แชร์

บทที่ 2 ~ ไร่เดือนฉาย

ผู้แต่ง: พริมริน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-27 17:37:42

บทที่ 2 ~ ไร่เดือนฉาย

ไร่เดือนฉาย หรือบ้านของเธอ เป็นของพ่อเลี้ยงตา หรือ ปรวี จิตกูร บิดาแท้ ๆ ของศศินา เดิมทีไร่นี้เคยทำไร่ใบยาสูบซึ่งทำกำไรในปีหนึ่งมหาศาลทั้งจากการส่งออกและส่งโรงผลิตบุหรี่ในประเทศ หากแต่พอพ่อเลี้ยงตาเริ่มลงเล่นการเมือง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

พ่อนำเงินที่ได้จากกำไรไร่ยาสูบนำไปลงในการเมืองและไม่หันมาเหลียวแลสนใจไร่ใบยาสูบจนปล่อยให้ผู้จัดการไร่โกงเงินไปเป็นจำนวนมาก  จนถึงตอนนี้ศศินายังไม่แน่ใจนักว่าไร่เดือนฉายนั้นสภาพการเงินเป็นเช่นไร

เธอจากบ้านไปเกือบหกปีจนเรียนจบคหกรรม และระหว่างที่เรียนอยู่กรุงเทพเธอไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้านอีกเลย

สายลมก่อนเข้าหน้าหนาวของที่นี่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งหนาวเย็นทั้งแห้งแล้ง และพัดกลิ่นบ่มใบยาจากโรงบ่มที่ยังหลงเหลือของคนในหมู่บ้านแวกนี้

ทางเข้าไร่เดือนฉายลาดด้วยถนนยางมะตอยธรรมดาเป็นหลุมเป็นบ่อเพราะไม่ได้รับการดูแลรักษา แต่ยังไม่ถึงกับขรุขระมากนัก

“ขอบคุณลุงมากนะคะ”

ศศินาลากกระเป๋าลงจากรถกระบะของลุงแล้วจัดการจ่ายค่าโดยสาร ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มของหญิงวัยกลางคนค่อนไปทางวัยชรา

“คุณหนูมาแล้ว”

เธอเงยหน้าจากหูกระเป๋าที่ก้มลงมอง เงยหน้าหวานซึ้งขึ้นมองตัวบ้านไม้หลังขนาดย่อมกลางไร่ที่ทรุดโทรมเต็มทนไร้การบำรุงรักษา เห็นแม่บ้านคนเก่าแก่อยู่มานานวิ่งลงมาจากบันไดบ้าน

“แม่อุ๊ สวัสดีค่ะ”

ศศินาพนมมือไหว้ก่อนเข้าสวมกอดแม่อุ๊ด้วยความคิดถึง แม่อุ๊อยู่ที่บ้านหลังนี้มานานตั้งแต่เธอยังเด็ก ดูแลเธอแทนแม่แท้ ๆ มาโดยตลอด

“มา เข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ”

เธอยังเดินกอดแม่บ้านเข้าสู่ตัวบ้านทำจากไม้ทั้งหลังรูปแบบภาคเหนือ หลังคาทรงจั่วมีกาแลแกะสลักไขว้ด้านบน ซึ่งแต่เดิมกาแลยังสดใหม่เห็นลวดลายชัดเจนจนบัดนี้ผุพังและซีดจาง ตัวบ้านเป็นบ้านแฝดสองหลังติดกัน เดิมทีเมื่อก่อนด้านล่างใต้ถุนบ้านเปิดโล่งจนเธอมักผูกเปลนอนใต้ถุนบ้านเสมอยามบ่าย แต่เดี๋ยวนี้ต่อเติมบางส่วนไว้เป็นครัวและพื้นที่นั่งเล่นรับแขก

“งานเป็นอย่างไรบ้างคะแม่อุ๊”

“คุณหนูมาเหนื่อย ๆ ยังไม่ต้องไปวัดหรอกค่ะ พอจะมีคนช่วยงาน อยู่บ้าง พักก่อนให้หายเหนื่อย เย็นนี้ค่อยไปฟังสวด”

“แล้วนี่ใครเป็นคนช่วยจัดการเรื่องพวกนี้คะ”

ศศินาเห็นแม่อุ๊เงียบไปแสร้งเดินเอากระเป๋าเก็บเข้าห้องนอนเก่าที่เธอเคยพักแต่ยังดูแลรักษาจนสะอาดเรียบร้อย

“พ่อเลี้ยงพันแสงค่ะ เป็นคนช่วยจัดการ”

“อะไรนะคะ แล้วนี่มันเรื่องของครอบครัวเรา ไปเกี่ยวข้องกับเขาได้ยังไงคะ”

แม่อุ๊ดึงมือคุณหนูของเธอให้นั่งลงบนเตียง ลูบแขนเบา ๆ เพื่อปลอบให้ใจเย็นลง

“ก็พอเกิดเรื่องขึ้น ญาติฝั่งพ่อเลี้ยงตา แม้แต่น้องแท้ ๆ อย่างอาต้องจิตเองก็ไม่หันมาดูดำดูดี กระทั่งศพยังไม่ยอมไปรับออกมาจากโรงพยาบาล”

ใบหน้าหวานหน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อฟังเรื่องจากปากแม่อุ๊ จริงอยู่ที่พ่อของเธอไม่ใช่คนดี จะเรียกว่าเป็นคนเลวเลยก็น่าจะถูก แต่ในเมื่อคนตายไปแล้วทำไมต้องรังเกียจเดียดฉันท์กันด้วย

“คุณหนูค่ะ อย่าเพิ่งคิดมากเลยค่ะ พักผ่อนก่อน เย็นนี้แม่อุ๊จะให้ป้ออุ๊ย[1]คำพาไปวัด”

แม่อุ๊จัดแจงผละขอตัวไปเตรียมอาหารเย็นให้คุณหนู ก่อนเดินออกไปยังเหลือบมองดวงหน้าซีดเซียวของคุณหนูด้วยความเวทนา แม่ของคุณหนูมาด่วนจากไปตั้งแต่เด็กทิ้งให้เธอเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง มีพ่อก็เหมือนไม่มี

