กลางดึก ฉันพลิกตัวไปมาบนเตียงเพราะนอนไม่หลับ ความคิดฟุ้งซ่านมันยังคงหนักอึ้งในหัว จนต้องหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกไปหาเพื่อนสนิทอย่าทิชา ( อื้อเกล โทรมาทำไมตอนตีสามเนี่ย ) “ชาช่วยฉันด้วย”( หือ แกเป็นอะไร ใครทำ คัลเลนหรอ เขาทำอะไรแก ตอนนี้อยู่ไหน บาดเจ็บไหม หรือจะให้ฉันแจ้งตำรวจ เดี๋ยวรีบ…..) ทิชายิงคำถามรัวๆ ไม่เว้นช่องว่างให้พูดแทรกเลย จากตอนแรกเสียงเธอรัวเงีย ถ้าให้เดาตอนนี้คงตกใจดีดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วแน่ๆ “ชาแกใจเย็นๆ แล้วฟังฉันก่อน”( รีบๆ พูดมา ฉันกำลังจะแจ้งตำรวจ )“ไม่ต้องๆ”( เอะ!! อะไรของแก แล้วจะให้ช่วยอะไร )“ช่วยคิด ไม่ได้ถูกทำร้ายแกไม่ฟังอะไรเลย”( อะ อ้าว ก็คนมันตกใจนี่ )“ถ้าเบรคไม่ทันจะเป็นยังไง”( ป่านนี้ตำรวจคงได้ไปถึงหน้าบ้านแล้ว )“เห้อ!! แกนี่มันจริงๆ เลยนะ” ( ว่าแต่มีเรื่องอะไรถึงได้โทรมาดึกขนาดนี้ ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระฉันโกรธจริงๆ นะเกล นี่มันตีสามแล้ว )“ไม่รู้เหมือนกันว่าแกจะมองมันไร้สาระหรือเปล่า” ( อะไร ยังไง พูดมาสิ )ฉันเม้มปากแน่นพร้อมระบายลมหายใจที่หนักอึ้งออกมา ก่อนจะเริ่มพูดให้เพื่อนสนิทฟัง “ความรู้สึกมีความรักนี่มันเป็นยังไงหรอชา”( เดี๋ยวๆ โทรมาถามเ
“วันนี้ไม่ออกไปข้างนอกหรอคะ” ฉันถามเพราะเห็นว่าคัลเลนเขาอยู่ที่บ้านไม่ได้แต่งตัวออกไปไหน ตอนนี้เราอยู่ที่ห้องอาหาร ใช่ ฉันกำลังกินข้าวพร้อมกับเขา ซึ่งตั้งแต่มาอยู่ที่นี่แทบจะนับครั้งได้ “วันนี้ฉันอยากพักผ่อน” “ไม่เห็นพี่ชายคุณมาที่บ้านเลย” ที่ถามเพราะแปลกใจ ในเมื่อบ้านนี้มันเป็นของเขาสองพี่น้องแล้วทำไมคาแลนถึงไม่กลับบ้านเลยล่ะ “ถามถึงมันทำไม” “แค่แปลกใจค่ะ” “มันชอบอยู่คอนโดมากกว่า” “อ๋อ” ฉันพยักหน้าพร้อมตักอาหารเข้าปาก เลี่ยงการสบตากับคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเพราะมันทำให้หัวใจดวงน้อยวูบไหว จู่ๆ เขาก็มีอิทธิพลกับความรู้สึกเอามากๆ กินข้าวเสร็จฉันก็ขึ้นมาอาบน้ำในห้อง ไม่รู้ว่าวันนี้จะทำอะไรดีจึงเดินเล่นที่สวนหลังบ้าน ก่อนจะเห็นว่ามีคนกำลังเล่นน้ำอยู่ในสระ ฉันหยุดมองอยู่ครู่หนึ่งเพราะเห็นว่ายัยเด็กมะลินั่งเฝ้าที่ขอบสระไม่ห่าง อ่า! แบบนั้นไม่ได้เรียกว่าเฝ้า เรียกว่ากำลังอ่อยมากกว่า หงุดหงิด!! นี่คือความสุขของฉันในตอนนี้ “ถ้าจะมองขนาดนั้นทำไมไม่ลงไปเล่นน้ำด้วยกันเลยล่ะ” ฉันบ่นพึมพำก่อนจะเดินแยกตัวมานั่งเล่นที่สวนเพื่อสงบอารมณ์ ทั้งที่ทิชาเตือนแล้ว ฉันเองก็พยายามเตือนตัวเองแล้วว่าให้
