รถของเพิร์ธเคลื่อนเข้าไปจอดที่ลานจอดรถของตึกสูงหลายสิบชั้น ก็พากันขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นสอง ซึ่งเป็นศูนย์รวมร้านอาหารที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งสองเข้าไปนั่งที่ร้านชาบูสไตล์ญี่ปุ่น เป็นร้านบุฟเฟต์ที่มีเวลาให้นั่งกินหนึ่งชั่วโมงสามสิบนาที มีทั้งวัตถุดิบที่วางอยู่บนสายพานและสั่งกับพนักงานได้ หลังจากรอจนหม้อน้ำซุปเดือดแล้วก็เริ่มกินกันไปคุยกันไป“ได้ซดน้ำซุปร้อน ๆ แบบนี้มันทำให้สร่างเมาดีนะคะ”“ครับ ถ้าชอบก็กินให้เยอะ ๆ นะ”“หนูผอมเหรอคะ”นิวเยียร์ก้มมองรูปร่างตัวเองที่มีน้ำหนักสี่สิบเก้า ส่วนสูงหนึ่งร้อยหกสิบสอง ซึ่งค่าดัชนีมวลกายก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มเพื่อรอฟังคำตอบ“เปล่าครับ หุ่นกำลังดีเลย” ดีไปทุกสัดส่วนที่ถูกมือหนาลูบคลึง และบีบขย้ำ“ก็พี่บอกให้หนูกินเยอะ ๆ หนูก็นึกว่าพี่ไม่ชอบคนผอม”“ขอโทษนะครับถ้าพี่ทำให้น้องนิวเยียร์ไม่สบายใจ ไม่ว่าจะหุ่นแบบไหน ถ้าเป็นเราพี่ก็ชอบทั้งนั้น” เขาแค่อยากให้เธอกินให้เต็มอิ่ม ไม่ต้องมัวกังวลเรื่องการรักษาหุ่น“ปากหวาน”ด้วยความที่ดื่มมาจนได้ที่ก็ทำให้เธอเผลอคิดไปอีกแบบ เมื่อกี้เธอก็แค่เสียความมั่นใจเล็กน้อย นึกว่าหุ่นของเ
“ตื่นแล้วเหรอครับ” เพิร์ธเอ่ยถามคนขี้เซาที่เพิ่งรู้สึกตัวตื่นตอนสิบเอ็ดโมง“ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกหนูล่ะคะ”นิวเยียร์ปรือดวงตาขึ้นอย่างงัวเงีย เป็นเพราะเมื่อคืนนอนดึก บวกกับกิจกรรมเสียเหงื่อ ทำให้วันนี้นอนตื่นสายกว่าปกติ และดีที่วันนี้เป็นวันหยุดของเพิร์ธเช่นกัน ทั้งคู่เลยไม่กังวลเรื่องเวลาพักผ่อน“เมื่อคืนดูเหนื่อย ๆ อยากให้เรานอนพักให้เต็มอิ่ม”“พี่เพิร์ธอะ ทำไมต้องพูดว่าเหนื่อยด้วยล่ะคะ” เมื่อคืนก็ต่างคนต่างเหนื่อยมากกว่า เพราะผลัดเปลี่ยนกันทำอยู่ตลอด“หรือว่าไม่จริงครับ ขาสั่นเชียว” เขาแซวเธอด้วยความเอ็นดู แต่ดูเหมือนหญิงสาวคงจะเขินจนหน้าแดง“พี่เพิร์ธ” นิวเยียร์เอ่ยเสียงค้อน“ไม่แกล้งแล้วครับ ไปอาบน้ำเถอะครับ จะได้กินข้าวกัน”“พี่ยังไม่ได้กินเหรอคะ ไม่เห็นต้องรอหนูเลย”นิวเยียร์รู้สึกผิดที่ตื่นสาย แล้วยังปล่อยให้เขารอกินข้าว ทั้งที่มันก็เลยเวลามื้อเช้ามานานมากแล้ว“ไม่เป็นไรครับ พี่เพิ่งตื่นก่อนหน้านี้เอง”ที่จริงเขาตื่นตั้งแต่แปดโมงแล้ว และจิบกาแฟไปหนึ่งแก้วเลยไม่ค่อยหิวเท่าไร อีกอย่างเขาก็อยากรอกินพร้อมกับคนขี้เซามากกว่า“งั้นหนูจะรีบกลับไปอาบน้ำ แล้วมากินข้าวกับพี่นะคะ”“ไม่ต้องก