พ่อเลี้ยงตาไม่เคยสนใจใยดีลูกสาวคนนี้ทิ้งเธอไว้ให้อยู่ที่ไร่เดือนฉาย แล้วย้ายตัวเองไปอยู่ในเมืองพร้อมกับเมียใหม่ นี่เธอยังไม่ทันได้เล่าเรื่องเมียใหม่พ่อเลี้ยงตามาขอรื้อค้นบ้านเพื่อหาทรัพย์สมบัติ เพราะพ่อเลี้ยงตาเหลือแต่เปลือกและทิ้งหนี้ไว้ให้ก้อนโต

ศศินาล้มตัวลงนอนเอาแรงหลังจากที่เดินทางร่วมสิบกว่าชั่วโมงจากกรุงเทพเพื่อมายังเมืองเหนือสุดของแดนสยาม

ในใจเห็นภาพชายหนุ่มพ่อเลี้ยงพันแสง หรือ อ้ายแสงที่เธอเคยเรียกอยู่เสมอยามเป็นเด็กน้อย ชายหนุ่มลูกเจ้าของไร่ยาสูบข้างเคียงที่เธอมักจะไปคลอเคลียขอให้เขาคอยสอนงานในไร่

ภาพทรงจำทะลักทลายหลั่งไหลเข้ามาดั่งเธอนั่งมองภาพจากม้วนฟิลม์ซึ่งแม้ว่าจะสีซีดจางและลางเลือนไปบ้างบางส่วน แต่ความรู้สึกของวันนั้นยังแจ่มชัดกระทั่งยังรู้สึกได้ถึงความร้อนจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้

อ้ายแสงในใบหน้ากร้าวกระด้างผิวคล้ำแดดดวงตาลุกโชนมองเปลวไฟที่กำลังลามไหม้อย่างรวดเร็วของไร่ยาสูบ รวมไปถึงโรงบ่มที่ตากใบยาไว้เพื่อเตรียมนำส่งโรงยา

ในสมัยนั้นไร่ของพ่อเลี้ยงพันแสงไม่ได้ร่ำรวยเหมือนดั่งตอนนี้ ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือเพียงพอสำหรับรับมือไฟที่โหมไหม้ทั้งเร็วและแรงได้ ร่างสูงตระหง่านจึงทำได้เพียงวิ่งทะลุพื้นป่า ถือถังน้ำสีดำพยายามตักน้ำไปรดโรงบ่มให้มากที่สุดกับคนงานเพียงหยิบมือ แต่มันก็เปล่าประโยชน์ อากาศแห้งของภาคเหนือมักโหดร้ายเสมอเมื่อถึงยามหน้าแล้ง

เชื้อเพลิงจากการเผาไหม้ใบยาเกิดควันสีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมเปลวเพลิงสีแดงฉาน ชายหนุ่มร่างสูงเกร็งทรุดลงคุกเข่ากระแทกพื้นดินด้านหน้า ใบหน้ากราดเกรี้ยวก่อนจะแหงนหน้าขึ้นฟ้าตะโกนร้องออกอย่างสุดเสียง ดังเสียจนนกกระพรือปีกบินแตกออกจากรัง เสียงร้องโหยหวนกรีดแทงเข้าไปในหัวใจของศศินา เด็กสาววัยสิบเจ็ดปีที่ได้แต่ยืนมองเขาและโรงบ่มที่เผาไหม้

“ลูก แสง ลูก”

ศศินาประคองระพีแม่ของพันแสงไว้ฉุดเธอไม่ให้วิ่งเข้าไป ร่างอวบเตี้ยขาวจัดดั่งคนเหนือทรุดลงคุกเข่าที่พื้นเช่นกันน้ำตาไหลอาบแก้ม

“คุณน้าคะ”

ระพีเกาะแขนของศศินาไว้แน่นดั่งเถาวัลย์เพื่อประคองร่างของตัวเองไม่ให้ล้มลง ดวงตาร้าวรานมองภาพตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา

“หมดแล้วเดือน หมดสิ้นทุกอย่างแล้ว”

จังหวะนี้ที่พันแสงพลันลุกขึ้น เธอเห็นใบหน้ากร้าวก้มต่ำลงมองมายังเธอ เปลวเพลิงยังลุกโชนแสงอยู่ด้านหลังเกิดเป็นเงาสีแดงโหมแรง

“เพราะบ้านเธอ เดือน พ่อของเธอเป็นคนทำ เขาต้องได้ชดใช้ บ้านของเธอต้องได้ชดใช้หนี้ในครั้งนี้”

แววตาวาวโรจน์ดั่งอสูรร้ายจ้องอาฆาตมาทางเธอ ส่งเสียงกดต่ำสะกดกลั้นความโกรธ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เธอกับเขาสูญสิ้นความผูกพันธ์ที่มีให้กัน และเธอไม่เคยเจอพันแสงอีกเลย

ศศินาลืมตาขึ้นจากภาพความทรงจำเหล่านั้น เธอได้แต่อ้อนวอนสวดภาวนา ขออย่าให้เธอได้เจออ้ายแสง พี่แสง หรือพ่อเลี้ยงพันแสงอีกเลย

[1] ตา

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 3 ~ พ่อเลี้ยงพันแสง

    บทที่ 3 ~ พ่อเลี้ยงพันแสงร่างเล็กบอบบางสวมกางเกงขายาวสีดำเสื้อเชิ้ตพอดีตัวสีดำเช่นกัน รวบผมมวยต่ำไว้ด้านหลังไร้การแต่งเติมใดใดบนใบหน้า ก้าวเท้าขึ้นบนศาลาตั้งศพที่เงียบเหงาร้างผู้คนพ่อเลี้ยงตา ปรวี จิตกูร พ่อของเธอได้ทำบาปทำกรรมไว้มากมาย เขาทั้งรุกล้ำผืนป่าโดยใช้อำนาจการเมืองในมือ ขับไล่ชาวบ้านให้ออกนอกพื้นที่เพื่อที่จะได้เข้าครอบครอง ยังไม่นับรวมเรื่องอื่นที่หมกเม็ดไว้แม้แต่เธอซึ่งเป็นลูกสาวยังไม่อาจรับรู้เรื่องพวกนั้นได้จนหมดเธอมองโลงศพเรียบง่ายมีเพียงดอกไม้สดไม่มากนักและพวงหรีดจากเพื่อนไม่กี่คน แต่ที่สะดุดตาเธอที่สุดคงเป็นของคุณน้าระพีแม่ของพ่อเลี้ยงพันแสงดอกไม้สดราคาแพงสีขาวนวลตา ไม่มีคำกล่าวแสดงความอาลัย มีเพียงชื่อเท่านั้นที่ติดอยุ่บนพวงหรีดร่างเล็กยังยืนนิ่งเมื่อขึ้นมาบนศาลา ศศินานึกถึงงานศพอีกงานยามเธอยังเด็ก แม่ของเธอเองก็ด่วนจากไปเสียก่อนแต่เธอยังพอจดจำท่านได้ในบางความทรงจำถือเป็นความโชคดีของแม่แล้วที่ไม่ต้องอยู่รับรู้เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับไร่เดือนฉายที่ท่านรัก“มาสักทีนะพวกคนกรุง”เสียกระแหนะกระแหนดังขึ้นด้านหลังเธอ ศศินากลับหลังหันมองถึงได้เห็นคุณน้าศรีนวล เมียให

