ห้านาทีผ่านไปฉันยังคงนั่งจ้องข้อความบนจอมือถือด้วยหัวใจที่เต้นสั่น ราวกับเพิ่งได้สติกลับมา เมื่อกี้ฉันทำอะไรลงไป ตอนนั้นมันคิดแค่ว่าในใจมันว้าวุ่นจนอยู่ไม่สุขเมื่อรู้ว่าคัลเลนอยู่กับยัยเด็กนั่น และอยากทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขายอมกลับมา แต่พอเขามาเข้าจริงๆ แล้วทำไมฉันไม่รู้สึกดีใจเท่าไหร่กลับรู้สึกหวั่นใจมากกว่า บางทีก็เหมือนกับว่าตัวเองตกหลุมพรางของเขาอยู่ ครืด~ Cullen : งั้นถ้าไม่มาเปิดฉันจะกลับไปหามะลิพรึ่บ! พอเห็นข้อความที่เขาพิมพ์มาขาฉันมันก็รีบลุกขึ้นอันโนมัติ ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่และเดินไปเปิดประตูให้คนที่รออยู่“รู้ไหมฉันยืนรอนานแค่ไหน ?” เสียงทุ้มเข้มกดถามระหว่างที่แทรกตัวเข้ามาในห้อง“เกลอาบน้ำอยู่ค่ะ” “แล้ว ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นราวกับไม่เข้าใจ “ฉันควรจะได้เห็นไม่ใช่หรอ ภาพที่เธอแก้ผ้าอาบน้ำ”“เอ่อ..” ถึงกับพูดอะไรไม่ออก หัวใจพลันเต้นถี่ระรัวเมื่อคัลเลนเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองออกทีละเม็ด ก่อนจะโยนมันทิ้งไป ตามด้วยกางเกงและบ็อกเซอร์ ร่างสูงเดินไปหยิบผ้าขนหนูมานุ่งเอวเพียงผืนเดียวแล้วหันกลับมาสบตากับฉัน จากนั้นก็ขยับมาใกล้ๆ “ฉันอยากไปห้องน้ำ” เขาก้มลงมากระซิ
#สามวันผ่านไปฉันยังคิดวนเวียนกับเรื่องวันนั้น ตั้งใจว่าจะต้องถอยแต่พอถูกเอาใจใส่กลับกลายเป็นว่าความรู้สึกมันยิ่งถลำลึก และจากวันนั้นจนถึงวันนี้เขาก็มานอนกับฉันทุกคืน จะเอาเวลาไหนไปเลิกรู้สึก มันยากจังเลย ฉันที่คิดว่าตัวเองจะไม่รักใครง่ายๆ กลับพ่ายแพ้ให้กับคนที่ไม่ควรไปรู้สึก ‘ห้ามรักมัน’ นี่คือคำพูดของพี่เรย์ ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจทำไมต้องสั่งแบบนั้น และมั่นใจมากๆ ว่าต่อให้ตายยังไงก็ไม่มีทางไปรักคนใจร้ายแบบเขาแน่ๆ ตอนนี้กลับกลืนน้ำลายตัวเองไปหลายอึก “ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุก” เสียงงัวเงียของคนที่นอนอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้น เขานอนอยู่ในห้องกับฉันเป็นคืนที่สามแล้ว แม้เราจะไม่ได้มีอะไรกันเลยก็ตาม นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้แปลกใจมากๆ “เห็นคุณกำลังนอนหลับอยู่เกลเลยไม่อยากกวนค่ะ” “แค่เธอขยับฉันก็ตื่น นอนด้วยกันมาสามคืนแล้วยังไม่รู้อีกหรือไง”“แค่สามคืนเกลต้องรู้เลยหรอคะ” “ถ้าใส่ใจ” “อยากให้เกลใส่ใจหรอคะ” ฉันถามก่อนจะถอยห่างเพราะถูกแขนแกร่งโอบกอดเอวไว้ เขาแปลก แปลกไปแบบกระทันหันแบบนี้ใครจะตั้งรับทัน “เธอต้องอยู่กับฉันไปอีกนานเกลลิน”“มันจะไม่นานถ้าคุณโอนหุ้นบริษัทให้เกล แค่นั้นเกลก็จะเป็นอิสระ” “พ
