หลังจากวันนั้นทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ชีวิตที่ไม่หวือหวาแต่อยู่ด้วยความเข้าใจกัน ซึ่งตัวของฟีลิกซ์เองก็คิดว่าตัวเองเลือกไม่ผิด ข้าวฟ่างเป็นเด็กที่น่ารักมาก เขาอยากให้เป็นแบบไหนเธอก็ทำให้ได้ตามคำขอ"พรุ่งนี้คุณฟีลิกซ์มีประชุมช่วงเช้า อาจจะต้องใส่ชุดสูท เอาชุดไหนดีน้า"เธอยืนอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้าของเขา กำลังคิดว่าจะหยิบชุดไหนให้เขาสวมใส่ในวันพรุ่งนี้ หน้าที่ในการเป็นภรรยาของคุณฟีลิกซ์ไม่ได้มีอะไรมาก เขาอยากพาไปไหนเดี๋ยวพาไปเอง ตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ คอยเลือกเสื้อผ้าให้เขาในแต่ละวัน เมื่อกลับจากทำงานจะต้องมีเวลาอยู่กับเขาทั้งคืน ชีวิตมีแค่นี้แหละ ส่วนคุณพ่อก็ได้ผ่าตัด และหายดีแล้ว ต้องขอบคุณเขาอีกครั้งที่ทำให้เธอมีวันนี้"ชุดนี้ดีกว่า"เธอหยิบชุดสูทสีกรมท่าออกมา พร้อมกับกางเกงเข้าคู่กัน แขวนไว้ตรงหน้าตู้กระจกเพราะเป็นสถานที่ที่เขาจะเปลี่ยนเสื้อผ้าในทุกวัน ในขณะที่เธอกำลังตั้งใจเลือกชุดให้เขาอยู่ก็รู้สึกว่ามีใครบางคนสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง"อ๊ะ... กลับมาแล้วเหรอคะ"หญิงสาวยิ้มก็ออกมาทันทีที่ชายหนุ่มกลับมาถึงที่บ้านแล้ว ฟีลิกซ์พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือไปยีผมเธอเล่น
หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองคนก็ควงแขนกันเดินไปยังโซนของแบรนด์เนม ซึ่งสิ่งแรกที่เธออยากได้ก็คือน้ำหอม โดยปกติเธอจะเป็นคนที่ไม่ชอบใส่น้ำหอมสักเท่าไหร่ แต่เคยอ่านเจอในอินเตอร์เน็ตบอกว่าใช้บ้างก็ดี ผู้ชายจะได้ชอบก็เลยตัดสินใจที่จะซื้อสักขวดหนึ่ง"เอาอะไรดี""ซื้อน้ำหอมดีไหมคะ""ก็ดีนี่"เขาได้ยินแบบนั้นก็รีบกุมมือภรรยาเดินเข้าไปยังร้านขายน้ำหอมแบรนด์ดัง ซึ่งข้างหน้ามีเคาน์เตอร์อยู่ และมีพนักงานคอยบริการ"สวัสดีค่ะคุณลูกค้า มีอะไรสอบถามได้เลยนะคะทางเรายินดีแนะนำค่ะ""พอดีว่าภรรยาผมอยากได้น้ำหอมสักขวด คุณช่วยแนะนำกลิ่นหน่อยสิ"เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับดันตัวภรรยาให้มายืนอยู่ตรงหน้า โดยที่เขายืนซ้อนอยู่ทางข้างหลัง ในระหว่างที่พนักงานกำลังแนะนำกลิ่นอยู่ ก็ไม่ลืมที่จะให้ลูกค้าเป็นคนลองสูดกลิ่นด้วยตัวเอง"ฉีดใส่ข้อมือแล้วก็ลองดมกลิ่นได้นะคะ""ได้ค่ะ"เธอค่อย ๆ หยิบขวดน้ำหอมขึ้นมาจากนั้นก็ฉีดไปยังข้อแขนของตัวเอง ลองดมกลิ่นดูก่อนจะส่งไปให้ชายหนุ่มลองดมกลิ่นช่วยเธออีกแรง"กลิ่นนี้หอมหวานจังเลยค่ะ""ไหนมาดมสิ"เขาดึงข้อมือหญิงสาวลองดมกลิ่นก่อนจะทำหน้าเหมือนยังไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่"ไม่