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 4 ~ เมียบำเรอ

    บทที่ 4 ~ เมียบำเรอแอร์ในรถเย็นฉ่ำขณะที่วิ่งออกนอกตัวอำเภอขึ้นบนเขาเพื่อกลับไปยังไร่“นี่ไม่คิดจะพูดอะไรสักคำหรือไง”ศศินาเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินน้ำเสียงหยอกเย้าของคนด้านข้าง“พ่อเลี้ยงบอกว่ามีเรื่องต้องคุย”เธอพลันรู้สึกได้ถึงบรรยากาศในรถที่เปลี่ยนไป มีเสียงลมหายใจกระชั้นขึ้นเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงต่ำ“เดือนรู้หรือเปล่าว่าไร่ถูกเปลี่ยนมือไปแล้ว”“ได้ยังไง?”มีแววตระหนกในน้ำเสียงของศศินา ใบหน้าหวานจ้องเขารอคอยคำตอบ“ไร่ของเดือนแทบไม่ได้ทำกำไรในช่วงปีหลัง ๆ แล้วผู้จัดการไร่ก็ยักยอกหอบเงินหนี จนป่านนี้ยังตามจับตัวไม่ได้”ศศินาไม่ได้ทำหน้าประหลาด เรื่องพวกนี้เธอพอทราบอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างไร“พ่อเลี้ยงตาสอบตกสองสมัย แต่ยังใช้เงินมือเติบเหมือนเมื่อก่อน”ศศินาผินหน้ากลับไปมองทางที่มืดสนิทนาน ๆ ทีจึงจะมีรถแล่นสวนผ่านสักคัน“นั่นไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ฉันพอทราบแล้วว่าพ่อขัดสนเรื่องเงินทองบ้าง แต่มันไม่น่าจะทำให้ถึงขนาดต้องขายไร่”พันแสงเหลือบมองสาวน้อยที่นั่งด้านข้างรถ ใบหน้าหวานมีแววกังวลใจ เขารู้ว่าไร่เดือนฉายสำคัญต่อเธอมากเพราะเป็นไร่ของแม่เธอ ไร่ที่ตกทอดมาจากฝั่งตระกูลจิตกูร แต่แม่

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 5 ~ ทดลองสินค้า

    บทที่ 5 ~ ทดลองสินค้า“พ่อเลี้ยงพันแสงหมายความว่ายังไง”นัยน์ตาสีดำกรอกไหวกวาดไปทั่วใบหน้าแกร่งยามพันแสงถอยตัวออกกลับไปหลังพวงมาลัยเพื่อบังคับรถออกจากข้างทาง“หมายความตามนั้นทุกคำศศินา”หลังจากที่หายตกตะลึงศศินาพลันได้สติคืนกลับมา ใบหน้าแดงก่ำกรุ่นโกรธ เธอโดนหยามเหยียดศักดิ์ศรี เขาเพียงต้องการแก้แค้นพ่อของเธอ พูดออกไปน้ำเสียงกดต่ำ“ฉันขอปฏิเสธข้อเสนอของพ่อเลี้ยง”เธอได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเย้ยในลำคอแกร่ง สังเกตเห็นมือที่กุมหลังพวงมาลัยผ่อนคลายเหมือนว่ากำลังพูดเรื่องความสวยงามของทิวทัศน์ข้างทาง ผิดไปจากร่างเล็กของเธอที่แผ่นหลังเหยียดตึงทุกวินาที“มันไม่ใช่ข้อเสนอศศินา ถ้าปฏิเสธก็เตรียมตัวย้ายออกไปจากบ้านหลังนั้นได้เลย อีกอย่าง”ศศินาหันมองพ่อเลี้ยงเต็มตา เสียงทุ้มเว้นจังหวะห่างทำให้เธอต้องการรู้“สร้อยทับทิมมันค่อนข้างเฉย ฉันก็เลยว่าจะรื้อมันเสียหน่อย ตั้งใจว่าจะเอาไปทำแหวนหมั้นให้ว่าที่แม่เลี้ยงของไร่ชัยสงคราม”“คุณทำอย่างนั้นไม่ได้! มันเป็นสร้อยของแม่ฉัน”ศศินาเปล่งเสียงตะวาดหักห้ามอารมณ์ไม่อยู่ ลมหายใจกระชั้นขึ้นและมือเริ่มชื้นเหงื่อ ท่ามกลางความมืดในรถทำให้เธอไม่เห็นรอยยิ้มมุมปากอย่

