหมให้ดูแลเธอครับ” สองหนุ่มต่างวัยสบตากันนิ่ง นิธิไม
“หากไม่มีบุญต่อกันแล้ว เขาจะไม่ได้มาอยู่กับฟ้าแน่นอน ถ้าฟ้าไม่อยากเล่า แม่ก็จะไม่ถาม แต่ฟ้าต้องสัญญากับแม่ว่าจะดูแลตัวเองให้ดี เขาไม่ได้ผิดอะไร เขาบริสุทธิ์เกินกว่าที่เราจะทำร้ายเขานะลูก” เพียงฟ้าเงยหน้ามองมารดาด้วยสายตาไม่แน่ใจ หญิงสาวกำลังขลาดกลัว และหวาดหวั่นกับเรื่องที่เกิดขึ้น“เราจะเลี้ยงดูหนูน้อยคนนี้ช่วยกัน เราจะอยู่กันสามคน แม่จะได้เป็นยายแล้ว ฟ้าก็จะกลายเป็นแม่ แล้วก็เจ้าตัวน้อยนี้จะเป็นลูกของฟ้า และเขาก็คือหลานของแม่”“ฟ้าอายคนอื่น” หญิงสาวบอกเสียงสะอื้น“ไม่มีอะไรน่าอายสักนิด เรามีแต่เรื่องที่น่ายินดีต่างหาก สิ่งที่เราควรต้องอายคือบาป หากฟ้าตัดสินใจอะไรผิดพลาดไป บาปนั้นจะติดตัวไปตลอดนะลูก” เพียงฟ้าโผเข้ากอดมารดาแน่น ท่านรู้ว่าเธอคิดจะทำอะไร มันเป็นสิ่งที่บาปอย่างมหันต์“สัญญากับแม่นะว่าฟ้าจะดูแลตัวเองและเจ้าตัวน้อยดีๆ” หญิงสาวพยักหน้ารับกับอกมารดา ในเมื่อมีมารดาคอยอยู่เคียงข้างให้กำลังใจ เธอก็จะไม่หวาดกลัวอะไร ไม่ว่าในวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น เธอมั่นใจเหลือเกินว่ามารดาจ
“อ๊ะ! ตาแก่จะทำอะไร” เพียงฟ้าถามเสียงสูงด้วยความตกใจ เมื่อหนุ่มใหญ่ปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระแล้วเคลื่อนกายลงต่ำ ฟุบหน้าลงกับหน้าท้องแบนเรียบของตน “จุ๊ๆ เงียบๆหน่อย เดี๋ยวลูกก็ตกใจหรอก” นิธิประทับจูบลงบนหน้าท้องผ่านเนื้อผ้าชุดเดรสสีดำเบาๆ “สวัสดีครับ ลูกสาวของพ่อ” คิ้วเรียวขมวดมุ่น ตาบ้านี่รู้ได้อย่างไรว่าลูกของเธอเป็นผู้หญิง “จะบ้าเหรอ ฉันยังไม่ได้ตรวจเลยนะ ลุงรู้ได้ยังไงว่าลูกเป็นผู้หญิง” “เหอะน่า! ผมมีเซ้นส์” “ไม่เอา! ฉันอยากได้ลูกชาย ลูกของฉันจะต้องเป็นผู้ชาย” “ถ้าอย่างนั้น หากคนนี้เป็นผู้หญิง เราก็ทำเพิ่มอีกสักคน แต่ถ้าคนที่สองยังเป็นผู้หญิงอีก เราก็ทำคนที่ สาม สี่ ห้า ทำกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ลูกชายสมใจคุณนะ” ใบหน้าของคนพูดฉาบไปด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม แววตาเจ้าเล่ห์ไหวระริก เพียงฟ้ารู้ตัวว่าพลาดแล้ว หญิงสาวจึงสะบัดหน้าหนี เม้มปากแน่น เจ้าของแผนการผลิตลูกหัวเราะเบาๆในลำคอ เขาเคลื่อนตัวขึ้นมาจนใบหน้าอยู่เสมอกับเธออีกครั้ง “