2 วันต่อมาข้าวฟ่างเองยังรู้สึกว่าตัวเองสภาพร่างกายไม่ดีขึ้นเลย เมื่อวาน และวันนี้ไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยเนื่องจากว่าอาการไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ เธอจึงคิดว่าตัวเองอาจจะต้องไปเจอคุณหมอที่โรงพยาบาล ถ้าเป็นอะไรมากก็จะได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ไม่อยากจะมีอาการแบบนี้เพราะว่าเดี๋ยวจะเป็นภาระของคนเป็นสามีเอาได้"รีบไปประชุมเถอะค่ะ""ไหวไหมเนี่ยให้ไปส่งโรงพยาบาลหรือเปล่า ยกเลิกประชุมก่อนก็ได้"เขาเอ่ยออกมาด้วยความห่วงใย ใบหน้าของภรรยาเลยตอนนี้ซีดเซียวแทบไร้สีเลือด ตื่นเช้ามาก็อาเจียนไม่หยุดเขาเองก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ยังดูสดใสไม่มีอาการเลยสักนิด"เดี๋ยวหนูไปเองค่ะไม่ต้องเป็นห่วง คุณอย่าให้เสียการงานเพราะหนูเลยนะคะ หนูไปเองได้ไหวค่ะ"เขายังรู้สึกลังเลว่าจะไปทำงานหรือจะไปส่งเธอที่โรงพยาบาลก่อน แต่ดูจากสายตาของข้าวฟ่างแล้วเขาอาจจะต้องไปทำงานโดยปล่อยให้เธอจัดการปัญหาด้วยตัวเอง"เรานี่มันดื้อจริง ๆ เลยนะ""หนูดูแลตัวเองได้ค่ะ คุณอย่าทำให้หนูรู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระเลย รีบไปทำงานเถอะนะคะ แล้วถ้าเกิดว่าตรวจเสร็จหนูจะบอกว่าเป็นอะไร"ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาก่อนจะยอมทำตามที่เธอร้องขอแต่
หลังจากที่ข้าวฟ่างคุยกับคุณหมอเสร็จ เธอก็รีบเดินทางไปหาเขาที่บริษัท ไม่ลืมที่จะหยิบใบรับรองแพทย์ติดตัวไปด้วย เอาจริงก็แอบตื่นเต้นไม่น้อยเลยไม่รู้ว่าถ้าเกิดคุณฟีลิกซ์รู้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่เขาจะคิดแบบไหน เอาจริงเธอเครียดไม่น้อยเลยนะ มันส่งผลหลายอย่างทั้งเรื่องการเรียนแล้วก็การใช้ชีวิตในอนาคตข้างหน้า"ไม่เป็นไรนะแม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุดเอง คลอดแล้วแม่ค่อยกลับไปเรียนให้จบก็ได้"เธอตัดสินใจว่าจะเอาใจใส่ลูกให้ดีที่สุดก่อน แล้วถ้าเกิดว่าเจ้าตัวเล็กโตได้หลายเดือนอาจจะกลับไปเรียนหนังสืออีกครั้ง ยังไงการศึกษาก็เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นความใฝ่ฝันของเธอที่อยากจะเรียนจบ เพราะฉะนั้นเธอไม่ทิ้งความฝันนี้เด็ดขาดหญิงสาวขับรถตรงมาเรื่อย ๆ ก่อนจะเข้าไปจอดยังลานจอดของผู้บริหาร รปภ. ที่เห็นใบหน้าของเธอก็ผายมือเชิญให้เข้าไปจอดรถตรงโซน VIP"สวัสดีครับคุณข้าวฟ่าง""สวัสดีค่ะคุณลุง ขอฝากรถหน่อยนะคะหนูจะขึ้นไปข้างบนค่ะ""ไม่มีปัญหาเลยครับเดี๋ยวทางนี้ดูแลให้เอง"รปภ. ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะมองตามหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังจะเดินเข้าไปข้างในบริษัท บางคนที่จดจำเธอได้ก็เอ่ยทักทายภรรยาของเจ้านาย อย่างน้อยพวกเขาควรจะรู้ว่าที