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 6 ~ ลูกบ่าวอก

    บทที่ 6 ~ ลูกบ่าวอก“โยมมาเถอะ”ศศินาเดินตามหลวงพ่อไปยังเมรุเผาศพ มองสัปปะเหรอกำลังลากแผ่นสังกะสีออกมาจากใต้ถุนเมรุยามเช้ามืดของภาคเหนืออากาศเย็นจัดจนเธอต้องสวมเสื้อกันหนาวทับอีกตัว เธอมองกองขี้เถ้าของคนร่างสูงใหญ่อย่างพ่อเลี้ยงตาที่เหลือไว้เพียงก้อนกระดูกไม่กี่ชิ้น“โยมเลือกเลย เอาที่เป็นก้อนใหญ่สักหน่อยนะ แล้วนี่จะลอยอังคารหรือเก็บไว้ล่ะ”“ลอยอังคารค่ะหลวงพ่อ”ศศินานั่งยอง ๆ ลงข้างสังกะสีที่เย็นตัวลงแล้ว เธอใช้ไม้เขี่ย ๆ เลือกหยิบชิ้นกระดูกของพ่อเลี้ยงตาวางไว้บนผ้าขาวบางที่หลวงพ่อช่วยปูไว้ให้“เท่านี้พอแล้วค่ะหลวงพ่อ”“เอาล่ะ งั้นก็ห่อแล้วสวดสักหน่อยนะโยม”ศศินามองมือเหี่ยวย่นของหลวงพ่อโรยกลีบดอกดาวเรืองบนเถ้ากระดูกพรมน้ำมนต์แล้วผูกผ้าขาวบางห่อเถ้ากระดูกไว้ข้างใน เธอพนมมือขึ้นเมื่อหลวงพ่อเริ่มสวดแผ่เมตตา“เอาล่ะเรียบร้อยแล้ว คุณก็นำท่านไปทำบุญเช้าเสียก่อนแล้วค่อยจัดการต่อ”ศศินากราบบนพื้นสามครั้งรอจนกระทั่งหลวงพ่อเดินห่างไปจึงลุกขึ้นยืนพร้อมห่อผ้าในมือในศาลาวันนี้มีคนมาถวายมื้อเช้ากันแล้ว เธอเดินขึ้นไปบนศาลาเห็นคณะที่มาทำบุญจำนวนสามสี่คนกำลังเรียงจานอาหารเป็นวง ๆ คนทั้งหมดหันมองเธ

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 7 ~ พี่แสง

    บทที่ 7 ~ พี่แสงมือบางยังถือผ้าห่อกระดูก นิ้วลูบไปตามเนื้อผ้าดิบสีขาวเนียนเรียบใช้ความคิดเร็ว ๆ นี้เขาจะมาขอคำตอบว่าเธอจะทำตามข้อตกลงเพื่อเป็นเมียเก็บของเขาหรือเปล่า แลกกับสร้อยทับทิมและไร่เดือนฉายถ้าพ่อเลี้ยงพันแสงมีคนที่หมายปองให้ขึ้นเป็นแม่เลี้ยงอยู่แล้ว นั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีก็เป็นได้ คงไม่มีผู้ชายคนไหนจะยังเก็บเมียบำเรอไว้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองใกล้จะแต่งงานระหว่างทางกลับไร่เธอมองไปยังหุบเขาของไร่ชัยสงคราม ยังจดจำวันเฉลิมฉลองที่เขาจบดุษฎีบัณฑิตเกษตรศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังภาคเหนือ มีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเกลื่อนไปทั้งใบหน้าคมเข้ม วันที่เธอโดนเฆี่ยนจากพ่อเลี้ยงตา“พ่ออุ๊ยคำคะ รบกวนจอดตรงห้วยบะต่อม[1]ให้เดือนหน่อยนะคะ”พ่ออุ๊ยคำใคร่ประหลาดใจ ห้วยบะต่อมเป็นห้วยเล็ก ๆ ผ่านทางเข้าไร่ ที่ต้นทางไหลมาจากไร่ชัยสงคราม เขาจอดรถลงเข้าข้างทางให้เรียบร้อยก่อนจะลงมาช่วยคุณหนูเปิดประตูรถกระบะคันเก่าศศินาประคองห่อผ้าเถ้ากระดูกในมือเดินไปยังลำห้วยข้างหน้า ลำห้วยยามหน้าหนาวมีน้ำน้อยและใสจนเห็นก้อนหินกรวดใหญ่เล็กก้นห้วย เธอถอดรองส้นเตี้ยสีดำข้างลำห้วยก่อนจะย่ำลงไปในลำน้ำเย็นเยียบ“คุณหนู!”เสียง

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 8 ~ พ่อเลี้ยง

    บทที่ 8 ~ พ่อเลี้ยงเธอฝันไป!ร่างเล็กบอบบางโผเผลุกจากเตียงเพื่อไปดื่มน้ำยังโต๊ะเล็ก ก่อนจะเดินไปยังหน้าต่างข้างเตียง ความมืดมิดยามราตรีในไร่ของภาคเหนือแสนมืดสนิทจนมองเห็นดาวพร่างพรายบนท้องฟ้าผิดไปจากเมืองกรุงที่เธอจากมาคงเพราะการกลับมาบ้านทำให้เธอฝันถึงอดีตที่เธออยากจะลืม เพราะสุดท้ายแม่ของเธอก็ได้จากไปหลังจากนั้นไม่กี่วันที่โรงพยาบาล มะเร็งลำไส้คร่าชีวิตของแม่เธอไป แม่ไม่เจ็บปวดอีกแล้วและเมื่อเธอโตขึ้น เธอจึงรู้ว่าถ้าพ่อของเธอพาแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลดีทันสมัย แม่ของเธออาจจะมีชีวิตรอดพี่แสง อ้ายแสง หรือพ่อเลี้ยงพันแสง ในเมื่อเขาต้องการให้เธอเป็นเมียบำเรอของเขา เธอก็จะยอมทำตาม แม้ว่าไม่มีข้ออ้างเรื่องสร้อยทับทิมหรือไร่ที่พ่อได้จำนำไว้ แต่เพื่อเขา ขอเพียงเขาเอ่ยออกมาเธอก็ยอมทำให้ทั้งสิ้นอากาศยามค่ำของภาคเหนือในหุบเขาไร่ชัยสงคราม เย็นเยียบและเงียบสงัด มีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไร สัตว์ที่ออกหากินยามค่ำคืนพันแสงยังคงนั่งอยู่ตรงระเบียงบ้านเรือนไม้หลังใหญ่ชั้นสองที่เขาสร้างใหม่ทดแทนหลังเดิมเมื่อสองปีก่อน เขาทอดสายตาไปไกลมองไร่ชาเขียวที่เขาสร้างขึ้นใหม่กับมือ เขาลงแรงไปไม่น้อยในช่วงสองปีนี

