13 ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก

คนทั้งคู่ต่างเสร็จสมไปถึงสี่รอบติด นับว่าเจนจัดกันทั้งสอง ก่อนที่เธอจะเดินขาสั่นๆ เข้าไปด้านใน แต่แล้วทั้งสองก็ต้องหันมามองหน้ากันอย่างตกตะลึง ก็คนที่นอนหลับปุ๋ยตอนนี้ต่างย้ายมายังเตียงเล็กของเธอ อย่าบอกนะว่าเขาแอบได้ยินที่คนทั้งสองทำอะไรกัน เธอหันมองหน้าคนตัวใหญ่ ทว่าเขากลับส่ายหัวไปมา

“น่าจะแค่นอนละเมอแล้วก็นอนผิดเตียง”

เธอหันมองเอริคด้วยแววตาหวั่นๆ

“นี่ก็เที่ยงคืนแล้ว พรุ่งนี้ต้องเจอกันที่ลอบบี้ 7 โมงเพื่อนั่งรถไฟจากปารีสไปลงที่ซูริก เดี๋ยวจะตื่นไม่ทัน”

เขาเอ่ยบอกกับคนร่างบางก่อนจะตีมือหนาลงที่เตียงใหญ่เบาๆ ทำนองว่าคืนนี้ให้เธอนอนกับเขา

“พี่ตั้งนาฬิกาหรือยังคะ? ”

“ตั้งแล้วครับ แต่เดี๋ยวโทรศัพท์ก็ปลุกแจ้งเตือนเรา”

หญิงสาวทำหน้านิ่งๆ อย่างครุ่นคิดเขาจึงเอ่ยต่อ

“มันเป็นนาฬิกาปลุกแบบอัตโนมัติอ่ะ ทุกห้องของลูกทัวร์จะดังขึ้นเหมือนๆ กัน เวลาเดียวกัน”

“อ้อ … อย่างนี้นี่เอง แล้วนี่” เธอหันมาชี้ตัวเอง ทำนองว่า เธอต้องนอนไหน

“หนูก็นอนเตียงเดียวกับพี่”

เธอทำตกใจตาโต!!

“มันจะดีหรือคะ? ”

แต่ก็ช้ากว่าที่มือหนาจะดึงร่างบางเอาไว้ เขาดึงเธอขึ้นไปนอนบนเตียง ส่วนอีกคนก็หลับกรนอย่างเอาเป็นเอาตาย ต่อให้ช้างมากระทืบอีกคนก็คงไม่ตื่น วันนี้ทั้งวันเขาสูญเสียพลังงานไปไม่น้อย ซึ่งเธอเองก็รู้ดีแก่ใจ

“พี่เอริคคะ สี่รอบแล้วนะคะ พี่ยังอยากอีกหรอ” เสียงกระซิบกระซาบอย่างเบาที่สุดเอ่ยถามเขาออกมา เพราะตอนนี้คนมือปลาหมึกก็เอาแต่ลูบไล้เธอไปทั่ว

เขาจับมือของเธอขึ้นมากุมตรงเป้าแข็งๆ ก่อนจะช้อนเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาท่ามกลางไฟสลัว แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว เขาก็บดจูบเธออย่างบ้าคลั่ง เขาหิว เขาเหมือนคนบ้ากามที่อยากทำรักกับเธอทุกช่วงเวลา เหมือนคนตะกละที่กินไม่รู้จักอิ่ม มือหนาซุกไซร้ลูบไล้เรือนร่างจากทางด้านหลัง ผิวเนื้อแผ่นหลังของหญิงสาวช่างนุ่มนิ่ม จากนั้นเขาก็จับขาอีกข้างของเธอพาดขึ้นมาที่เอวหนาของตน ก่อนที่นิ้วอุ่นหนาของเขาจะเริ่มเขี่ยเล่นตรงร่องก้นหญิงสาวจากทางด้านหลัง แล้วค่อยๆ เคลื่อนไปบี้จุดเสียวจากทางด้านหน้า

“พี่หิวอีกแล้ว”

แน่นอนว่าเขาคงไม่คิดจะหยุด และทั้งคู่ก็เริ่มบทรักอย่างเร่าร้อนทว่าแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนทั้งคู่ยังคอยฟังอยู่ตลอดว่าเสียงของลมหายใจของใครอีกคนจะเงียบลงเมื่อไหร่ แต่พอได้ยินคนหลับสนิทคนทั้งคู่ก็สบายใจ