“คุณนิธิไม่แก่หรอกน่า ว่าแต่ขวัญคิดว่าผมแก่ไหม”“มะ...ไม่แก่นี่คะ” เพียงขวัญเบี่ยงใบหน้าออกห่างเล็กน้อย มองเขาอย่างแปลกใจ เขาวกมาเข้าเรื่องตนเองได้อย่างไรนะ กำลังพูดถึงเรื่องคนอื่นอยู่แท้ๆ“พูดจริงหรือหลอกให้ดีใจฮึ”“พูดจริงสิคะ”“เอาอะไรมาอ้างอิงล่ะว่าผมไม่แก่ จะได้ดูน่าเชื่อถือ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นกำลังคิดว่าจะบอกเขาว่าอย่างไรดีว่าเขาหน้าตาอ่อนกว่าอายุมากและก็แข็งแรงมาก ไอ้หน้าตาเนี่ย...เธอสามารถให้คนอื่นยืนยันช่วยได้ แต่การที่จะบอกว่าเขาแข็งแรงโดยเอาสิ่งที่เขาทำกับเธอมาอ้างอิงก็ดูจะกระดากปากที่จะบอกออกไปเหลือเกิน เหมันต์หัวเราะเบาๆกับใบหน้าเคร่งเครียดของหญิงสาว ชายหนุ่มคลึงหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นเบาๆ“มันตอบยากขนาดนั้นเลยหรือ”“เอ่อ...” เพียงขวัญจ้องหน้าเขานิ่ง ใบหน้างามแดงเรื่อและรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งร่าง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา หญิงสาวก็ถึงบางอ้อ เขากำลังล่อหลอกทำให้เธอเขินจนจนมุม“ไม่ต้องตอบก็ได้ เรามาพิสูจน์กันดีกว่า ยังมีเวลาอีกนิดหน่อย”“อุ๊ย!” เพียงขวัญไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เมื่อคนขี้เอา..แต่ใจอย
“ผมกับขวัญจะกลับบ้านก่อนนะคุณนิธิ ทิ้งมานานหลายวันแล้วผมเป็นห่วงงาน ตอนนี้ก็เกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย คุณแม่ท่านเพิ่งเดินทางกลับจากที่นี่ไปไม่ทันได้พักผ่อนก็ต้องรีบไปเคลียร์ให้ ผมไม่อยากรบกวนท่าน อยากให้ท่านได้พักผ่อน เพราะอายุมากแล้ว”“คุณเหมคะ ขวัญอยากอยู่ดูแลฟ้า” เพียงขวัญรู้ดีว่าหากเขากลับ ชายหนุ่มจะต้องพาเธอกลับไปด้วยแน่ เหมันต์ส่ายหน้า“คุณนิธิจะเป็นคนอยู่ดูแลฟ้า และพากลับไปอยู่ใกล้ๆเรา” เพียงขวัญเบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน“ตกใจอะไร ผัวเมียกันก็ต้องอยู่ด้วยกันสิ” เหมันต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงติดดุ“แล้วฟ้าจะยอมไปด้วยหรือคะ” เพียงขวัญไม่แน่ใจเลย เธอรู้ถึงความหัวดื้อของน้องสาวต่างสายเลือดดี“ผมจะพาคุณฟ้าไปอยู่ด้วยครับ อย่างไรเธอก็ต้องกลับไปอยู่กับผมเท่านั้น” นิธิย้ำชัดทุกถ้อยคำ“ฟ้าไม่ไป ฟ้าจะอยู่ที่นี่” เพียงฟ้าลืมตาตื่นขึ้นมา บอกทุกคนด้วยเสียงสั่นเครือ“พี่เหมคะ” เพียงฟ้าสบสายตากับเหมันต์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม และรอฟังว่าหญิงสาวจะพูดอะไร“ขวัญไปอยู่กับคุณเหมครบสามเดือนแล้วนี่คะ ข้อตกลงเรื่องสินสอดที่พี่เหมให้