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 9 ~ ข่าวลือ

    บทที่ 9 ~ ข่าวลือ“แม่อุ๊คะ รบกวนให้พ่ออุ๊ยคำพาเดือนเข้าตัวอำเภอหน่อยค่ะ”แม่อุ๊ละมือจากงานบ้านที่กำลังทำอยู่ เหลียวหลังกลับไปมองเห็นคุณหนูกำลังเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน“ได้ค่ะ เดี๋ยวแม่อุ๊ไปเรียกให้ จะไปไหนหรือคะคุณหนู”ศศินาเดินมานั่งตรงแปลญวนใต้ถุนบ้านที่ตอนนี้พื้นดินได้เทปูนทับไปหมดแล้ว“ค่ะ ไปธุระนิดหน่อยค่ะ อ้อเดือนอยากจะถามแม่อุ๊ค่ะ พ่อได้ให้เงินเดือนแม่อุ๊บ้างไหมคะ”ร่างอวบท้วมนั่งตรงเก้าอี้ไม้ไม่ห่างจากแปลญวนมากนัก รอยยิ้มแห้งปรากฎบนใบหน้าหญิงสูงวัย“ยังให้บ้างค่ะคุณหนูไม่มากเท่าไร แต่คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงแม่อุ๊หรอกค่ะ แม่อุ๊อยู่บ้านมีลูกหลานดูแล ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทอง”“ไม่ได้หรอกค่ะแม่อุ๊ แม่อุ๊กับพ่ออุ๊ยคำทำงานให้เดือน เดือนต้องจ่ายค่าตอบแทน เดี๋ยวยังไงเดือนจะจ่ายทุกต้นเดือนนะคะ”“คุณหนู อันที่จริงงานที่บ้านไม่ได้มีอะไรมาก ก็แค่ปัดกวาด ซักผ้า ทำกับข้าวก็เท่านั้น ส่วนงานในไร่ก็ไม่มีแล้ว”“เอาตามที่เดือนบอกนั่นละค่ะ เดือนถึงจะสบายใจ รบกวนแม่อุ๊ไปตามพ่ออุ๊ยคำให้เดือนหน่อยนะคะ เดือนจะต้องไปแล้วประเดี๋ยวจะกลับมืดสะเปล่า ๆ”“ค่ะคุณหนู”ศศินามองแม่อุ๊หญิงสูงวัยอวบท้วมเดินลั

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 10 ~ คงใกล้ถึงเวลา

    บทที่ 10 ~ คงใกล้ถึงเวลาพันแสงเดินหงุดหงิดอยู่ใต้ถุนบ้านในไร่เดือนฉายมาสักพักแล้ว กว่าเขาจะเสร็จงานในไร่และแวะเข้าบ้านเพื่อทานข้าวเย็นกับแม่ก็ปาไปเกือบทุ่มแต่นี่อะไร พอเขามาถึงที่ไร่เดือยฉายกลับเจอบ้านว่างเปล่า มีเพียงแสงไฟที่เปิดทิ้งไว้ โรงจอดรถว่างเปล่าทำให้เขารู้ว่าเดี๋ยวเธอคงจะกลับมาเขาควักบุหรี่ออกมาจุดสูบ ยืนพิงเสากลมใต้ถุนบ้านทอดมองไปยังทางเข้าไร่โดยหวังว่าจะมีแสงไฟจากรถให้เห็น แต่ไม่เลยพันแสงคีบบุหรี่ในมือพ่นควันออก เขาแทบไม่เคยมาที่บ้านหลังนี้ ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกเขาไม่เคยมาบ้านหลังนี้เลยต่างหากยกเว้นมาส่งศศินาเมื่อหลายวันก่อนเขาสูดควันเข้าเต็มปอดแล้วปล่อยออกช้า ๆ ให้ควันลอยจางหายไปในอากาศ ที่จริงเขาเคยเลิกมันได้เมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่พอเกิดเรื่องไฟไหม้ไร่ยาสูบ เขาจึงได้กลับมาติดมันอีกครั้ง และมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขาผ่อนคลายจากการทำงานหนักเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงพันแสงดีดบุหรี่ทิ้งเมื่อเห็นแสงไฟจากรถยนต์วิ่งแล่นมาตามทางแต่ไกล เขาจ้องมองและรอคอยจนกระทั่งรถกระบะหยุดลงที่ลานหน้าบ้านก่อนที่หญิงสาวร่างเล็กจะลงมาจากรถ ศศินาก้มคุยบางอย่างกับคนขับแล้วกระบะคันนั้นก็ขับออก

บทล่าสุด

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทพิเศษ 2

    บทพิเศษ 2ใจดวงเล็กทั้งตื่นตระหนก ทั้งตื่นเต้นปะปนคละเคล้ากันไป กายสาวสั่นระริกไปทั่วร่าง สัมผัสแปลกใหม่ทำสาวแรกรุ่นใจเต้นไม่เป็นส่ำ ทั้งอยากรู้อยากลอง ต้องการเป็นของเขาทั้งตัวทั้งใจ ยินยอมขยับต้นขาเปิดออกให้ปลายนิ้วแทรกลงกลางไรขนอ่อนนุ่มราวผ้าไหม“เดือน อ่า นุ่มมือมาก”หน้าเข้มขยับเลื่อนขึ้นซอกคอสูดกลิ่นกายสาวดูดขบเม้มเนื้ออ่อนใกล้จุดชีพจรแสนอ่อนไหวตรงฐานลำคอนิ้วสัมผัสกายสาวฉ่ำชื้นแทรกลงตรงกลางกลีบแหวกออก ส่งนิ้วชี้ลูบไล้จนกระทั่งพบเม็ดเล็กกลางร่องงาม ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นยามเขากดลงแรงคลึงเม็ด“เดือนจ๋า คนดี พี่ขอได้ไหม”สาวน้อยไร้ประสบการณ์ไม่เข้าใจสิ่งที่พันแสงถาม เธอเอียงหน้าไปอีกทางยามเขาซุกไซ้ลำคอ มือแกร่งด้านล่างยังล้วงลึก อีกมือกอบกุมทรวงงามบีบเคล้นลงแรงเต็มมือ ร่างเล็กนอนระทวยทำได้เพียงแอ่นร่างรับไฟพิศวาสส่งเสียงครางในลำคอ กระทั่งนิ้วของคนด้านบนเริ่มสอดใส่เข้าไปทางร่องรักจึงได้รู้สึกตัว“พี่แสง อ่า ไม่ได้นะ อื้อ อ่า อย่า อย่าสอดนิ้วเข้าไป”เสียงห้ามปรามแผ่วเบาปนกระเส่า น้ำหวานเอ่อล้นสวนทางกลับเสียงร้องทักท้วง นิ้วยาวเรียวส่งเข้าทาง แม้ว่าไม่ถนัดถนี่นักแต่ยังพอเข้าไปได้“โอ้! เด