ผู้หญิงตรงหน้ามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแถมยังใช้สายตาในเชิงดูถูก ก่อนจะพูดคำที่ไม่คาดคิดออกมา “ขายตัวหรอ” “นั่นมันเธอหรือเปล่า” ฉันตอบกลับ มารยาทไม่ควรใช้กับผู้หญิงคนนี้ ในเมื่อเธอเอ่ยคำน่ารังเกียจนั้นออกมาก่อนฉันเองก็ไม่จำเป็นต้องพูดดีด้วย “ฉันอยู่สูงกว่าเธอ” “รู้หรอว่าฉันเป็นใคร ฟังจากที่คัลเลนพูดเธอน่าจะเป็นแค่กาฝากนะ” จะว่าฉันกำลังพูดเหยียดก็ได้ นั่นก็เพราะเธอเริ่มก่อน “อีกไม่นานหรอกเธอได้กระเด็นออกไปจากชีวิตเฮียแน่” “ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะขอบคุณมาก” ฉันยิ้มรับพร้อมตอบไปอย่างอารมณ์ดี “อย่าทำเหมือนตัวเองสำคัญกับเฮียหน่อยเลย เธอไใ่มีทางเป็นนายหญิงของบ้านหลังนี้ได้หรอก”“แน่นอน ฉันไม่ได้อยากเป็นอยู่แล้ว แต่ก็ควรรู้ไว้นะว่าไม่มีทางเป็นเธอเหมือนกัน” “รอดูสิ ถ้าเฮียได้ฉันเมื่อไรคงจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น” “อ๋อ แบบที่ตอนนี้เขากำลังหลงฉันจนโงหัวไม่ขึ้นน่ะหรอ” “ฉันขอเตือนด้วยความหวังดี รีบออกไปจากชีวิตเฮียซะก่อนจะโดนท่านกำจัด” “ฉันไปแน่ถ้าได้สิ่งที่ต้องการ” พูดจบฉันก็หันหลังให้เธอพร้อทกับเดินขึ้นบันไดมาบนชั้นสอง เข้ามาสงบสติอารมณ์ภายในห้อง ยอมรับว่าหัวอุ่นๆ นิดหน่อย กับคำพูดเหล่านั้นของผ
@บาร์โฮสตอนนี้ฉันกำลังนั่งดื่มพรางมองหนุ่มๆ ที่ยืนอยู่บนฟอร์เพื่อให้ลูกค้าเลือก ถ้าถามว่ามีใครเข้าตาไหมบอกตามตรงเลยว่าไม่เพราะจุดประสงค์ของการมาที่นี่คือปั่นหัวคนเล่นๆ “สนใจน้องคนไหนเป็นพิเศษไหมคะ” คนของร้านเดินมาถาม ฉันหันมองทิชาแล้วยิ้มจากนั้นก็พยักหน้า “สนใจทุกคนเลยค่ะ”“ให้น้องๆ กี่ดื่มดีคะ”“คนละห้าสิบดื่มค่ะ” “เกล!! บ้าไปแล้ว” ทิชาถลึงตาใส่ฉันที่กำลังนึกอารมณ์ดี “เงียบเหอะน่า”“รับสายก่อนไหมโทรมาจนโทรศัพท์สั่นเป็นเจ้าเข้าแล้ว ทั้งแชตรัวๆ อีก” “ไม่ดีกว่า ขืนรับสายก็เจอบ่นสิ”“ฉันไม่เข้าใจแกจริงๆ ว่าทำไมชอบหาเรื่องใส่ตัว” ทิชาทำได้แค่ส่ายหน้าให้กับความดื้อรั้นของฉัน เพราะรู้ดีว่าหากคัลเลนรู้เขาจะโกรธแค่ไหน และที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้เขารู้ว่าถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกแต่ก็ไม่ได้ยอมเขาไปซะทุกเรื่อง หนุ่มๆ ที่ยืนอยู่บนฟอร์รับสิบคนกรูกันมายืนที่โต๊ะของฉันจนแน่นเอียด จนต้องขอให้พนักงานเปิดโต๊ะใหม่ให้อีกสองโต๊ะเพื่อจะได้มีที่ยืน “ดื่มไหมครับ” เด็กหนุ่มหน้าตาดียื่นแก้วเหล้ามาให้เพราะเห็นว่าฉันดื่มแค่น้ำเปล่า “ไม่ล่ะ ไม่ได้ตั้งใจมาดื่มน่ะ” “อยากไปต่อไหมครับ” เด็กคนนี้ดูเป็นงานพอสมควร
ฉันถูกฉุดลากมาที่รถ แม้จะบอกว่าต้องไปบอกเพื่อนก่อนคัลเลนก็ไม่ยอม ฉันรู้ว่าเขากำลังโกรธแต่ที่สงสัยคือโกรธที่ฉันใช้เงินหรือโกรธที่เห็นเด็กโอสคนนั้นแต่ที่แน่ๆ ฉันปั่นหัวเขาได้ แต่ตอนนี้มันไม่สนุกแล้วสิ ปัก!! แรงเหวี่ยงทำให้แขนของฉันกระแทกลงกับฝากระโปรงรถอย่างแรงจนเกิดรอยแดงที่ข้อศอก“คิดอะไรอยู่ถึงมาที่แบบนี้” เขาตวาดถามเสียงดังลั่น “ก็บอกแล้วไงว่าเกลแค่เบื่อๆ ก็เลยอยากออกมาเที่ยว” “แก้เบื่อด้วยการเที่ยวโฮส?” “น้องๆ ก็ดูแลดีนะคะ” คัลเลนจ้องหน้าฉันเขม็ง ลมหายใจร้อนผ่าวถูกพ่นออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันรู้ว่าตอนนี้คนตรงหน้ากำลังหัวเสียมากๆ “ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจ?” เป็นคำที่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะถาม เขาน่าจะต้องโวยวายหรือหงุดหงิดมากกว่านี้สิถึงจะถูก ไม่ใช่ตั้งคำถามเหมือนแคร์กันแบบนี้ “เปล่านี่คะ คุณไม่ได้ทำอะไร” “ไม่พอใจเรื่องอะไรก็พูดมา”“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ” “หรือชอบถูกทำโทษ” “ไม่ค่ะ” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธทันที จะตอบไปว่าแค่อยากปั่นหัวเขาเล่นก็กลัวอีกฝ่ายจะโกรธมากกว่าเดิม “ทำตัวไม่น่ารักกับฉันแบบนี้….ไม่อยากได้หุ้นคืนหรือไง”“……….” อืม!! ฉันเอาแต่คิดสนุกจนลืมเรื่องนี้ไปเลย “พ่อเธอ
มันรู้สึกจุกอกกับคำพูดเย็นชาของคนตรงหน้า รู้ว่าเขาไม่ได้คิดแบบเดียวกัน และรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ทำไมต้องพ่นคำใจร้ายพวกนั้นออกมาด้วยทั้งสีหน้าแววตาของคัลเลนมันทำให้ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองที่ดันเผลอใจไปชอบผู้ชายแบบนั้น แม้ว่าที่เขาพูดมันจะจริงก็ตามเพราะถ้าพ่อฉันรู้ มันคงไม่เป็นผลดีกับใครแน่ แต่ก็คงจะไม่ใช่ความผิดหวัง “จะทำอะไรกับเกลก็รีบๆ ทำสิคะ มัวมาพูดไร้สาระอยู่ทำไม” ทั้งที่ในใจมันเจ็บปวดทรมาน แต่ฉันก็ต้องฝืนทำเป็นไม่รู้สึกอะไรคนอย่างคัลเลนพร้อมจะย่ำยีทุกความรู้สึกของฉัน ฉะนั้นจะให้เขาเห็นมุมอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด “อวดดี อยากรู้นักว่าเธอจะเก่งได้สักแค่ไหน” มือหนาบีบมาที่แก้มทั้งสองข้างจนหน้ายู่ “ถ้าเกลไม่เก่งจริง เกลคงไม่อยู่มาจนถึงตอนนี้หรอก คิดว่าจุดที่เกลอยู่มันง่ายมากรึไงที่ต้องมาทนรองรับอารมณ์ของคุณ” “ฉันชอบนะเวลาที่เธอดูมั่นใจกับอะไรสักอย่าง ดี มั่นใจเข้าไว้ให้เยอะๆ ล่ะ” แคว่ก!