ในตอนที่ฉันฝันถึงกู้จื่อโม่สามวันติดๆ ฉันก็พูดกับตัวเองในใจ 'ยอมรับซะเถอะ! เทียบกับการหลีกเลี่ยงเด็กเรียนแย่ ไม่สู้เปลี่ยนแปลงเขาดีกว่า!ดังนั้น ในตอนที่กู้จื่อโม่นอนหลับในขณะเรียน ฉันเริ่มหยิกแขนของเขาเพื่อจะให้เขาตั้งใจเรียนหลังเลิกเรียนก็ดึงเขาให้อยู่เขียนการบ้านที่ห้องเรียน และสอนพิเศษให้เขาหนึ่งชั่วโมงสุดสัปดาห์วิดีโอคอลควบคุมเขาให้เขียนการบ้านที่คุณครูสั่งให้เรียบร้อยด้านกู้จื่อโม่ยื่นข้อต่อรองมาให้ฉันต่อฉัน อีกด้านหนึ่งกลับหัวเราะคิกคัก: 'ฉันชอบคำพูดของเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน!' ท่าทางแบบนั้นดูสะดีดสะดิ้งเล็กน้อยแต่ประสิทธิผลเห็นได้ชัดเจน ตอนที่สอบกลางภาค คะแนนของกู้จื่อโม่แต่ละวิชาอยู่ที่ 60 คะแนนขึ้นไปเขากระโดดขึ้นสูง จากนั้นโอบกอดฉันไว้ 'อ้าก นางฟ้าเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน นี่เป็นครั้งแรกที่สอบผ่านทุกวิชาตั้งแต่ที่ฉันเรียนหนังสือมา!''เธออยากได้ของขวัญอะไร? หรือไม่ ฉันไปเลี้ยงข้างเธอที่ร้านอาหารสู่อวิ้นจายแล้วกัน อาหารของที่นั่นอร่อยมากเลย''รอให้ฉันนำใบคะแนนไปตรงหน้าพวกเหล่ากู้ จะต้องสาดส่องจนดวงตาของพวกเขาบอดแน่ๆ ฮ่าฮ่า'……กู้จื่อโม่ยังแสดงความดีใจของตัวเองออกมาไม่ห
หลังจากตั้งสติกลับจากความทรงจำ ฉันหัวเราะเยาะตัวเอง คุณแม่กู้มีลูกสะใภ้อย่างฉันตามที่หวังไว้ น่าเสียดายที่คนที่หน้าแดงคนนั้นกลับรังเกียจฉันแล้วแต่คนที่ทอดทิ้งเขาก็คือเจียงอีอี คนที่บีบบังคับให้แต่เขาแต่งงานก็คือพ่อแม่ของเขา ฉันทำผิดอะไรกัน?ถ้าหากฉันมีความผิด งั้นก็น่าจะเป็นเพราะฉันไม่ควรแอบรักเขาข้างเดียวมาสิบกว่าปีสินะ!วันแรกๆ ที่เพิ่งแต่งงานกับกู้จื่อโม่ ฉันคิดว่าฉันสามารถใช้ความจริงใจทำให้เขาซาบซึ้งได้ จากนั้นแทนที่เจียงอีอีที่อยู่ในใจของเขาคุณแม่กู้บอกฉันว่าเขาชอบทานอาหารที่ป้าหลิวคนรับใช้ทำ ฉันจึงเดินทางกลับไปที่คฤหาสน์เก่าหลังเลิกงานทุกวัน และหมกมุ่นเรียนรู้การทำอาหารอยู่ที่ห้องครัวไม่รู้ว่ามีดบาดนิ้วกี่ครั้ง สิ้นเปลืองวัตถุดิบจำนวนมากเท่าไหร่ และมีหลายครั้งที่ เกือบจะเผาห้องครัวของตระกูลกู้ สุดท้ายถึงได้ทำอาหารสองสามเมนูที่เขาชอบมากที่สุดออกมาได้เขากลับถึงบ้านบ่นโอดครวญว่าปวดคอ ฉันก็ไปสมัครเรียนนวดครึ่งเดือนกว่าๆ เพื่อที่จะได้นวดให้เขาด้วยเมื่อตัวเอง ในตอนที่เขากลับมาบ้านแค่สองสามครั้งในหนึ่งเดือนเขาพูดว่าแฟนของคุณชายตระกูลหวังทำเค้กในตอนวันเกิดให้เขา ฉันก็โง่เขลาว