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทพิเศษ 1

    บทพิเศษ 1หกปีที่แล้ว“มา ๆ หนูเดือน มากินกัน”ศศินารีบวิ่งนำพันแสงมาจากทางเนินเขาหลังบ้านเมื่อได้ยินเสียงคุณน้าระพีร้องเรียกแต่ไกล“พี่แสง เร็ว ๆ สิ เดือนหิวแล้วนะ”เสียงหัวเราะหวานใสบนใบหน้าของเด็กสาววัยสิบเจ็ด พวงแก้มยุ้ยออกเล็กน้อยด้วยโฮร์โมนวัยรุ่น ผมเลยติ่งหูแต่ไม่ประบ่าพันแสงมองตามร่างเล็กในชุดกางเกงยีนส์สีซีดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งลายสก็อตสีแดงตัวเก่งที่ศศินาชอบสวม เธอวิ่งไปหัวเราะไปจนเสียงฝีเท้ากระทบพื้นดินหยอกล้อไปกับเสียงหวานใสผสมผสานเสียงของลมหนาวที่กำลังพัดผ่าน นำกลิ่นใบยาสูบที่บ่มอยู่ในโรงบ่มกำจายโดยรอบบ้านไม้สองชั้นกลางไร่ยาสูบชัยสงคราม“ค่อยเดินสิ ประเดี๋ยวก็ล้ม”“ไม่หรอกค่ะ ฮ่า ฮ่า เร็วสิ พี่แสงเดินอย่างกับคนแก่”“พี่ไม่ใช่คนแก่สักหน่อย”ศศินาหยุดแล้วหันหลังกลับมายืนเท้าสะเอวมองตรงไปทางร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มผิดไปจากคนเหนือทั่วไป เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มใส่ในกางเกงยีนส์คาดเข็มขัดหนังสีน้ำตาลธรรมดา สวมรองเท้าบูธสำหรับใส่ในไร่สีดำ ผมยุ่งเหยิงจากแรงลมที่พัดไปมารอบตัว ดวงตาสีนิลจ้องตอบเธอเปล่งประกายเจิดจ้ามีความสุขวันนี้พันแสงเรียนจบปริญญาโทดั่งที่ตั้งใจไว้ เขากลับมาอยู่บ้านเพื่

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 30  ~ จบบริบูรณ์

    บทที่ 30 ~ จบบริบูรณ์พันแสงหยุดรถกลางทางมองศศินาที่หันจ้องหน้าเขาแววตาสงสัย หน้าคมเข้มยิ้มกว้างยกมือเล็กขึ้นจูบ“วันนี้คนที่บ้านเยอะหน่อยนะ”“อะไรนะคะ คนอะไรกันคะ คนงาน?”พันแสงหัวเราะเบา ๆ ชะโงกหน้าจูบปากหวานจิ้มลิ้มแล้วถอยห่างออกมา“เราจะไปไร่ชัยสงครามกัน”“อ้าว ทำไมคะ เดือนจะกลับบ้านนะ”พ่อเลี้ยงปล่อยมือสาวร่างเล็ก หันไปขับรถต่อแต่เลี้ยวเข้าทางไร่ชัยสงครามปล่อยให้ศศินามึนงงสงสัย กระทั่งเข้ามาถึงปากทางเข้าบ้านจึงเห็นลานบ้านมีแต่โต๊ะงานเลี้ยงและเวทีเล็ก ๆ กลางลาน“มีงานเหรอคะ งานอะไรกัน”ศศินาชะเง้อมองคนงานที่กำลังทำอาหารกันวุ่นวาย มีแขกมาบ้างแล้วนั่งอยู่ที่โต๊ะ“งานแต่งงาน”“หื้อ งานแต่งงานใครคะ”ศศินาเอี้ยวใบหน้าหวานคมกลับมาที่พันแสง เห็นสีหน้ายิ้มกรุ่มกริ่มไม่พูดอะไรแล้วลงจากรถไปเธอรอให้เขาอุ้มร่างเล็กลงรถแล้วประคองเธอเดินตัดผ่านลานบ้านไปยังตีนบันไดขึ้นบ้าน“มากันแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาว”ศศินาทวนคำในใจ เจ้าบ่าวเจ้าสาว เธอมองบนบ้านห้อยทั้งสายสิญจน์และดอกไม้ประดับประดาเต็มเรือน“ไปห้องพี่ก่อน”ศศินาถูกจูงมือแม้เธอจะยังเหลียวหลังมองข้าวของบนเรือน ทั้งบายศรี และยังพานพุ่มดอกไม้เธอก้า

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 29 ~ ได้โปรด

    บทที่ 29 ~ ได้โปรดพันแสงขับรถด้วยความเร็วลงเนินเขา ใจเต้นโครมครามเมื่อนึกถึงใบหน้างาม เขามีเรื่องจะบอกเธอ คำพูดที่เขาติดค้างเธอไว้เมื่อหกปีก่อนชายหนุ่มลดความลงเร็วเมื่อถึงโค้งหักศอกใกล้ตีนเขา สังเกตเห็นรถมูลนิธิข้างทางและรถของฝูงชนที่มุงดูเหตุการณ์อีกฝั่งเป็นรถหกล้อบรรทุกรวงข้าวคงกำลังเร่งเพื่อไปให้ทันโรงสีปิดจนเกิดเหตุเขาชะลอรถเพื่อดูรถของผู้เสียหาย แสงอาทิตย์ยามเย็นพาดผ่านเหลี่ยมเขาแมกไม้เป็นเงาทอดยาวสีทองส่องไปยังรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่“ไม่ ไม่ ไม่!!”“เอี๊ยด!!”เขาตบพวงมาลัยเข้าข้างทางกะทันหัน ลงจากรถวิ่งข้ามถนนไปยังรถเกิดเหตุอย่า! ขอเถอะ! อย่าเป็นอย่างที่เขาคิด อย่า! ได้โปรด!ช่วงเวลาช่างยาวนานในระหว่างที่เขากระโดดก้าวข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้าม หัวใจเต้นถี่รัวและบีบรัดแน่น ช่องท้องมวนขึ้นตีจนจุกถึงลิ้นปี่“ป้อเลี้ยง! มาทำอะไรครับ เดี๋ยวครับ”พันแสงไม่ฟังเสียงห้าม เขาแหวกคนมูลนิธิเข้าไปใกล้รถที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เห็นร่างเล็กในรถ“เธออยู่นี่ครับ”พันแสงมองหน้าคนมูลนิธิ สติยังไม่กลับคืนมา เขามึนจนแยกไม่ออกว่าเสียงที่พูดหมายถึงอะไร“ป้อเลี้ยง ป้อเลี้ยง รู้จักคนในรถเหรอครับ”หน้าคม

