“ฟู่~” รวงข้าวเป่าปาก โล่งใจกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เธอยืนพิงประตูด้วยความหมดแรงแค่วันเดียวก็ใช้พลังไปเยอะทีเดียว
ตึก!
ตึก!
“เจ็บชะมัด” มือเล็กกุมแขนพยุงตัวเองสาวเท้าเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟากลางห้อง หยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรหาใครบางคน
“พี่ไดรฟ์”
(เป็นไงบ้างไอ้ข้าว มันติดกับดักไหม แต่ไม่น่าพลาดหน้าสวย ๆ อย่างมึงหลอกผู้ชายได้ง่าย) เสียงกระทิงเอ่ยแทรกแทนเจ้าของโทรศัพท์มือถือ
“พลาดว่ะพี่กระทิง”
(เปิดกล้องดิ ไอ้ไดรฟ์มันอยากเห็นหน้า)
“อืม”
(ข้าว ทำไมหน้าซีดอย่างนั้น แล้วที่พลาดอะไรพลาด!?)
“ก็ป้ายทะเบียนรถที่พวกพี่ส่งมาให้ไม่ใช่ของไอ้เคนตะอะไรนั่น แต่เป็นของคนที่ชื่อคริสเตียน”
(เป็นไปไม่ได้) สองเสียงประสานพร้อมกัน
“แต่ก็ดี ไอ้หมอนี่น่าจะไม่รุ่มร่าม” เมื่อนึกถึงคริสเตียนรอยยิ้มก็เผยออกมาเพราะเธอจำได้ว่าเขามีผู้หญิงข้างกายแล้วและเด็กนั่นกับเธอก็ต่างกัน รสนิยมอาจจะไม่ได้ชอบแนวเธอก็ได้
(หมายความว่ามันเชื่อเหรอว่าข้าวโดนจี้!?...) ไดรฟ์ถามอย่างไม่อยากเชื่อ
(...หน้าตามันไม่ได้โง่เลยนะเว้ย) กระทิงเอ่ยต่อ
“นั่นน่ะสิ ข้าวก็ว่างั้น” รวงข้าวจำต้องนึกถึงใบหน้าคมอีกครั้ง แววตาท่าทางไม่ได้อ่อนต่อโลก ยิ่งเป็นคนใหญ่คนโตแถมยังมีอิทธิพลไม่น่าจะหลอกได้ง่าย ๆ แล้วถ้าจะใช้แผนอ่อยจะได้ผลเหรอ
(อ้าว~ ไอ้ข้าว จะโดนหลอกไหมวะ) กระทิงเกาหัวรู้สึกหวั่น ๆ ยังไงไม่รู้
“พรุ่งนี้ข้าวจะพิสูจน์อีกครั้ง”
(มันตกลงนัดเจอต่อเหรอ!?) ไดรฟ์ถามออกมา
“อืม”
(บางทีคนระดับนั้นอาจจะคิดไม่ถึงก็ได้ เคยได้ยินไหม ผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็แพ้มารยาหญิง)
“...” รวงข้าวนิ่งไปเหมือนกัน แต่เธอไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว
(ให้พี่ดูแผลหน่อย)
“ข้าวไม่ได้กรีดลึก แค่เฉียดๆน่ะ” แต่ถึงจะเฉียดก็เล่นเอาเจ็บแทบระบม
(อืม งั้นก็พักผ่อน อย่าลืมกินยาด้วยละ)
“เดี๋ยวพี่ไดรฟ์” รวงข้าวเอ่ยท้วงไม่ให้อีกฝ่ายกดวางสายซะก่อน
(หืม!?)
“ฝากพี่ดูแลแม่ด้วยนะ”
(ทำไมพูดแบบนี้...) ไดรฟ์นิ่วหน้าไม่พอใจกับประโยคพวกนั้น
(...เออใช่ อย่าพูดเป็นลางดิวะ แล้วจะฝากทำไม) กระทิงตอกกลับตามมาอีกคน
“คือ...คือฉันหมายถึงว่าถ้าเกิดฉันทำสำเร็จใช่ไหม...แม่ก็คงไม่เลิกกับไอ้พ่อเลี้ยงธนิน ฉันเลยอยากฝากพวกพี่ช่วยดูแลก็แค่นั้น” เธอเฉไฉออกไป ความจริงเธอกลัวว่าจะไม่ได้กลับไปอีกต่างหาก แต่ถ้ามันสำเร็จขึ้นมาจริง ๆ รวงข้าวรู้ดีว่าแม่ไม่มีทางเลิกกับพ่อเลี้ยงธนินเพราะฉะนั้นถ้าเธอมีอิสระได้ออกจากที่นั้น เธอก็อยากฝากฝังกับคนที่ไว้ใจที่สุด
(ถ้าเป็นแบบนั้น พี่รับปาก แต่ข้าวต้องสัญญาว่างานนี้ต้องสำเร็จเท่านั้น)
“...”
(ว่าไง) ไดรฟ์ถามย้ำอีกครั้ง
“อืม ข้าวสัญญา”
พรึ่บ!
มือบางวางโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะหน้าทีวีข่มความคิดที่กำลังกลัว กลัวว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้มีชีวิตอีกหรืออิสระที่พ่อเลี้ยงธนินหยิบยื่นให้คือความตาย
ทว่าในเมื่อไม่มีทางเลือก เธอก็ต้องเดินหน้าต่อ ชีวิตที่เหลือกลับเดิมพันด้วยชีวิต และไม่ว่าจะผิดแผนยังไงเธอก็ต้องลุยให้ถึงที่สุด ยังไงเสียแล้วการเข้าถึงพวกนั่นไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อมีโอกาสก็ต้องทำให้สำเร็จ
@ร้านอาหารบนดาดฟ้า
สายตาหวานเยิ้มสำรวจร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ผู้ชายหุ่นดีในชุดสูทเหมาะกับสถานที่นัดเดตกำลังเดินตรงมาโต๊ะที่ร่างบางนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีค่ะ...คุณคริส” รวงข้าวถือวิสาสะเอ่ยเรียกชื่อเล่นอย่างสนิทสนมโดยไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาตก่อน
“ครับ..คุณฝน”
“เชิญนั่งค่ะ อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ” เพราะเป็นคนเอ่ยเชิญจึงถามเพื่อให้เกียรติแขก
“ไม่ครับ ผมทานได้ทั้งนั้น”
“ค่ะ” รวงข้าวเผยรอยยิ้มมุมปาก หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบอย่างเคอะเขิน ทว่าสายตากลับจ้องไปยังสร้อยคอที่โผล่ให้เห็นแค่สายสร้อย
‘จำไว้ว่าพวกนั้นเก็บข้อมูลไว้ที่ตัวทุกคน...’