“ขวัญเป็นพี่ที่แย่ที่สุด แค่น้องสาวคนเดียวก็ดูแลไม่ได้ คุณแม่ต้องผิดหวังในตัวขวัญแน่ๆเลย หากท่านรู้ ท่านจะต้องเสียใจที่ขวัญไม่ดูแลน้อง ขวัญเห็นแก่ตัว หนีมาอยู่กับคุณเหมในขณะที่น้องมีปัญหามากมายรุมเร้า ขวัญเป็นพี่ที่แย่ที่สุด” เพียงขวัญสะอื้นไห้ออกมากับอกกว้าง เหมันต์ลูบแผ่นหลังปลอบโยนเบาๆ“เชื่อเถอะน่า ยังไงคุณนิธิก็ต้องพาฟ้ากลับมาอยู่ใกล้ๆเราจนได้แหละ อย่าโทษตัวเองแบบนี้สิคนดีของผม” จมูกโด่งกดลงบนเรือนผมหอมกรุ่น เพียงขวัญขยับตัวนั่งตัวตรงจ้องมองใบหน้าหล่อเข้มอย่างชั่งใจ เธอเป็นคนผิดมานานแล้ว จะไม่ให้โทษตัวเองได้อย่างไร หากเธอยอมถอยห่างไปจากเหมันต์ตั้งแต่ตอนที่เพียงฟ้ามาที่นี่ บางทีนะบางที...มารดาอาจจะไม่เสียชีวิต เพราะเธอไม่เคยกลับบ้านดึก ในตอนที่เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้บ้าน หากเธออยู่ด้วย เธออาจจะช่วยมารดาได้ทัน หรือหากเธอบอกความจริงเขาไปเร็วกว่านี้ เพียงฟ้าอาจจะได้อยู่กับเหมันต์ที่นี่ มารดาก็จะต้องตามมาดูแลลูกสาวของท่าน ท่านก็อาจจะไม่ต้องเสียชีวิต เพียงฟ้าก็ไม่ต้องถูกคุณนิธิรังแก แต่เพราะเหมันต์ไม่รู้ความจริง เขาไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่สมควรจะมาอยู่ที่นี่กับเขา เขาจึงคิดว่าเธอไม
“ไม่อ้าวล่ะ ฮึกๆ คุณเหมรู้ไหม ขวัญกลัวมาตลอดเลย กลัวว่าถ้าคุณเหมรู้ความจริงแล้วคุณเหมจะเกลียดขวัญ คนขี้แกล้ง ขวัญอยากจะทุบคุณเหมแรงๆ อยากจะเลิกรักคุณเหมจริงๆ” มือน้อยปาดน้ำตาป้อยๆ สายตางอนของเพียงขวัญทำให้เหมันต์หัวเราะชอบใจ ยกมือขึ้นช่วยเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ“ไม่เอา...ไม่ให้เลิกรัก ผมขอโทษ ผมไม่ได้สนใจนี่ว่าขวัญจะเป็นลูกใคร ผมสนใจแค่ว่าคุณคือผู้หญิงที่ผมรัก เท่านี้ก็พอแล้ว” เพียงขวัญยิ้มทั้งน้ำตา ขยับตัวขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง ใช้สองแขนเรียวโอบรอบลำคอหนา แล้วยกตัวขึ้นพรมจูบไปทั่วใบหน้าหล่อเข้มซ้ำๆอยู่อย่างนั้น เหมันต์โอบกอดเอวคอดไว้หลวมๆ ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างพออกพอใจ จนกระทั่งหญิงสาวเลื่อนใบหน้าไปด้านข้าง ในระดับที่ริมฝีปากชิดใบหูเขา“ขวัญไม่มีวันเลิกรักคุณเหม แล้วคุณเหมก็ห้ามเลิกรักขวัญด้วย” เหมันต์กอดร่างบางแน่นขึ้น หอมแก้มเนียมที่อยู่ชิดจมูกฟอดใหญ่“ใครเขาจะเลิกรักเมียได้เล่า ผมรักคุณ”“ขวัญก็รักคุณเหมนะคะ” ลมอุ่นร้อนกับคำกระซิบบอกรักอย่างน่ารักนั้นทำให้เหมันต์หายใจสะดุด มือหนาลูบไล้สะโพกมนเรื่อยลงไปจนถึงต้นขาเนียนที่พ้นจากกางเกงขาสั้นสีขาว ก่อนจะว