“เราไปข้างนอกดีมั้ยคะ? ”

เธอกระซิบข้างหูชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา

“ทำไมครับ กลัวตัวเองร้องเสียงดังหรอ”

เธอผงกหัวหงึกหงักรัวๆ

“ทำไมกัน แอบเอากันแบบนี้ตื่นเต้นดีออก”

คำพูดของชายหนุ่มยิ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้น นี่เธอน่าจะเป็นโรคจิตไปแล้วแน่ๆ ก่อนที่เขาจะขบเม้มดูดเลียติ่งหูเธออย่างแผ่วเบา

“นะครับ หนูก็อย่าร้องดังสิ พี่จะกระแทกเบาๆ รับรองไคล์นมันไม่ตื่นหรอก มันหลับลึกตื่นยาก”

จากนั้นเขาก็จับร่างบางให้นอนหันหลังก่อนจะยกก้นงอนของเธอให้เด้งเข้ามาหาเจ้าไซส์เบิ้มของเขา มือหนาค่อยๆ ถูมันขึ้นลงกับร่องรูก้น ก่อนจะค่อยๆ ดันหัวเห็ดเข้าจากช่องทางด้านหลัง

อืมม … มันยังตอดรัดแน่นเหมือนเดิม เขาค่อยๆ กดมันเข้าเบาๆ จนลึกสุด และค่อยๆ สอบเอวเข้าออกอย่างช้าๆ ความรู้สึกทั้งเสียวทั้งกลัวว่าใครอีกคนจะตื่น มันช่างรู้สึกตื่นเต้นและทรมานเป็นบ้า มันเสียวแบบสุดๆ เขาก้มลงกระซิบกับเธอ

“ตื่นเต้นมั้ยครับที่รัก พี่ชักติดใจแล้วสิ อยากลองบนรถกับหนู ให้รถวิ่งพาเที่ยวรอบเมืองในขณะที่เราเอากันไปเรื่อยๆ”

ยิ่งเขาพูด ข้างในของเธอมันยิ่งตอดตุบๆ ทำเอาคนตัวโตถึงกับสูดปาก เขาเองก็แทบเก็บกลั้นความกระสันไว้ไม่อยู่ ชายหนุ่มสอบเอวเข้าออกช้าๆ เนิบๆ และพยายามให้เบาที่สุด แต่เมื่ออารมณ์มันได้ที่มีหรือที่คนจะยับยั้งแรงกระแทกไว้ได้ เสียงเตียงดังตึกๆ เบาๆ ก่อนที่ใครอีกคนที่อยู่เตียงตรงข้ามจะขยับตัว คนทั้งคู่หยุดขยับ จากนั้นคนเตียงข้างๆ ก็หันหน้าไปอีกฝั่งและเสียงกรนก็ดังขึ้นมาใหม่

เมื่อเห็นว่าอีกคนหลับสนิท ร่างสูงหนาก็พลิกตะแคงขึ้นทับร่างบาง ก่อนจะยกขาทั้งสองข้างเธออ้ากว้างออกและยกขึ้นพาดบ่ากว้างของเขา จากนั้นเขาก็สวมแท่งกายเนื้อเข้ายังจุดสวาทสาวเข้าอย่างไวจนมิดด้าม ก่อนจะกระทุ้งกระแทกในท่าเหมือนคนซิทอัพ เธอใช้นิ้วเรียวเขี่ยไปมาตรงหน้าอกหนาของเขา มันมีแต่กล้ามเนื้อล้วนๆ กล้ามเป็นมัดๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าขึ้นไปดูดเม็ดสีชมพูของชายหนุ่มอย่างมันเขี้ยว ชายหนุ่มถูกกระตุ้นแบบนั้นก็ยิ่งกระสันเสียว เขาแทบเก็บเสียงร้องครางเอาไว้ไม่ไหว

อื้มมม …

ใบหน้าคมก้มต่ำลงมาละเลียดชิมที่ปลายยอดตูมทั้งสองข้าง เม็ดเล็กๆ สีชมพูของเธอมันเต่งตึงจนแข็งเป็นไต มือหนาบีบเคล้นเฟ้นฟอดอย่างคนเอาแต่ใจยิ่งนัก

เสียงของผ้าห่มขยุกขยิกไปมา กับเสียงกลั้นบวกลมหายใจของทั้งคู่ที่พยายามไม่ให้มันดังเล็ดลอดไปมากนัก ความรู้สึกนี้ทรมานเป็นบ้า แต่ก็เสียวสะใจสุดๆ

เข้าก้มลงกระซิบเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มกระตุกถี่ๆ มือจิกทึ้งผ้าปูไว้แน่น

“หนูใกล้เสร็จรึยัง?”

เธอส่ายหน้าไปมาแบบรวมคุมอารมณ์ไม่อยู่

อี๊… เสียงกลั้นครางเผลอดังออกมาหน่อยๆ

“ของหนูมันบีบตอดของพี่จนน้ำจะแตกอีกแล้ว”

พูดแค่นั้นน้ำสีขาวขุ่นที่เก็บกลั้นเอาไว้ก็ทะลักเข้าใส่ใจกลางกายของเจ้าหล่อน เขารู้ว่ารอบนี้เธอยังไม่เสร็จ แต่มีหรือที่คนอย่างเขาจะยอมให้เธอค้างเติ่ง เมื่อจับเจ้าไซส์ยักษ์ออกมาจนน้ำสีขาวต่างทะลักพุ่งออกมาจากช่องรูรักของเธอด้วย เขาหยิบทิชชู่เปียกออกมาทำความสะอาดให้เธอ ก่อนจะก้มลงไปละเลงด้วยปลายลิ้นอีกรอบ มือบางเริ่มจิกทึ้งที่หัวของเขา เธอหายใจหอบถี่อย่างกลั้นไว้ไม่ได้ เขากระดกปลายลิ้นที่ห้อแข็งรัวๆ จากนั้นหญิงสาวก็แตกคาปากเขาจนได้

“ทีนี้ก็หลับสบายแล้วสินะ”

พูดจบเขาก็ที้งร่างบางเข้ามากอด จากนั้นคนทั้งคู่ก็หลับไป

แต่พอช่วงตื่นนอน คนทั้งสามก็ต้องตาเบิกโตกว้าง ก็ตอนนี้พวกเขาทั้งสามมานอนยัดเตียงเดียวกันได้ยังไง ดูไคล์นสิ ที่เอาขาพาดคนร่างน้อย จนเจ้าไคล์น์น้อยมันทิ่มสีข้างของเธอ ยิ่งเช้าๆ ของผู้ชายมันตื่นตัวดียิ่งนัก ยิ่งเธอหันมามองเอริค ก่อนจะชักมือตัวเองออกอย่างไว นี่เธอนอนกุมกระจู๋ของเขาสองคนทั้งคืนหรอกหรือเนี่ย

แต่เหมือนคนทั้งสามจะตอบรับกับสิ่งแปลกใหม่ ไคล์นหันมองหน้าเอริคอย่างยากในคำถาม ส่วนเอริคเองก็เงอะงะทำสีหน้าไม่ถูกเช่นกัน แต่แล้วเสียงเตือนปลุกก็ดังขึ้นมาซะก่อน

“งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนทุกคนนะคะ พอดีหนูแต่งหน้านาน”

สองหนุ่มต่างพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อเธอเข้าไปที่ห้องน้ำดันคิดได้ว่าตัวเองลืมหยิบผ้าขนหนูออกมา เธอจึงจะเดินมาหยิบเอาที่วางตากอยู่ด้านนอก แต่แล้วสิ่งที่เธอเห็นคือเอริคกำลังกระทุ้งกระแทกเข้ากับร่องก้นของไคล์น มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่อย่างบอกไม่ถูก ที่จู่ๆ ผู้ชายที่เอากับเธอทั้งสองคนจะจัดกันเอง หญิงสาวถึงกับลอบกลืนน้ำลายหนักๆ หญิงสาวเผลอคิดไปว่า ถ้าเธอถูกทั้งคู่รุมกระทำจะเป็นอย่างไรนะ

แล้วไคล์นที่กำลังจะหันโน้มมาจูบเอริคก็ต้องตาแข็งค้างอึ้งไป เพราะกำลังเห็นร่างบางของใครบางคนกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ ตามด้วยเอริคที่หันมองตามสายตาของไคล์น

“ไอรีน!!”