ข้าวฟ่างเดินทางกลับมาที่บ้านด้วยสภาพที่เหนื่อยล้า ใบหน้าของเธอดูเศร้าหมอง ตาบวมช้ำเพราะร้องไห้ไม่หยุด ไม่รู้ว่าหลังจากนี้เธอจะเอายังไงต่อเหมือนกัน แล้วก็เสียใจมากที่สามีของเธอไม่ไว้ใจ และไม่เคยเชื่อใจเธอเลย"กลับมาแล้วเหรอลูก... หนูร้องไห้ทำไม"รพีเห็นลูกสาวที่เดินเข้ามาในคฤหาสน์ ก็รีบเข้าไปทักทายทันที แต่ทว่าก็ต้องตกใจเมื่อใบหน้านั้นแดงช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาหนัก"ไม่มีอะไรค่ะแม่ หนูแค่ดีใจเกินไปหน่อยน่ะค่ะ""ดีใจเรื่องอะไร มันน่าดีใจถึงขนาดร้องไห้จนตาบวมช้ำแบบนี้เลยเหรอ"คนเป็นแม่เอ่ยถามด้วยความจับผิด แต่ทว่าข้าวฟ่างเองไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ดี และเครียดไปพร้อมกับลูก พอนึกย้อนกลับไปนึกถึงคำเตือนของคุณแม่ก่อนหน้านี้ เธอจึงเข้าใจว่าทำไมท่านถึงไม่อยากให้ลูกแต่งงานกับคนรวย คงเป็นแบบนี้เองสินะ"หนูท้องค่ะแม่""อะไรนะท้องเหรอ หนูยังเด็กอยู่เลยนะลูก เพิ่งจะเรียนมหาวิทยาลัยไม่เท่าไหร่เอง ทำไมถึงไม่ป้องกันล่ะ""หนูขอโทษค่ะแม่ มันท้องไปแล้วหนูไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน แม่อย่าโกรธเลยนะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาเสียงสั่น เตรียมใจมาสักพักว่าถ้าเกิดคุณแม่รู้ขึ้นมาท่านอาจจะดุเอาได้ พลาดเองที่ไม่ให้เขาป้อ
ฟีลิกซ์ทำงานเสร็จก็เดินทางกลับมาที่บ้านด้วยสภาพที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาเองก็ยังคงลังเลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ใจหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นลูกของตัวเอง ส่วนอีกใจหนึ่งก็กลัวว่าจะถูกหลอก และคงจะเสียมาก เพราะครั้งนี้เขารักเธอมากจนคิดว่าเราจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า"กลับมาแล้วเหรอลูก ทำไมถึงไม่รีบกลับมาน้องไม่สบายอยู่นะ อาเจียนจนหมดแรงเลย""เป็นหนักขนาดนั้นเลยเหรอครับ"ใบหน้าเรียบเฉยของเขาทำให้คนเป็นแม่ถึงกับยื่นมือไปตีไหล่หลายทีเพื่อเรียกสติ เมียตัวเองท้องอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงทำหน้าไม่ดีใจเลย"เมียแกท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำหน้าบึ้งหน้าบูดแบบนี้ได้ยังไง ทำหน้าดีใจหน่อยสิ""แม่ก็รู้ว่าเพราะอะไร""แกน่าจะรู้จักเมียตัวเองดีนะ ทำดีกับน้องหน่อยอย่าทำตัวเย็นชาแบบนี้"คนเป็นแม่เอ่ยเตือนสติลูกชาย อยากให้เขาปล่อยวางแล้วก็อยู่กับปัจจุบัน เธอรู้ว่าลูกชายผ่านอะไรมามากมาย แต่มันก็เป็นเรื่องของอดีตแล้ว เพราะฉะนั้นทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอ"ก็เพราะว่ารู้จักดีไม่ใช่เหรอ ผมถึง...""ขึ้นไปดูน้องเดี๋ยวนี้"และเมื่อน้ำเสียงเด็ดขาดของคุณแม่เอ่ยขึ้นมา เขาถึงกลับเงียบไป ตัดสินใจเดินขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองเพื่อ
หญิงสาวพยายามกินข้าวที่อยู่ในถาดให้ได้มากที่สุด ได้กลิ่นฉุนบ้างแต่เธอก็ต้องอดทน โชคดีที่ยาเริ่มออกฤทธิ์จึงทำให้เธอพอกินอะไรลงท้องได้บ้าง ส่วนฟีลิกซ์หลังจากที่เขากินข้าวกับครอบครัวเสร็จ ก็เดินกลับขึ้นมาชั้นบน เห็นหญิงสาวกำลังยกน้ำขึ้นดื่มก็เลยเดินเข้ามาหาพร้อมกับก้มมองกับข้าวที่อยู่ในถาด"นี่คือกินแล้วเหรอ ถ้าเป็นแบบนี้ลูกจะโตไหม""หนูกินได้แค่นี้แหละค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ"เธอวางทุกอย่างใส่ไว้ในถาดตามเดิม จากนั้นก็ขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะยกถาดขึ้นเพื่อนำลงไปเก็บไว้ที่ห้องครัว ชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็รีบแย่งถาดมาไว้ในมือ ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงดุ"คนท้องเขาไม่ให้ยกของไม่ใช่หรือไง""คุณจะรู้อะไรคะ ไม่ได้เป็นคนอุ้มท้องเองสักหน่อย หนูจะเอาไปเก็บเองค่ะส่งมา""ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเอาลงไปเอง"เขาเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะถือถาดเดินออกไปจากห้องนอนทันที ส่วนข้าวฟ่างเธอรู้สึกผิดหวังกับคำพูดของเขา จึงทำให้ไม่สามารถมองด้วยความรู้สึกเดิมได้อีกกลายเป็นว่าทั้งสองคนใช้ชีวิตโดยแทบจะไม่เข้าใกล้กัน เวลานอนก็หันหลังชนกันมันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างจากตอนแรกที่อยู่ด้วยกัน"นอนสิมันดึกแล้วเธอต้องพักผ่อนให้เยอะ"หญิงสาวขยั
หลังจากที่เธอไปคุยกับคุณแม่กลับมา ก็เริ่มรู้สึกใจชื้นขึ้นมาอีกครั้ง อาจจะเพราะว่าเขาเคยเจอผู้หญิงที่ไม่ดีมาก่อน จึงทำให้มีความคิดที่ลบแบบนั้น เพราะฉะนั้นเธอจะทำให้ฟีลิกซ์กลับกลายมาเป็นคนที่มองโลกในแง่บวก ได้รับรู้ด้วยว่าโลกใบนี้ยังมีผู้หญิงที่ดี และซื่อสัตย์กับเขาอยู่"เข้ามาในครัวทำไมลูก เดี๋ยวก็อาเจียนอีกหรอก แม่ว่าถ้าไม่ไปเดินเล่นที่สวนก็ขึ้นไปนอนพักผ่อนข้างบนเถอะ เข้ามาในห้องครัวมีแต่กลิ่นข้าวเหม็นอาหาร มันไม่ได้สนุกเลยนะถ้าหนูต้องมาแพ้ท้องบ่อย""ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ หนูกินยาแก้อาเจียนมาแล้วค่ะ วันนี้อยากจะเข้าครัวทำอาหารเย็นให้คุณฟีลิกซ์ค่ะ""จะเอาใจสามีหรือเรา ถ้างั้นก็ตามสบายเถอะแม่ไม่ห้ามหรอก ใจ... มาคอยเป็นลูกมือคุณข้าวฟ่างนะ ถ้าเธออยากได้อะไรก็หามาให้ล่ะ"แพรหวานหรือคุณหญิงของบ้านเอ่ยออกมาด้วยความใจดี ก่อนหน้านี้เห็นลูกชายกับลูกสะใภ้ดูตึงใส่กันก็รู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แต่พอเห็นว่าอยากจะเข้าครัวทำอาหารให้สามีกิน ก็รู้สึกว่ายิ้มออกมาได้บ้าง"ตามสบายเลยนะลูก แต่ว่าถ้าหนูเหนื่อยก็ไปพักผ่อนเข้าใจไหม""เข้าใจค่ะคุณแม่ ขอบคุณมากเลยนะคะที่เป็นห่วงแต่ว่าหนูโอเคแล้วค่ะ"คุณหญิงยื่นม