“อ๊ะ!” สิ้นสุดประโยคนั้นเสื้อผ้าของฉันก็ถูกฉีกกระฉากจนขาด ท่อนบนเหลือเพียงเศษผ้าและบราเซียที่ปกปิดเนินอกเอาไว้คัลเลนโน้มใบหน้าลงมาประกบริมฝีปากจูบขยี้อย่างรุนแรง ทั้งบดเบียด ขบกัดจนสัมผัสได้ถึ
เช้าวันต่อมาเมื่อลืมตาตื่นคืนมาก็ไม่เจอคนที่รังแกฉันเมื่อคืนแล้ว ไม่คาดหวังให้เขายังนอนอยู่ข้างๆ หรอก ใจร้ายแบบนั้นชอบไปได้ยังไงก็ไม่รู้ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็ลงมาชั้นล่างของบ้าน เห็นแม่บ้านเดินผ่านพอดีจึงรีบถาม“คัลเลนไม่อยู่ใช่ไหมคะป้า” “คุณคัลเลนพาคุณหนูฟ่านฟ่านไปห้างค่ะ” “ฟ่านฟ่านหรอคะ?” ฉันขมวดคิ้วแปลกใจเพราะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ใครกันนะ “คุณหนูฟ่านฟ่านเป็นลูกเลี้ยงของนายใหญ่ค่ะ”“อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ” ฉันพยักหน้าเข้าใจ เพิ่งรู้ว่าเธอชื่อฟ่านฟ่าน เพราะไม่เคยได้ยินคัลเลนเอ่ยชื่อเลยสักครั้ง แต่แปลกจังเขาดูไม่ชอบเด็กนั่นขนาดนั้นทำไมถึงยอมพาไปห้างได้ แต่แอบบหงุดหงิดเหมือนกันนะทีกับฉันไม่เห็นเคยพาไปเลย“ขอกาแฟให้เกลแก้วนึงนะคะ เอาไปให้ที่สวน”“ค่ะคุณเกล” ฉันยิ้มให้ป้าแม่บ้านก่อนจะเดินมาที่สวน ชอบมานั่งที่นี่เพราะมันเงียบสงบดี เป็นที่ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าอยู่แล้วทำให้สบายใจอากาศที่เย็นสบายเหมือนได้หลุดพ้นจากเรื่องที่ทุกข์ใจไปชั่วขณะ “มานั่งทำไมคนเดียวตรงนี้ล่ะครับ” เสียงที่ไม่คุ้นเคยทำให้ฉันที่กำลังเหม่อสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมองเจ้าของเสียงที่
ฉันเดินกลับเข้ามาข้างในบ้าน ในหัวเอาแต่คิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องที่สองพี่น้องพูดคุยกันเมื่อครู่จนไม่ทันสังเกตว่ามีคนมายืนตรงหน้า “นี่” มะลิโผล่มาดักหน้าฉันพร้อมกับคำท้วงที่ไม่ได้ฟังดูเป็นมิตรเท่าไร เธอกอดอกมองราวกับหาเรื่อง “มีอะไร” “พี่คัลเลนออกไปไหนกับยัยคุณหนูคนนั้นรู้ไหม”“อยากรู้ก็ไปถามเขาเอง จะมาถามฉันทำไม”“อ๋อลืมไป นางบำเรออย่างเธอคงไม่รู้อะไร” ฉันกำมือแน่นพยายามใจเย็นถึงแม้ผู้หญิงตรงหน้าจะตั้งใจพูดจาส่อเสียดแค่ไหน ไม่อยากมีเรื่องให้เสียเวลา “วันๆ เธอทำอะไรบ้าง เอาแต่วิ่งไล่ตามผู้ชายอยู่ได้” ฉันบอกและตั้งใจจะเดินหนีแต่ถูกมะลิรั้งแขนเอาไว้ “ฉันเตือนเธอแล้วนะมะลิว่าอย่าหาเรื่อง ถ้ายังไม่หยุดระวังจะไม่มีที่ซุกหัวนอน” “เหอะ!! พูดเหมือนตัวเองเป็นนายหญิงของบ้าน” “ลองดูไหมล่ะ กล้าเสี่ยงไหม”มะลิหน้าถอดสีก่อนจะปล่อยมือออกจากแขนของ ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้อง จริงๆ มะลิดูไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรขนาดนั้นหรอกเธอก็เป็นแค่เด็กคนนึงที่บ้าผู้ชายเท่านั้น สองชั่วโมงผ่านไป ฉันนั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องจนเบื่อก็เลยอยากจะลงไปเล่นน้ำที่สระ พอคิดได้แบบนั้นก็จัดการลุกขึ้
วันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห
Talk - คาแลนตอนนี้ผมนั่งอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน สองมือกำแน่นก้มหน้าก้มตา ภาพเลือดที่ไหลออกมาจากตรงนั้นยังติดตา เกือบสติหลุดที่เห็นมิลาหมดสติไป“มิลาเป็นอะไร” คัลเลนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาลมันรีบเดินมาถาม ผมได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มตอนนี้ผมกำลังกลัว กลัวทุกอย่าง“จู่ ๆ ทำไมถึงเกิดเรื่องขึ้น”“ลี่เอาเหล้ามาให้กู ใครจะไปคิดว่าเธอใส่ยาลงไปในแก้วนั้น” ผมบอกพร้อมมือที่กำแน่นกว่าเดิมหลังจากโดนยาลี่พยายามยัดเยียดตัวเองให้กับผม โชคดีที่ตอนนั้นยังพอมีสติเอาตัวเองออกมาจากห้องน้ำได้ แต่ตอนทำกับมิลาในรถผมไม่รู้ตัวเลยว่ารุนแรงไปขนาดไหนเลือดถึงได้ไหลออกมาเยอะขนาดนั้น“ผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหาย!!”“จัดการถอนหุ้นและยุติงานในเครือเว่ยหลินให้หมด ครั้งนี้ต่อให้คุณเฉียงมาอ้อนวอนกูจะไม่ให้อภัย”“อืม เดี๋ยวกูจัดการให้มึงไม่ต้องห่วง ตระกูลนี้ถูกจดลงบัญชีดำแน่ ๆ”“อาการมิลาเป็นยังไงบ้างคะ” เกลลินเอ่ยถามผมด้วยท่าทางเป็นห่วง“เลือด… มีเลือดไหลออกมา” ผมตอบเสียงสั่นสองมือกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นขณะที่นั่งรอผ่านไปครู่ใหญ่ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกผลักพร้อมหมอที่แทรกตัวออกมายืนด้านหน้า ผมรีบลุก