‘...ทั้งสามคนมีสร้อยประจำตระกูลและจี้สร้อยคือยูเอสบีสำคัญที่พวกเราต้องการล้วงความลับ’
‘เก็บไว้ที่สร้อยคอแบบนี้ ฉันจะเอามาได้ไงกัน’
‘ตามที่พ่อเลี้ยงบอกนั่นแหละ ทางเดียวที่จะเข้าถึงตัวคือต้อง...อ่อย’
ใบหน้าหวานนึกถึงคำพูดที่กระทิงบอกพิกัดความลับทุกอย่าง ทางเดียวที่จะเข้าถึงคืออ่อยสินะ เมื่อคิดได้อย่างนั้น รวงข้าวจึงรวบผมมาไว้อีกข้างอย่างมีชั้นเชิง
“ลมแรงจังเลยค่ะ” เธออมยิ้มตอบกลับไปเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจ้องมองหน้าอกที่ล้นทะลักออกมาและมันยิ่งเห็นชัดขึ้นเมื่อเธอรวบผมไปไว้อีกข้าง ชุดสายเดี่ยวสีขาวกลืนกับผิวทำให้น่าดึงดูดมากขึ้น
“หึ” คริสเตียนได้แต่แสยะยิ้มเบา ๆ ทำเอารวงข้าวไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลย
“ดื่มครับ” แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนท่าทีเป็นสนใจเธออีกครั้งพร้อมทั้งยื่นแก้วหมายจะชนก่อนดื่ม
กริ๊ง!
“ค่ะ” รวงข้าวยกแก้วใส ๆ ยื่นไปแตะเบา ๆ แล้วเลื่อนกลับมาหมุนแก้วไปมา ยกขึ้นดมกลิ่น ปากอวบอิ่มเผยอเล็กน้อยก่อนจะจิบไวน์ ทุกการกระทำอยู่ในสายตาอีกฝ่ายทั้งหมด
ทั้งคู่ต่างก็นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบข้าง เวลามืดค่ำแบบนี้เมื่อมีแสงสว่างจากตึกต่าง ๆ ทำให้ทุกอย่างลงตัวและโรแมนติกมากไปอีก
ร่างบางยืนเกาะระเบียงมองตึกรอบ ๆ หันหลังให้กับชายหนุ่มที่เธอเชิญเขามาร่วมโต๊ะอาหารครั้งนี้ รูปร่างอรชรเผยสัดส่วน ส่วนเว้าส่วนโค้ง ทำให้ในสายตาร่างสูง ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ามีเสน่ห์จนน่าหลงใหล
หมับ!
“เอ่อ...” รวงข้าวหันหลังไปหาสัมผัสนั่นทันทีที่มือหนาเลื่อนมาจับเอวบางของเธอ สายตาทั้งคู่สบตากันพักใหญ่ ใบหน้าคมที่กำลังเลื่อนเข้ามาใกล้กว่าเดิม ส่งผลให้ห่างกันแค่คืบเดียว
“ผมขอจูบคุณได้ไหม”
“เอ่อ...มันจะเร็วไปไหมคะ” รวงข้าวเขินอายแกล้งเบี่ยงหน้าหลบ กัดฟันแสดงท่าทีรังเกียจแบบปิดบังไม่ให้ดวงตาคมได้เห็น ก่อนจะหันไปเผชิญหน้าต่อด้วยแววตาเชิญชวน
“ผมไม่ได้อยากล่วงเกินคุณ แต่อยากขอบคุณที่ทำให้ผมรู้สึกพิเศษอีกครั้ง” ร่างสูงใหญ่ขยับเข้าใกล้แนบชิด เมื่อหญิงสาวขยับถอยหลัง เขาก็ขยับต่อจนตัวเธอไม่สามารถขยับต่อได้เพราะติดกับระเบียง
“รังเกียจเหรอครับ” เสียงแผ่วเบาถามเพื่อต้องการคำตอบ สายตาบ่งบอกว่าหากเธอไม่อนุญาตเขาก็จะไม่รุ่มร่าม
จุ๊บ!