“ขวัญจ๋า ผมรักคุณ ที่รักของผม อื้มมม” เหมันต์ส่งแรงรักฝากฝังกายสุดทาง ถอดถอนและเติมเต็มขยับโยกในจังหวะเร้าใจ เพียงขวัญรับเอาทุกอย่างของเขาไว้ เต็มตื้นทั้งกายและหัวใจ หญิงสาวแอ่นสะโพกเข้าหาอย่างบ้าคลั่งไม่แพ้กัน จนกระทั่งปลายทางความสุขสมใกล้จะถึงเต็มที หญิงสาวจึงกรีดร้องเสียงดัง ส่ายหน้าเร็ว จิกเล็บลงบนต้นแขนกำยำสุดแรง ยกสะโพกเกร็งค้าง ให้เขาโจนจ้วงเข้าหาในจังหวะเร็วแรงอย่างรู้ใจ“คุณเหม คุณเหม กรี๊ดดด!”“ขวัญ ขวัญจ๋า อ๊ากกก!” เมื่อส่งหญิงสาวขึ้นไปลอยคว้างบนเวิ้งฟ้าแล้ว ชายหนุ่มก็ปลดปล่อยนำพาตัวเองไปยังความรู้สึกเดียวกันกับเธอ เหมันต์ฟุบหน้าลงกับซอกคอนุ่ม ทิ้งกายลงทาบทับ กดลำกายแช่นิ่งล้ำลึกในช่องทางรักคับแคบอุ่นร้อน“อื้อ! คุณเหมคะ ขวัญหนักค่ะ” เพียงขวัญบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย เธอไม่มีแรงแม้แต่จะขยับกาย หรือยกมือขึ้นผลักไสเขา เหมันต์เงยหน้าขึ้นหอมแก้มเนียนแดงปลั่งสองข้าง ถอดถอนกายออกมาจากความอบอุ่นที่โอบรัดอยู่ จับร่างบางให้นอนหงายไปบนโซฟา หากแต่ไม่ยอมวางเรียวขาเสลาจากบ่าทั้งสอง ชายหนุ่มผันกายไปนั่งคุกเข่าบนโซฟา ดวงตาคมที่ฉาบไปด้วยไฟเสน่หายังไม่มอดดับลง
“พี่แดน!” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มทำให้เด็กสาวงอน จนเผลอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ใบหน้าที่น่ารักจิ้มลิ้มบูดบึ้งจนน่าขำ“ดูทำหน้าสิ ไม่น่ารักเลย”“ไม่น่ารักก็ไม่ต้องมารัก พี่แดนอยากมาหัวเราะพี่ข้าวก่อนทำไม” บุรินทร์วางจอบที่แบกไว้บนบ่าลง แล้วกอดอกพิงหลังกับต้นทองกวาว ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีหม่น กางเกงยีนส์สีซีดกับรองเท้าบูธสีดำ โดยมีผ้าขาวม้าคาดเอวไว้ด้วย เพราะเขาถือว่ามันเป็นผ้าสารพัดประโยชน์ ต้องคาดติดเอวไว้ตลอดเวลา“พี่ไม่ได้หัวเราะพี่ข้าวสักหน่อย พี่หัวเราะไอ้หน้าแหลมโน่น” ชายหนุ่มพยักพเยิดไปยังควายเพศผู้ที่และเล็มหญ้าอยู่ไม่ไกล ไอ้หน้าแหลมเป็นควายที่บุรินทร์รับซื้อมาตั้งแต่ยังเล็ก เจ้าของเดิมเป็นชาวบ้านแถวนี้ขอร้องให้เขารับซื้อมันไว้เพราะเดือดร้อนเงิน ชายหนุ่มจึงรับซื้อไว้ด้วยความสงสาร และเลี้ยงมันมาจนโต“ไอ้หน้าแหลมมันจะทำอะไรให้พี่แดนหัวเราะได้ ในเมื่อมันก้มหน้าก้มตากินหญ้าอยู่อย่างเดียว”“อ้าว! ก็พี่ข้าวมัวแต่เซลฟี่อยู่ไง ก็เลยไม่เห็น ควายอะไรไม่รู้กินหญ้าอยู่ดีๆก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มตัวเดียว เดี๋ยวก็ทำแก้มป่อง เดี๋ยวก็ขยิบ