ริมฝีปากบางถูกบดขยี้อีกครั้ง มิลาพยายามดันตัวเองออกเพราะเจ็บกับสัมผัสดูดดึงของคนตัวสูงที่ขาดสติ เมื่อถูกขัดใจเธอก็ถูกคนตัวโตใช้สายตาคมจ้องเขม็งยาปลุกเซ็กส์ทำให้คาแลนไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอีกต่อไป อารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงอยากจะฉีกเสื้อผ้าของว่าที่ภรรยาคนสวยออกเป็นชิ้น ๆมือหนาเปิดประตูรถยนต์ก่อนจะจับร่างบางยัดเข้าไปข้างในตรงเบาะหลัง“เฮียมีสติหน่อยได้ไหมคะ”เสียงหวานพยายามเตือนสติแต่ไม่ได้ผล เมื่อประตูรถปิดลงร่างหนาก็นั่งลงข้าง ๆ เร่งปลดหัวเข็มขัดและตะขอกางเกง เห็นแบบนั้นทำให้มิลากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่คว้ามือกำเส้นผมนุ่นแล้วกดลงมาตรงเป้ากางเกง ใช้แท่งเนื้อร้อนถูเบา ๆ บนกลีบปากกระจับ“ช่วยทำให้มันสงบลงหน่อย” เสียงทุ้มกระเส่ามองใบหน้าสวยที่กำลังหวาดกลัวจากกระกระทำที่รุนแรงมิลาค่อย ๆ ลดตัวนั่งลงด้านล่างแทรกตรงกลางท่อนขาแกร่ง และใช้ปากของตัวเองตามคำสั่งของคนที่โดนยา เธอรู้ว่าเขากำลังทรมานและเต็มใจช่วย“หนู ซี๊ด~”ริมฝีปากบางดูดดุนแท่งเนื้อขนาดใหญ่คับปากจนเปื้อนน้ำลายสีใส ยิ่งเอาเข้าไปลึกจนสุดลำคอก็ยิ่งถูกใจอีกคน“เธอทำอะไรเฮียบ้าง” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมาถามพร้อมใช้มือชักรูดแก่นกายใหญ่ไ
งานเลี้ยงตระกูลเว่ยหลิน ฉันอยู่ในชุดราตรีลายลูกไม้สีครีมเดินเข้ามาในงานคู่กับคาแลนที่อยู่ในชุดสูทสีขาวน้ำเงินงานจัดขึ้นยิ่งใหญ่สมเกียรติมีแขกมากหน้าหลายตาเดินหลั่งไหลเข้ามาภายในงานรวมทั้งนักข่าวที่รัวแสงแฟลชถ่ายภาพราวกับคนที่มาร่วมงานนี้เป็นดาราชื่อดังยิ่งตอนคาแลนเดินคู่กับฉันมีเสียงฮือฮาของคนที่ได้พบเห็นดังขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์ที่เขาหายไปเหมือนคนที่ตายแล้ว ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา คนที่ได้เจอตัวเป็น ๆ ถึงกับยกมือขึ้นป้องปากทำตาโตอย่างเหลือเชื่อ“เป็นเกียรติมากเลยค่ะที่พี่คาแลนกับว่าที่ภรรยามาร่วมงานในวันนี้” คุณหนูลี่เดินมาต้อนรับเราสองคน ก่อนจะพาเดินมายังโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ให้เป็นโต๊ะที่อยู่ติดหน้าเวที คุณคัลแลนและภรรยาก็มางานนี้เหมือนกัน รวมถึงคุณพ่อของเขาด้วยแต่ท่านนั่งแยกอีกโต๊ะร่วมกับตระกูลเว่ยหลินที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั่งรอที่โต๊ะไม่นานคัลเลนและภรรยาก็มาถึง เราไม่ได้พาลูกมาด้วยเพราะเป็นงานใหญ่ไม่เหมาะที่จะพาเด็ก ๆ มา“คุณเกลลินสวยมากเลยค่ะ” ฉันเอ่ยชมคุณเกลที่อยู่ในชุดราตรีสีขาว เธอสวยมาก ๆ ตอนเดินตีคู่มากับคัลเลนยิ่งเห็นว่าทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ“คุณมิลาก็สวยมาก ๆ เ