ห้านาทีผ่านไปฉันยังคงนั่งจ้องข้อความบนจอมือถือด้วยหัวใจที่เต้นสั่น ราวกับเพิ่งได้สติกลับมา เมื่อกี้ฉันทำอะไรลงไป ตอนนั้นมันคิดแค่ว่าในใจมันว้าวุ่นจนอยู่ไม่สุขเมื่อรู้ว่าคัลเลนอยู่กับยัยเด็กนั่น และอยากทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขายอมกลับมา แต่พอเขามาเข้าจริงๆ แล้วทำไมฉันไม่รู้สึกดีใจเท่าไหร่กลับรู้สึกหวั่นใจมากกว่า บางทีก็เหมือนกับว่าตัวเองตกหลุมพรางของเขาอยู่ ครืด~ Cullen : งั้นถ้าไม่มาเปิดฉันจะกลับไปหามะลิพรึ่บ! พอเห็นข้อความที่เขาพิมพ์มาขาฉันมันก็รีบลุกขึ้นอันโนมัติ ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่และเดินไปเปิดประตูให้คนที่รออยู่“รู้ไหมฉันยืนรอนานแค่ไหน ?” เสียงทุ้มเข้มกดถามระหว่างที่แทรกตัวเข้ามาในห้อง“เกลอาบน้ำอยู่ค่ะ” “แล้ว ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นราวกับไม่เข้าใจ “ฉันควรจะได้เห็นไม่ใช่หรอ ภาพที่เธอแก้ผ้าอาบน้ำ”“เอ่อ..” ถึงกับพูดอะไรไม่ออก หัวใจพลันเต้นถี่ระรัวเมื่อคัลเลนเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองออกทีละเม็ด ก่อนจะโยนมันทิ้งไป ตามด้วยกางเกงและบ็อกเซอร์ ร่างสูงเดินไปหยิบผ้าขนหนูมานุ่งเอวเพียงผืนเดียวแล้วหันกลับมาสบตากับฉัน จากนั้นก็ขยับมาใกล้ๆ “ฉันอยากไปห้องน้ำ” เขาก้มลงมากระซิ
#สามวันผ่านไปฉันยังคิดวนเวียนกับเรื่องวันนั้น ตั้งใจว่าจะต้องถอยแต่พอถูกเอาใจใส่กลับกลายเป็นว่าความรู้สึกมันยิ่งถลำลึก และจากวันนั้นจนถึงวันนี้เขาก็มานอนกับฉันทุกคืน จะเอาเวลาไหนไปเลิกรู้สึก มันยากจังเลย ฉันที่คิดว่าตัวเองจะไม่รักใครง่ายๆ กลับพ่ายแพ้ให้กับคนที่ไม่ควรไปรู้สึก ‘ห้ามรักมัน’ นี่คือคำพูดของพี่เรย์ ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจทำไมต้องสั่งแบบนั้น และมั่นใจมากๆ ว่าต่อให้ตายยังไงก็ไม่มีทางไปรักคนใจร้ายแบบเขาแน่ๆ ตอนนี้กลับกลืนน้ำลายตัวเองไปหลายอึก “ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุก” เสียงงัวเงียของคนที่นอนอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น เขานอนอยู่ในห้องกับฉันเป็นคืนที่สามแล้ว แม้เราจะไม่ได้มีอะไรกันเลยก็ตาม นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้แปลกใจมากๆ “เห็นคุณกำลังนอนหลับอยู่เกลเลยไม่อยากกวนค่ะ” “แค่เธอขยับฉันก็ตื่น นอนด้วยกันมาสามคืนแล้วยังไม่รู้อีกหรือไง”“แค่สามคืนเกลต้องรู้เลยหรอคะ” “ถ้าใส่ใจ” “อยากให้เกลใส่ใจหรอคะ” ฉันถามก่อนจะถอยห่างเพราะถูกแขนแกร่งโอบกอดเอวไว้ เขาแปลก แปลกไปแบบกระทันหันแบบนี้ใครจะตั้งรับทัน “เธอต้องอยู่กับฉันไปอีกนานเกลลิน”“มันจะไม่นานถ้าคุณโอนหุ้นบริษัทให้เกล แค่นั้นเกลก็จะเป็นอิสระ” “พ