หลายอาทิตย์ต่อมานิวเยียร์ฝึกทำอาหารง่าย ๆ ได้บ้างแล้ว เย็นนี้เธอเลยตั้งใจจะทำมื้อเย็นไว้รอแฟนหนุ่ม เพราะเขาเพิ่งเข้าประชุมตอนห้าโมงเย็นเลยจะกลับเข้าห้องค่ำ และเมื่อเปิดดูของสดในตู้เย็นเธอก็คิดจะทำสุกี้ทะเล เมนูง่าย ๆ แค่มีผัก กุ้ง ปลาหมึก ลูกชิ้นปลา ไข่ไก่ และวุ้นเส้นก็ทำได้แล้วหลังจากเธอจัดการล้างวัตถุดิบและนำมาหั่นใส่ชามเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่มีน้ำจิ้มสุกี้ จึงออกไปซื้อที่ซูเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโด“ขอโทษค่ะ”ขณะที่เธอกำลังเดินหาชั้นวางน้ำจิ้มสุกี้ ก็ได้มีต้นแขนของใครคนหนึ่งมาชนเธอแบบเฉียดฉิว แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงเอ่ยขอโทษออกไปก่อน แม้จะไม่ได้เป็นคนผิด เพราะเธอเดินชิดกับชั้นวาง และมั่นใจว่าไม่ได้เกะกะทางเดินอย่างแน่นอน“หัดมองคนซะบ้างนะ ขวางทางอยู่ได้”แต่แทนที่อีกฝ่ายจะขอโทษเธอ กลับชักสีหน้าไม่พอใจใส่ แถมยังต่อว่าเธออีก แบบนี้เธอจะไม่โต้กลับได้อย่างไร“นี่คุณ หัดมีมารยาทซะบ้างนะ เดินชนคนอื่นไม่รู้จักขอโทษ ยังจะมากล่าวหาว่าฉันขวางทางคุณอีก”“แค่นี้ใช่ไหมที่จะพูด ฉันจะได้ไป” สาวคนดังกล่าวตอบกลับเธอเสร็จก็เบะปากใส่ แล้วเดินหนีไปทันทีนิวเยี
นิวเยียร์ปรือดวงตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย ส่งแขนไปควานหาคนที่นอนซบและกอดกันทั้งคืนแต่ก็ไม่พบ เธอจึงเลื่อนมือไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะไม้ข้างหัวเตียง ส่งสายตาจ้องมองเวลาที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เช้านี้เธอตื่นสายเหมือนเคย คงเป็นเพราะเมื่อคืนเอากันจนเพลียเธอขยับตัวนั่งที่ขอบเตียงสักพักก็เดินออกไปนอกห้องนอน แล้วพบกับอาหารมื้อเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร พร้อมกับกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่ง‘พี่ไปทำงานก่อนนะครับ ตื่นแล้วกินข้าวด้วยนะ’“แฟนใครเนี่ย น่ารักจัง” นิวเยียร์ยกยิ้มเอ่ยพึมพำกับตัวเองเธอพยายามปรับตัวให้ตื่นเช้าแล้ว โดยการตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ตอนหกโมง เพื่อที่จะได้มีเวลามานั่งกินมื้อเช้าเป็นเพื่อนเขา แต่พอคืนใดที่ทั้งสองคนมีกิจกรรมเข้าจังหวะจนดึกดื่นค่อนคืน เพิร์ธก็มักจะแอบกดปิดเสียงนาฬิกาปลุก แล้วลุกไปอาบน้ำเตรียมมื้อเช้าเอาไว้ให้ก่อนไปทำงานเขาทำให้เธอรู้สึกโชคดีมาก แต่ก็มีต่อว่าตัวเองเหมือนกันที่กลายเป็นคนขี้เซา มันดูเหมือนเป็นคนขี้เกียจที่ชอบนอนตื่นสาย เลยทำให้ไม่ได้กินข้าวเช้าด้วยกันพออาบน้ำและกินข้าวเสร็จ เธอกะจะเข้าไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ในห้องนอน แต่สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นบัตรประชาชนของแฟนหนุ่ม ที่