“แก้วจ๋า” คนไม่อยากนอนเรียกเสียงอ่อนเสียงหวาน“พ่อง่วง เลิกคุยกันเสียที” หนุ่มสาวสะดุ้งจ้องมองตากันในความมืด ทำได้แค่เพียงนอนจับมือกันไว้แค่นั้น เข้าหอคืนแรกก็โดนพ่อตากันท่าซะแล้ว แล้วคืนพรุ่งนี้ และคืนต่อๆไปล่ะ ถ้าพ่อตาเข้ามานอนด้วยทุกคืน เขาจะทำเช่นไร บดินทร์อยากจะกรีดร้อง มันแน่นอกมากปังๆๆ เสียงทุบประตูยามดึกสงัดดังจนคนทั้งสามสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง บดินทร์ลุกขึ้นไปเปิดไฟทันที“พี่กำนัน! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” กำนันเกื้อเหลียวหน้าเหลียวหลัง ก็นึกว่าเมียหลับแล้ว เลยแอบย่องออกมาเป็นไม้กันหมาให้ลูกสาว คนเกรงใจเมียหน้าซีดเผือด“พี่กำนันจะออกมาดีๆ หรือออกมาด้วยน้ำตา” เสียงตวาดแหวถามเข้ามาทำเอากำนันเกื้อสะดุ้งโหยง“พ่อดิน พ่อลูกเขยคนดี พ่อยอดขมองอิ่มของพ่อ ช่วยบอกแม่ติ๋มให้ทีว่าพ่อหลับแล้ว แล้วก็อย่าเปิดประตูนะ” บดินทร์สบสายตาเว้าวอนของพ่อตา ชายหนุ่มมีสีหน้าเห็นใจ“ได้ครับพ่อตา” ร่างสูงเดินไปใกล้ประตูแล้วเอ่ยเสียงดังให้ได้ยินทั้งคนข้างนอกข้างใน“แม่ติ๋มครับ พ่อตาให้บอกว่าพ่อตาหลับแล้วครับ” กำนันเกื้อถึงกับสะดุ้ง มองหน้าลูกเขยด้วยความแค้นใจ
“แดนมาก็ดีเหมือนกัน พี่ขวัญฝากให้อยู่เป็นเพื่อนพี่ข้าวแป๊บหนึ่งนะคะ พี่ขวัญจะพาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถ นี่เริ่มงอแงแล้ว สงสัยจะหิวนม” เด็กหนุ่มยิ้มบาง“ครับ”“พี่ข้าวอยู่กับพี่แดนก่อนนะลูก คุณแม่พาน้องขิงไปเอาขวดนมที่รถแป๊บเดียวนะคะ”“ค่า” เด็กหญิงตอบรับเสียงสดใสเมื่ออยู่ลำพังสองคน บดินทร์ขยับเข้าใกล้ไกวชิงช้าเบาๆ เด็กหนุ่มมองใบหน้าจิ้มลิ้มของน้องน้อยด้วยสายตาอ่อนโยน“พี่แดนค้า ไกวชิงช้าแรงๆหน่อยสิค้า พี่ข้าวอยากไกวแรงๆ”“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวตก” เด็กหญิงเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มงอง้ำเมื่อถูกขัดใจ“พี่แดนใจร้าย พี่ข้าวอยากไกวชิงช้าแรงๆ ฮึกๆ” เมื่อเห็นน้องน้อยร้องไห้บุรินทร์จึงใจอ่อน“เอาอย่างนี้นะครับ พี่แดนจะนั่งด้วย แล้วให้พี่ข้าวนั่งตัก เราถึงจะไกวชิงช้าแรงๆได้” เด็กหนุ่มแหงนมองเชือก ดูความแข็งแรงของชิงช้าและกิ่งไม้ใหญ่ ประเมินแล้วว่ามันแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักเขาและเด็กหญิงได้แน่นอน หทัยรักยิ้มกว้างทั้งน้ำตา“พร้อมมั้ยครับเจ้าหญิงน้อย” เมื่อคนที่มีฐานะเป็นพี่นั่งก่อนแล้วให้น้องน้อย