เจียงอีอีโพสต์รูปบนเตียงของเธอกับกู้จื่อโม่ให้ฉันเห็นเพียงคนเดียวอีกครั้งแล้ว ฉันคลื่นไส้จนพุ่งเข้าไปอ้วกในห้องน้ำสามนาทีมองดูดวงตาที่สงบเหมือนน้ำนิ่งกับใบหน้าที่ไม่ได้อ่อนวัยอีกแล้ว ฉันรับรู้ได้ว่าหลายปีมานี้ฉันใช้กำลังวังชาที่บนตัวกู้ซื่อกรุ๊ปกับกู้จื่อโม่จนมากเกินไปแล้ว มีเพียงหนึ่งเดียวคือไม่เคยให้ความสำคัญกับตัวเองเลยสักนิดเดิมทีฉันคิดว่าเพียงแค่กู้จื่อโม่ไม่ประกาศกับภายนอกว่าจะอยู่ด้วยกันกับเจียงอีอี ไม่เป็นฝ่ายเอ่ยปากหย่าร้างกับฉัน งั้นพวกเราก็ใช้ชีวิตสองสามเดือนที่เหลือแบบนี้แหละแต่ในตอนที่เห็นพวกเขาสองคนนอนอยู่ด้วยกัน ฉันกลับรู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างมาก ไม่อยากมีความสัมพันธ์ใดๆ กับเขาอีก!สุดท้ายแม้แต่คนก็สกปรกแล้ว ฉันควรจะปล่อยมือได้แล้วในตอนที่ฉันร่างหนังสือหย่าร้างขึ้นมา เตรียมจะส่งให้กู้จื่อโม่ เขากลับพาเจียงอีอีกลับมาอีกแล้วเมื่อเข้ามา เห็นฉันที่นั่งทานข้าวอยู่ตรงโต๊ะอาหาร เขาก็นั่งลงตรงข้ามฉันและใช้งานฉันเป็นไปโดยธรรมชาติ 'พอดีเลยพวกเราก็ยังไม่ได้ทานข้าว เจียงจิงจิง คุณไปตักข้าวมาให้ผมกับอีอีหน่อย ทานข้าวเสร็จ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ'ได้ยินคำพูดของเขา ฉันนิ่งอ
มองดูพวกเขาเดินไปนั่งลงที่ตรงโซฟา และพูดคุยกระซิบกระซาบ เหมือนกับมองเห็นชายหญิงวัยรุ่นคู่นั้นที่นั่งพูดคุยกันอย่างคึกคักที่ในห้องรับแขกของตระกูลเจียงวันนั้น ฉันยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องครัว มองดูพวกเขาพูดคุยกันอยู่ตลอด คุยกันจนแม้แต่ฉันเดินไปข้างหน้าพวกเขาก็ยังไม่หยุดทั้งๆ ที่กู้จื่อโม่มาที่บ้านเพื่อมามอบของขวัญให้ฉัน แต่สุดท้ายนาฬิกาประดับเพชรกลับถูกเขานำไปสวมใส่บนข้อมือของเจียงอีอีกับมือฉันควรจะรู้ได้ตั้งนานแล้ว เทียบกับฉันที่พูดไม่เก่งและเคร่งขรึม แน่นอนว่าเจียงอีอีที่หวานสวยน่ารักได้รับความชื่นชอบจากผู้ชายมากกว่าก่อนที่จะกลับไป พวกเขาสองคนถึงขั้นเพิ่มไลน์กันเรียบร้อยแล้ว และนัดกันเรียบร้อยว่าสุดสัปดาห์จะออกไปเที่ยวด้วยกันเจียงอีอีชูนาฬิกาข้อมือที่อยู่บนมือ จากนั้นพูดกับเธอด้วยความลำพองใจ 'เจียงจิงจิง คิดไม่ถึงว่าพี่จะรู้จักผู้ชายที่หล่อและรวยขนาดนี้ด้วย แต่เขาพูดว่าฉันสวยและน่ารักกว่าพี่อีกนะ!'สำหรับฉัน กู้จื่อโม่บอกว่าเขาจะชดเชยของขวัญตอนอายุสิบแปดให้ แต่สุดท้าย ฉันก็ไม่ได้รับของขวัญที่เขารับปากเอาไว้เห็นเพียงแค่เงาของพวกเขาที่อยู่ด้วยกันในโรงเรียนเป็นประจำในตอนนั้น
