ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกกลัวแต่พยายามข่มความกลัวเอาไว้ต่างหาก มันคงไม่มีใครรู้สึกดีทีาจะต้องมาแก้ผ้าต่อหน้าคนที่ไม่รู้จัก ไม่สิแม้กระทั้งคนรู้จักก็ยังไม่เคย ถึงแม้ครั้งนั้นจะมีอะไรกันแต่ฉันไม่มีสติเลยแม้แต่น้อย จำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ “ยังสวยเหมือนเดิม วันนั้นฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่ได้มองแบบเต็มตา” เขาเอ่ยบอกฉันที่ยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่จ้องมองแบบไม่กระพริบ ก่อนจะยิ้มมุมปาก รู้สึกเกลียดรอยยิ้มแบบนั้นของคนตรงหน้าอย่างอธิบายไม่ถูก “เกลเสียเปรียบนะคะถอดอยู่คนเดียวแบบนี้” “ใจเย็นๆ สิคนสวย” “จะให้ทำอะไรก็สั่งมาเลยค่ะ” “ชอบจังที่เธอเชื่องขนาดนี้”เขาเอามือปลดเข็มขัดกางเกงก่อนจะรูดซิบลง จากนั้นก็ควักเอาแก่นกายออกมา แน่นอนว่าพอได้เห็นขนาดของมันทำให้ฉันถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคอ ถึงว่าทำไมมันถึงเจ็บและเลือดไหลออกมาขนาดนั้น เพราะขนาดที่ใหญ่กว่า มาตรฐานผู้ชายเอเชียนี่เอง “ไหวหรือเปล่า?” “มันเคยเข้ามาในตัวเกลแล้วครั้งนึง ทำไมครั้งนี้จะไม่ไหวละคะ”“หึ แต่ครั้งนั้นเธอไม่มีสติ มั่นใจว่าจะรับไหว” ฉันไม่ตอบแต่เลือกที่จะเดินมานั่งคุกเข่าลงตรงกลางระหว่างท่อนขาแกร่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาจับแก่นกายที่
ตอนนี้ฉันอยากรู้มากๆ ว่าพี่เรย์ทำอะไร ดูเหมืินคนตรงหน้าจะหัวเสียเอามากๆ ถึงขั้นกระแทกนิ้วเข้ามาอย่างแรงจนฉันต้องกัดริมฝีปากจนห้อเลือดเพื่อไม่ให้ตัวเองส่งเสียงที่เจ็บปวดออกมา คุยไปครู่หนึ่งเขาก็กดตัดสายแล้วโยนโทรศัพท์ไปบนโซฟาอย่างไม่สนใจ สายตาคมหันมาจ้องมองเรือนร่างของฉันอีกครั้งแต่แววตาคู่นั้นดูดุดันมากกว่าเดิม “พี่ชายเธอนี้มันชอบหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ” “อึก!” ฉันกำมือแน่นเมื่อเขาสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางคับแน่นอีกนิ้วสร้างความเจ็บปวดให้ทวีคูณเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว “ดูเหมือนมันจะแค้นอะไรสักอย่าง เธอรู้ไหมว่าเรื่องอะไร?” “ไม่…รู้…อื้อ…มันเจ็บ” ฉันจ้องผู้ชายตรงหน้าเขม็ง แต่ไม่ช่วยทำให้เขาผ่อนแรงกระแทกนิ้วเข้ามาเลย “มันยิงลูกน้องมือดีของฉันไปห้าคน แถมยังวางเพลิงโกดังอีก หึ!! ขยันเผาจริงๆ” “……..” ไม่คิดเลยว่าพี่เรย์จะทำขนาดนี้ ฉันเองก็ตกใจเหมือนกันที่ได้ยินสิ่งที่เขาบอก “มั่นใจได้ยังไง อ๊ะ~ ว่าพี่เรย์ทำ” “ไม่ใช่มันแล้วจะเป็นหมาตัวไหน ทำเรื่องแบบนี้ได้ก็มีแค่มัน” พูดจบเขาก็กระแทกนิ้วเข้ามารัวๆ ในร่องแคบ มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีได้เลย แต่ตอนนี้ทำได้แค่กัดฟันสู้ “ครางออกมา” “ครางชื่อฉัน”