ผู้หญิงตรงหน้ามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแถมยังใช้สายตาในเชิงดูถูก ก่อนจะพูดคำที่ไม่คาดคิดออกมา “ขายตัวหรอ” “นั่นมันเธอหรือเปล่า” ฉันตอบกลับ มารยาทไม่ควรใช้กับผู้หญิงคนนี้ ในเมื่อเธอเอ่ยคำน่ารังเกียจนั้นออกมาก่อนฉันเองก็ไม่จำเป็นต้องพูดดีด้วย “ฉันอยู่สูงกว่าเธอ” “รู้หรอว่าฉันเป็นใคร ฟังจากที่คัลเลนพูดเธอน่าจะเป็นแค่กาฝากนะ” จะว่าฉันกำลังพูดเหยียดก็ได้ นั่นก็เพราะเธอเริ่มก่อน “อีกไม่นานหรอกเธอได้กระเด็นออกไปจากชีวิตเฮียแน่” “ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะขอบคุณมาก” ฉันยิ้มรับพร้อมตอบไปอย่างอารมณ์ดี “อย่าทำเหมือนตัวเองสำคัญกับเฮียหน่อยเลย เธอไใ่มีทางเป็นนายหญิงของบ้านหลังนี้ได้หรอก”“แน่นอน ฉันไม่ได้อยากเป็นอยู่แล้ว แต่ก็ควรรู้ไว้นะว่าไม่มีทางเป็นเธอเหมือนกัน” “รอดูสิ ถ้าเฮียได้ฉันเมื่อไรคงจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น” “อ๋อ แบบที่ตอนนี้เขากำลังหลงฉันจนโงหัวไม่ขึ้นน่ะหรอ” “ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี รีบออกไปจากชีวิตเฮียซะก่อนจะโดนท่านกำจัด” “ฉันไปแน่ถ้าได้สิ่งที่ต้องการ” พูดจบฉันก็หันหลังให้เธอพร้อทกับเดินขึ้นบันไดมาบนชั้นสอง เข้ามาสงบสติอารมณ์ภายในห้อง ยอมรับว่าหัวอุ่นๆ นิดหน่อย กับคำพูดเหล่านั้นของผ
@บาร์โฮสตอนนี้ฉันกำลังนั่งดื่มพรางมองหนุ่มๆ ที่ยืนอยู่บนฟอร์เพื่อให้ลูกค้าเลือก ถ้าถามว่ามีใครเข้าตาไหมบอกตามตรงเลยว่าไม่เพราะจุดประสงค์ของการมาที่นี่คือปั่นหัวคนเล่นๆ “สนใจน้องคนไหนเป็นพิเศษไหมคะ” คนของร้านเดินมาถาม ฉันหันมองทิชาแล้วยิ้มจากนั้นก็พยักหน้า “สนใจทุกคนเลยค่ะ”“ให้น้องๆ กี่ดื่มดีคะ”“คนละห้าสิบดื่มค่ะ” “เกล!! บ้าไปแล้ว” ทิชาถลึงตาใส่ฉันที่กำลังนึกอารมณ์ดี “เงียบเหอะน่า”“รับสายก่อนไหมโทรมาจนโทรศัพท์สั่นเป็นเจ้าเข้าแล้ว ทั้งแชตรัวๆ อีก” “ไม่ดีกว่า ขืนรับสายก็เจอบ่นสิ”“ฉันไม่เข้าใจแกจริงๆ ว่าทำไมชอบหาเรื่องใส่ตัว” ทิชาทำได้แค่ส่ายหน้าให้กับความดื้อรั้นของฉัน เพราะรู้ดีว่าหากคัลเลนรู้เขาจะโกรธแค่ไหน และที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้เขารู้ว่าถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกแต่ก็ไม่ได้ยอมเขาไปซะทุกเรื่อง หนุ่มๆ ที่ยืนอยู่บนฟอร์รับสิบคนกรูกันมายืนที่โต๊ะของฉันจนแน่นเอียด จนต้องขอให้พนักงานเปิดโต๊ะใหม่ให้อีกสองโต๊ะเพื่อจะได้มีที่ยืน “ดื่มไหมครับ” เด็กหนุ่มหน้าตาดียื่นแก้วเหล้ามาให้เพราะเห็นว่าฉันดื่มแค่น้ำเปล่า “ไม่ล่ะ ไม่ได้ตั้งใจมาดื่มน่ะ” “อยากไปต่อไหมครับ” เด็กคนนี้ดูเป็นงานพอสมควร