เวลาผ่านไปนานหลายปี จนตอนนี้ฟีลิกซ์อายุอานามได้สี่สิบกว่าปีแล้ว เชื่อไหมว่าเขากับภรรยาพยายามมีลูกด้วยกันถึงห้าคน สี่คนแรกเป็นผู้ชาย คนสุดท้ายเป็นผู้หญิง จึงทำให้ภรรยาสามารถทำหมันได้เพราะเขาพึงพอใจในจำนวนบุตรเท่านี้แล้ว"คุณพ่อครับ น้องตีกันอีกแล้ว"ฟรังค์ในตอนนี้อายุอานามได้เกือบสิบขวบ กำลังตะโกนเรียกคุณพ่อให้มาดูน้องคนอื่น ซึ่งตอนนี้กำลังแย่งไอแพดกันอยู่"อะไรอีกล่ะไอ้แสบทั้งหลาย จะทะเลาะกันทำไมพ่อไม่เข้าใจเลย พ่อซื้อไอแพดให้คนละหนึ่งเครื่องแล้วไม่ใช่เหรอ""พ่อครับ ฟิวชั่นมันแย่งของฟาร์ไปครับ อยากเล่นก็โหลดมาเองดิ จะมาแย่งของคนอื่นทำไม""ก็ฟิวชั่นอยากเล่นนี่นา พี่ฟาร์ก็โหลดให้ฟิวชั่นสิ"สองพี่น้องที่อายุอานามคลานตามกันมา ก็เริ่มแย่งไอแพดกันอีกครั้ง คนเป็นพ่อต้องเดินไปนั่งแทรกกลางระหว่างทั้งคู่ โหลดเกมในเครื่องให้เพื่อที่จะได้เลิกทะเลาะกันสักที"เดี๋ยวพ่อโหลดให้จะได้ไม่ต้องแย่งกัน"เขาจัดการเคลียร์ปัญหาให้ลูกเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน ตอนแรกรบเร้าอยากจะมีลูกหลายคน แต่ทว่าตอนนี้ถึงกับกุมขมับ เพราะแต่ละคนซุกซนแทบทั้งนั้น โชคยังดีที่ลูกสาวยังเล็กน่ารักอ่อนโยนและเชื่อฟังคุณแม่ ส่วนไอ้แ
ข้าวฟ่างกลับขึ้นมาในห้องนอนของตัวเอง อาบน้ำแต่งตัวใหม่ให้เรียบร้อยจากนั้นก็มาเปิดโน๊ตบุ๊ค เพื่อเรียนออนไลน์ในระหว่างที่ลูกชายไม่อยู่ ใกล้จะสอบปลายภาคแล้วจำเป็นจะต้องเรียนรู้หาข้อมูลใส่ตัวให้มากเธอนั่งเรียนไปนานเป็นชั่วโมง ก่อนจะชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องถูกเปิดออก แน่นอนว่าสามีน่าจะกลับจากทำงานแล้ว"กลับมาแล้วเหรอคะ"ฟีลิกซ์เห็นภรรยากำลังนั่งอยู่หน้าโน๊ตบุ๊ค ซึ่งคาดเดาว่าน่าจะกำลังเรียนออนไลน์อยู่ ก็เลยไม่อยากจะรบกวนในตอนนี้"เรียนอยู่เหรอคะ เรียนไปก่อนนะเดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำแป๊บหนึ่ง ไม่เห็นลูกเลยพ่อกับแม่ก็หาย""ไปเดินห้างค่ะ พ่อกับแม่หนูก็ไปด้วย""อ๋อ... โอเคค่ะงั้นตามสบายนะเดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อน"ชายหนุ่มเดินผ่านหญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะยื่นมือไปแตะศีรษะของเธอไว้ จากนั้นก็โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ จูบศีรษะของภรรยาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันทีข้าวฟ่างเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ตั้งแต่ที่เราสองคนเข้าใจกันก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่เคยมีปัญหาหรือกระทบกระทั่งกันอีก เขาทำตามที่สัญญามาโดยตลอด คำพูดอะไรที่จะกระทบจิตใจเขาจะยั้งเอาไว้ไม่หลุดออกมา ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีทำให้
และในที่สุดทั้งสองคนก็มีวันนี้ วันที่มีความสุขมากที่สุดก็คือการที่เด็กน้อยได้คลอดออกมาอย่างปลอดภัย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความเจ็บปวดสำหรับคนเป็นแม่ แต่เชื่อเถอะว่ามันคือความเจ็บปวดที่งดงามสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง"ได้ลูกผู้ชายนะคะ แข็งแรงสมบูรณ์ครบ 32 คุณพ่อกับคุณแม่อยากจะลองอุ้มไหมคะ""อุ้มค่ะ..."