ถึงจะอยากประชดทางบ้านที่บังคับเรื่องแต่งงานแต่ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้อยากไปเจอพี่ชายของตัวเองพร้อมกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศัตรู แต่เหมือนจะทำอะไรไม่ได้เพราะถูกลากตัวขึ้นรถมาเรียบร้อยแล้ว “มือปลาหมึกจังเลยนะคะ” ฉันปัดมือหนาที่บีบเคล้นเรียวขาอ่อนของตัวเองออก ตลอดทางที่นั่งรถมาเขาเอาแต่จับนู้นจับนี่ ในใจรู้สึกรำคาญและอยากจะด่าแต่ก็ต้องเก็บกดความรู้สึกไว้ เขาเก่งจริงๆ ใช้อีกมือจับพวงมาลัยรถและอีกมือลูบไล้ไปตามตัวของฉัน #คาสิโนฉันเปิดประตูลงจากรถเห็นผู้ชายใส่ชุดสูทเดินมาหยุดตรงหน้าของคนตัวสูงพร้อมก้มโค้งคำนับ เขานี่มันยิ่งใหญ่จริงๆ “มันมาแล้วใช่ไหม” “ครับนาย ตอนนี้กำลังรออยู่ในห้องรับรอง”“อืม ไปเตรียมเครื่องดื่ม”“ครับนาย” ลูกน้องของเขามองมาที่ฉันแวบหนึ่งเหมือนจะสงสัยว่าเป็นใครแต่ไม่กล้าถามคนเป็นนาย “ตามฉันมา” “อือ” ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินตามร่างสูงเข้ามาในคาสิโน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาที่นี่ตึกนี้มันใหญ่โตเอามากๆ และมีรถจอดอยู่หลายร้อยคัน คงมีคนแวะเวียนมาที่นี่เยอะมากต่อวัน แหงสิที่นี่เป็นคาสิโนใหญ่ที่สุดในเอเชีย รายได้ต่อวันคงไม่ต้องพูดถึงว่าเงินจะเข้ากี่ร้อยล้าน ร่างสูงพาฉันเดินเข้าม
#วันต่อมา ไม่น่าเชื่อว่าพี่เรย์จะไม่บอกพ่อเรื่องเมื่อวานทั้งที่ฉันไม่ได้ตกลงเรื่องนั้นเลย คงอยากให้เก็บไปคิด แต่ตอนนี้น่ะในหัวมีเพียงความคิดเดียวคือ….อยากกลับอเมริกา รู้สึกว่าการกลับมาไทยครั้งนี้ทุกอย่างมันแย่ไปหมด ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขเลย เงินทองสถานะทางสังคมฉันไม่ได้ต้องการเลยสักนิด เพียงแค่ความอบอุ่นของครอบตัวที่อยากได้แต่พ่อกับพี่เรย์ไม่สามารถทำให้ได้….ไม่ต่างอะไรกับการอยู่ลำพังบนโลกใบใหญ่ “คุณหนูคะคุณท่านให้แต่งตัวค่ะ” “คุณพ่อแจ้งไหมคะว่าจะให้แต่งตัวไปไหน” “บอกว่าจะพาไปที่บริษัทด้วยค่ะ” “ค่ะ เดี๋ยวเกลจะรีบไปแต่งตัวเดี๋ยวนี้” นี่สิสิ่งที่ฉันอยากให้เป็นคือการกลับมาช่วยงานที่บริษัทของครอบครัว ไม่ใช่เอาแต่จับคู่อยู่ได้ ติ้ง~ เสียงข้อความแชตเข้าขณะที่ฉันกำลังนั่งรถไปบริษัท เมื่อก้มมาอ่านแชตก็ต้องถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ Cullen: คิดถึงคนสวยจังเลยครับ คนอย่างเขาไม่เหมาะกับการพิมพ์อะไรแบบนี้ส่งมาจริงๆ หากไม่เคยเจอหน้าคงคิดว่าเป็นพวกอ่อนโยน แต่ความจริงเขามันป่าเถื่อนที่สุด Cullen: คืนนี้อยากมาหาฉันที่คอนโดหรือเปล่าฉัน: ไม่ว่างค่ะ Cullen: คำตอบเย็นชาจัง ฉัน: หาผู้หญิงคนอื่