นิวเยียร์จูงมือเจ้าของวันเกิดเข้าไปนั่งเก้าอี้ประจำที่โต๊ะอาหาร จากนั้นก็รินไวน์ลงในแก้วทั้งสองใบแล้วยื่นให้กับคนตรงหน้าเพิร์ธยื่นมือออกมารับด้วยรอยยิ้ม แล้วชนกับแก้วของเธอจนเกิดเสียงกระทบเล็กน้อย“ไม่รู้ว่าวันเกิดปีก่อน ๆ พี่ฉลองกับใคร แต่ปีนี้และปีต่อไป หนูขอจองตัวนะคะ”“ครับ ต่อจากนี้พี่จะฉลองวันเกิดกับเราเพียงคนเดียว”“คืนนี้มาดื่มด้วยกันนะ”“ครับ”ว่าแล้วทั้งสองคนก็ยกแก้วไวน์จรดริมฝีปาก ดวงตาสองคู่สบตากันอย่างหวานหยดย้อย ก่อนจะกระดกน้ำไวน์สีแดงลงคอ ท่ามกลางแสงจากเชิงเทียนที่ตั้งวางตรงมุมโต๊ะ โดยที่ไฟในห้องได้ถูกปิดทั้งหมด“ลองชิมอาหารร้านนี้ดูนะคะ” เธอเอ่ยพลางบริการตักอาหารไปวางไว้บนจานของแฟนหนุ่ม พร้อมกับรอยยิ้มหวานละมุน“เป็นยังไงบ้างคะ หนูบอกให้ทางร้านทำแบบสุดฝีมือเพื่อคนพิเศษของหนูเลยนะ” เห็นแฟนหนุ่มตักอาหารเข้าปาก เธอก็ลุ้นไปด้วยว่ารสชาติจะถูกปากเขาหรือเปล่า“อร่อยครับ แต่…”“แต่อะไรเหรอคะ” คำว่าแต่ของเขามันช่างดูกำกวม หรือว่าอาหารร้านนี้จะไม่ค่อยถูกปาก“อร่อยน้อยกว่าคนตักให้”ประโยคของคนตรงหน้าทำหญิงสาวระบายยิ้มเขิน ความกังวลก่อนหน้ามลายหายไปจนสิ้น แสดงว่าเธอมีดีกว่าอาหารน
คำว่า ‘รู้ใช่ไหมคะว่าต้องชิมยังไง’ ดังเข้าหูเพิร์ธก็ยกยิ้มกริ่มก่อนจะโน้มเข้าไปใกล้ใบหน้าหวานที่แดงระเรื่อ แลบปลายลิ้นเลียเอาเค้กรสชาติละมุนเข้าปาก ต่อจากนั้นก็ประกบกับริมฝีปากอวบอิ่มของหญิงสาว ชิมความหวานในโพรงปากด้วยการแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มมือหนาลูบคลำแผ่นหลังนวลเนียน สอดมือเข้าไปใต้กระโปรงบีบขย้ำก้นงามงอนด้วยความหมั่นเขี้ยว“อื้อ” เสียงหวานร้องครางในลำคอเพิร์ธผละริมฝีปากออก ลมหายใจถี่กระชั้นเป่ารดใบหน้าของเธอ“พี่ขอเอาตรงนี้เลยได้ไหมครับ” เสียงแหบพร่าเอ่ยขออนุญาตน้องชายของเขากำลังประท้วงด้วยการขยายตัวเป็นลำใหญ่ ปลายหัวบานแทบจะทะลุออกมาตรงขอบกางเกง ความรู้สึกปวดหนึบกำลังก่อตัวขึ้น“กินเค้กก่อนสิคะ”“ไม่มีอารมณ์กินแล้วครับ แต่มีอารมณ์ทำอย่างอื่น” เขาเอ่ยพลางเลื่อนปลายจมูกซุกไซ้ที่ซอกคอจนขนกายของหญิงสาวลุกซู่นิวเยียร์เอียงคอหลบ ส่งมือเล็กผลักที่อกของเขาเล็กน้อย ทำให้เพิร์ธขมวดคิ้วมุ่น จ้องเธอด้วยความไม่เข้าใจ“แล้วถ้าเป็นเค้กชิ้นนี้ล่ะคะ พี่จะกินไหม” เธอเอ่ยพลางใช้นิ้วปาดครีมนมสดบนเค้ก มาป้ายบนเนินอกที่โผล่พ้นชุดมินิเดรสทรงสั้นขยี้ใจ แล้วส่งสายตาพราวเสน่ห์ กระดิกนิ้วชี้เข้าหาตัว
คืนวันคล้ายวันเกิดได้ผ่านพ้นไป เพิร์ธและนิวเยียร์ตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันในขณะที่นอนอยู่อ้อมกอดของกันและกันหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อที่จ้องลงมา ทั้งสองสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบา“ถ้ายังไม่เลิกจ้อง จะโดนพี่จับกินแล้วนะครับ”“คนบ้า หื่นไม่เลิกเลยนะคะ”“แม่กระต่ายน้อยของพี่สวยขนาดนี้ เป็นใครจะอดใจไหว” รอยยิ้มกริ่มประดับบนใบหน้าของแฟนหนุ่ม เห็นแล้วเธอก็ชักจะหมั่นไส้“หยุดเลยค่ะ ห้ามล้อ” คนบ้า กล้ามาล้อชุดแสนเซ็กซีของเธอได้อย่างไรกัน“ไม่ได้ล้อครับ พี่กำลังชม”ยิ่งเขาพูดเธอก็ยิ่งเขินจนหน้าแดง“พี่เพิร์ธอะ ขี้แกล้ง รู้ว่าหนูชอบเขินก็แกล้งแซวกันอยู่ได้”“แกล้งที่ไหนกันครับ พี่พูดความจริง แฟนพี่ทั้งสวย แถมยังเก่งทั้งเรื่องงานและเรื่องบนเตียง โอ๊ย…”เพิร์ธร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บแปลบที่ต้นแขน เพราะถูกฝ่ามือเล็กของแฟนสาวตีเบา ๆ และถูกสายตามองค้อนจ้องขึ้นมา“พี่เพิร์ธอะ อย่าชมแบบนั้นสิคะ หนูเขินจะแย่แล้ว”เธอคลายรอยยิ้มที่กลั้นเอาไว้ออกมา ก่อนจะหลบสายตาแล้วเอาใบหน้าซุกที่แผงอกของแฟนหนุ่ม เรียวแขนก็กอดเขาไว้แน่นยอมรับว่าเธอเก่งอย่างที่เขาชม คนอะไรทั้งเก่
เพิร์ธเห็นว่าควีนเดินชนกับแฟนสาวของเขาจึงได้รีบลุกออกจากโต๊ะทันที แต่พอไปถึงควีนก็เดินห่างออกไปแล้ว“เป็นอะไรไหมครับ” เขาถามคนที่กำลังจ้องแผ่นหลังของควีนอย่างไม่วางตาแล้วเอามือลูบที่ไหล่บาง ผิวของนิวเยียร์นั้นขาวมาก เวลาโดนอะไรนิดหน่อยมักจะขึ้นสีแดง“ไม่เป็นไรค่ะ”เธอไม่ได้เจ็บอะไรมาก แต่ที่อยากรู้คือสองคนนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไรมากกว่า“ไปนั่งที่โต๊ะกันเถอะครับ”เพิร์ธโอบเอวแฟนสาวแล้วพากันกลับไปนั่ง และพอเขานั่งลงที่เก้าอี้ นิวเยียร์ก็โพล่งคำถามขึ้นทันที“รู้จักกับผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ” นิวเยียร์ถามพลางสังเกตสีหน้าของแฟนหนุ่มไปด้วย เธอไม่ใช่คนชอบจับผิดอะไร แต่เซนส์มันบอกว่าต้องมีอะไรบางอย่าง“ครับ”“แฟนเก่าเหรอ”คำนี้ดังขึ้นเพิร์ธก็เริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะเอ่ยถึง แต่มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปิดบัง“ครับ”“เมื่อกี้เธอมาหาพี่เหรอคะ”นิวเยียร์เอนแผ่นหลังพิงกับพนักเก้าอี้ ยกสองแขนสอดประสานกันตรงหน้าอก ไม่รู้ว่าโลกกลมหรืออย่างไร ถึงได้ส่งอดีตคนรักของเขามาเจอกัน ในวันที่เธอและแฟนหนุ่มมาดินเนอร์นอกบ้าน“ครับ แค่แวะมาทักทาย”“หึ แค่ทักทาย” เธอเอ่ยซ้ำคำตอบของเขาแล้วแค่นหัวเราะทักทายอย่างไร
ทั้งสองเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพ่อและแม่ จนกระทั่งแต่งงานได้หกเดือน นิวเยียร์ก็ยังคงมีประจำเดือนทุกเดือน แต่เดือนนี้รู้สึกว่าจะมาแปลก เพราะว่ามาตามรอบแล้ว และพอผ่านไปได้ประมาณสองอาทิตย์ก็มาอีก แต่มาเพียงน้อยนิดแค่พอติดผ้าอนามัย แล้วยังมีอาการวิงเวียนศีรษะ แถมยังเบื่ออาหารร่วมด้วย“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ” เพิร์ธถามภรรยาด้วยความเป็นห่วงช่วงนี้เขาก็ลดกิจกรรมนั้นลง ไม่ได้ทำนานเหมือนเมื่อก่อน เพราะอยากให้นิวเยียร์ได้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ระยะหลังมานี้เธอก็มักจะง่วงนอนอยู่เป็นประจำ ราวกับคนหลับไม่เต็มอิ่ม“สองสามวันมานี้ หนูรู้สึกเพลียยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก”“อาการเหมือนพักผ่อนน้อยเลยนะครับ พี่ว่าเราไปตรวจที่โรงพยาบาลกันนะ”“เล่นใหญ่อีกแล้วนะคะ หนูแค่เวียนหัวค่ะ”“พี่รู้ครับว่าแค่เวียนหัว