“แก้วจ๋า แก้วของพี่สวยเหลือเกิน” ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับความสวยงามที่เขาพร่ำเพ้อ แก้วใจสะท้านไปทั้งร่าง สองมือจิกผ้าปูที่นอนไว้แน่น ริมฝีปากสีสวยเม้มแน่นเป็นเส้นตรง เธอไม่กล้าส่งเสียงน่าอายออกไปทั้งที่หวามไหวซ่านกระสันแทบคลั่ง “แก้วจ๋า หวานหอมที่สุด” บดินทร์ครางแนบชิดเนื้อนาง จูบซ้ำๆ ดูดดึงและซอกซอนรีดเค้นเอาความหวานจากร่างเล็ก แก้วใจเกินจะเก็บกักความวาบหวามไว้ในอกได้ หญิงสาวครวญครางแว่วหวาน กระถดสะโพกหนีความซ่านหวิวที่ตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ หากแต่ถูกดึงรั้งตรึงเอาไว้มั่น เธอจึงทำให้แค่เพียงส่ายสะบัดหน้าเร็วๆและกรีดร้องออกมาในที่สุด “อ๊า! พี่ดิน! กรี๊ดดด!” หน้าท้องแบนราบเกร็ง ร่างกายเบาหวิวปลิดปลิวไปกับสายลมรัก บดินทร์เคลื่อนกายขึ้นมาคร่อมร่างบางไว้ พรมจูบไปบนใบหน้าชื้นเหงื่อจนทั่ว ไปหยุดอยู่ตรงปากนุ่มๆ คลอเคลียดูดดึงเบาๆ ก่อนจะปรนเปรอเจ้าสาวของตนด้วยจูบ แสนหวานปานจะกลืนกินเธอลงท้องเสียให้ได้ “พี่รักแก้ว” ชายหนุ่มกระซิบคำบอกรักแนบอยู่กับกลีบปากบาง แก้วใจลืมตาขึ้นมาสบตาเข
หลังจากเสร็จพิธีบายศรีสู่ขวัญและผูกข้อไม้ข้อมือกันแล้ว ก็เป็นการส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ ปล่อยให้ทั้งสองอยู่ในห้องกันลำพังเพื่อให้บ่าวสาวได้พักผ่อน ก่อนจะออกมาต้อนรับแขกอีกครั้งในงานเลี้ยงตอนเย็นแก้วใจนอนนิ่งอยู่บนเตียงที่โรยด้วยกลีบกุหลาบแดงรูปหัวใจสองดวง โดยมีเจ้าบ่าวนอนกอดตัวเธออยู่ ประตูห้องถูกปิดลงเมื่อสักครู่ แว่วเสียงพ่อเจ้าบ่าวกับพ่อเจ้าสาวถกเถียงกันจะไม่ยอมให้ล็อกประตู หากแต่สุดท้ายแล้วแม่ ติ๋มก็จัดการล็อกประตูจากด้านนอกจนได้“พะ...พี่ดิน” หญิงสาวขยับกาย พยายามขยับออกห่างจากร่างใหญ่ที่กอดเธอไว้เสียแน่น แต่เขาไม่ยอมปล่อย“หืม...ว่าไงครับ” ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับจูบลงบนหน้าผากมน แก้วใจเงยหน้าขึ้นสานสบกับดวงตาวาววับคู่คมแล้วสะเทิ้นอาย จนต้องก้มหน้าหลบเสียเอง“เขาออกกันไปหมดแล้ว ลุกขึ้นได้แล้วค่ะ”“อยากนอนกอดแก้วแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ขอกอดต่ออีกนิดนะ” บดินทร์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีกนิด“ฮื่อ...แก้วเมื่อย ลุกเถอะค่ะ” ร่างใหญ่ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี คนที่ตื่นเต้นกับสัมผัสแนบชิดจนแทบจะเป็นลมรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งตาม วงแขนแข็งแรงรีบกอดเกี