ฉันถูกฉุดลากมาที่รถ แม้จะบอกว่าต้องไปบอกเพื่อนก่อนคัลเลนก็ไม่ยอม ฉันรู้ว่าเขากำลังโกรธแต่ที่สงสัยคือโกรธที่ฉันใช้เงินหรือโกรธที่เห็นเด็กโอสคนนั้นแต่ที่แน่ๆ ฉันปั่นหัวเขาได้ แต่ตอนนี้มันไม่สนุกแล้วสิ ปัก!! แรงเหวี่ยงทำให้แขนของฉันกระแทกลงกับฝากระโปรงรถอย่างแรงจนเกิดรอยแดงที่ข้อศอก“คิดอะไรอยู่ถึงมาที่แบบนี้” เขาตวาดถามเสียงดังลั่น “ก็บอกแล้วไงว่าเกลแค่เบื่อๆ ก็เลยอยากออกมาเที่ยว” “แก้เบื่อด้วยการเที่ยวโฮส?” “น้องๆ ก็ดูแลดีนะคะ” คัลเลนจ้องหน้าฉันเขม็ง ลมหายใจร้อนผ่าวถูกพ่นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันรู้ว่าตอนนี้คนตรงหน้ากำลังหัวเสียมากๆ “ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจ?” เป็นคำที่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะถาม เขาน่าจะต้องโวยวายหรือหงุดหงิดมากกว่านี้สิถึงจะถูก ไม่ใช่ตั้งคำถามเหมือนแคร์กันแบบนี้ “เปล่านี่คะ คุณไม่ได้ทำอะไร” “ไม่พอใจเรื่องอะไรก็พูดมา”“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ” “หรือชอบถูกทำโทษ” “ไม่ค่ะ” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธทันที จะตอบไปว่าแค่อยากปั่นหัวเขาเล่นก็กลัวอีกฝ่ายจะโกรธมากกว่าเดิม “ทำตัวไม่น่ารักกับฉันแบบนี้….ไม่อยากได้หุ้นคืนหรือไง”“……….” อืม!! ฉันเอาแต่คิดสนุกจนลืมเรื่องนี้ไปเลย “พ่อเธอ
มันรู้สึกจุกอกกับคำพูดเย็นชาของคนตรงหน้า รู้ว่าเขาไม่ได้คิดแบบเดียวกัน และรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ทำไมต้องพ่นคำใจร้ายพวกนั้นออกมาด้วยทั้งสีหน้าแววตาของคัลเลนมันทำให้ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองที่ดันเผลอใจไปชอบผู้ชายแบบนั้น แม้ว่าที่เขาพูดมันจะจริงก็ตามเพราะถ้าพ่อฉันรู้ มันคงไม่เป็นผลดีกับใครแน่ แต่ก็คงจะไม่ใช่ความผิดหวัง “จะทำอะไรกับเกลก็รีบๆ ทำสิคะ มัวมาพูดไร้สาระอยู่ทำไม” ทั้งที่ในใจมันเจ็บปวดทรมาน แต่ฉันก็ต้องฝืนทำเป็นไม่รู้สึกอะไรคนอย่างคัลเลนพร้อมจะย่ำยีทุกความรู้สึกของฉัน ฉะนั้นจะให้เขาเห็นมุมอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด “อวดดี อยากรู้นักว่าเธอจะเก่งได้สักแค่ไหน” มือหนาบีบมาที่แก้มทั้งสองข้างจนหน้ายู่ “ถ้าเกลไม่เก่งจริง เกลคงไม่อยู่มาจนถึงตอนนี้หรอก คิดว่าจุดที่เกลอยู่มันง่ายมากรึไงที่ต้องมาทนรองรับอารมณ์ของคุณ” “ฉันชอบนะเวลาที่เธอดูมั่นใจกับอะไรสักอย่าง ดี มั่นใจเข้าไว้ให้เยอะๆ ล่ะ” แคว่ก!“อ๊ะ!” สิ้นสุดประโยคนั้นเสื้อผ้าของฉันก็ถูกฉีกกระฉากจนขาด ท่อนบนเหลือเพียงเศษผ้าและบราเซียที่ปกปิดเนินอกเอาไว้คัลเลนโน้มใบหน้าลงมาประกบริมฝีปากจูบขยี้อย่างรุนแรง ทั้งบดเบียด ขบกัดจนสัมผัสได้ถึ
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