แต่ช่วงนี้เราก็กินข้าวได้น้อยด้วย ไปตรวจให้แน่ใจดีกว่า”ยิ่งเห็นเธอทำตัวเข้มแข็งแบบนี้เขาก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะช่วงกลางวันต้องปล่อยเธออยู่ที่ห้องตามลำพัง จะลางานช่วงนี้ก็ยากเพราะเจ้านายของเขากำลังมีดีลงานสำคัญ แต่ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ อย่างไรเขาก็ต้องอยู่ดูแล“ไปก็ได้ค่ะ”เธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง แต่ไปตรวจห
ทันใดที่ทั้งสองคนส่งตัวเข้าห้องหอเสร็จ เพิร์ธก็อุ้มภรรยาสาวขึ้นมานั่งบนตักโดยหันหลังให้กันที่ปลายเตียง โน้มใบหน้ามากดหอมที่แก้มนุ่มทั้งสองข้าง“เจ้าสาวของพี่สวยจัง”“เจ้าบ่าวของหนูก็หล่อค่ะ”บ่าวสาวป้ายแดงผลัดกันชมอีกฝ่ายไม่ขาดปาก พลางจ้องมองสบตากันอย่างหวานซึ้ง ต่างมองอีกคนว่ามีเสน่ห์น่าหลงไหลเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แม้ปกติจะหล่อสวยกันอยู่แล้วก็ตาม“จ้องแบบนี้ไม่กินหนูเลยล่ะคะ”คำหยอกล้อได้เริ่มต้นขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับคิดเป็นจริงเป็นจัง เพราะได้รับคำท้าเรื่องมีลูกเอาไว้แล้วเพิร์ธยื่นหน้าเข้าไปใกล้เมียสาวแล้วพรมจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบา เลื่อนริมฝีปากมาจูบที่ปลายจมูกของคนที่กำลังหลับตาพริ้ม อมยิ้มเขิน และกำลังคิดว่าตอนนี้จะต้องตกเป็นเมียเขาอย่างสมบูรณ์ทั้งพฤตินัยและนิตินัย เพราะในระหว่างพิธีทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพิร์ธจับปลายคางของเมียสาวปรับให้ได้องศากับริมฝีปากที่กดจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ก่อนจะผละริมฝีปากออกแล้วจ้องใบหน้าหวานของนิวเยียร์ที่กำลังค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วส่งยิ้มหวานละมุน“แม่พี่บ่นอยากมีหลาน เรามีให้ท่านสักคนดีไหมครับ”“ค
1 เดือนต่อมาทั้งสองคนได้หาโอกาสนัดเจอกับพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายที่ภัตตาคารห้าดาวแห่งหนึ่ง บรรยากาศของการพบหน้ากันเป็นครั้งแรกก็ทำเอาคู่รักโล่งใจเป็นอย่างมากทั้งพ่อแม่ของเพิร์ธและนิวเยียร์หลังจากได้ทำความรู้จักกันแล้ว ก็พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และผู้ใหญ่ก็ได้ยอมรับ แสดงความยินดีกับการคบกันของทั้งสองคนโดยเฉพาะแม่ของฝ่ายชายที่พอรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวมีแฟนแล้ว ก็คะยั้นคะยอให้เร่งหาฤกษ์แต่งงานเพราะอยากจะอุ้มหลานไว ๆ เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมาได้กลุ้มใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าลูกชายจะขึ้นคาน“แม่ของพี่นี่น่ารักดีนะคะ ตอนที่พูดว่ากลัวพี่จะขึ้นคานสีหน้าจริงจังมาก ว่าแต่ถ้าเราไม่ได้คบกัน พี่จะขึ้นคานจริง ๆ เหรอคะ”นิวเยียร์เอ่ยแซวแฟนหนุ่มขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟา หลังจากที่กลับจากการรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวทั้งสองฝ่าย“เอาใหญ่แล้วนะ เดี๋ยวนี้กล้าล้อพี่แล้วเหรอ”“ก็มันจริงนี่คะ คิกคิก”“มานี่เลยครับ” ว่าแล้วเขาก็อุ้มหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักแกร่ง ส่งปลายจมูกหยอกล้อกับซอกคอขาว ก่อนจะเอ่ยกระซิบข้างใบหู“มาให้พี่ลงโทษซะดี ๆ”“ลงโทษยังไงเหรอคะ” หญิงสาวยกเรียวแขนขึ้นกอดคอแฟนหนุ่ม ช้อนสายตาขึ้น
กลับไปถึงคอนโดเพิร์ธก็ประคองนิวเยียร์เข้าไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะเอ่ยถามเธออีกครั้งเพื่อให้คิดดูอีกที“จะไม่ลงบันทึกประจำวันไว้จริง ๆ เหรอครับ”“ไม่แล้วค่ะ เมื่อกี้ก็แค่ขู่ให้คุณควีนกลัว แต่หนูคิดว่าเธอคงได้รับบทเรียนและไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว”“พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้เจ็บตัว” เขาเอ่ยพลางเลื่อนมือขึ้นไปลูบเรือนผมของแฟนสาวอย่างทะนุถนอม สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด“ไม่เป็นไรเลยค่ะ แผลแค่นิดเดียวเอง มันไม่ใช่ความผิดของพี่นะคะ อย่าโทษตัวเองเด็ดขาด” เธอคลี่ยิ้มปลอบใจแฟนหนุ่ม“จะไม่ให้โทษได้ยังไงล่ะครับ ถ้าพี่ฉุกคิดขึ้นได้สักนิดว่าควีนจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ พี่ก็คงไม่ยอมให้เราออกไปเจอ”“พี่ไม่ได้มีพลังวิเศษที่จะรับรู้ถึงจิตใจคนเสียหน่อยค่ะ เรื่องมันจะเกิด ยังไงมันก็ต้องเกิด คนเราห้ามโชคชะตาไม่ได้หรอก เหมือนที่พี่ไม่สามารถห้ามหนูจีบพี่ได้ยังไงล่ะคะ” นิวเยียร์เอ่ยเปรียบเปรยเธอเชื่ออย่างนั้นเสมอว่าคนเราทุกคนพบกันเพราะโชคชะตา แม้จะเป็นเรื่องร้ายหรือดี เมื่อถึงเวลาก็ไม่สามารถที่จะหลีกหนีกันได้“แต่สำหรับความรักของเรา หนูเชื่อว่ามันเป็นพรหมลิขิต ถ้าวันนั้นพี่ไม่ตามพี่ธีร์ไปกินข้าวที่โรงอาหารในมหา’ ลัย
ควีนเดินวกไปเวียนมาอยู่ตรงชั้นบันไดหนีไฟ มองดูหน้าจอของโทรศัพท์ที่มีเสียงเรียกเข้า เป็นเบอร์เดิมที่โทรเข้ามาตั้งแต่นั่งอยู่ที่หน้าห้องล้างแผล ก่อนจะตัดสินใจกดรับสาย“แกจะโทรเข้ามาทำไมฮะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าจะติดต่อไปเอง”เสียงของควีนตะเบงใส่ปลายสายด้วยความไม่พอใจ ทำให้ดังเล็ดลอดออกไปด้านนอกของประตูหนีไฟ ในจังหวะที่เพิร์ธและนิวเยียร์กำลังผ่านมาพอดี เพราะเป็นทางผ่านไปห้องน้ำ“พี่เพิร์ธคะ เสียงคุณควีน”นิวเยียร์หันไปเอ่ยกับแฟนหนุ่ม ทั้งสองคนจึงหยุดอยู่ตรงหน้าประตู และได้ยินคำพูดต่อจากนั้นของควีนทุกประโยคอย่างชัดเจน“ฉันบอกให้แกล้งเฉี่ยวไม่ใช่เหรอ แล้วแกจะขับเข้ามาใกล้ขนาดนั้นทำไม เห็นไหมว่าทำฉันเจ็บตัวไปด้วย”(ผมก็ทำตามที่คุณสั่งแล้วไง แล้วก็ไม่ได้มีใครถูกชนสักหน่อย พวกคุณล้มกันไปเอง จะมาโทษผมไม่ได้นะ)“แล้วถ้าแกทำพลาดชนคนขึ้นมาจริง ๆ ล่ะไอ้โง่”(เลิกต่อว่าผมสักที แล้วรีบโอนเงินที่เหลือมาด้วย ไม่อย่างนั้น…)“ไม่อย่างนั้นจะทำไม นี่แกกล้าขู่ฉันเหรอ อย่าลืมนะว่าแกเป็นคนทำให้ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บ ไม่ใช่ฉัน”(แล้วถ้าผมไปมอบตัวกับตำรวจแล้วบอกว่าคุณเป็นคนจ้างล่ะ คิดดูให้ดี ๆ นะ)“กรี๊ด… ไอ้ชั่ว ก