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 28 ~ พราวพิลาส

    บทที่ 28 ~ พราวพิลาสมือใหญ่ยังตัดขนมสาคูไส้หมูออกเป็นสองชิ้นก่อนจะใช้ส้อมเล็กจิ้มเข้าปากตามด้วยพริกเม็ดใหญ่และผักสด มองหน้าแม่รอคำถามต่อไป“เรื่องหนูเดือน”“ครับหนูเดือน”“เขาลือว่าเห็นลูกจูบกันกับหนูเดือนที่หน้าร้านเบเกอรี่ที่หนูเดือนเป็นเจ้าของ จริงหรือเปล่า”“ครับ จริง”เขาจิ้มสาคูชิ้นที่เหลือเข้าปากตามด้วยพริกสดและผัก“ฝีมือแม่อร่อยเหมือนเคย แล้วยังไงครับ”“กะ ก็ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ทำไมแม่ไม่รู้”เขาวางส้อมลงแล้วหยิบน้ำขึ้นดื่ม เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะวางแก้วน้ำลง“ก็ประมาณสามเดือนครับแม่ ตั้งแต่เดือนกลับมางานศพพ่อเลี้ยงตา”ระพีสะดุ้งตกใจ สามเดือนนั้นมันถือว่านานพอสมควร แล้วลูกชายของเธอก็ปิดบังเรื่องนี้มาตลอด“ตอนนี้ผมกับเดือน เรา เอาเป็นว่าอยู่ด้วยกันแล้วครับแม่”“ได้ยังไง ก็ ก็ลูกอยู่บ้านตลอด”“ผมจะไปเฉพาะช่วงกลางคืนแล้วค่อยกลับมานอนบ้านครับ”“แสง!!”ระพีร้องอุทาน เธอนึกถึงเด็กสาวอายุสิบเจ็ดร่างเล็กที่เธอเห็นครั้งสุดท้ายในวันเพลิงไหม้ มือเล็กของศศินาประคองร่างเธอไว้ไม่ให้ล้มโดยที่พันแสงยืนชี้หน้าเด็กสาวคนนั้น“แสง แสงบอกแม่สิว่า แสงไม่ได้ทำลงไปเพราะอยากจะแก้แค้น”พันแ

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 27 ~ อดีตยากจะฝังกลบ

    บทที่ 27 ~ อดีตยากจะฝังกลบ“แม่อุ๊”แม่อุ๊ร่างท้วมวางไม้กวาดทางมะพร้าวพิงไว้กับเสาบ้าน เดินไปหาพ่อเลี้ยงพันแสงที่ยืนเสียงอยู่ตรงตีนบันได“เจ้า ป้อเลี้ยง”“ฉันมีเรื่องจะถาม”พันแสงเดินลงมุดเข้าใต้ถุนบ้านที่เตี้ยเกินไปสำหรับเขานั่งลงบนแคร่ไม้ข้างใต้บทที่“ป้อเลี้ยงจะถามหยั่งข้าเจ้า”“เรื่องรอยบนหลังของเดือน”แม่อุ๊สะดุ้งจ้องหน้าเข้มดุเอาเรื่อง นึกสงสัยพ่อเลี้ยงเห็นรอยแผลของคุณหนูได้ยังไง“คุณหนูบ่หื้อผู้ใด๋อู้”“แต่แม่อุ๊ต้องพูด”ร่างท้วมเหลียวมองไปบนบ้านยังได้ยินเสียงน้ำไหลจากในห้องน้ำแล้วจึงหันกลับมาหาพ่อเลี้ยง“ก็เมื่อปี๋นั้นคืนที่ฉลองงานรับปริญญา ป้อเลี้ยงจำได้ก๋า”พันแสงพยักหน้า เขาจะจำไม่ได้ได้อย่างไรในเมื่อเขาพาสาวน้อยแวะเข้าข้างทางแล้วทำให้เธอต้องเสียสาวเป็นครั้งแรก“ป้อเลี้ยงมาส่งเปิ้นสะค่อนดึ๋ก ป้อเลี้ยงตาเกี้ยดนั่ก[1] เจ๊า[2]มาหื้อคนงานมัดคุณหนูกับเสาพู้น”พันแสงมองตามมือแม่อุ๊ไปที่เสากลมหน้าสุดของใต้ถุนบ้าน หน้าคมเข้มเริ่มเปลี่ยนสี“มัด?”“เจ้า เปิ้นสั่งคนงานมาหันเปิ้นลงแส้ แฮงนั่ก ตะโกนลั่น หื้อจำไว้บ่าต้องแอ่วบ้านป้อเลี้ยงอีก ไม่งั้นเปิ้นจะเผาไฟไร่ชัยสงคราม โอ้ย!ป้อเลี้ย