“อือ...” การขานรับในลำคอแบบไม่ค่อยเต็มใจของสามีทำให้แม่ติ๋มส่ายหน้า คงต้องรอให้เวลาผ่านไปสักหน่อย เดี๋ยวคงทำใจยอมรับลูกเขยได้เองเหมันต์และเพียงขวัญมาร่วมงานแต่เช้า โดยมีลูกๆทั้งสามติดตามมาด้วย หทัยรักหรือพี่ข้าวของน้องๆลูกสาวคนโตอายุสี่ขวบ หทัยกานต์หรือเข้มลูกชายคนกลางอายุสองขวบ และหทัยชนกหรือน้องขิงลูกสาวคนเล็กอายุหนึ่งขวบ คุณแม่ยังสาวจัดชุดครอบครัวใส่โทนสีเดียวกันคือสีฟ้า ลูกสาวทั้งสองอยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าลายดอกไม้สีขาวเล็กๆ ลูกชายและสามีสวมเชิ้ตแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์และรองเท้าหนังสีน้ำตาล ส่วนเธอสวมชุดเดรสสีฟ้ายาวคลุมเข่าสวมรองเท้าสานสีขาวเหมือนกับลูกสาวทั้งสองนิธิและเพียงฟ้าพานิดาหรือหนูดาลูกสาวคนโตวัยสี่ขวบกว่า และนทีหรือนทวัยหนึ่งขวบมาร่วมงานด้วย เพียงฟ้าได้กล่าวคำขอโทษกับแก้วใจ เรื่องที่เธอเคยทำร้ายหญิงสาวเมื่อหลายปีที่แล้ว ทั้งสองปรับความเข้าใจกันและตกลงนับถือกันเป็นพี่น้องพิธีการเริ่มขึ้นหลังจากวางสินสอดซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าวจัดมาสมกับฐานะเจ้าสาวแล้ว ขณะทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน เหมันต์และเพียงขวัญจึงพาลูกๆเลี่ยงไปนั่งเล่น
“ตื่นกันหรือยังคะ” เพียงขวัญส่งเสียงดังมาก่อน“ตื่นแล้วครับ” นิธิตอบกลับไป ยกมุ้งครอบขึ้น พาตัวเองลงมายืนอยู่ข้างศาลาเรือนไทย หนุ่มใหญ่จัดการสวมชุดให้ตัวเองและภรรยาหลังจากที่บทเพลงรักสุดท้ายจบลงอย่างเร่าร้อน จึงไม่ต้องห่วงว่าใครจะมาเห็นภาพที่ไม่สมควรเห็น“ป๊ะป๊า” ลูกสาวส่งเสียงเรียกอย่างดีใจ เมื่อเห็นหน้าผู้เป็นพ่อ นิธิยื่นมือออกไปรับลูกมาไว้ในอ้อมกอด“ว่าไงคะ หนูดาดื้อกับป้าขวัญหรือเปล่าลูก” คุณพ่อหอมแก้มลูกสาวอย่างรักใคร่“หนูดาเพิ่งตื่นค่ะ ตื่นมาไม่เจอคุณพ่อคุณแม่ แกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขวัญเลยอุ้มมานี่ล่ะค่ะ เอ่อ...ฟ้ายังไม่ตื่นเหรอคะ” เพียงขวัญชะเง้อคอมองเข้าไปในมุ้งครอบ เห็นแต่ผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างน้องสาวอยู่“ยังครับ” นิธิตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย“เอ่อ...เดี๋ยวขวัญไปเตรียมอาหารเช้ารอนะคะ”“ขอบคุณครับ” หนุ่มใหญ่กล่าวคำขอบคุณแล้วพาลูกน้อยมุดเข้าไปในมุ้งครอบหลังใหญ่ เพียงขวัญมองแล้วอมยิ้ม ก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าไปในบ้านแรงดูดจ๊วบๆที่ยอดอกทำให้คุณแม่ที่หลับใหลอยู่สะดุ้งตื่น แล้วหลุบตามองหน้าอกตัวเองด้วยความตกใจเล็กน