“พี่เพิร์ธจำได้ไหมคะ ว่าเมื่อก่อนพวกเราชอบมาแข่งโกคาร์ทกัน ข้างในมีสนามแข่งด้วยนะคะ เราไปลองแข่งกันสักรอบสองรอบไหมคะ”นั่งดื่มกันได้สักพัก ควีนก็หันไปเอ่ยกับอดีตคนรักที่นั่งอยู่คนสุดท้าย เพราะมีแฟนสาวของเขานั่งคั่นกลางอยู่“เลิกพูดถึงอดีตเถอะควีน เธอนัดแฟนของพี่ออกมา มีเรื่องอะไรจะพูดก็รีบพูดมาเถอะ” เพิร์ธเอ่ยน้ำเสียงเรียบ“อดีตของเรามันไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอคะ”“จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้พี่เพิร์ธกำลังคบกับฉันอยู่” นิวเยียร์อดไม่ได้เลยรีบพูดแทรก“ฉันไม่ได้คุยกับเธอ” ควีนชักสีหน้าไม่พอใจตอบกลับ“แต่คุณเป็นคนนัดฉันมา”“ใช่ ฉันเป็นคนนัดเธอ แต่คนที่ฉันอยากเคลียร์คือพี่เพิร์ธ”สองสาวฟาดฟันกันด้วยสายตาอย่างไม่กระพริบ นิวเยียร์กำลังจ้องอีกฝ่ายที่กล้ามาหลอกใช้เธอเป็นสะพาน เพื่อหลอกล่อให้แฟนหนุ่มของเธอออกมาเจอ“พี่ไม่มีอะไรจะคุย เรากลับกันเถอะครับ”เพิร์ธเป็นคนตอบควีนแล้วก็ชวนแฟนสาวกลับ เพราะเห็นท่าแล้วทางนั้นคงไม่ได้นัดนิวเยียร์มาเคลียร์กัน แค่ต้องการนัดเขาออกมาเจอก็เท่านั้นเพิร์ธจับมือแฟนสาวแล้วพากันออกไปที่ลานจอดรถ ดีกว่ามาเสียเวลาให้ควีนปั่นหัวเล่น เขารู้ว่าควีนเป็นคนชอบเอาชนะ ไม่เค
หลายอาทิตย์ผ่านไปวันนี้เพิร์ธและนิวเยียร์มีนัดกันไปดูภาพยนตร์ที่เพิ่งจะเข้าฉาย และก่อนที่หนังจะเริ่มนิวเยียร์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปของเขาและเธอ เพื่อโพสต์ลงเฟซบุ๊กพร้อมทั้งเช็กอินสถานที่“แฟนใครเนี่ยหล่อขึ้นกล้องทุกรูปเลย” นิวเยียร์เอ่ยชม พลางหันหน้าจอโทรศัพท์ให้เขาดู พร้อมกับส่งยิ้มหวาน“แฟนพี่ก็สวยขึ้นกล้องเหมือนกันครับ” เพิร์ธส่งมือมาจับศีรษะของคนตัวเล็กโยกไปมาเบา ๆ อย่างเอ็นดูเขามักจะได้รับคำชมจากเธอเป็นประจำ จนตอนนี้เขาเองก็กลายเป็นคนชอบอวยแฟนไปโดยปริยาย“หนังจะมาแล้วค่ะ”นิวเยียร์ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ เธอลองดูตัวอย่างแล้วมันเขินจนตัวบิด เหมาะกับการเป็นภาพยนตร์สำหรับคู่รัก ซึ่งเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี แล้วพอมาดูจริงมีแฟนหนุ่มสุดหล่อมาเป็นเพื่อน คงจะฟินกว่าเดิมมากแน่ ๆตลอดสองชั่วโมงสิบห้านาทีที่อยู่ในโรงภาพยนตร์ บอกได้เลยว่าเรื่องนี้มีแต่คำว่าสนุก คลั่งรัก เบาสมอง และฟินมาก บอกได้คำเดียวว่าไม่ผิดหวังที่ชวนกันมาดูพอออกมาจากโรงภาพยนตร์ทั้งสองก็ไปกินข้าวกันต่อที่ร้านอาหารภายในห้างสรรพสินค้า ตอนที่กำลังจะสั่งอาหารนิวเยียร์ก็ได้รับข้อความจากใครคนหนึ่ง“มีอะไรรึเปล่าครับ” เพิร์ธเห็