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 26 ~ ร่องรอย

    บทที่ 26 ~ ร่องรอยพันแสงเดินผ่านร่างอวบท้วมสูงวัยตามศศินาขึ้นบนบ้านทิ้งให้คนแก่วิ่งตามขาขวิด“ป้อเลี้ยง ป้อเลี้ยง”ร่างสูงหยุดเมื่อถึงกลางโถงหันกลับมาส่งสายตาคมดุจนแม่อุ๊ชะงักร่างยืนนิ่ง“ไม่ต้องขึ้นมา รอข้างล่าง”เขาเดินตามศศินาเข้าไปห้องนอนเล็กห้องเดิมกระแทกประตูตามหลัง“พี่แสงตามเดือนเข้ามาทำไมคะ เราหมดเรื่องคุยกันแล้ว”พันแสงกระชากข้อศอกให้ศศินาหันกลับมาสู้หน้าเขา ดวงตากลมโตโกรธขึ้งปนหวาดระแวง“เดือนกลัวอะไร”“เปล่า เดือนไม่ได้กลัวอะไร ปล่อยสิค่ะ”ศศินาบิดข้อศอกออกเดินไปยังมุมห้องเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาเตรียมตัวไปอาบน้ำ“เดือนจะไปอาบน้ำ พี่แสงถอยไป”พันแสงขยับร่างขวางหน้ากั้นระหว่างร่างบางและประตูไม้เมื่อศศินาทำท่าจะเดินออกนอกห้อง“ถอดชุดออกสิ”ปากจิ้มลิ้มเม้มแน่น เธอแหงนหน้าเกือบตั้งบ่าถลึงตาใส่พ่อเลี้ยงจอมบงการ“เดือนจะไปถอดในห้องน้ำ ถอยออกไปพี่แสง”อารมณ์สาวร่างเล็กกว่าเดือดขึ้นเช่นกัน ตะวาดเสียงหวานใส่หน้าพ่อเลี้ยงไม่กริ่งเกรง“จุ๊ ๆ ๆ ตั้งแต่เรียกพี่แสงเต็มปากก็ดุเป็นหมาขึ้นมาทันที”เท้าบางเริ่มซอยถอยหลังเมื่อร่างสูงย่ำเบา ๆ เดินหน้าจนแผ่นหลังบอบบางชิดขอบโต๊ะเล็ก เขาดึงผ้า

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 25 ~ คราวหน้า

    บทที่ 25 ~ คราวหน้าพันแสงนิ่งรอปล่อยให้น้ำกามสีขาวถูกรีดจนหมดจึงถอดกายออก ยึดตัวขึ้นมองหญิงสาวที่ยังนอนอ้าขาเพราะถูกมัด น้ำร่องงามและน้ำของเขาไหลปะปนลงสู่เบาะ พันแสงจึงเอื้อมมือไปหยิบกระดาษอเนกประสงค์สำเร็จรูปจากช่องเก็บของตรงกลาง“ปล่อยเดือนก่อนสิ”“อย่าเพิ่ง พี่จะเช็ดให้ก่อน”ศศินาแม้จะเคยรสรักแต่นี่มันกลางแจ้งทั้งขาก็เปิดอ้าออกกว้าง เธอรู้สึกใคร่สะเทิ้นอายเขาเช็ดตรงเนินสวาทที่น้ำไหลเปื้อน ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยร้องครางเบา ๆ“แค่นี้ก็เสียวแล้วคนสวย”ศศินาจ้องพันแสงเข่นเขี้ยว ส่วนชายหนุ่มกำลังก้มหน้าเช็คน้ำให้เธออย่างตั้งใจ“พี่แสงพูดว่าจะไม่ปล่อยเดือนหมายความว่ายังไง”“ฮื้อ ก็ตามนั้น เดือนเป็นเมียพี่ จะให้พี่ปล่อยเดือนไปได้ยังไง”“ก็แค่เมียบำเรอเท่านั้น เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”มือแกร่งเริ่มหนักมือตามแรงอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้น เขาหยุดก่อนที่จะทำให้ความสาวของเธอช้ำ จ้องหน้าสาวน้อยที่นอนอ้าขาสู้ตาเขา“ไม่มีทาง เป็นเมียก็คือเมีย ไม่มีแบ่งหรอกว่าจะเป็นเมียบำเรอหรือเมียอะไร”“แล้วคุณพราวพิลาศ”“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”“แต่คนในอำเภอ..”“เดือนหึง?”“เปล๊า”ศศินาเงียบเสียงลงทันทีเมื่อเรื่องชักจะ

  • เมียบำเรอพ่อเลี้ยง   บทที่ 24 ~ NC ***

    บทที่ 24 ~ NC ***มือแหวกกลีบออกดูเห็นน้ำเริ่มไหลออกมา กลิ่นอิสตรีโชยโรยริน เขาแหย่นิ้วเข้าหมุนวนช้า ๆ หงายมือสอดใส่“ก่อนที่พี่จะเอาแสงน้อยเสียบร่องของเดือน เราจะเล่นถามตอบกัน”“อือ อา พ่อเลี้ยง”“กฎคือเมื่อพี่ถามเดือนต้องตอบ ถ้าเดือนไม่ตอบจะโดนลงโทษ”พันแสงเพิ่มนิ้วไปสองนิ้วสอดข้างในเขี่ยปุ่มกระสันจนศศินาร้องลั่น“อือ อือ ตกลง พอ ๆ ก่อน”เสียงกระเส่าปนครางร้องลั่น เธอหุบขาลงไม่ได้เพราะพันแสงยังจับอีกข้างไว้ เขาหยุดนิ้วแล้วเคลื่อนไหวช้า ๆ แทน“เปิดร้านมากี่เดือนแล้ว”ดวงตาแข็งกร้าวไม่ผ่อนปรนจ้องตากลมโตดั่งกวาง ศศินาร้องบอกเสียงกระเส่า“สามเดือนค่ะ อือ พ่อเลี้ยง ไหนว่าไม่ทำโทษ”มุมปากยักขึ้นนิดหน่อยก่อนจะบึ้งตึงเหมือนเดิม นิ้วสอดเร็วเขี่ยข้างในที่อ่อนนุ่ม“ลืมบอกไป ถ้าเดือนตอบคำถามจะได้รางวัลเช่นกัน”เธอบิดขาพยายามจะให้พ้นแรงจับของมือแกร่ง เขายังกำแน่นไม่ปล่อย“คำถามต่อไป ทำไมไม่บอกพี่เรื่องเปิดร้าน”ศศินาเม้มปากนิ่งสะบัดหน้าหนีแต่นิ้วมือร้ายช่างช่ำชอง เขาดันอีกแล้วขยี้เม็ดร่อง“โอ๊ย พ่อเลี้ยง พอ ๆ อือ อือ”พันแสงไม่หยุด เขารอจนกว่าศศินาจะตอบ มองมือตรงเนินอูม นิ้วมือสีเข้มตัดกับผิวขา

DMCA.com Protection Status