น้ำเสียงเหนื่อยหอบของคุณแม่ที่พึ่งเบ่งคลอดโดยใช้แรงจนแทบจะหมดลมหายใจ จ้องมองไปยังเด็กน้อยที่ตอนนี้ถูกพันผ้าอย่างแน่นหนา มองมาทางพ่อกับแม่ตาใสแป๋ว"ดูสิตาใสแป๋วเลย""น้องลืมตาได้เลยค่ะเก่งมาก ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวจะให้คุณพ่อกับคุณแม่อยู่กับน้องสักแป๊บนึงนะคะ แล้วเดี๋ยวพยาบาลจะพาน้องไปตรวจร่างกายก่อน"พูดจบพยาบาลก็อุ้มเด็กน้อยมาวางไว้ให้ข้าวฟ่างตรงหน้าอก หญิงสาวพยายามใช้แรงที่ยังพอเหลืออยู่ โอบอุ้มลูกน้อยเอาไว้ก่อนจะยิ้มออกมา เงยหน้าขึ้นมองสบตากับสามีใบหน้าเอิบอิ่มไปด้วยความสุข"ดูลูกสิคะมองเราตาแป๋วเลย""ไงครับตัวเล็ก รู้จักคุณพ่อหรือเปล่า เราคุยกันตั้งแต่หนูอยู่ในท้องแล้วนะจำเสียงได้ไหม ต่อไปนี้พ่อกับแม่จะเรียกหนูว่า ฟรังค์... ลูกชายสุดที่รักของพ่อแล้วก็ของแม่""ชื่อน่ารักจังเลยค่ะ ดูสิคะไม่งอแงเลยลูก
หลังจากที่ทั้งสองคนมีความสุขด้วยกันอยู่ในห้องน้ำพอสมควรแล้ว ฟีลิกซ์ก็อาบน้ำให้ภรรยาจนเสร็จสรรพ จากนั้นก็พากันกลับเข้ามายังห้องนอน เปลี่ยนชุดเป็นชุดนอนให้สบายตัว"ใส่แบบนี้ดีกว่าเนาะ จะได้ไม่ต้องมีอะไรมารัดหน้าท้องด้วย""ไม่ใส่ก็ได้นะคะนอนสบายกว่านะ"หญิงสาวยิ้มมุมปากออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ทว่าชายหนุ่มถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ท่อนเอ็นเริ่มพองโตขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อภรรยาสุดที่รักพูดจายั่วยวนแบบนั้น"เดี๋ยวก็ไม่ได้นอนหรอก หึ...""ไม่เอาค่ะหนูง่วงนอนแล้ว งั้นนอนก่อนนะคะ"เธอยิ้มออกมาก่อนจะขยับตัวล้มลงนอนบนหมอน จากนั้นชายหนุ่มก็หยิบผ้าห่มมาคลุมตัวภรรยาเอาไว้ เอาหมอนข้างมาให้หญิงสาวสวมกอดจะได้นอนสบายขึ้น เนื่องจากว่าช่วงหน้าท้องขยายใหญ่ขึ้นมากแล้ว การที่จะนอนตะแคงโดยที่ไม่มีอะไรค้ำอยู่ อาจจะทำให้อึดอัดเอาได้" นอนแบบนี้สบายขึ้นไหมคะ""สบายแล้วค่ะขอบคุณนะคะ""นอนหลับเถอะค่ะ เดี๋ยวช่วงเย็นพี่จะปลุกลงไปกินข้าวข้างล่างนะ"หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาก่อนจะหลับตาลงด้วยใบหน้าที่ดูมีความสุขเป็นพิเศษ เธอมีความสุขในทุกครั้งที่ได้อยู่กับสามี ถ้าตอนนั้นไม่เกิดเรื่องราว ตอนนี้เราก็คงอยู่ด้วยกันไปแบบนี้แหละ แ
หลังจากที่คุยกับผู้ใหญ่อยู่สักพัก ฟีลิกซ์ก็อยากให้ภรรยาขึ้นมาพักผ่อน เนื่องจากว่าวันนี้เธอใช้ร่างกายไปเยอะพอสมควร อาจจะต้องได้รับการพักผ่อนสักพัก ช่วงเย็นค่อยลงมาอีกที"นอนพักผ่อนเถอะค่ะ เหนื่อยมาตั้งแต่เช้าแล้วเดี๋ยวเจ้าตัวเล็กไม่ได้พักผ่อนนะ""ก็ดีค่ะง่วงอยู่พอดีเลย ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูขึ้นไปนอนพักก่อนนะคะ เดี๋ยวเย็นนี้จะลงมาคุยด้วยค่ะ""จ้ะลูกรีบไปนอนเถอะ ถ้าหนูอยากกินอะไรก็บอกนะเดี๋ยวแม่จะให้แม่บ้านทำไปให้""เพิ่งกินมาเองค่ะไม่เป็นอะไรหรอก ถ้างั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น ควงแขนชายคนรักเอาไว้ จากนั้นก็พากันเดินขึ้นไปที่ห้องนอน และเมื่อมาถึงหญิงสาวก็มองสำรวจทั่วห้อง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ข้าวของทุกอย่างของเธอก็ยังคงอยู่ที่เดิมไม่หายไปไหน"หนูคิดว่าคุณจะทิ้งหมดแล้วซะอีก""จะทิ้งหมดได้ยังไงกันล่ะ พี่รู้ว่าอีกไม่นานเดี๋ยวหนูก็ต้องกลับมา เราอาบน้ำกันดีไหมคะ หนูจะได้สดชื่นขึ้นไง เดี๋ยวพี่อาบน้ำให้""ก็ดีค่ะ รู้สึกเหนียวตัวเหมือนกัน"เธอเอ่ยออกมาก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เปิดดูว่าข้างในมีอะไรอยู่ ซึ่งก็เป็นชุดของเธอเกือบครึ่งตู้ เพราะช่วงเวลาที่งอนสามี และไม
หลังจากที่ชำระเงินเสร็จเขาก็พาหญิงสาวเดินทางกลับมาที่บ้าน ซึ่งตอนแรกว่าจะไปส่งเธอที่บ้านของตัวเอง แต่คิดไปคิดมาเขาอยากจะพาคนรักกลับไปที่คฤหาสน์บ้าง หลายเดือนมานี้เธอไม่ยอมย่างกรายเข้าไปเลย"ไปหาคุณพ่อคุณแม่พี่ไหม ท่านคงอยากเห็นใบอัลตร้าซาวนด์ คงอยากจะรู้ว่าหลานเป็นเพศไหน ตัวขนาดไหนแล้ว"เขาก็แค่ลองถามหยั่งเชิงดู ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่ไปเขาก็ไม่โกรธหรอกนะ เพราะรู้ว่าความผิดที่ตัวเองทำมันมีมาก แต่ทว่าเขาคิดผิดแล้วก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยเลยเธอยอมทำตามคำร้องขอ"ได้ค่ะ"เธอตอบกลับคำขอของของเขา เรื่องที่ชวนไปยังคฤหาสน์ เล่นเอาตกใจไม่น้อยเลย เพราะโดยปกติจะไม่ยอมกลับไปกับเขาเด็ดขาด เพราะยังมีอารมณ์โมโหโกรธคนเป็นสามีอยู่"ทำไมถึง...""พูดเยอะจะไม่ไปแล้วนะคะ"และเมื่อหญิงสาวพูดแบบนั้นชายหนุ่มก็รีบหุบปากของตัวเองลง จากนั้นก็รีบขับตรงไปยังคฤหาสน์เพราะกลัวว่าภรรยาอาจจะเปลี่ยนใจได้ ใบหน้าจากที่มีคำถามแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มออกมาแก้มปริ ใครจะคิดว่าคนรักของเขาจะยินยอมตามใจในที่สุด"ถึงแล้วค่ะ"และเพียงไม่นานเขาก็ขับรถมาจอดยังลานจอดรถของคฤหาสน์สุดหรู เปิดประตูรถเดินลงมาจากนั้นก็เปิดประตูให้ภรรยา ยื่นมือไปตรงห
"ว่ามาเลยค่ะมีอะไรจะคุยกับหนูคะ""ถ้าพี่พูดอะไรไป ข้าวฟ่างสัญญาได้ไหมว่าจะไม่โกรธ แต่ที่พี่ต้องพูดเพราะแค่อยากให้ข้าวฟ่างเข้าใจสามีของเราบ้าง"หญิงสาวนิ่งเงียบไปด้วยความคิดหนัก เพราะดูจากประโยคคำพูดน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูด แต่พี่ทรายอยากจะให้เธอเข้าใจในตัวของคุณฟีลิกซ์ จึงต้องเลือกที่จะมาพูด"สัญญากับพี่นะว่าจะไม่โกรธ""ก็ได้ค่ะ ว่าแต่มันเป็นเรื่องอะไรคะ""พี่ไม่รู้หรอกนะว่าฟีลิกซ์พูดอะไรไม่ดีหรือเปล่า ถึงทำให้ข้าวฟ่างโกรธแบบนั้น แต่ว่าเรื่องมันก็มีที่มาที่ไป งั้นเอางี้ดีกว่าพี่ถามได้ไหมว่าข้าวฟ่างโกรธอะไรฟีลิกซ์"ทรายเอ่ยถามข้าวฟ่างไปตามตรง ถ้ามันเป็นอย่างที่เธอคิดจะได้อธิบายให้ตรงจุด ทั้งสองคนจะได้เข้าใจกันสักที"ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ตอนนั้นหนูท้องแล้วก็ไปบอกเขาว่าเรากำลังจะมีลูกด้วยกัน แต่ว่า...""เขาบอกว่าเด็กในท้องของข้าวฟ่างไม่ใช่ลูกเขาใช่ไหม""ใช่ค่ะ เขาพูดเหมือนว่าตัวเองเป็นหมัน มีลูกไม่ได้ก็เลยคิดว่าหนูไปนอนกับคนอื่นมา แล้วก็ให้เขารับผิดชอบ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ช่วงหลังก็ยอมรับว่าเป็นลูกของตัวเอง แต่ความรู้สึกมันเสียไปแล้วค่ะ ข้าวฟ่างลำบากใจที