คนทั้งคู่เอ่ยคำนี้ออกมาพร้อมๆ กัน ทำเอาเธอถึงกับอึกอัก

“อ่ะเอ่อ!! หนู หนูแค่ลืมผ้าเช็ดตัวค่ะ”

เธอยังไม่ทันได้ฟังอะไรก็รีบเดินกึ่งวิ่งเข้าห้องน้ำไป

มันเป็นความรู้สึกอะไรกันแน่นะ จะว่าหึงเขาทั้งคู่ไหม ก็ไม่ ก็พวกเขาคบกันมาตั้ง 11 ปี แต่ตอนนี้เธอกลัวตัวเองซะมากกว่า ที่จู่ๆ ก็รู้สึกดีกับเกย์ทั้งสอง นี่แฟนเก่าเธอก็ทิ้งเธอไปเพราะเขาชอบผู้ชายไม่ใช่หรอ บ้าเอ้ย!! นี่แกเป็นอะไรไปอีกนะไอรีน อย่าบอกนะว่าความรู้สึกจะซ้ำรอย

เมื่อคนทั้งสองต่างสุขสม เอริคก็เป็นฝ่ายถามกับไคล์นออกมาก่อน

“เหมือนน้องเขาจะแปลกๆ ไปนะ”

“นายก็แปลกๆ กับน้องเขานะเอริค”

“แล้วนายล่ะ ไม่รู้สึกแปลกๆ กับน้องเขารึไงไคล์น?”

คนทั้งสามในตอนนี้ต่างมีท่าทีแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก โดยที่ไม่มีใครกล้าปริปากอะไร รถไฟกำลังออกจากปารีสมุ่งสู่ซูริก (สวิตเซอร์แลนด์) โดยรถไฟความเร็วสูง TGV Lyria แบบชั้น First Class ที่พวกเขารีเควสกับทางไกด์เอง เพราะคนอื่นๆ นั่งแค่ตั๋วบัตรราคาแบบชั้นสอง

มันเป็นแบบสี่ที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางสบายๆ และมีโต๊ะยาวตรงกลางขั้นอยู่ การเดินทางใช้เวลาราวๆ 4 ชั่วโมง 15 นาที แต่บรรยากาศตอนนี้มันช่างน่าอึดชะมัด เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกยังไงมันบอกไม่ถูก ในขณะเดียวกันนั้นเองคนที่ตัวสูงที่สุดก็ไม่อยากให้บรรยากาศมันเป็นไปแบบนี้

“ไอรีน? ”

“ค๊ะ? ” เธอสะดุ้งเฮือก

“พี่ว่าพวกเราควรรู้จักกันมากกว่านี้ อีกอย่างพี่รู้ว่าหนูคงอึดอัดที่เห็นอะไรแบบเมื่อเช้า”

ทันทีที่เอริคพูดจบ ไคล์นก็หันขวับค้อนสายตาต่อว่าเขา ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ เขาไม่อยากให้ไอรีนคิดมาก และก็ไม่อยากเสียเธอไปด้วย ก่อนที่จะเป็นไคล์นเองที่เปลี่ยนที่นั่งเป็นมานั่งข้างๆ หญิงสาว ก่อนจะยกมือหนาขึ้นกอดไหล่ของคนร่างบาง

“ตอนนี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วเว้ย”

พูดพลางยักคิ้วขึ้นหงึกๆ

คนทั้งสามที่ต่างก็เริ่มรู้สึกเสียดาย หากความสัมพันธ์นี้มันจะจบลงดื้อๆ แต่แล้วคนตัวเล็กก็ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองสบายใจ

“หนูรู้นะ ว่าพวกพี่สงสารหนู ที่ได้ฟังเรื่องที่แฟนของหนูเป็น …” เธออึกอัก “ที่แฟนของหนูไม่ชอบผู้หญิง”

“แต่ว่าพวกพี่เป็นไบ!!” คนสูงสุดในกลุ่มเอ่ยตอบ

“นายเป็นไบงั้นหรอเอริค?”

กลับเป็นไคล์นที่ต่างตกใจไม่แพ้กัน

“ฉันว่าฉันเป็นไบว่ะ แล้วนายล่ะไคล์น นายเคยคิดชอบผู้หญิงบ้างรึเปล่า?”

คำถามนั้นทำเอาไคล์นถึงกับหันมามองหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ทำไมเอริคถึงจะดูไม่ออกล่ะ เขาพอจะดูรู้มาสักพักแล้ว นี่เขาคบกับไคล์นมา 11 ปีเชียวนะ แน่นอนว่าพวกเขาดูกันออก และรู้ทุกอย่างที่ผ่านมา เพียงแต่ว่าใครจะเป็นฝ่ายเล่าก่อน

“ฉันรู้นะว่าแกกับน้องเขา…”

ไคล์นมองหน้าเอริกแต่แววตานั้นไม่ใช่เชิงต่อว่าแต่อย่างใด