ฉันเพิ่งนั่งลง กู้จื่อโม่ก็หยิบเอกสารชุดหนึ่งจากในกระเป๋าโยนมาทางฉันฉันจ้องมองดู 'หนังสือหย่าร้าง'นึกถึงหนังสือที่อยู่ในลิ้นชักของฉัน หึ หาได้ยากมากที่พวกเราจะมีความคิดเหมือนกันสักครั้งกู้จื่อโม่นั่งตัวตรงอยู่บนโซฟา และเอ่ยปากด้วยท่าทางจริงจัง 'เปิดดูเถอะ ถ้าไม่มีปัญหาก็เซ็นชื่อซะ'ฉันมองดูความรีบร้อนในดวงตาของเขา จู่ๆ ก็ไม่อยากหย่าแล้วมีสิทธิ์อะไรกันที่ฉันลำบากลำบนสู้ชีวิตเพื่อกู้ซื่อกรุ๊ป ให้เขากู้จื่อโม่สบายใจเฉิบและเพลิดเพลินกับการว่างงานอยู่แปดปี พอเจียงอีอีกลับมา ฉันก็จะต้องหอบของไสหัวไปฉันไม่ได้ดูหนังสือหย่าร้างด้วยซ้ำ เพียงแค่ถามขึ้นอย่างนิ่งเฉย 'พ่อแม่คุณรู้ไหมว่าคุณอยากจะหย่าร้างกับฉันแล้วไปแต่งงานกับเจียงอีอี?'กู้จื่อโม่เหมือนกับลูกแมวที่ถูกจับหาง วินาทีต่อมาก็จะลุกขึ้นจากโซฟา และตวาดเสียงทุ้มต่ำ 'เป็นผมที่จะหย่าร้างกับคุณ พวกเขารู้หรือไม่รู้เกี่ยวอะไรด้วย?''คุณอย่าคิดว่าเอาพ่อแม่ของผมมาขู่ผม แล้วผมจะยินยอมนะ''เดิมทีคุณก็ยึดตำแหน่งของอีอีอยู่แล้ว ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว คุณต้องคืนให้เธอเป็นธรรมดา'ฉันโมโหจนอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ฉันยึดตำแหน่งของเจียงอีอี? เป็นอย่
กู้จื่อโม่พาเจียงอีอีย้ายเข้าไปในเพนท์เฮ้าส์หรูที่เขาซื้อไว้ที่เขตตัวเมืองด้วยความเปิดเผย วันที่เข้าอยู่ ตั้งใจเรียกคนกลุ่มใหญ่ไปสร้างความอบอุ่นที่บ้านใหม่ของพวกเขาเขาพูดว่าถึงแม้จะไม่สามารถให้สถานะคุณผู้หญิงกู้กับเจียงอีอีได้ แต่สิ่งอื่นที่คุณผู้หญิงกู้มีเธอก็มีเช่นกันตอนที่เจียงอีอีส่งวิดีโอมาให้ฉัน ฉันกำลังทานข้าวเป็นเพื่อนคุณพ่อกู้คุณแม่กู้อยู่ที่คฤหาสน์เก่าตระกูลกู้ ถือซะว่าเป็นความกตัญญูครั้งสุดท้ายของลูกสะใภ้แล้วกัน!ในเมื่อพวกเขาสองคนดีกับฉันมาโดยตลอดบนโต๊ะอาหาร คุณพ่อกู้พูดด้วยสีหน้าจริงจังถึงเรื่องการหมุนเวียนเงินทุนของกู้ซื่อกรุ๊ปว่าเกิดปัญหาเล็กน้อย เขาวู่วามเกินไปในการบริหารโครงการการลงทุน นำเงินทุนหมุนเวียนทั้งหมดทุ่มลงในโครงการเมืองบันเทิงทางเขตตอนใต้ของเมือง เมื่อเห็นว่าโครงการใกล้จะสำเร็จแล้ว เงินยอดคงเหลือกลับไม่สามารถเอาออกมาได้ตอนที่กู้เงิน ธนาคารให้เหตุผลว่าเงินทุนหมุนเวียนของกู้ซื่อกรุ๊ปไม่เพียงพอ อยากให้คุณพ่อกู้ใช้โครงการคำประกันเงินกู้ คุณพ่อกู้กลับไม่อยากนำทั้งโครงการไปค้ำประกันเพียงเพื่อเงินชำระยอดคงเหลือฉันเห็นว่าเขากลุ้มใจจนกินข้าวไม่ลง แต่กลับเช
ฉันถือโอกาสในตอนที่พวกเขาไม่สังเกต วิ่งไปทานยาที่ห้องครัว ในเมื่ออีกเดี๋ยวยังมีสงครามครั้งใหญ่ให้ต้องสู้รบกู้จื่อโม่กลับมาอย่างรวดเร็วมาก คนที่มาด้วยกันกับเขาก็ยังมีเจียงอีอีพวกเขาสองคนปรากฏตัวขึ้นที่ห้องอาหารพร้อมๆ กัน แก้วน้ำที่อยู่ในมือคุณพ่อกู้ถูกขว้างปาไปที่เขาแก้วน้ำกระแทกศีรษะของเขาจนแตก แก้วที่เปื้อนเลือดตกลงบนพื้นและแตกกระจายเจียงอีอีส่งเสียงอุทานและพุ่งเข้ามาจับศีรษะของเขา คุณแม่กู้กลับเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว จิกผมของเจียงอีอี และฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของเธอสองครั้ง'นังแพศยา เธอยังมีหน้ามาตามตอแยลูกชายฉันอีก เธอไปแต่งงานที่ต่างประเทศแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะกลับมาทำไมอีก?''นังแพศยาที่ไร้ยางอาย' ทำลายครอบครัวของคนอื่น!'จากนั้นหันหน้าไปอีกทาง เธอก็ตบไปที่ใบหน้าของกู้จื่อโม่สองครั้ง 'แกต่ำช้าถึงขนาดนี้เลยเหรอ? ทำไมต้องกระตือรือร้นไปประจบประแจงนังแพศยาที่ทอดทิ้งแกไปด้วย?''จิงจิงเด็กสาวที่ดีขนาดนี้อยู่ข้างกายแกมาแปดปี แกแม่งตาบอดเหรอ?'คุณแม่กู้โมโหอย่างถึงที่สุดจริงๆ เธอแทบจะใช้แรงทั้งหมดที่มี ตบจนใบหน้าของทั้งสองคนบวมเป่งกู้จื่อโม่ไม่มีเวลามาสนใจบาดแผลของตัวเอง เขาหัน
กู้จื่อโม่บาดเจ็บหนักที่สุด เห็นได้ชัดว่าคุณพ่อกู้ลงมืออย่างหนักจริงๆ จึงให้เขาอยู่รักษาบาดแผลที่คฤหาสน์เก่าคุณแม่กู้รั้งฉันเอาไว้ ให้ฉันอยู่ดูแลกู้จื่อโม่ให้ดีฉันรู้ว่าเธออยากจะจับคู่พวกเรา เพียงแต่ ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือว่ากู้จื่อโม่ ต่างก็ไม่อยากเป็นแบบนี้ต่อไปอีกแล้วกู้จื่อโม่แค่เห็นฉันก็พูดจาเหยียดหยามโจมตีฉัน ฉันเดาว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขาบาดเจ็บ จะต้องอยากลุกขึ้นมาตบฉันสักสองสามครั้งเขาคุยกระหนุงกระหนิงในโทรศัพท์กับเจียงอีอีทุกวัน แต่กลับสาปแช่งฉันที่แยกทางพวกเขาสองคนฉันนั่งลงตรงหน้าเตียง และถามเขาด้วยความสงสัย: 'ตอนนั้นคนที่ทอดทิ้งคุณไปต่างประเทศเป็นเจียงอีอีไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลายเป็นฉันที่แยกพวกคุณออกจากกัน?'เขาไม่คิดว่าเป็นแบบนั้น 'คุณจะไปรู้อะไร ตอนนั้นอีอียังอายุน้อย ถูกคนหลอกลวง ถึงได้หนีไปต่างประเทศกับคนอื่น เธอพูดแล้ว อันที่จริงในใจของเธอคิดถึงผมมาดดยตลอด'ฉันถอดทอนใจอย่างอดไม่ได้ 'ใช่สิ พอถูกหลอกก็หลอกจนถึงแปดปี เธอคงจะลำบากใจมากที่นึกถึงคุณหลายปีขนาดนี้ จนถึงตอนนี้เพิ่งจะกลับมา'กู้จื่อโม่ปากสั่น อยากจะพูดอะไร แต่ผ่านไปนานก็ยังพูดไม่ออก บางทีในใจของเขาก็รู้ดีเช
ภายหลัง กู้จื่อโม่ไปหาหมอประจำเคสของฉันที่โรงพยาบาล และรับรู้จากปากของหมอว่าฉันเป็นมะเร็งกระเพาะ อีกทั้งยืนหยัดที่จะไม่แอดมิดรับการรักษาหลังจากกลับบ้าน ก็กอดขวดเหล้าเมามายอีกยกหนึ่ง ในปากก็บ่นพึมพำ 'ผมไม่รู้ว่าคุณเหลืออีกแค่สามเดือนจริงๆ ถ้าหากผมรู้ ผมจะต้อง...' พูดไม่ทันจบ เขาก็หลับไปถ้าหากเขารู้ เขาจะทำอะไร? ทิ้งเจียงอีอีแล้วมาอยู่กับฉันเหรอ?