สายตาที่จริงจังคู่นั้นทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ เขาดูจริงจังจนฉันเกือบลืมหายใจ พยายามข่มความกลัวและทำใจกล้าแต่เหมือนจะถูกอีกฝ่ายจับได้ แขนแกร่งตวัดมารั้งตัวของฉันขึ้นมาวางบนตักในท่าที่หันหน้าเข้าหากันอย่างล่อแหลม ก่อนจะยกมือมาลากไล้เกลี่ยไปมาสัมผัสพวงแก้มเบาๆ “ดูทำหน้าเข้าสิ กลัวขนาดนั้นเลยหรือไง” “ค่ะ ฉันกลัว” ฉันเลือกยอมรับออกไปตามความจริงว่าตอนนี้รู้สึกกลัวคำพูดของเขา “บอกให้แทนตัวเองว่าเกล อย่าดื้อสิคนสวย” “ถ้าคุณชอบแบบนั้นก็ได้ค่ะ” “เธอเป็นเด็กดีของฉันขนาดนี้จะกลัวทำไม” “ก็เกลเป็นน้องสาวของศัตรูคุณนี่คะ” “ฉันไม่ทำร้ายคนสวยๆ หรอกนะ เสียของหมด ชอบเล่นสนุกกับของสวยๆ งามๆ มากกว่า” ความเจ้าเล่ห์และแพรวพราวของเขามันมีมากกว่าที่คิดไว้จริงๆ และแปลกที่รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายคนนี้ร้ายขนาดไหนแต่ฉันกลับสนใจความร้ายกาจนี้อย่างราวกับถูกดึงดูด“ทำไมถึงไม่ลงคลิปเกลละคะ คุณอยากทำรายครอบครัวเกลไม่ใช่หรือไง” มันคือสิ่งที่ฉันอยากรู้ถึงแม้ไม่อยากให้เขาทำแบบนั้น แต่ความจริงหากเขาจะทำร้ายกันมันก็ง่ายๆ แค่ลงคลิปแค่นั้นเขาก็สะใจแล้ว“ฉันอยากได้เธอมากกว่า” “ได้ไปแล้วนี่คะ” รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นมาก่
ฉันให้ทิชามารับเพราะไม่อยากเรียกคนของพ่อ กลับบ้านไปก็พอรู้ว่าจะถูกบ่นยังไงบ้าน ตอนนี้ฉันปิดเครื่องโทรศัพท์ไปแล้ว “ยังไงไม่เลิกยุ่งกับเขาอีกหรอเกล” ทิชาหันมาถามเมื่อฉันเปิดประตูเข้ามานั่งในรถ “อย่ามองแบบนั้นสิระหว่างฉันกับเขามันมีข้อตกลงร่วมกันนิดหน่อยน่ะ” “อือๆ จะทำอะไรไม่ห้ามหรอก ฉันรู้ว่าแกมีเหตุผล” “คงมีแต่แกที่เข้าใจ” “ถ้าอยู่ที่บ้านแล้วอึดอัด ย้ายออกไปอยู่คอนโดดีไหมเกล” ข้อเสนอของทิชามันฟังดูเข้าท่าเลยทีเดียวและฉันก็คิดอย่างนั้น แต่ถ้าขอพ่อคงไม่ยอมแน่ๆ “ทำเหมือนพ่อฉันจะยอม”“ก็แอบซื้อคอนโดไว้สิ เงินแกมีตั้งเยอะพ่อไม่รู้หรอก” “พ่อไม่รู้แต่พี่เรย์ล่ะ รายนั้นรู้ทุกอย่างเหมือนแอบติดจีพีเอสไว้ที่ตัวฉัน”“พี่เรย์นี่หวงแกตั้งแต่เด็กยันโตไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ”“เปลี่ยนสิใครว่าไม่เปลี่ยน เปลี่ยนไปเยอะเลย” พอพูดเรื่องนี้มันทำให้รู้สึกหนักอึ้ง ก่อนจะเบือนหน้ามองวิวด้านนอกกระจก “ขอโทษแก….คือฉัน…”“ไม่เป็นไร แกไม่ได้ผิดไม่ต้องขอโทษ” ทิชาขับรถมาส่งฉันที่บ้านก่อนจะรีบกลับไปเพราะเห็นว่ารถพ่อจอดอยู่ หากให้ชาเข้าไปในบ้านคงถูกพ่อบ่นแน่ๆ ตอนนี้พ่อกำลังโมโหฉันรู้ “ไปไหนมา” แค่ก้าวเท้าเหยียบ