“ก็ฟ้าหมายถึงเมื่อก่อนนี้ ไม่ได้หมายถึงตอนนี้” แก้ตัวอุบอิบ“งั้นก็ไม่ต้องไปง้อ เพราะฟ้าไม่ผิด คุณนิธิเข้าใจผิดไปเอง” เพียงขวัญสรุปแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟ ก่อนเอนกายลงนอน หันหลังให้น้องสาว“อ้าว!” เพียงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งคิดชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจนำผ้าห่มผืนหนามากั้นฝั่งตัวเองไว้ แล้วก้าวลงจากเตียง เปิดประตูห้องออกไป เพียงขวัญหัวเราะเบาๆ ลุกขึ้นเปิดไฟมองดูความเรียบร้อยบนเตียงกว้างอีกครั้ง“นอนกับป้านะคะหนูดา ให้คุณพ่อคุณแม่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์สักคืนนะคะ อุ๊ย!” วงแขนแกร่งที่กอดรัดเอาร่างตัวเองลอยขึ้นจากเตียงทำให้เพียงขวัญอุทานตกใจ“คุณเหม”“ฟ้าออกไปหาคุณนิธิแล้ว เราลงไปนอนพื้นกันเถอะ ปล่อยให้เด็กๆนอนบนเตียง”“นอนด้วยก็ได้ แต่ไม่ทำอะไรนะคะ เกรงใจลูกกับหลาน” เพียงขวัญต่อรอง ขณะยืนมองสามีปูที่นอนลงข้างเตียง“อือ...” เหมันต์ส่งเสียงในลำคอ เมื่อปูที่นอนเสร็จก็หันมารวบร่างภรรยาเอนกายลงนอนพร้อมกัน“คุณเหม...” เพียงขวัญปรามเสียงเบา เพราะกลัวลูกกับหลานจะตื่นขึ้นมา“ครับ”“ไหนบอกไม่ทำอะไรไงคะ”“ใครบอก”
“เดี๋ยวเรียกป้าโอ๋มาอยู่เป็นเพื่อนหนูดาก็ได้นะคะ” เพียงฟ้าหันมายิ้มให้สามี“ไม่เป็นไร ลุงนิจะอยู่กับลูกเองนะคะ” หญิงสาวหน้างอง้ำ สะบัดหน้าหนีงอนๆ“ลูกหลับอยู่ เรารึก็อุตส่าห์จะอาบน้ำให้ แต่ถ้าลุงนิอยากอยู่กับลูกก็ตามใจนะคะ” พูดจบก็เดินสะบัดก้นออกจากห้องไปทันที หนุ่มใหญ่ยืนนิ่งกะพริบตาปริบๆ มองประตูห้องปิดลงงงๆ หลังจากนั้นไม่ถึงห้าวินาที เพียงฟ้าที่เดินขึ้นบนบ้านไปก่อนก็หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงสามีตะโกนดังลั่นบ้าน“ป้าโอ๋! ป้าโอ๋ครับ ป้าโอ๋อยู่หนายยย”เช้าวันต่อมานิธิไปส่งลูกเมียไว้ที่บ้านสวนของเหมันต์ แล้วรีบกลับเข้าเมืองไปทำงานทันที เพียงฟ้ากับลูกน้อยจึงอยู่กับเพียงขวัญ เหมันต์และเด็กหญิงหทัยรัก“อ้อนให้คุณนิธิพามาส่งจนได้นะเราน่ะ” เพียงขวัญเอ่ยกับน้องสาวยิ้มๆ ขณะที่นั่งป้อนข้าวลูกสาวอยู่ที่ศาลาเรือนไทยหลังบ้าน“ก็ฟ้าอยากคุยกับขวัญ อยากพาหนูดามาเล่นกับน้องข้าว” น้องสาวอ้อนพี่สาวยิ้มๆ“น้องข้าวคิดถึงน้าฟ้ากับหนูดามั้ยคะ” หทัยรักฉีกยิ้มกว้าง เด็กหญิงแย่งช้อนในมือมารดามาถือไว้ แล้วยื่นไปใกล้ปากเด็กหญิงอีกค