วันต่อมา เขาเริ่มเรียนทำอาหารที่ฉันชอบทานจากวิดีโอ นิ้วมือถูกบาด เขาติดพลาสเตอร์แล้วทำต่อ อาหารไหม้แล้ว เขาก็เททิ้งในถังขยะและเริ่มตั้งกระทะตั้งน้ำมันอีกครั้งเขาหั่นผักไปด้วยพูดพึมพำไปด้วย 'ตอนนั้น คุณก็ไปเรียนทำอาหารเหล่านั้นเพื่อผมครั้งแล้วครั้งแบบนี้ใช่ไหม'อ่อ เขายังเรียนนวด เรียนทำเค้ก ถึงขั้นยังไปสมัครเรียนการปักแจกันดอกไม้ บอกว่าต่อไปจะจัดดอกทานตะวันที่ฉันชอบมากที่สุดภายในบ้านทุกวันฉันไม่เข้าใจการกระทำของเขาจริงๆ และก็ไม่อยากเข้าใจการกระทำของเขาเขาทำสิ่งเหล่านี้เพื่อคนตายจะมีประโยชน์อะไรเหรอ? แสดงความรักสุดซึ้งของเขา หรือว่าสารภาพบาปต่อใคร?อย่างไรฉันก็ตายไปแล้ว และก็ไม่สามารถเสพสุขได้แล้ว!เขาอยากโอ้อวดก็ให้เขาทำไปเถอะ!คุ
ต้องเป็นเพราะฉันไม่ได้ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ ถูกพระอาทิตย์ส่องจนแสบตาฉันกลับเห็นน้ำตาของกู้จื่อโม่ไหลลงบนพื้น หรือว่าเขาร้องไห้เพื่อฉันงั้นเหรอ? แต่ทั้งๆ ที่เขาไม่รักฉันนะ!จากนั้น ฉันก็เห็นเขาเข่าอ่อน คุกเข่าลงตรงหน้าหลุมศพของฉัน ทำให้ฉันตกใจจนแทบจะกระโดดเด้งออกมาจากในหลุมศพเขาลูบป้ายหลุมศพของฉัน ร้องไห้และพูดว่า: 'เจียงจิงจิง คุณอย่าตายได้ไหม? ผมคิดถึงคุณแล้ว!''ผมสำนึกผิด ผมไม่ควรทำคุณหายไปเพราะเจียงอีอี''เพียงแค่คุณกลับมา ผมสาบานว่าต่อไปผมจะไม่มองผู้หญิงคนอื่นอีกแม้แต่นิด ไม่จับมือกับผู้หญิงคนอื่นอีก อยู่ด้วยกันกับคุณคนเดียวไปนานๆ''คุณกลับมาสิ!'……เขาร้องไห้ไปด้วยตะโกนไปด้วย ท่าทางรักใคร่ น้ำเสียงที่ดุดัน ทำให้คนได้ยินแล้วอยากจะร้องไห้!แต่เขาเป็นคนโง่หรือไง?คนตายไปแล้ว ศพก็เริ่มเน่าเฟะแล้ว เขาตะโกนเรียกสองสามประโยคแล้วจะสามารถกลับมาได้เหรอไง?เพียงแต่ฉันก็ไม่สนแล้ว ตอนที่มีชีวิตอยู่มองฉันไร้ค่า รอฉันตายไป ก็เริ่มทำเสแสร้งว่ารักอย่างสุดซึ้งที่ตรงหน้าหลุมศพของฉัน ผู้ชายแบบนี้ ใครอยากได้เอาไปเลย ฉันรับไว้ไม่ไหวเขานั่งอยู่ที่หน้าหลุมศพของฉันเป็นเวลานาน หลังจากกลับไปก็เริ่
ในตอนที่คุณแม่กู้มาหาอีกครั้ง เธอพาบอดี้การ์ดมาสองคน จากนั้นเก็บกวาดเหล้าภายในบ้านที่กู้จื่อโม่ซื้อมาทิ้งไปจนหมดควบคุมเขาไปที่ห้องน้ำ อาบน้ำ โกนหนวด แต่งตัวให้เขาและก็จับเขาล็อกบนโซฟาคุณแม่กู้ด่าเขาที่ไม่เอาไหน 'ก่อนหน้านี้ พวกเรากีดกันลูกขนาดนั้น ลูกก็จะหย่าร้างและแต่งงานกับเจียงอีอีให้ได้ ตอนนี้ เจียงอีอีเฉดหัวลูกทิ้งอีกครั้ง ลูกก็คิดถึงความดีที่จิงจิงมีต่อลูกแล้ว? ลูกว่าลูกไม่ชั่วช้าแล้วมันคืออะไร?'ฉันพยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของคุณแม่กู้ กู้จื่อโม่ชั่วช้าจริงๆเห็นเขาไม่พูดจา คุณแม่กู้ก็ถอนหายใจ 'ถ้าลูกอยากจะคืนดีกับจิงจิง ลูกก็ไปตามหาเธอกลับมา นับแต่นี้ไปก็ใช้ชีวิตกับเธออย่างซื่อสัตย์'กู้จื่อโม่กลอกตาไปมา และเงยหน้าขึ้น ถามคุณแม่กู้ด้วยความโง่เขลา 'แม่ว่าจิงจิงยังจะยอมให้อภัยผม แลใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับผมไหม?'ฉันส่ายหน้า ไม่ยอมอยู่แล้ว ในเมื่อของมือสองที่เจียงอีอีเคยใช้ฉันไม่ชอบเลยสักนิดคุณแม่กู้โมโหจนตบไปที่หลังของเขา 'ลูกไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอยอมหรือไม่?'ฉันพยักหน้า ถูกต้องแล้ว คุณไม่ลองจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอยอมหรือไม่ยอม!กู้จื่อโม่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก
ฉันรอเจียงอีอีส่งรูปภาพงานแต่งงานของเธอกับกู้จื่อโม่มาโดยตลอด แต่จนถึงลมหายใจสุดท้ายของฉัน วิญญาณลอยอยู่กึ่งกลางอากาศ ก็ยังไม่ได้รับข้อความจากเธอฉันมองดูพวกชาวบ้านและเด็กๆ ล้อมรอบโรงศพของฉันแล้วร้องไห้เสียใจ อยากจะเข้าไปบอกพวกเขามากว่า 'อย่าร้องไห้ เดิมทีฉันก็มีชีวิตได้ไม่นานอยู่แล้ว'แต่กลับเหมือนว่ามีสองมือที่กำลังดึงฉันไว้ พาฉันกลับไปที่ข้างกายของกู้จื่อโม่หรือว่าเป็นเพราะฉันยึดติดกับกู้จื่อโม่จนลึกซึ้งเกินไป? แม้แต่ตายไป ก็ยังกลับมาอยู่ที่ข้างกายเขา?แต่ก่อนฉันตาย เห็นได้ชัดว่าฉันไม่รักเขาแล้วนี่นา! ฉันคืนเขาให้กับเจียงอีอีแล้วในตอนที่เห็นเขา ฉันตกตะลึงอย่างมากจริงๆคนที่ใบหน้าเสื่อมโทรม หนวดเครารุงรังที่อยู่ตรงหน้าใช่กู้จื่อโม่ที่ฉันรู้จักจริงๆ เหรอ? เขาเป็นคนที่แม้แต่ผมเส้นเดียวก็ยังต้องเนี๊ยบสุดๆ เชียวนะ!เขานั่งอยู่ในกองกระป๋องเบียร์ ดื่มเหล้าไปด้วยบ่นพึมพำไปด้วย ฉันลอยเข้าไปข้างหน้า ถึงได้ยินฉันเจน เขากลับเรียกชื่อ 'เจียงจิงจิง'หรือว่าหลังจากที่ฉันส่งใบหย่าให้เขา เขาก็รู้ตัวขึ้นมาว่าคนที่ตัวเองรักไม่ใช่เจียงอีอี แต่เป็นฉัน?ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นฉันอยากจะตบหน้
'เจียงจิงจิง ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน' เพิ่งจะรับสาย เจียงอีอีก็เอ่ยปากถามขึ้นมาฉันไม่อยากคุยกับเธอมากนัก ทำแค่เพียงถามเธอด้วยความนิ่งเฉย 'มีธุระอะไรกับฉัน?'เธอหัวเราะเสียงเล็ก 'เจียงจิงจิง ฉันท้องแล้ว ลูกของกู้จื่อโม่ ดังนั้นเธอรีบกลับมาหย่าซะ สละตำแหน่งให้ฉันกับเด็กในท้องซะ'ฉันเอามือปิดมาก พะอืดพะอมขึ้นมา และรู้สึกรังเกียจอย่างมาก'เจียงอีอี ทำไมเธอถึงได้พูดแบบนี้อย่างเต็มปากเต็มคำขนาดนี้นะ? ฉันบอกเธอให้นะ เพียงแค่ฉันไม่หย่าร้างกับกู้จื่อโม่หนึ่งวัน เด็กที่อยู่ในท้องก็เป็นลูกนอกคอกที่พวกเธอแอบคลอดมาเจียงอีอีด่าทอเสียงดัง: 'นังแพศยา จื่อโม่ไม่รักเธอ ทำไมเธอต้องตอแยเขาอีก'!' หลังจากระบายอารมณ์จบ เธอก็ยิ้มอีก 'อ่อ ใช่แล้ว พ่อแม่ของจื่อโม่ก็รู้แล้ว พวกท่านเรียกให้ฉันย้ายไปที่คฤหาสน์เก่าภายในวันสองวันนี้ บอกว่าจะดูแลฉันและลูกในท้องของฉัน''เธอบอกว่าพวกเขาไม่มีทางยอมให้ฉันเข้าประตูไม่ใช่เหรอ? หึหึ ถ้าจะให้พูดก็ต้องโทษเธอ แต่งงานแปดปีก็ไม่สามารถมีหลานให้พวกเขาได้ เฮ้อ...'ด้านหลังเจียงอีอียังพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉันไม่รู้แล้ว ฉันกำโทรศัพท์เอาไว้และหงายหลังล้มลงไปในตอนที่ศีระษะสัมผัสโด
ฉันมอบใบหย่าร้างที่เซ็นชื่อแล้วให้กับทนาย บอกเขาว่าอีกสามเดือนค่อยส่งพัสดุให้กู้จื่อโม่ทำอย่างไรได้ ต่อให้เขาไม่รักฉัน ฉันก็ยังอยากจะตายไปพร้อมกับสถานะภรรยาของกู้จื่อโม่กู้จื่อโม่ รอให้ฉันตายไปก่อนคุณค่อยแต่งงานกับเจียงอีอีแล้วกัน!ฉันจัดเก็บของทั้งหมดที่อยู่ในวิลล่าใส่หีบห่อ จากนั้นส่งไปยังเพนท์เฮ้าส์ที่กู้จื่อโม่ซื้อ และก็มอบหมายให้คนกลางขาายวิลล่าออกให้เร็วที่สุดหลังจากได้รับเงิน ฉันก็ลากกระเป๋าเดินทางไปยังเขตภูเขาที่ห่างไกลที่กู้ซื่อกรุ๊ปเคยให้ความช่วยเหลือ ฉันเคยพาทีมงานมาสร้างโรงเรียนประถมแห่งความหวังชีวิตที่เหลืออยู่ของฉัน ฉันสามารถสอนหนังสือให้เด็กๆ ที่นี่ได้ สอนพวกเขาร้องรำทำเพลง ในเมื่อชีวิตนี้ของฉันจนตาย ก็ไม่สามารถมีลูกของตัวเองได้ฉันยังอยากจะสร้างโรงเรียนมัธยมต้นอีกสักแห่งที่นั่น จัดคู่กับอุปกรณ์การเรียนการสอนและบุคลากรครู บางทีที่นี่ก็สามารถสร้างนักศึกษามหาวิทยาลัยได้หลายคนหลังจากข้าราชการของท้องถิ่นรับรู้ถึงความคิดของฉัน ก็พากันแสดงออกว่าจะสนับสนุนและให้ความร่วมมือเต็มที่และหลังจากที่พวกชาวบ้านรู้ แต่ละคนก็ถือไข่ไก่ ผักกาดขาว และเนื้อแดดเดียวมาด้วยความตื้น
กู้จื่อโม่บาดเจ็บหนักที่สุด เห็นได้ชัดว่าคุณพ่อกู้ลงมืออย่างหนักจริงๆ จึงให้เขาอยู่รักษาบาดแผลที่คฤหาสน์เก่าคุณแม่กู้รั้งฉันเอาไว้ ให้ฉันอยู่ดูแลกู้จื่อโม่ให้ดีฉันรู้ว่าเธออยากจะจับคู่พวกเรา เพียงแต่ ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือว่ากู้จื่อโม่ ต่างก็ไม่อยากเป็นแบบนี้ต่อไปอีกแล้วกู้จื่อโม่แค่เห็นฉันก็พูดจาเหยียดหยามโจมตีฉัน ฉันเดาว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขาบาดเจ็บ จะต้องอยากลุกขึ้นมาตบฉันสักสองสามครั้งเขาคุยกระหนุงกระหนิงในโทรศัพท์กับเจียงอีอีทุกวัน แต่กลับสาปแช่งฉันที่แยกทางพวกเขาสองคนฉันนั่งลงตรงหน้าเตียง และถามเขาด้วยความสงสัย: 'ตอนนั้นคนที่ทอดทิ้งคุณไปต่างประเทศเป็นเจียงอีอีไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงกลายเป็นฉันที่แยกพวกคุณออกจากกัน?'เขาไม่คิดว่าเป็นแบบนั้น 'คุณจะไปรู้อะไร ตอนนั้นอีอียังอายุน้อย ถูกคนหลอกลวง ถึงได้หนีไปต่างประเทศกับคนอื่น เธอพูดแล้ว อันที่จริงในใจของเธอคิดถึงผมมาดดยตลอด'ฉันถอดทอนใจอย่างอดไม่ได้ 'ใช่สิ พอถูกหลอกก็หลอกจนถึงแปดปี เธอคงจะลำบากใจมากที่นึกถึงคุณหลายปีขนาดนี้ จนถึงตอนนี้เพิ่งจะกลับมา'กู้จื่อโม่ปากสั่น อยากจะพูดอะไร แต่ผ่านไปนานก็ยังพูดไม่ออก บางทีในใจของเขาก็รู้ดีเช
ฉันถือโอกาสในตอนที่พวกเขาไม่สังเกต วิ่งไปทานยาที่ห้องครัว ในเมื่ออีกเดี๋ยวยังมีสงครามครั้งใหญ่ให้ต้องสู้รบกู้จื่อโม่กลับมาอย่างรวดเร็วมาก คนที่มาด้วยกันกับเขาก็ยังมีเจียงอีอีพวกเขาสองคนปรากฏตัวขึ้นที่ห้องอาหารพร้อมๆ กัน แก้วน้ำที่อยู่ในมือคุณพ่อกู้ถูกขว้างปาไปที่เขาแก้วน้ำกระแทกศีรษะของเขาจนแตก แก้วที่เปื้อนเลือดตกลงบนพื้นและแตกกระจายเจียงอีอีส่งเสียงอุทานและพุ่งเข้ามาจับศีรษะของเขา คุณแม่กู้กลับเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว จิกผมของเจียงอีอี และฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของเธอสองครั้ง'นังแพศยา เธอยังมีหน้ามาตามตอแยลูกชายฉันอีก เธอไปแต่งงานที่ต่างประเทศแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะกลับมาทำไมอีก?''นังแพศยาที่ไร้ยางอาย' ทำลายครอบครัวของคนอื่น!'จากนั้นหันหน้าไปอีกทาง เธอก็ตบไปที่ใบหน้าของกู้จื่อโม่สองครั้ง 'แกต่ำช้าถึงขนาดนี้เลยเหรอ? ทำไมต้องกระตือรือร้นไปประจบประแจงนังแพศยาที่ทอดทิ้งแกไปด้วย?''จิงจิงเด็กสาวที่ดีขนาดนี้อยู่ข้างกายแกมาแปดปี แกแม่งตาบอดเหรอ?'คุณแม่กู้โมโหอย่างถึงที่สุดจริงๆ เธอแทบจะใช้แรงทั้งหมดที่มี ตบจนใบหน้าของทั้งสองคนบวมเป่งกู้จื่อโม่ไม่มีเวลามาสนใจบาดแผลของตัวเอง เขาหัน
กู้จื่อโม่พาเจียงอีอีย้ายเข้าไปในเพนท์เฮ้าส์หรูที่เขาซื้อไว้ที่เขตตัวเมืองด้วยความเปิดเผย วันที่เข้าอยู่ ตั้งใจเรียกคนกลุ่มใหญ่ไปสร้างความอบอุ่นที่บ้านใหม่ของพวกเขาเขาพูดว่าถึงแม้จะไม่สามารถให้สถานะคุณผู้หญิงกู้กับเจียงอีอีได้ แต่สิ่งอื่นที่คุณผู้หญิงกู้มีเธอก็มีเช่นกันตอนที่เจียงอีอีส่งวิดีโอมาให้ฉัน ฉันกำลังทานข้าวเป็นเพื่อนคุณพ่อกู้คุณแม่กู้อยู่ที่คฤหาสน์เก่าตระกูลกู้ ถือซะว่าเป็นความกตัญญูครั้งสุดท้ายของลูกสะใภ้แล้วกัน!ในเมื่อพวกเขาสองคนดีกับฉันมาโดยตลอดบนโต๊ะอาหาร คุณพ่อกู้พูดด้วยสีหน้าจริงจังถึงเรื่องการหมุนเวียนเงินทุนของกู้ซื่อกรุ๊ปว่าเกิดปัญหาเล็กน้อย เขาวู่วามเกินไปในการบริหารโครงการการลงทุน นำเงินทุนหมุนเวียนทั้งหมดทุ่มลงในโครงการเมืองบันเทิงทางเขตตอนใต้ของเมือง เมื่อเห็นว่าโครงการใกล้จะสำเร็จแล้ว เงินยอดคงเหลือกลับไม่สามารถเอาออกมาได้ตอนที่กู้เงิน ธนาคารให้เหตุผลว่าเงินทุนหมุนเวียนของกู้ซื่อกรุ๊ปไม่เพียงพอ อยากให้คุณพ่อกู้ใช้โครงการคำประกันเงินกู้ คุณพ่อกู้กลับไม่อยากนำทั้งโครงการไปค้ำประกันเพียงเพื่อเงินชำระยอดคงเหลือฉันเห็นว่าเขากลุ้มใจจนกินข้าวไม่ลง แต่กลับเช