หลายวันต่อมาเนื่องจากวันนี้เธอว่าง เลยแวะไปเมาท์มอยกับพรีมที่โรงพิมพ์ และตั้งใจโทรหาแฟนหนุ่มเพื่อจะชวนออกมากินข้าวมื้อกลางวันที่ร้านอาหารแถวบริษัทด้วยกัน“นานแล้วนะคะที่ไม่ได้กินข้าวเที่ยงด้วยกัน”นับตั้งแต่ผู้ช่วยเลขาที่ลาคลอดกลับมาทำงาน เธอก็ต้องกลับไปทำงานออกแบบที่คอนโด วันทำงานแบบนี้ทั้งคู่จึงไม่ได้กินข้าวด้วยกันอีก“ให้พี่แวะไปรับออกมากินข้าวด้วยกันแบบนี้ทุกวันดีไหมครับ”“เอาใจสุด ๆ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากพี่เปล่า ๆ แยกกันกิน แยกกันทำงานของตัวเองดีแล้วค่ะ ยังไงก็ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน”เธอไม่ใช่เด็กแล้วที่จะมางอแงให้เขาตามใจ เธอแยกแยะได้อันไหนเวลางาน เวลาส่วนตัว แม้ว่าเขาจะมีเวลาพักกลางวันแต่ก็ไม่ควรจะยึดเวลานั้นมาครอบครอง ปล่อยให้เขาได้มีเวลาว่างเป็นของตัวเองบ้าง จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดที่คบกัน“ขอบคุณนะครับ”ความคิดของเธอโตเป็นผู้ใหญ่มาก ทุกวันนี้เขาไม่เคยลำบากใจเลยที่ต้องออกบ้านมาทำงาน และดีที่ปัจจุบันเขาได้ทำงานในตำแหน่งเลขาของประธานกรรมการบริหารอย่างธีร์ ถึงได้มีเวลาให้แฟนสาวทุกวันหลังเลิกงานและวันหยุด อาจจะมีบ้างนาน ๆ ครั้งที่ต้องไปกินเลี้ยงกับลูกค้า ติดตามธีร์ไปงานเลี้ยงกลางคืน
นิวเยียร์ที่กำลังทำอาหารเย็นไว้รอแฟนหนุ่ม เธอได้รับข้อความจากเขาจึงได้รีบตอบกลับไป**********Newyear : รับทราบค่ะPirat : ถ้าหิวก็กินข้าวก่อนได้เลยนะครับ ไม่ต้องรอNewyear : ค่ะ แต่ว่าหนูรอกินพร้อมพี่ดีกว่า ไม่เห็นหน้าแล้วกินข้าวไม่อร่อยอะ คิดถึงPirat : คิดถึงเหมือนกันครับ ไว้พี่จะรีบกลับนะNewyear : ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ เป็นห่วง (อีโมจิหน้าส่งจูบ)Pirat : ครับ**********ระหว่างที่ตอบกลับข้อความแฟนสาว เพิร์ธก็เผลอยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี ทำเอาคนที่นอนให้น้ำเกลือรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมา แต่ก็ต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วถามออกไป“คุยกับใครเหรอคะ อารมณ์ดีจัง”“คุยกับแฟน”“แฟนพี่นี่โชคดีจังเลยนะคะ ควีนคงจะโชคร้ายเอง”โชคร้ายที่ว่าคือเธอเผลอตัวเผลอใจให้กับเพื่อนสนิทของเขาที่เข้ามาดูแล พาไปกินข้าว พาไปเที่ยว ทำหน้าที่แทนอดีตแฟนที่เอาแต่ทำงาน จนเธอคิดว่านั่นคือการกระทำของคนรักกัน เพื่อนของเขาดูแลเธอดีมาก ทั้งคู่จึงเลือกที่จะสวมเขา แอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในวันที่เขาไม่อยู่ สุดท้ายก็โดนจับได้ตอนนั้นเธอผิดเองที่เลือกเพื่อนสนิทของเพิร์ธ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีเวลาและให้ในสิ่งที่เธอต้องการได้อยู่แล้