ฉันหนีมาร้องไห้คนเดียวในห้องนอน ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่บ้านชีวิตก็ไม่เคยสัมผัสคำว่าความสุขเลย ตอนอยู่อเมริกามันดีกว่านี้มาก อย่างน้อยก็ไม่เคยถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ ไม่อยากร้องไห้เพราะรู้สึกเกลียดน้ำตาของตัวเอง เกลียดที่อ่อนแอ แต่ทำไมบ่อยครั้งฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นแบบนั้น….เป็นอย่างที่ตัวเองไม่ชอบ คิดว่าเรียนจบจะมีชีวิตเป็นของตัวเองแต่ทว่ากลับคิดผิด ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเป็นหุ่นเชิดที่พ่อสั่งให้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถึงแม้ฉันจะรั้นแต่รู้ดีว่าไม่มีทางหนีพ้นคงต้องเลือกสักทาง ปัญหานี้มันอึดอัดภายในใจอนากจะระบายมันออกมาแต่ไม่กล้าพูดกับใครเลยแม้กระทั่งทิชาที่เป็นเพื่อนสนิท ก็อกๆ เสียงเคาะประตูห้องทำให้ฉันที่กำลังเหม่อมองไปด้านนอดหน้าต่างมีสติ “คุณหนูคะ ท่านให้มาตามไปทานข้าวค่ะ” “ฝากบอกคุณพ่อด้วยนะคะว่าเกลไม่หิว” ฉันตะเบ็งเสียงตอบกลับแม่บ้านที่ยืนรอฟังคำตอบอยู่ด้านหน้าประตูห้อง “ไม่ได้ค่ะ ท่านบอกว่ายังไงคุณหนูก็ต้องไป” “เกลไม่หิวค่ะ” “ถ้าคุณหนูไม่ยอมลงไปทานข้าวป้าต้องถูกดุแน่ๆ” ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะตอบกลับ“ก็ได้ค่ะ บอกคุณพ่อว่าเดี๋ยวเกลลงไป” ผ่านไปส
วันต่อมาฉันมาหาทิชาที่คอนโดโดยมีการ์ดของพี่เรย์ติดตามมาด้วยสองคน ปกติไม่ชอบให้คนตามแต่ถ้าไม่ยอมพี่เรย์จะไม่ให้ออกจากบ้านจึงจำใจต้องยอมให้ตามมาด้วย ชีวิตของฉันอะไรๆ ก็ถูกตีกรอบไปซะทุกอย่าง หลายคนคงคิดว่าเกิดเป็นเกลลินมันน่าอิจฉา….แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่เลย มาถึงที่คอนโดของทิชาฉันก็เริ่มเล่าเรื่องที่ถูกพ่อกับพี่ชายกดดันให้เลือกด้วยความอัดอั้นราวกับว่าหากไม่ระบายมันออกมาตอนนี้มีหวังได้อกแตกตายแน่ๆ “สตินะเกล แกตะทำแบบนี้ไม่ได้” หลังจากฟังเรื่องทั้งหมดชาก็แย้งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ซีเรียสทันที“ฉันคิดดีแล้วชา” “แกจะไปท้องกับคุณคัลเลนเพื่อแลกกับการที่พ่อแกไม่บังคับให้แต่งงานกับคุณบารอน ไหนจะเรื่องหวังสมบัติอะไรนั่นอีก เกินไปหน่อยไหม แกลงทุนมากเกินไปแล้วเกล” “มันคือทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะยังไงฉันก็จะไม่แต่งงานกับคุณบารอนอะไรนั่นเด็ดขาด” ฉันยังยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกมันเป็นทางออกแม้จะดูเหมือนเพื่อนสนิทจะเห็นต่างไปคนละทาง“การที่เราจะเป็นแม่คนมันง่ายขนาดนั้นเลยหรอ คิดว่าตัวแกพร้อมมากแค่ไหน”“มันคงไม่ยากขนาดนั้นหรอกมั้ง แต่เตรียมรับขวัญหลานด้วยล่ะ” ฉันพูดติดตลก รู้แหละว่าอา
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