มือบางเลื่อนขึ้นไปดึงคอเสื้อคริสเตียนให้โน้มตัวลงมารับริมฝีปากอย่างนุ่มนวล ก่อนจะเป็นฝ่ายสอดลิ้นเข้าไปเองเพื่อแสดงความหลงใหล สองลิ้นตวัดพัวพันนานนับนาทีก่อนที่รวงข้าวจะเบี่ยงหน้าหลบในนาทีต่อมา
นิ้วเรียวเขี่ยพวงแก้มที่ตอนนี้แดงระเรื่อจนเห็นได้ชัด ความหวานของปากบางทำให้ร่างกายต้องการมันอีกครั้ง ทว่าเขาทำได้เพียงหักห้ามใจไม่ให้ล่วงเกินผู้หญิงที่รู้จักไม่ถึงสองวัน
รวงข้าวหันหลังให้กับคริสเตียนที่ยืนคร่อมเธออยู่ เธอก้มหน้ามองพื้นด้านล่างด้วยความประหม่ากลัวว่าจะถูกจับได้ว่าเธอจูบไม่เป็น...ใครจะคิดว่าการจูบต้องมาใช้ในหน้าที่การงานที่ต้องทำ...หวังว่าจูบแรกของเธอไม่ได้ขี้เหร่จนเกินไปนะ
“น้ำครับ” มือหนายื่นแก้วน้ำส่งให้กับรวงข้าวที่ตอนนี้กำลังนั่งเล่นบนโซฟากลางห้องโรงแรมหรูซึ่งเป็นที่พักชั่วคราวของคริสเตียนระหว่างกลับเมืองไทย“ขอบคุณค่ะ” รวงข้าวส่งยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะก้มศีรษะเป็นการขอบคุณผู้ที่มีอายุมากกว่า อาทิตย์หนึ่งแล้วกับการตีสนิทเป้าหมาย ความใกล้ชิดทำให้เธอสามารถเข้าถึงคริสเตียนได้ในเวลาอันรวดเร็วจนวันนี้รวงข้าวสามารถเข้าออกห้องหรูแห่งนี้ได้“วันนี้ผมมีงานด่วนเลยต้องกลับมาที่ห้อง เสียดายยังไม่ได้พาคุณฝนไปเที่ยวเลย”“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ฝนเข้าใจว่าคุณคริสต้องทำงาน ที่จริงเราค่อยนัดเจอกันก็ได้ พาฝนมาคอนโดแบบนี้รบกวนความเป็นส่วนตัวคุณคริสเปล่า ๆ ” เธอเอ่ยตามมารยาททั้ง ๆ ที่รอโอกาสเข้ามาที่นี่ทั้งนานแล้ว“ไม่เลยครับ คนที่ผมพามาที่นี่ต้องเป็นคนที่ผมไว้ใจเท่านั้น...”“...และคุณฝนคือคนนั้น” ความสุภาพ สุขุม ส่งผลให้คนพูดดูมีเสน่ห์จนน่าค้นหา แถมยังเอ่ยประโยคหวาน ๆ โปรยเสน่ห์กับร่างบางตรงหน้าอีกด้วย“...” รวงข้าวเบี่ยงหน้าหนีอย่างเขินอาย“หึ” ทำให้คริสเตียนหัวเราะออกมากับท่าทีหญิงสาว“คุณคริสทำงานเถอะค่ะ ฝนเล่นโทรศัพท์รอคุณไปพลาง ๆ ”“ครับ นั่งคนเดียวไม่เหงานะครับ!?”“ไ
คริสเตียนโน้มตัวลงไปคลอเคลียอีกครั้งก่อนที่จะพรมจูบข้างกกหูแล้วกระซิบบางอย่าง“รวงข้าว...”“...คิดว่าฉันโง่เหรอวะ!!”“...” รวงข้าวนอนชะงักนิ่งไปทันที ชื่อจริง ๆ ของเธอหลุดจากปากเป้าหมายฟึบ!คริสเตียนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทำให้รวงข้าวลุกตาม ได้แต่นั่งนิ่งข่มความรู้สึกเอาไว้ พยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด มือหนาเอื้อมไปหยิบกระดาษบางอย่างที่สอดไว้ในหนังสือเล่มที่เขาอ่านก่อนหน้านี้ฟิ้ว~กระดาษเอสี่ร่อนใส่หน้ารวงข้าว เมื่อคริสเตียนโยนประวัติของเธอกระจายไปทั่วห้อง ร่างบางก้มมองรูปถ่ายแนบบัตรประชาชนที่ถูกพรินต์ออกมา ในนั้นมีทั้งชื่อ ที่อยู่ครบถ้วน จนไม่สามารถแก้ตัวได้เลยสักนิด“น.ส.รวงข้าว รักษ์ฟ้า”“อายุ 20 ปี”“ส่วนสูง 165 ซม. น้ำหนัก 45 กก.”“ภูมิลำเนา...สุราษฎร์ธานี” “...” ความลับแตกเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างถูกเปิดเผยในสถานที่ของเขา ชีวิตเธอคงจบสิ้นในห้องนี้ ไม่ใช่เธอที่เป็นคนหลอกให้ติดกับดัก แต่เป็นเขาต่างหากที่ล่อลวงเธอมาที่นี่กึก!“คนที่เข้าใกล้ฉัน คิดว่าฉันไม่สืบประวัติเหรอวะ!!” คริสเตียนโน้มตัวไปบีบคางมนเต็มแรง แววตาดุร้ายจ้องมองใบหน้าหวานที่ไม่ฉายความเกรงกลัวสักนิด มีแต่จะแข็งข้อมาก
@ประเทศญี่ปุ่น เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวบินลัดฟ้า ข้ามน้ำ ข้ามเขาในเวลาอันรวดเร็วก็มาถึงลานจอดบนดาดฟ้าของคฤหาสน์ตระกูลซามูเอลตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น“ลากตัวลงมา!!” คริสเตียนไม่ชายตากลับไปมองร่างบางที่ตอนนี้สลบไสลเพราะฤทธิ์ยาของตัวเอง เขายืนเท้าสะเอวเพื่อเตรียมลงชั้นล่าง“เฮ้ย!! ตื่น” อดัมเขย่าร่างบางให้รู้สึกตัว“...”“ตื่นสิวะ!!” มือหนาเอื้อมไปเขย่าแรง ๆ อีกครั้ง“อื้อ!...” ก่อนที่รวงข้าวจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมามองรอบ ๆ“...ปล่อยนะไอ้พวกเลว!! ปล่อยฉัน!!” เมื่อปรับร่างกายเข้าโหมดปกติได้เธอจึงโวยวายไม่ยอมลงจากเครื่องบินดิ้นต่อสู้สุดชีวิต“ลงมาดี ๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” อะเดลที่ยืนดูอยู่พักใหญ่สั่งเสียงเข้ม เพราะเขาไม่อยากทำร้ายผู้หญิงฟึบ!“ไม่ไปไง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” มือบางสะบัดแขนให้เป็นอิสระในเวลาต่อมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมที่จะปะทะกับชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำตรงหน้า“ลากยัยนั่นลงมาสักที!!” คริสเตียนยืนฟังบทสนทนาตั้งแต่เริ่ม เริ่มจะหงุดหงิดใจที่ต้องรอนาน“ไม่ลง ไม่ต้องมาจับ”“ลงมาดี ๆ อย่าให้ต้องใช้กำลัง” สุดท้ายร่างสูงทนไม่ไหวเดินขึ้นไปบนเครื่องบินเจ็ทเพื่อลากเจ้าตัวปัญหาลงมาเองหมับ!“ปล่อย!” น้ำ
“เด็กนี่ ผมขอได้ไหม” เคนตะเอ่ยปากขอตรง ๆ หลังจากรู้เรื่องราวทั้งหมด “ไม่ได้!!” ร่างสูงใหญ่ตะคอกกลับทันควัน“อ้าว ทำไมล่ะ ต่อหลังพี่ก็ได้ ผมไม่ถือ” น้องคนกลางยังยียวนไม่ล้มเลิกความคิดง่าย ๆ“สำส่อน!!” ทำให้คูเปอร์ที่เดินเข้ามาได้ยินพอดิบพอดีต่อว่าเคนตะออกไป“ไอ้คูเปอร์ ไอ้น้องเวร ไม่ด่ากูสักวันจะตายไหม”“พี่ก็เลิกมั่วสักที”“เรื่องของกู มีของก็ต้องใช้งานสิวะ ไม่เหมือนมึงตายด้านจนนกเขาไม่ขันแล้วมั้ง”“มันใช่เรื่องที่ต้องมาพูดในห้องกูไหม”“พี่ก็ยกเด็กนั่นให้ผมสิ อ่ะ ๆ ผมประมูลเองก็ได้” เขายกมือขึ้นปัด ๆ เพื่อให้จบ ๆ ทั้งที่ความเป็นจริงก็เป็นเงินในครอบครัวนั่นแหละ“...” คริสเตียนมองด้วยแววตาเข้ม หย่อนตัวนั่งบนโซฟาพร้อมไขว่ห้างด้วยท่าทีสบาย“ลงบัญชีผมได้เลย สิ้นเดือนค่อยหัก” เคนตะบอกต่อเพราะรู้สึกชอบร่างบางบนเวทีเอามาก ๆ แต่จริง ๆ แล้วเขาก็ชอบไปทั่วขอแค่เป็นผู้หญิง“ที่พูดไม่เข้าใจ” คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน มองเคนตะอย่างคาดโทษ“ก็ผมอยากได้ ที่จริงยัยเด็กนั่นต้องเป็นของผมอยู่แล้ว วันนั้นไม่น่าตอบตกลงเปลี่ยนรถเลยว่ะ” เคนตะหย่อนตัวนั่งลงตามพี่ชาย นึกเสียดายโอกาสที่จะได้เป็นเป้าหมายให้เด็กสาวล่อล
@เที่ยงคืน“เธอไม่ยอมกินข้าวครับ” เมื่อคริสเตียนกลับจากด้านนอก อะเดลเข้ามารายงานทันที“ไม่กินก็อย่ากิน ปล่อยให้อดตาย” เขาบอกลูกน้องอย่างไม่ใส่ใจนัก“ท่าทางน่าจะทนได้นาน เธอดูเข้มแข็งมากเลยครับ”“...” คำพูดของอะเดลทำให้ร่างสูงหยุดชะงัก“ปล่อยไว้แบบนั้น เราไม่มีทางรู้ข้อมูลจากเธอแน่”“อืม เดี๋ยวฉันลงไปจัดการเอง” ว่าแล้วร่างสูงก็สาวเท้ากดลิฟต์ลงชั้นล่างสุดตึ๊ง!บานประตูลิฟต์เปิดออกร่างสูงใหญ่ของคริสเตียนเดินออกมาปรากฏตัวทันที ลูกน้องที่รับหน้าที่เฝ้านางนกต่ออย่างรวงข้าวต่างหลบหลีกเพื่อให้เจ้านายได้เดินไปหาได้สะดวก อดัมเดินนำหน้าไปเปิดไขกุญแจที่ล่ามโซ่หน้าห้องไว้ ก่อนจะเปิดประตูให้คริสเตียนเข้าไปแอ๊ดด!!“อยากตายขนาดนั้นเลยเหรอ ถึงได้ประชดด้วยการไม่กินข้าว” เข้ามาถึงเขาก็เปิดฉากสนทนากับร่างบางที่นั่งกับพื้นพร้อมกุญแจมือ“ถ้าจะเข้ามาเอาคำตอบ ฉันไม่มีให้นาย” รวงข้าวบอกเสียงแข็ง“จุ๊ ๆ เธอนี่มันแน่จริง ๆ น่าเสียดายที่ทำงานให้ผิดฝั่ง” คริสเตียนเป่าปากมองร่างบางอย่างสมเพช“...” แต่รวงข้าวไม่คิดที่จะเถียงกลับไปหมับ!“เชื่อฟังแบบนี้ ฉันน่าจะเจอเธอก่อนพวกมันจะเลี้ยงดูไว้ทำงานอย่างดี” คริสเตียนท
“จะนอนนิ่งอีกนานไหม” ร่างสูงนั่งมองรวงข้าวที่นอนหดตัวนิ่งไม่กระดิกหรือคิดจะขยับตัว ใบหน้าเฉยชาไม่บ่งบอกอาการเสียใจของคนที่เพิ่งเสียพรหมจรรย์ไป“สมใจนายแล้วก็ฆ่าฉันสักที” รวงข้าวเอ่ยออกมาโดยไม่คิดจะมองคนที่ทำระยำกับร่างกายเธอ“ยัง!!” เขาตะคอกสุดเสียง“...” ร่างบางยันตัวลุกขึ้นนั่งจับผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ หันไปสู้หน้าคริสเตียน“คิดว่าครั้งเดียวมันจะสมใจเหรอวะ”“...”“เธอต้องทนทรมานอีกนาน” คริสเตียนยักคิ้วอย่างเหนือกว่า“...” รวงข้าวมองหน้าร่างสูงแล้วขบกรามด้วยความแค้น เธอต้องทนกับขุมนรกนี้อีกนานแค่ไหน ชีวิตเธอมันจะไม่มีทางหลุดพ้นวงจรนรกเลยเหรอหมับ!“ทำไม!? มองหน้าอยากอีกเหรอวะ” มือหนากระชากร่างบางเข้าหาตัว“ทุเรศ!! ในสมองมีแต่เรื่องต่ำ ๆ” รวงข้าวกัดฟันด่าออกไป“ต่ำอะไร ฉันว่าของเธอ...” เขาเอ่ยพร้อมไล่สายตา รวงข้าวกำผ้าห่มแน่น“...กับของฉันมันก็อยู่ตำแหน่งเดียวกันนะ ถ้าเธอว่าต่ำมันก็ต่ำเหมือนกันนั่นแหละ!!” ก่อนจะผลักร่างบางอย่างแรง“ออกไป” เมื่อรู้ว่าเถียงไปก็มีแต่ทำให้ปวดหัว รวงข้าวจึงเอ่ยปากไล่“บ้านฉัน ฉันจะอยู่ตรงไหนมันก็เรื่องของฉัน”“...” ใบหน้าหวานที่ตอนนี้ซีดเซียวเหลียวมองร่างสูงอย
@โรงแรมเมืองไทย แอ๊ดดด~“รวงข้าว!!” ไดรฟ์เปิดประตูเข้ามาตะโกนเรียกรวงข้าวอย่างร้อนรน“ไอ้ข้าว อยู่ไหมวะ” ตามด้วยกระทิงที่เดินหาทุกซอกทุกมุมเพราะพนักงานเคาน์เตอร์บอกว่าเจ้าของห้องยังไม่ได้เช็กเอาต์ออกไป“ไม่มีว่ะ” กระทิงบอกเพื่อนรักอย่างกังวล สีหน้าเริ่มสลดเครียดไม่ต่างอะไรจากไดรฟ์“ข้าวไม่ได้กลับห้องตั้งแต่วันนั้น”เพราะข้าวของทุกอย่างยังอยู่ครบเหมือนเดิม แถมโทรศัพท์มือถือก็วางไว้ในห้อง มีสายไม่ได้รับจากเขาที่โทรย้ำหลายรอบ“แล้วตอนนี้ไอ้ข้าวจะอยู่ที่ไหนวะ หวังว่าพวกมันคงไม่ฆ่าไปแล้วนะ”“ถ้ามึงคิดอย่างอื่นไม่เป็น มึงไม่ต้องพูด!!” ไดรฟ์ร้อนใจจนตะคอกด่ากระทิง ยิ่งความคิดไม่คงที่ แต่เพื่อนรักดันปากหมาคิดแต่สิ่งไม่ดีออกมา ทำให้เขาโมโหจนแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่“มึงดูด้วยพวกมันเป็นใคร”พรึ่บ!“กูรู้ไง กูถึงไม่อยากคิด” ไดรฟ์หย่อนตัวนั่งลูบหน้าตัวเอง ในสมองคิดหาวิธีตามหาผู้หญิงคนเดียวที่เขารัก“...” กระทิงเงียบไปทันที รู้ดีว่าไดรฟ์คิดยังไงกับรวงข้าว ได้แต่เอาใจช่วยมาตลอด“โทรบอกพ่อเลี้ยง เผื่อจะช่วยอะไรได้” กระทิงเอ่ยเสริมต่อ อย่างน้อย ๆ รวงข้าวก็ไม่เคยทำงานพลาดน่าจะเป็นข้อต่อรองให้พ่อเลี้ยง
ตึก!ตึก!“ไอ้ไดรฟ์!! หยุดก่อน” กระทิงวิ่งตามเพื่อนรักอย่างเร็วเพื่อไปดักหน้าห้ามเตือน ก่อนที่จะทำอะไรไม่คิดไตร่ตรองให้ดีซะก่อน“...” ไดรฟ์ไม่คิดจะฟังอะไรทั้งสิ้น สาวเท้ายาว ๆ ไปยังรถตัวเองหมับ!“ไอ้ไดรฟ์ กูบอกให้หยุดไงวะ” มือหนากระชากแขนไดรฟ์เอาไว้“อะไรของมึงอีกวะ กูจะ..อุบ!!” ก่อนที่กระทิงจะเอามือปิดปากหนาไม่ให้เอ่ยสิ่งที่คิดจะทำออกมา“จุ๊ ๆ พ่อเลี้ยงโทรมา” กระทิงกระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินแค่สองคนและไม่ให้เสียงเล็ดลอดผ่านโทรศัพท์มือถือ“รับไปสิ” แล้วยื่นโทรศัพท์มือถือให้“...” ไดรฟ์ลูบหน้าหัวเสีย แต่ไม่สามารถขัดคำสั่งได้ รับโทรศัพท์มือถือมากำไว้แน่นแล้วเอามาแนบหู“ครับ”(เป็นไงบ้าง เจอไหม) เสียงปลายสายเอ่ยถามโดยไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนแต่อย่างใด“ไม่เจอ”(แล้วนี่มึงเป็นไร เสียงแข็งใส่กูทำไมหรือไม่พอใจที่หารวงข้าวไม่เจอ)“...” ไดรฟ์เงียบไม่อยากโต้ตอบกลับไป(กลับมาเชียงใหม่ได้แล้ว)“แล้วรวงข้าวล่ะ พ่อเลี้ยงไม่คิดจะตามหารวงข้าวเลยเหรอ” เขาถามออกไปทันที ไม่สนว่าเจ้านายจะรู้ความในใจอีกต่อไป(ตามไปก็ไม่เจอหรอก เดี๋ยวถ้ามันต้องการข้อมูลพวกเรา มันเอารวงข้าวมาล่อเองแหละ)“นี่เราต้องรอพวกมันก่อน ทำไ
อาฟเตอร์ปาร์ตี้ หลังจากรวงข้าวตอบรับการแต่งงาน คริสเตียนก็เร่งงานภายในหนึ่งอาทิตย์เพื่อให้รวงข้าวสวมใส่ชุดเจ้าสาวได้สวยที่สุด ก่อนที่เจ้าตัวน้อยในท้องจะแสดงฤทธิ์เดชเผยให้ทุกคนได้เห็น“ไม่รู้จะมีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ทำไม” คริสเตียนบ่นออกมาเพราะเขาอยากเข้าหอเต็มทีแล้ว“คุณเคนตะรีเฟสมาครับ ผมไม่กล้าขัดเลยจัดตารางงานตามนี้” อดัมรายงานทันที“แล้วไหนคนที่อยากอยู่งานปาร์ตี้ที่สุด หายหัวไปไหนแล้ว” สายตาคมกวาดสายตามองหาน้องชายสุดแสบ ที่ปล่อยให้แขกในงานสนุกกันเอง ทั้ง ๆ ที่เป็นแขกของเคนตะทั้งนั้น“ผมเห็นขึ้นลิฟต์ไปสักพักใหญ่แล้วครับ” อะเดลเอ่ยตามที่เห็น“คัพเค้กไปตามพี่เคน บอกให้ลงมาในงานได้แล้ว” คางูยะนั่งฟังบทสนทนาของหลายชายคนโตก่อนจะบอกหลานสาวเพียงคนเดียวที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย“ทำไมต้องเป็นเค้กด้วยล่ะคะ” ทำเอาคัพเค้กถึงกับหน้าบึ้งตึง ย่นจมูกส่ายหน้าไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ง่าย ๆ“ไปเถอะเค้ก ในงานก็มีแต่เพื่อนไอ้เคน บอกให้มันมารับแขกหน่อย” เจ้าบ่าวป้ายแดงรีบเอ่ยอีกเสียง เหลือบมองเจ้าสาวเป็นระยะ ยิ่งชุดที่รวงข้าวสวมใส่เผยให้เห็นร่องอกขาวเนียน จนเขาแทบจะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว“ลูกน้องพี่คริสก็มี ทำไมไม่ใช้บ
รวงข้าวทอดสายตามองตามนิ่ง ๆ เมื่อคริสเตียนเดินออกไปจากจุดนั้น“ตามผัวไปสิวะ ยืนเซ่ออยู่ทำไม” วิมลดันแผนหลังลูกสาวเพื่อกระตุ้นเตือน“...” ทว่ารวงข้างยังคงยืนเฉยเมย ลังเลว่าทุกอย่างคือความจริงใช่ไหม ไม่มีฉากบังหน้าอะไรตบตาเธออีก“อ้าวอีนี่ เอาใจผัวอะเป็นไหม คงไม่อยากให้ลูกในท้องไม่มีพ่อหรอกนะ” หญิงวัยกลางคนถึงกับเกาศีรษะ เบื่อหน่ายนิสัยเย็นชาเต็มที“...”“ไปสิวะ!!” ก่อนที่วิมลจะดันให้รวงข้าวยอมก้าวเท้าตามออกไปตึก!ตึก!“ปู่” คริสเตียนเอ่ยเรียกคางูยะไว้ ก่อนที่มาเฟียเฒ่าจะขึ้นเครื่องบินเจ็ทกลับไปซะก่อน “จะตามฉันออกมาทำไม ไม่ไปดูแลลูกเมียแกล่ะ” คางูยะไม่คิดจะหันกลับไปมอง ไม่ได้โกรธเคืองอะไรทั้งสิ้น แค่ไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองสะสางไม่เสร็จ“ผมเข้าใจทุกอย่างที่ปู่ทำแล้ว ต่อไปผมจะเป็นคนสืบเรื่องนี้ จะไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าอีก”กึก!“ต่อไปแกอย่าลืมนะ ว่าจุดอ่อนของแกคือลูกและเมีย” คางูยะหันมาบอกด้วยสีหน้าสลด“ครับ ผมจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด ก่อนรวงข้าวจะคลอด” เขาให้สัญญาและทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่พูด“...” มาเฟียเฒ่าพยักหน้า แล้วหมุนตัวกลับไปขึ้นเครื่องบินตามเดิมคริสเตียนยื
แม่!!” รวงข้าวมองหญิงวัยกลางคนที่เดินเข้ามาหยุดตรงหน้า พร้อมทั้งชายชราที่ยืนถือไม้เท้าแววตาดุดันพึ่บ! คริสเตียนปล่อยโอบกอดจากร่างบางแล้วหมุนตัวหันไปมองแขกใหม่ทันที“ปู่!!” ก่อนที่เขาจะเอ่ยอย่างตกใจ ไม่คิดว่าคางูยะจะตามมาได้เร็วขนาดนี้ และที่สำคัญกลับพาแม่รวงข้าวมาด้วย งานนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้“กลับบ้านกับฉัน...คริสเตียน!!” คางูยะกระแทกไม้เท้ากับพื้น น้ำเสียงเอ่ยสั่งเรียบ ๆ แต่ถึงเเม้จะนิ่งเรียบแต่แฝงด้วยอำนาจบางอย่าง“ไม่ครับ ผมจะกลับก็ต่อเมื่อปู่อนุญาตให้เราสองคนได้สร้างครอบครัวด้วยกัน” ร่างสูงไม่เพียงแต่เอ่ยแต่ยื่นมือลงไปจับมือบางไว้แน่น เขาพร้อมที่จะเผชิญทุกอย่างจริง ๆ และไม่คิดจะยอมเเพ้ง่าย ๆ“หึ ดีนี่ทำให้หลานที่เชื่อฟังฉันมาตลอดสามารถออกนอกลู่นอกทางได้ สมใจเธอแล้วสินะ” มาเฟียเฒ่าแสยะยิ้มมองใบหน้าหญิงสาวข้างๆหลานชาย“...” ทุกคนต่างเงียบเกรงกลัวอำนาจในกำมือคางูยะที่สามารถสั่งทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้า“เธอเคยรับปากกับฉันว่ายังไงฮะ!!” ก่อนที่คางูยะจะยื่นไม้เท้าเชยคางรวงข้าวให้เชิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน“หยุดขู่เมียผมสักที เมื่อไหร่ปู่จะปล่อยให้พวกผมมีชีวิตที่เลือกเองบ้าง” คริ
แววตาคมเหลือบมองเด็กชายตัวเล็กผิวขาวที่กำลังนั่งเล่นรอเวลาทานอาหารเช้า คริสเตียนสาวเท้าเข้าไปหย่อนตัวนั่งข้าง ๆ จนทำให้ดวงตาใสบริสุทธิ์จับจ้องคริสเตียนตาแป๋ว“เมื่อไหร่คุณลุงจะกลับ” คิมหันต์วางของเล่นในมือ ขยับตัวออกเล็กน้อย เพราะรวงข้าวเตือนไม่ให้ยุ่งเกี่ยว“เลิกเรียกลุงได้แล้ว” คริสเตียนไม่พอใจนัก แต่ก็เก็บกลั้นเอาไว้“ก็คุณลุงแก่แล้วนี่ครับ”“เฮ้ย! เคยโดนหนังยางดีดปากไหมวะ” แต่แล้วคำพูดที่เอ่ยออกมา ทำเอาคริสเตียนตะคอกกลับไปเสียงเข้ม“น่ากลัว..ว่าแล้วทำไมแม่ข้าวถึงไม่รัก” คิมหันต์ฉีกยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังหน้าบึ้ง“รู้ได้ไงว่าแม่นายไม่รักฉัน อ้อ อีกอย่างต่อไปฉันต้องเป็นพ่อนาย ควรเปลี่ยนคำเรียกซะใหม่” เพราะหลังจากง้อรวงข้าวสำเร็จคงต้องรับคิมหันต์ไปเป็นลูกอย่างถูกกฎหมาย“ผมไม่อยากมีพ่อ แค่แม่ข้าวคนเดียวก็พอแล้ว” คิมหันต์ส่ายไปส่ายมาพร้อมทั้งกอดอกตัวเอง“ไม่ได้!! ถ้างั้นฉันจะไม่ให้นายเป็นลูกเมียฉันอีก” ถึงแม้จะมีน้องชายที่กวนประสาทถึงสองคน แต่ความอดทนเขาเริ่มจะหมดเต็มทีเมื่อต้องมานั่งต่อล้อต่อเถียงกับคิมหันต์“ขู่ผมเหรอ ผมไม่กลัวหรอก” คิมหันต์ยักคิ้วไม่ได้หวาดกลัวสักนิด“...” ทำเอาร่
“อะไรของคุณเนี่ย” รวงข้าวเงยหน้าถามด้วยความสงสัย จู่ ๆ คริสเตียนก็ลากเธอมาหลังต้นไม้“ไล่มันกลับไปเดี๋ยวนี้” ก่อนที่ร่างสูงจะเอ่ยเสียงเข้ม แววตาบ่งบอกชัดเจนว่าหมายถึงใคร“คุณก็เห็นว่าพี่ไดรฟ์ไม่กลับ”“งั้นพี่จัดการเอง” ว่าแล้วก็ปล่อยมือรวงข้าวเพื่อเดินกลับไปที่น้ำตกที่มีอดัมอะเดลค่อยเป็นเกราะคุ้มกันไม่ให้ไดรฟ์เข้าใกล้รวงข้าวได้“หยุดเลย คุณเองก็ควรจะกลับนะ ก่อนที่ปู่คุณจะตามมา” รวงข้าวรีบหยิบยกเรื่องนี้มาขู่ เพราะเชื่อว่าไม่นานคางูยะต้องทำอะไรสักอย่างแน่“รวงข้าว พี่ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะ อายุก็เลขสามแล้วสร้างครอบครัวได้สบาย ๆ” ทำให้ร่างสูงหันมาเผชิญหน้ากับรวงข้าวอีกครั้ง แล้วเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง“แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่เหมาะกับคุณ” เธอก้มหน้าไม่สบตา ยังจำคำพูดคริสเตียนได้ทุกคำ“เอาอะไรมาวัดว่าไม่เหมาะ อย่าคิดแทนพี่”“อย่ามาพูดดีหน่อยเลย ฉันไม่มีวันหลงกลคุณอีกหรอก” ก่อนที่รวงข้าวจะเบี่ยงหน้าไม่อยากคุยกับคนเจ้าเล่ห์ต่อ“ข้าว...ฟังพี่อธิบายก่อน” คริสเตียนจึงตั้งใจจะอธิบายทุกอย่าง ถึงแม้สถานที่จะไม่อำนวยก็ตาม แต่ดีว่าเข้าใจผิดอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ“ข้าวไปกับพี่” ไดรฟ์เข้ามาเอื้อมมือดึงรวงข้าวอ
เช้าวันต่อมาตึกตึก...รวงข้าวเดินวนไปวนมารอบเตียงตั้งแต่หัวรุ่ง ครุ่นคิดหาทางเอาตัวรอดจากร่างสูงนอกห้อง“เราจะให้เขารู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด” เธอลูบหน้าท้องตัวเองที่มีอีกหนึ่งชีวิต“แต่เราจะหนีเขายังไง แล้วไหนจะเรื่องแม่อีกล่ะ” ถ้าหากคางูยะรู้เรื่องที่คริสเตียนมาตามเธอที่นี่ แม่ของเธอจะเป็นอันตรายไหมคิดได้อย่างนั้นรวงข้าวจึงชะโงกหน้าผ่านทางหน้าต่างเพื่อหาทางแก้ปัญหา ก่อนจะเห็นบอดีการ์ดยืนอยู่รอบบ้าน“ขนมาเยอะขนาดนี้ ไม่รอดอีกแน่” เธอส่ายหน้าเหนื่อยล้ากับสิ่งที่เผชิญ ทำไมความสุขที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอมันสั้นนิดเดียว เมื่อไหร่เธอจะมีความสุขกับเขาบ้าง“แม่ข้าว...ทำอะไร” คิมหันต์ลุกขึ้น ใช้นิ้วมือขยี้ดวงตามองรวงข้าวที่กำลังยืนดูบางอย่างนอกหน้าต่าง“เอ่อ..ตื่นแล้วเหรอคิม” ทำให้รวงข้าวหันกลับมาตามเสียง“ครับ”“...” เธอยิ้มจาง ๆ เมื่อใกล้เวลาต้องออกไปเจอร่างสูงในเวลาที่ไม่อยากเห็นหน้าแบบนี้“ว่าไงครับ แม่ข้าวไปทำอะไรที่หน้าต่าง” แต่แล้วคิมหันต์กลับถามสิ่งที่ยังไม่ได้คำตอบต่อ“เปล่า นอนต่ออีกไหม” รวงข้าวจึงเดินไปใกล้ ๆ พร้อมเอื้อมมือลูบศีรษะเด็กชายที่กำลังจ้องเธอตาแป๋ว“ไม่ล่ะครับ คิมออกไปด้า
ร่างสูงใหญ่ลงจากเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ใบหน้าซูบโทรมเริ่มจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง เมื่อมองรอบ ๆ ที่เป็นดอยห่างไกลจากในตัวเมืองค่อนข้างมาก ความจริงที่นี่เขาเคยให้ลูกน้องมาตามหาแล้วครั้งหนึ่งแต่กลับไม่มีเบาะแสอะไรสักอย่าง ทว่าครั้งนี้เขารู้สึกถึงความหวังสุดท้าย รู้สึกถึงการรอคอยตลอดสามเดือนกำลังจะสมหวัง“มืดค่ำแบบนี้ แน่ใจนะครับว่าจะเข้าไปในบ้านหลังนั้นจริง ๆ ” อดัมถามออกมา กวาดสายตามองรอบ ๆ ที่ตอนนี้ ดึกเกินกว่าจะรบกวนคนในบ้าน“กูไม่รออะไรทั้งนั้น” คริสเตียนตอบพร้อมก้าวเท้าต่อไปตามที่ลูกน้องรายงานพิกัดคริสเตียนมองบ้านที่มีขนาดเล็ก ข้าง ๆ ล้อมรอบด้วยต้นไม้ หากรวงข้าวอยู่ที่นี่จริง ปู่ของเขาก็เล่นได้แสบมาก ที่ปล่อยให้เมียเขาอยู่ตามลำพังท้ายหมู่บ้าน เห็นทีต้องเคลียร์บางอย่างกับปู่บ้างแล้วก๊อก ๆก๊อก ๆ“ใครครับแม่ข้าว” คิมหันต์ลุกขึ้นนั่งตามรวงข้าว เงยหน้าอย่างงัวเงีย“คิมนอนต่อเถอะ เดี๋ยวแม่ข้าวไปเปิดเอง”“ไม่เป็นไรครับ คิมไปเปิดเอง” ทว่าคิมหันต์ไม่ยอม กระโดดลงจากเตียงเพื่อไปทำหน้าที่แทนแม่บุญธรรม เพราะเข้าใจว่าเป็นยายตัวเองแอ๊ดดด~ดวงตาคมกวาดสายตาเข้าไปในตัวบ้านเมื่อมีคนเปิดประตูให้ ทว่า
สามเดือนผ่านไปอุ๊บ!แหวะ!“แม่ข้าว แม่ข้าวเป็นอะไร” คิมหันต์วิ่งเข้าไปยืนข้าง ๆ มองดูแม่บุญธรรมที่กำลังอาเจียนอย่างหนักตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา“เข้าบ้านไปก่อนคิม เดี๋ยวแม่ข้าวดีขึ้น จะตามเข้าไป” มือบางของรวงข้าวดันให้เด็กน้อยเข้าไปในบ้าน“ไม่เอา คิมอยากดูแม่ข้าว”“คิมหันต์!!” ทำให้รวงข้าวกดเสียงเรียกชื่อเพื่อไม่ให้แสดงความดื้อรั้นออกมา“ก็ได้ครับ” คิมหันต์หน้าจ๋อย เดินคอตกเข้าบ้านทันทีหญิงสาวมองดูเด็กชายผิวขาวจนลับสายตา มือบางยกขึ้นมาลูบหน้าอกตัวเอง ครุ่นคิดถึงอาการที่กำลังเป็นอยู่“ไม่จริงใช่ไหม” ก่อนที่รวงข้าวจะเลื่อนมือลงมาลูบหน้าท้องแบนเรียบอย่างสงสัย ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเพราะความเครียดเลยทำให้ประจำเดือนเคลื่อน ทว่าอาการที่เป็นอยู่มันฟ้องชัดว่าสิ่งที่กลัวมาตลอดกำลังจะเกิดขึ้น“เราจะทำยังไงดี” รวงข้าวแทบหมดแรง ไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนต่อ ค่อย ๆ หย่อนตัวนั่งเก้าอี้ไม้หลังบ้าน ตั้งสติเพื่อแก้ปัญหาทุกอย่างตึก!ตึก!“รวงข้าว ไหวไหมบอกป้าได้นะ” แย้มยายของคิมหันต์เดินเข้ามานั่งข้าง ๆ หลังจากที่คิมหันต์วิ่งไปตามที่กระท่อม“...” รวงข้าวส่ายหน้า จนปัญญากับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอไม่รู้จะรับ
เอี๊ยดดด!!“โธ่เว้ย ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ” คริสเตียนหักหลบพวงมาลัยเข้าข้างทางด้วยความโมโหที่วันนี้...วันทั้งวันไม่ได้เบาะแสอะไรสักอย่างก๊อกๆ...อดัมอะเดลขับรถตามหลังมาติด ๆ จึงจอดรถเพื่อลงไปหาเจ้านาย“นายครับกลับไปพักก่อนเถอะครับ หักโหมแบบนี้เดี๋ยวจะวูบเอาได้” เมื่อคริสเตียนลดกระจกรถลง อดัมเอ่ยด้วยความเป็นห่วง“พวกมึงตามกูมาทำไมวะ” แต่คริสเตียนกลับตะคอกใส่ มองลูกน้องสองคนอย่างไม่สบอารมณ์นัก แทนที่จะไปทำหน้าที่ตัวเองแต่กลับมาตามเขา โดยที่ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรสักนิด“ผมกลัวว่านายจะใจร้อนจนเป็นอันตราย” อะเดลเอ่ยขึ้นมาบ้าง ยิ่งตอนนี้เจ้านายหนุ่มไม่มีสติพอที่จะทำอะไรได้ ในใจยังคงวนเวียนแค่เรื่องเดียว ยิ่งหาไม่เจอยิ่งทำให้ความร้อนรุ่มปะทุออกมายากที่จะควบคุมปึง!!“มึงแช่งกูเหรอฮะ!!” คริสเตียนเปิดประตูลงจากรถเข้าไปกระชากคอเสื้ออะเดลทันที“ไม่ใช่อย่างนั้นครับนาย...ไอ้อดัม” มือหนาของอะเดลจับมือคริสเตียนไว้ ก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อคนข้าง ๆ เพื่อให้ทำไรสักอย่าง“ใจเย็น ๆ ก่อนครับนาย...”“...กูว่ามึงเข้าไปขับแทนนายเถอะ” ก่อนที่อดัมจะกระแทกไหล่ให้อะเดลหลบเข้าไปในรถ“มึงคิดว่านายจะยอมเหรอวะ”ทว่าอะเ