หลังจากที่คุยกันอยู่ในห้องนานพอสมควร พยาบาลก็พาทั้งสองคนไปยังห้องอัลตร้าซาวนด์ ซึ่งตอนนี้คุณหมอรออยู่แล้ว วันนี้เธออาจจะได้รู้เพศลูก จะได้เตรียมตัวเพราะอีกไม่กี่เดือนเราสองคนก็จะได้เจอลูกแล้ว"พร้อมแล้วนะคะคุณแม่ มานอนลงตรงนี้เลยค่ะเดี๋ยวหมอจะอัลตร้าซาวนด์ให้ดูเด็กน้อย"ข้าวฟ่างทำตามที่คุณหมอสั่งอย่างว่าง่าย โดยที่มีฟีลิกซ์คอยประคองอยู่เคียงข้างไม่ห่าง คุณหมอก็ใช้เจลทาที่ช่วงท้องของเธอ จากนั้นก็ใช้อุปกรณ์บางอย่างหมุนตรงช่วงท้องของเธอ และภาพก็ฉายอยู่บนจอมอนิเตอร์ข้างหน้า"ตรงนี้เป็นศีรษะของน้องนะคะ มีตาสองข้าง มีจมูกโด่งด้วยนะเนี่ย มีปาก มีหูสองข้าง ซ้าย และขวาครบ"ทั้งสองคนมองหน้าจอมอนิเตอร์น้ำตาคลอ ตอนแรกก็ไม่ได้มีความพร้อมในการเลี้ยงเด็กหรอก ตัวเองก็ยังเรียนหนังสือไม่จบเลย แต่ด้วยความที่แต่งงานจดทะเบียนสมรสกับสามี จึงทำให้ทุกคนพอปล่อยผ่านกับเรื่องนี้ได้"แล้วสรุปว่าลูกผมได้เพศอะไรครับ""เดี๋ยวแป๊บนึงนะคะ"คุณหมอค่อย ๆ ตรวจ โดยที่สายตายังมองไปยังหน้าจอมอนิเตอร์ด้วยความตั้งใจ ใช้เวลาอยู่สักพักใหญ่ และดูเหมือนว่าตอนนี้พอมั่นใจมาได้บ้างประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ว่าเด็กน้อยเป็นเพศอะไร"น้องเ
ข้าวฟ่างเดินออกมาจากร้าน ซึ่งฟีลิกซ์ที่นั่งอยู่ตรงนั้นเห็นพอดีก็เลยยิ้มกว้างออกมา วางแก้วกาแฟลงที่โต๊ะ ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น และเดินเข้ามาหาภรรยา"คุณมาทำไมคะ""ก็วันนี้คุณหมอนัดให้ไปอัลตร้าซาวนด์ไม่ใช่หรือไง พี่ก็มารับข้าวฟ่างไปหาหมอด้วยกันไง ก็อยากจะเห็นลูกที่อยู่ในท้องบ้าง""จะสนใจทำไมคะลูกตัวเองก็ไม่ใช่"หญิงสาวสะบัดหน้าใส่ชายหนุ่มด้วยความน้อยใจ ความรู้สึกที่เขาไม่มั่นใจในตัวเธอกับลูกยังคงอยู่ในหัวสลัดยังไงก็ไม่ออก มันเป็นปมในใจที่ยังคงอยู่ และคิดว่าคงต้องใช้เวลานานพอสมควรกับการที่เธอจะไม่รู้สึกกับคำพูดพวกนั้น"ทำไมพูดแบบนี้คะ พี่ขอโทษที่พูดไม่ดี ขอโทษที่พูดไม่คิด""รีบไปเถอะใกล้ถึงเวลาหมอนัดแล้วนี่""สวัสดีครับแม่รพี ผมขอพาน้องไปโรงพยาบาลนะครับ""แต่ว่าหนูนัดกับแม่แล้วค่ะว่าจะไปโรงพยาบาลด้วยกัน คุณไม่ต้องไปส่งก็ได้"เธอเอ่ยออกมาก่อนจะกวักมือเรียกคุณแม่ให้เข้ามา เพื่อที่จะได้ไปโรงพยาบาลด้วยกัน แต่ทว่ารพีไม่อยากให้ลูกสาวทำตัวเย็นชาใส่คนเป็นสามี ถึงแม้ว่าเขาจะพลาดที่เคยพูดไม่ดี คำพูดบางอย่างทำร้ายจิตใจ แต่ตอนนี้เขาก็รู้สึกผิดมากแล้ว และพร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเราควรให้