กริ่ง~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แต่ไม่ใช่เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ฉัน ฉึนจึงมองหา เมื่อเจอกับโทรศัพท์ของคุณป๋าฉันก็หยิบขึ้นมาดู หน้าจอโชว์ชื่อว่า ฮาน่า ฉันมองไปที่ประตูห้องน้ำ ก่อนจะจะกดรับสายอย่างถือวิสาสะ ( อาหิรัญอยู่ไหนคะ ฮาน่ามาหาที่บ้านไม่เจอเลย ) ( หรอคะ...) ( แกเป็นใคร !!) พอฮาน่าได้ยินเสียงของฉันมันก็ตวาดทำทันที คงไม่คิดละสิว่าจะมีผู้หญิงรับสาย( แล้วใครกันนะที่จะมารับโทรศัพท์แทนหิรัญได้ ) ฉันสวมรอยเป็นคนอื่น ฮาน่ามันคงจำเสียงฉันไม่ได้แน่ๆ ( ฉันต้องการจะคุยกับอาหิรัญ ) ( หิรัญอาบน้ำอยู่น่ะ เขาคงจะเหนื่อย...ทำกับฉันไปตั้งหลายรอบแหนะ ) ( อย่างแกก็คงได้ใช้แค่ปาก อย่ามาพูดอวดนักเลย !!)( อุ้ย! แค่ปากอะไรหรอ หิรัญเขาสอดใส่เข้ามาในตัวของฉันเลยต่างหาก ) ฉันหัวเราะเยาะเย้ยเบาๆ แล้วพูดต่อ ( คนที่ใช้แค่ปากเป็นเธอหรือเปล่านะ ) จู่ๆ สายก็ถูกตัดไปเฉยเลย แม่นั่นคงจะหัวเสีนไม่เบาที่ถูกฉันยั่วขนาดนี้ คิดแล้วก็สะใจไม่เบาเลยจริงๆ ฉันเอาโทรศัพท์วางไว้ที่เดิม แล้วออกมาจากห้อง ส่วนคุณป๋ากำลังอาบน้ำอยู่ ฉันจึงรีบหนีออกมา “เมเบล”“อ่ะ!” ฉันตกใจเพราะไม่ทันมองเห็นเอวาที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี “
“รักไม่ลง ?” คุณป๋าทวนคำพูดของฉันอีกครั้ง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ “เธอทำให้ฉันหงุดหงิดอีกแล้วนะเมเบล!!” ฉันยิ้มให้คุณป๋าแล้วพูด “ที่เขาว่าคนแก่ชอบหงุดหงิดง่ายสงสัยคงจะเป็นเรื่องจริงสินะคะ” “ถึงฉันจะแก่ แต่ก็ทำให้เธอ....” คุณป๋ากระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะมองร่างกายของฉันอย่างมีเลศนัย ถึงไม่พูดต่อฉันก็รู้ความหมายนั้นดี “ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการจับกุมของคุณป๋าอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล คุณป๋าหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ “ตั้งแต่ฉันรับเธอมาเลี้ยง ฉันไม่เคยพาเธอไปเที่ยวที่ไหนเลยใช่มั้ย ?” คำถามของคุณป๋าทำให้ฉันรู้สึกงุนงงไม่น้อย “ค่ะ ปกติก็เลี้ยงด้วยเงินมาตลอด” คุณป๋าพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันเพิ่งจะตอบไป “ตั้งแต่เลื่อนขั้นจากลูกเลี้ยงเป็นเมีย” คุณป๋าหยุดพูดแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ “เธอปากเก่งกับฉันขึ้นเยอะเลยนะเมเบล” “ปล่อยค่ะ !!” ฉันดันแผงอกแกร่งให้ออกไปให้พ้น แล้วพยายามแกะมือตัวเองข้างที่คุณป๋าจับเอาไว้อยู่ “มานี่สิ” พูดจบคุณป๋าก็เดินไป ทำให้ฉันที่ถูกคุณป๋าจับมือเอาไว้ต้องเดินตามไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ “จะไปไหนคะ หนูไม่ไป!!” คุณป๋า
เมื่อถูกอย่างมันกำลังจะเลยเถิดไปไกล ฉันรีบตั้งสติแล้วผลักตัวคุณป๋าออกเต็มแรง ทำให้ร่างของคุณป๋าหล่นตุบ! ลงไปอยู่ตรงพื้น “นี่เธอ!!” คุณป๋าชี้หน้าฉันอย่างหาเรื่อง “คิดว่าหนูต้องยอมทุกครั้งเลยหรอคะ” ฉันตั้งคำถามอย่างเหลืออด กริ่ง! เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้นมา เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของพี่เบส ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างเบื่อหน่าย ทั้งที่เห็นว่าคุณป๋าไม่ชอบหน้าตัวเองขนาดนั้น ทำไมถึงพยายามเข้าหาฉันอยู่ได้กันนะผู้ชายคนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็กดรับสาย ทั้งที่ตอนนี้สายตาของคุณป๋าที่มองมากำลังจ้องฉันอยู่ตาเขม็ง ( ค่ะพี่เบส ) ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ยินพี่เบสตอบ คุณป๋าพอได้ยินชื่อพี่เบสก็ลุกขึ้นมาดึงโทรศัพท์ไปจากมือของฉัน ก่อนจะเดินไปที่ราวเหล็กตรงรอบเรือ แล้วโยนโทรศัพท์ของฉันลงไปในทะเล “คุณป๋า ทำบ้าอะไรคะ!!!” คุณป๋าหมุนตัวมาหาฉัน แล้วเดินมาใกล้ๆ จากนั้นก็โน้มใบหน้ากดจูบลงมาบนหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบา มือหนาจับปลายคางของฉันให้เงยขึ้น แล้วพูดเสียงเย็น “ฉันไม่ชอบเลยนะ เวลาได้ยินเธอเรียกชื่อมัน”“มากไปหรือเปล่าคะ ?” “ฉันพอใจแบบนี้” คุณป๋ากระตุกยิ้มมุมปาก “เดี๋ยวฉันซื้อโทรศัพท์ให้เธ
กรุงเทพ ณ คฤหาสน์หลังใหญ่.... ฉันไม่ได้กลับมาพร้อมคุณป๋า เพราะคุณป๋าต้องเข้าไปที่บริษัท มาถึงฉันก็ขึ้นห้องเพื่อจะไปพักผ่อน เพราะเหนื่อยจากการเดินทาง แต่นอนเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับ ฉันเอาแต่พลิกตัวไปมา ในหัวมันเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ เอาแต่คิดถึงการกระทำของคุณป๋าอยู่ได้ จนต้องลุกขึ้นนั่งพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตูแล้วลงไปที่ชั้นล่าง “พี่กล้าคะ พาหนูไปหาดูต้นไม้หน่อยค่ะ” นี่คือวิธีที่พอจะทำให้พอจะคลายเครียดได้บ้าง“เอ่อ...เดี๋ยวผมบอกคนขับรถให้พาไปนะครับคุณหนู”ฉันมองพี่กล้าอย่างงุนงงทันทีเมื่อได้ยินพี่กล้าบอกแบบนี้ “หนูต้องการให้พี่กล้าพาไปนะคะ” “.....” พี่กล้าเงียบแล้วก้มหน้าลง ท่าทางน่าสงสัย “ทำไมถึงพาหนูไปไม่ได้คะ หรือว่าติดธุระ ?” “เดี๋ยวผมไปบอกคนขับรถให้นะครับ คุณหนูจะไปตอนนี้เลยมั้ยครับ”“คุณป๋าสั่งห้ามหรอคะ ?” ฉันกอดอกมองพี่กล้าอย่างคาดคั้น ท่าทางของพี่กล้าดูจะลำบากใจที่จะพูดเอามากๆ ทำให้ฉัรพอจะเอาเดาแล้วแหละ “ไปกันเถอะค่ะ” “คุณหนูครับ...”ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือพี่กล้าแล้วพาเดินออกมาจากในตัวบ้าน “คุณหนูครับ จับมือผมแบบนี้มันจะดูไม่ด
2 วันก่อนที่มหาวิทยาลัยจะเปิดภาคเรียน ฉันเอวาและฟาร์นนัดกันมาดื่มที่คลับ ฉลองก่อนเปิดเทอมน่ะ เอวานางย้ายมาอยู่คอนโดเดียวกันกับฉันและฟาร์มแล้วนะ ฉันเป็นคนพูดขอพ่อนางให้เอง เรามาดื่มกันที่คลับของคุณป๋า แน่นอนว่าฉันไม่อยากจะมา และไม่มีความรู้สึกอย่างจะมาดื่มที่นี่เลย แต่ถูกคุณป๋าบังคับให้มา ฉันแทบไม่ได้เจอหน้าคุณป๋าเลย เพราะหลังจากที่ฉันเก็บเสื้อผ้าไปไว้ที่คอนโด ฉันก็แทบจะไม่กลับไปที่บ้าน คุณป๋าโทรหาก็ทำเหมือนไม่เห็น ไม่รับสาย ส่วนคุณป๋าเองก็เหมือนจะยุ่งๆ อยู่กับงาน เห็นว่าธุรกิจมีปัญหานิดหน่อย ซึ่งฉันก็ไม่ได้รู้อะไรมากหรอก “เมล ไอ้เบสอะไรนั่นมันไม่ตามรังควานแล้วใช่มั้ย พักหลังมานี้ไม่เจอหน้ามันเลย” ฟาร์นถามขึ้น “ไม่แล้วแหละ” ตั้งแต่ฉันเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับพี่เบสอีกเลย “เมเบลแกไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ” “อื้อๆ” ฉันลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอวาแล้วพานางเดินไปห้องน้ำ แต่ด้วยความที่วันนี้คนเยอะห้องน้ำต้องรอคิวนาน ฉันเลยใช้สิทธิ์การเป็นลูกเลี้ยงเจ้าของคลับ พาเอวาขึ้นไปเข้าห้องน้ำชั้นบน ซึ่งเป็นชั้นต้องห้าม “คุณหนูจะไปไหนครับ” ลูกน้องที่ยืนเฝ้าหน้าบันไดถามฉ
ฉันพาเอวาเดินกลับมาที่โต๊ะ ส่วนคุณป๋าหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้เพราะฉันไม่ได้สนใจอะไรมากนัก “เมเบล นี่ฮาน่ากับอาหิรัญ...” ท่าทางของเอวาเหมือนอยากจะรู้ แต่ก็ไม่ค่อยกล้าถามสักเท่าไหร่ “ก็เป็นแบบที่แกเห็นนั่นแหละ” ฉันตอบ พลางยกเหล้าขึ้นดื่ม ฉันหันไปมองฟาร์นที่กำลังยืนนัวเนียกับผู้หญิงที่โต๊ะ “อย่าพาผู้หญิงมาที่โต๊ะ ถ้าจะนัวกันก็ไปที่อื่น” “เมเบล !!” เอวสมองฉันอย่างตำหนิเมื่อได้ยินว่าฉันบอกฟาร์นไปแบบนั้น“เออๆ” ฟาร์นหันมาพยักหน้าตอบจากนั้นก็ไล่ผู้หญิงข้างกายไป ฉันรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเยอะเมื่อรู้ว่าคุณป๋าเขี่ยยัยฮาน่าทิ้งไปแล้ว วันนี้ที่ฉันรอคอย มันคงจะดิ้นทุรนทุรายมากพอสมควรที่ถูกเขี่ยทิ้ง เพราะคุณป๋าเหมือนจะเป็นกระเป๋าเงินใบหลักที่มันเอาไว้เกาะ หลังจากคลับปิดฉันกับเพื่อนก็กลับมาที่คอนโด เราขึ้นรถมาคันเดียวกันนะ เป็นรถของเอาวา เอวาเป็นคนขับ เพราะไม่ไว้ใจให้ฉันกับฟาร์นขับ “พรุ่งนี้เจอกัน ฝากส่งฟาร์นด้วย” ฉันบอกเอวาก่อนจะเข้าห้อง ฟาร์นมันค่อนข้างเมาหนักเลยต้องให้เอวาเป็นคนไปส่งในห้อง เพียงแค่ฉันก้าวขาเข้าห้อง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอหยิบขึ้นมาดูเบอร์ก็ทำให้ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะกด
ฉันปล่อยให้คุณป๋ากอดอยู่อย่างนั้นแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก นิ้วของฉันปัดเลื่อนหน้าจอไปมา พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายทำให้คุณป๋าที่กำลังตั้งใจดูเอกสารตรงหน้าอยู่ละสายตาหันมามองแล้วใช้ปลายคางเกยมาบนไหล่ของฉัน “คุยกับใคร” คุณป๋าเอ่ยถามเสียงแข็ง “ไม่ได้คุยกับใครค่ะ”“มาหาฉันทั้งที แต่เธอกลับเอาแต่สนใจโทรศัพท์ ไม่สนใจฉันเลยสักนิด”“หนูไม่ได้อยากจะมานี่คะ” คำตอบของฉันทำให้คุณป๋าพ่นลมหายร้อนผ่าวมากระทบลงบนต้นคออย่างไม่สบอารมณ์คุณป๋าปิดเอกสารตรงหน้า แล้วใช้มือหนาที่คล้องอยู่ตรงเอวของฉันปลดเม็ดกระดุมเสื้อนักศึกษาของฉันออกทีละเม็ดๆ “จะทำอะไรคะ” ฉันรีบคว้าจับมือคุณป๋าเอาไว้ทันที ก่อนจะลุกขึ้น แต่กลับถูกคุณป๋ารั้งสะโพกให้นั่งลงบนตักแกร่งเหมือนเดิม “รู้มั้ยว่าฉันคิดถึงเธอแค่ไหน...” คุณป๋าจูบลงมาบนต้นคอของฉันอย่างแผ่วเบา“จะทำอะไรก็ช่วยคิดย้อนไปหน่อยได้มั้ยคะ ว่าหนูคือเด็กที่คุณป๋าเก็บมาเลี้ยง” ฉันพ่นหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ไม่รู้ว่าพูดย้ำคำนี้ไปแล้วกี่ครั้งหลังจากจบคำพูดของฉันมือของคุณป๋าที่กำลังปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของฉันอยู่ก็หยุดชะงัก “ฉันรู้ดี และฉ
คุณป๋าพาฉันมาที่ร้านอาหารสุดหรู ที่ขึ้นชื่อว่าราคานั้นแพงหูฉีก แต่ถึงราคาจะแพงยังไงก็คงไม่มีผลกระทบอะไรกับคุณป๋าหรอก “แค่มากินข้าว ไม่เห็นห้องให้ลูกน้องตามมาเฝ้ามากมายขนาดนี้เลยนี่คะ” ฉันท้วงขึ้นในขณะที่กำลังรออาหารมาเสริฟ เพราะนี่มันห้องอาหารแบบส่วนตัว ด้านในจะมองเห็นคนด้านนอกชัดเจน แต่คนด้านนอกมองเข้ามาจะไม่เห็นอะไร ส่วนด้านหน้าห้องอาหารก็จะมีลูกน้องของคุณป๋ายืนเรียงรายอยู่กันเป็นแถว “ฉันเป็นนักธุรกิจ ทั้งถูกและผิดกฎหมาย การมีลูกน้องคอยตามมันเป็นเรื่องปกติ เธอน่าจะชินได้แล้วนะ” “พี่กล้าไม่ตามมาด้วยหรอคะ” ดูเหมือนว่าคำถามของฉันจะทำให้คุณป๋าไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ ฉันจึงเลือกที่จะเงียบดีกว่า เพราะที่นี่คงไม่เหมาะถ้าจะมีปากเสียงกัน “ไอ้กล้ามันทำงานให้ฉันอยู่” คุณป๋าตอบเพียงสั้นๆ หลังจากจบคำพูดของคุณป๋า พนักงานก็ยกอาหารมาเสริฟ “เป็นไงบ้าง มหาวิทยาลัยถูกใจเธอหรือเปล่า”“ค่ะ ถูกใจ” “แล้วมีผู้ชายมาเกาะแกะหรือเปล่า ?” คุณป๋าถามโดยมี่จ้องมองใบหน้าของฉันตาไม่กระพริบ “หนูเพิ่งไปมหาวิทยาลัยวันแรก คงจะไม่ฮ๊อตถึงขนาดมีผู้ชายมารุมล้อมหรอกนะคะ” “ก็ดี....” ทั้งฉันและคุณป๋าต่างก้มหน้าก้มตากินข
คุณป๋ายืนกอดอกทำหน้ายักษ์ไม่รับมุกที่ฉันส่งไปให้ ใจคอจะตีฉันด้วยไม้เรียวนี่จริงๆ หรือไง“เลือกได้หรือยัง” คุณป๋าถามเสียงเข้ม สมองของฉันคิดอะไรไม่ได้นอกจากเรื่องอย่างว่า ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงเดินมาหยุดตรงหน้าของคุณป๋า“เลือกได้แล้วค่ะ” “เลือกอันไหนก็หยิบขึ้นมา”ฉันวางมือลงบนแผงอกแกร่ง แล้วค่อยๆ เลื่อนมือลงช้าๆ ลูบไล้ซิกแพ๊คแน่นๆ กำยำของคุณป๋าลงมาคลำตรงเป้ากางเกง“หนูเลือกอันนี้ค่ะ ^_^” “เมเบล!!” คุณป๋าดุฉันอีกแล้ว คอยดูเถอะจะทำให้ครางลั่นห้องเลย “ก็เลือกแล้วนี่คะ เอามันมาฟาดหนูสิ” ฉันปล่อยมือออกจากเป้ากางเกงของคุณป๋า ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมด แล้วเดินไปนั่งลงบนเตียงอย่างเชื้อเชิญให้คุณป๋าอดใจไม่ไหว คุณป๋ามองเรือนร่างที่เปลือยเปล่าของฉันตาไม่กระพริบ พร้อมกับขบกรามแน่นเพื่อระงับอารมณ์กามของตัวเอง “นิ่งอยู่ทำไมล่ะคะ ไม่อยากตีหนูแล้วหรอ”“จะดื้อไปถึงไหนห๊ะ!!”“หนูเปล่าดื้อสักหน่อย” คุณป๋าเดินตรงมาหาฉัน ก่อนจะกดร่างของฉันให้นอนราบไปกับที่นอนแล้วขึ้นมาคร่อม “ชอบแบบนี้ ?” “ใครบ้างอยากโดนตีล่ะคะ” ฉันยกมือขึ้นคล้องคอของคุณป๋าเอาไว้ “อยากโดนคุณป๋าปู้ยี่ปู้ยำมากกว่า ^
3 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ฉันแต่งงานกับคุณป๋าแล้ว แต่งแบบงงๆ ในตอนนั้นที่คุณป๋าคุกเข่าขอฉันแต่งงาน หลังจากนั้นสองอาทิตย์เราทั้งคู่ก็จูงมือกันเข้าหอ จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ผ่านมสฉันไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าคุณป๋าดูแลฉันดีมาก และซื่อสัตย์กับฉันอย่างที่เคยสัญญาเอาไว้ว่าจะไม่ทำให้ฉันเสียใจ แต่!!! หนึ่งเรื่องที่ฉันไม่ชอบเลยคาอเรื่องห้าม ห้ามใส่สั้น ห้ามมองผู้ชาย ห้ามไปเที่ยวคลับ ในตอนนี้ฉันแทบจะเก็บกดตายอยู่แล้ว “เมเบลดื่มดิวะ แมลงวันลงไปวางไข่ในแก้วแล้วมั้งนั่น” ฟาร์นบอกพร้อมกับโยกตัวไปมาตามเสียงเพลง ในตอนนี้ฉันอยู่ที่คลับกับฟาร์นและเอวา ไม่ต้องแปลกใจว่าฉันมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง ก็เพราะว่าคุณป๋าไปธุระที่ต่างประเทศน่ะสิ ไปหนึ่งอาทิตย์ แน่นอนว่าฉันที่เก็บกดมานานสามปีต้องไม่พลาดโอกาสทองแบบนี้แน่ ฉันออกมาดื่มกับเพื่อนทุกวันหลังจากที่คุณป๋าบินไปต่างประเทศ คิดดูสิว่าเก็บกดมากขนาดไหน แล้วฉันก็กำชับพวกลูกน้องของคุณป๋าเอาไว้แล้วทุกคนว่าห้ามปริปากฟ้องเรื่องที่ฉันมาเที่ยว ไม่อย่างนั้นจะไล่ออกให้หมด แน่นอนว่าทุกคนเชื่อฟัง เพราะในตอนนี้ฉันก็เปรียบเสหมือนคุณหญิงของบ้านฉันยกแก้วข
ในตอนนี้ฉันกำลังนั่งทำแผลให้กับคุณป๋าอยู่ คิดแล้วก็ขำ ใครจะไปคิดว่าคุณป๋าจะมีมุมที่อ่อนแอแบบนี้ ความรักมักทำให้คนอ่อนแอเสมอ “ห้ามโดนน้ำนะคะเดี๋ยวแผลจะอักเสบ” “เป็นหมอหรือไง” คุณป๋าทำหน้ามุ่ยใส่ฉัน “เป็นเมียคุณหิรัญค่ะ ^_^” พอฉันพูดแบบนั้นคุณป๋าก็หน้าแดงขึ้นมาเฉียบพลัน ก่อนที่จะคว้ามือมาดึงตัวฉันไปสวมกอด เสียงหัวใจของคุณป๋ามันกำลังเต้นรัว ทำให้ฉันอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ในตอนนี้บรรยากาศภายในห้องเงียบสนิท มีเพียงเสียงหัวใจของฉันกับคุณป๋าที่มันกำลังเต้นรัวแข่งกัน “คุณป๋าเคยคิดจะแต่งงานบ้างมั้ยคะ…” ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้ฉันเอ่ยถามคำนี้ออกไป “ทำไมจะไม่เคย แต่พอมาคิดๆ ดูแล้วงานแต่งงานมันก็ไม่ได้สำคัญไปมากกว่าที่วันนี้เธออยู่กับฉัน” พูดจบคุณป๋าก็ผละกอดออก มือหนาช้อนปลายคางของฉันให้เงยขึ้นมองตัวเอง “ถามแบบนี้แปลว่าเธออยากแต่งงาน ?”“มะ ไม่หรอกค่ะ หนูยังไงก็ได้ตามใจคุณป๋า เพราะสถานะของเราด้วย คงยากที่คนอื่นจะยอมรับ” ฉันยื่นริมฝีปากไปหอมแก้มคุณป๋า “แค่ตอนนี้คุณป๋ารักและซื่อสัตย์กับหนู หนูก็ดีใจมากกว่าการได้ใส่ชุดเจ้าสาวอีกค่ะ” “พรุ่งนี้จะมีงานจัดเลี้ยงของบริษัท ไปกับฉันนะ ในฐานะเ
ถึงจะคิดว่าคุณป๋าไม่ได้อยู่หน้าประตูแล้วแต่ฉันก็ยังโวยวาย เอาแต่ทุบประตูห้องอยู่แบบนั้นเผื่อคุณป๋าจะเห็นใจกลับมาเปิดให้ “อื้อ หนูทุบประตูจนมือแดงหมดแล้วนะคะ” ฉันแสร้งทำเป็นพูด ถ้าคุณป๋าแอบฟังอยู่คงจะเห็นใจ นี่ฉันเป็นเมียเชียวนะ จะใจดำขนาดนั้นหรือไง แต่!!! ไร้สัญญาณใดๆ จากด้านนอก เงียบกริบไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น “คุณป๋าหนูปวดฉี่ ฉี่จะลาดแล้ว” ปังๆๆๆๆ พูดจบฉันก็ทุบประตูห้องรัวๆ “คุณป๋าหนูพูดจริงๆ นะ เปิดประตูให้หน่อย หนูจะไม่ทำแล้ว ไม่ดื้อแล้ว” ไม่ว่าจะตะเบ็งเสียงออกไปเท่าไหร่ก็ไร้วี่แววจากนั้นด้านนอก ถ้าคุณป๋าคิดจะขังฉันไว้ในห้องนี้ถึงเช้าจริงๆ ฉันจะหักเงินจากวันละสามร้อยให้เหลือวันละร้อยห้าสิบเลยคอยดูเถอะ!!ฉันนั่งลงที่พื้นอย่างหมดแรง ทั้งแหกปากตะโกนทั้งทุบประตูห้องผ่านไปครึ่งชั่วโมงทุกอย่างยังคงเงียบ ฉันก้มหน้าลงดูมือของตัวเองทั้งสองข้างที่แดงเถือกจากกับเคาะประตูรัวๆ ติดกันเป็นเวลานาน“ไม่คิดเลยว่าคุณป๋าจะใจดำได้มากขนาดนี้” ฉันพัดพ้อออกมาเพราะความโกรธ ใช่! ฉันเองที่ผิดไปยั่วโมโหคุณป๋าทำให้ฟิวขาด แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าคุณป๋าจะมาขังไว้แบบนี้ ที่คิดไว้มันคนละแบบกันเลย ป่านนี้ไม
น้ำเสียงอำมหิตของคุณป๋าทำให้ขนทั้งตัวของฉันมันลุกซู่ คืนนี้คงจะเจอศึกหนักอีกแล้วสินะ ไหนๆ ก็จะเจอศึกหนักแล้วขอแกล้งหน่อยแล้วกัน อยากเห็นจังว่าเวลาคนแก่หึงมากๆ จะเป็นยังไง ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นหรอกเพราะปกติคุณป๋าก็ขี้หึง แต่ครั้งนี้อยากทำให้หึงสุดๆ ไปเลย แล้วก็ไปจบที่เตียง คืนนี้ฉันคงต้องร้องขอชีวิตกับคุณป๋าอีกแน่ๆ “นี่เอวาไปเข้าห้องน้ำกัน ^_^” เอวามองฉันอย่างแปลกใจที่จู่ๆ ฉันก็ชวนไปห้องน้ำ คุณป๋าที่ได้ยินฉันพูดจึงกระตุกแขนเบาๆ แล้วพูดเสียงเข้ม “ถ้าอยากไปเข้าห้องน้ำ ฉันจะพาไป” “ไม่เอาค่ะ หนูอยากไปกับเอวามากกว่า” ฉันรีบปฏิเสธ ขืนให้ไปด้วยก็ไม่สนุกสิ ฉันตั้งท่าจะลุกขึ้นอีกครั้งแต่คุณป๋าไม่ยอมปล่อยมือที่รั้งเอวของฉันอยู่ ฉันจึงหันไปทำหน้าดุใส่ “ปล่อยนะคะ” คุณป๋าพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ดูก็รู้ว่าไม่อยากให้ฉันลุกขึ้นจากตักของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมปล่อยมือออก ฉันจับมือเอวาให้ลุกขึ้น ก่อนจะจูงมือพาเดินเข้ามาในบ้าน “เดี๋ยว! ห้องน้ำอยู่ทางนั้นแกจะไปไหนเมเบล” เอวาชี้ไปทางห้องน้ำชั้นล่างของบ้าน“ใครบอกว่าฉันอยากจะมาเข้าห้องน้ำจริงๆ ล่ะ”“หื้อ อะไรของแกเนี่ยเมเบล” “ตามมาเถอะน่า ถามเยอะจริ
เลิกเรียน ฉันนัดกับเพื่อนและพี่กินให้มาที่บ้านของฉันตอนหนึ่งทุ่ม พอขึ้นมาบนรถฉันก็รีบบอกคุณป๋าไว้ก่อนว่าวันนี้เพื่อนจะมาที่บ้าน “วันนี้หนูนัดเอวากับฟาร์นให้มาปาร์ตี้ที่บ้านนะคะ” ฉันบอกแต่บอกไม่หมด เพราะไม่ได้บอกว่าพี่ดินจะมาที่บ้านด้วยเหมือนกัน“ปาร์ตี้ ?” คุณป๋ามองหน้าฉันแล้วขมวดคิ้วเป็นปม “ก็ใช่ไงคะ ขอไปคลับคุณป๋าก็ไม่อนุญาต หนูเลยชวนเพื่อนมาดื่มที่บ้าน”“ทำไมถึงไม่ถามฉันก่อน ?” “ทำไมล่ะคะ หนูไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรตามใจตัวเองเลยหรือไง ต้องขออนุญาตทุกครั้งเลยใช่มั้ยคะ” คุณป๋าถอนหายใจออกมาเบาๆ “มันไม่ใช่แบบนั้น ฉันก็แค่อยากให้เธอบอกก่อน”“นี่ไง หนูก็บอกคุณป๋าอยู่นี่ไงล่ะคะ” ทั้งฉันและคุณป๋าต่างก็ทำเงียบใส่กัน อยากจะงอนก็งอนไปเถอะวันนี้ฉันไม่ง้อหรอก ไม่ยอมให้ฉันไปเที่ยวดีนัก อีกอย่างฉันก็แค่ชวนเพื่อนมาดื่มที่บ้านเอง นี่แหละ ฉันกับคุณป๋ามักจะงอนกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องประจำ พอมาถึงบ้านคุณป๋าก็เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้น เดินมาเปิดประตูรถให้ แต่ยังฟอร์มอยู่ “ฝากบอกให้พี่กล้าจัดเตรียมของที่สระว่ายน้ำด้วยนะคะ เดี๋ยวหนูจะขึ้นไปอาบน้ำ” ฉันออกคำสั่ง “ห้ามใส่บิกินี่” คุณป๋าชี้หน้าฉันออกคำสั
ฉันนั่งหน้าบึ้งภายในรถโดยมีคุณป๋าเป็นคนมาส่งที่มหาวิทยาลัย จะให้หน้าบึ้งได้ไงล่ะ ก็เพราะคุณป๋าน่ะสิ หยิบกระโปรงตัวที่ยาวคลุมตาตุ่มมาให้ใส่ คิดแล้วก็ไม่น้าเก็บกระโปรงตัวนี้เอาไว้เลย คอยดูเถอะกลับบ้านไปฉันจะเผามันทิ้งซะ!!“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย” คุณป๋าหันหน้ามาบอกในขณะที่กำลังขับรถอยู่ “ไม่ต้องมาพูดกับหนูเลย!!” “แค่ให้ใส่กระโปรงยาวแค่นี้ ต้องโกรธฉันมากขนาดนั้นเลยหรือไง”“ยาวแค่นี้ พูดมาได้ไงว่ายาวแค่นี้ อีกนิดเดียวก็จะลากดินอยู่แล้วนะคะ” “มันก็ดูเหมาะกับเธอดี” คุณป๋าทำหน้ากวน เหอะ! เหมาะอะไรล่ะ “มีผัวแล้วจะใส่สั้นๆ ไปอ่อยใคร!!” เอ้า! จู่ๆ คุณป๋าก็ทำเสียงดุใส่ฉันเฉยเลย แถมยังทำหน้าบึ้งอีกด้วย “อื้อ กระโปรงยาวแบบนี้ก็สวยไปอีกแบบนะคะ ใส่สบายด้วย ^_^” ต้องเป็นฉันที่เป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อให้ เพราะไม่อยากจะทะเลาะกันให้ยืดยาว “อยู่เป็น” คุณป๋าพึมพำออกมาเบาๆ ทำให้ฉันจิ๊ปากใส่ แต่ก็แอบๆ ทำเพราะเดี๋ยวจะงอนอีก ยิ่งช่วงนี้คนแกยิ่งชอบอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ด้วย #มหาวิทยาลัย“หื้อ! เอวาเธอช่วยฉันดูทีว่าไม่ได้ตาฟาดไปใช่มั้ย วันนี้เมลมันใส่กระโปรงแทบจะลากดินเลยว่ะ” พอมาถึงฟาร์นมันก็พูดล้อฉันขึ้นมาทันท
เวลาล่วงเลยมาจนถึงวันที่มหาวิทยาลัยของฉันเปิดภาคเทอม…วันนี้คุณป๋าจะต้องไปส่งฉันที่มหาวิทยาลัยด้วยตัวเองและไปรับ นี้ไม่ใช่กฏที่ตัวฉันตั้งขึ้น แต่เป็นกฏของคุณป๋าเองต่างหาก แถมยังสั่งห้ามไม่ให้ฉันมองผู้ชายคนไหนอีกด้วย “ขอยกเว้นพี่ดินสักคนไม่ได้หรอคะ” ฉันอ้อนคุณป๋าในขณะที่กำลังแต่งตัวอยู่ พี่ดินคือพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่ง เขาเคยช่วยฉันในหลายเรื่อง จะให้ฉันทำเมินใส่เขาคงไม่ได้“ไม่ได้!!” คุณป๋าตอบเสียงแข็ง“หัดมีเหตุผลบ้างสิคะ” “จะใส่ใจมันทำไมนักหนา!!” อีกแล้ว พูดถึงพี่ดินทีไรก็ทักจะมีปากเสียงกันตลอด ล่าสุดฉันขอไปกินข้าวกับพี่ดิน อย่กจะเลี้ยงขอบคุณเขาก็ถูกห้ามแล้วก็มีปากเสียงกันใหญ่โต “เขาเป็นคนดีนะคะ”คุณป๋าเงียบทำเมินไม่สนใจคำพูดของฉัน ก็ได้ถ้าอยากจะเมินใส่กันแบบนี้ ฉันเอื้อมมือหยิบกระโปรงนักศึกษาตัวที่สั้นที่สุดในตู้เสื้อผ้าออกมา แล้สสวมใส่มัน หลังจากที่ใส่กระโปรงแล้วก็หันกลับมามองคุณป๋า เห็นว่าตอนนี้คุณป๋ากำลังจ้องหน้าฉันตาเขม็งอยู่ “ไปส่งหนูได้แล้วค่ะ จะสายแล้ว”“ไม่คิดบ้างหรือไงว่ากระโปรงที่ใส่อยู่มันจะขัดหูขัดตาฉันขนาดไหน” คุณป๋าตวัดสายตาจ้องเขม็งมองกระโปรงของฉัน“หนูก็ใส่แบบนี้
เฮือก!! ใจมันกระตุกวูบทันทีเมื่อได้ยินคำพูดที่รู้ทันแผนการของคุณป๋า ใบหน้าของฉันซีดเผือดพร้อมกับมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมา ฉันหลับตาลงแล้วนับหนึ่งถึงสามในใจ ก่อนจะลุกขึ้นจากตักแกร่งแล้ววิ่งหนี แต่!! ทำได้เพียงแค่ลุกขึ้น ร่างของฉันก็ถูกคุณป๋าคว้าจับที่เอวเอาไว้ออกแรงดึงให้กลับมานั่งลงบนตักของตัวเองเหมือนเดิม บ้าที่สุด!! “คิดจะหนี มันง่ายไปหรือเปล่า” ฉันค่อยๆ หันหน้ามองคุณป๋าที่กำลังทำหน้ายักษ์ใส่ ก่อนจะตัดสินใจถาม “พะ พี่กล้าบอกหรอคะ” คุณป๋าส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ ได้ไง! ถ้าพี่กล้าไม่บอกแล้วคุณป๋าจะรู้ได้ยังไง “ฉันแอบฟังเธอคุยกับมัน” เฮือก!! ให้ตายเถอะ สรุปคือฉันพลาดที่ไม่ได้สังเกตอะไรให้ดีๆ ก่อนใช่มั้ย “ส่วนยานั่นที่เธอคิดว่าเป็นยานอนหลับ มันเป็นแค่ยาบำรุง” มือหนาจับปลายคางของฉันให้เงยขึ้น “ฉันเป็นคนสั่งให้ไอ้กล้าเปลี่ยน”“……” ฉันค่อยๆ เม้มปากเข้าหากันแน่น ไม่รอดแน่ ถึงจะชอบเวลาที่มีอะไรกับคุณป๋า แต่ฉันไม่ค่อยชอบเลยเวลาที่ต้องถูกลงโทษ เพราะนั่นหมายความว่านอกจากคืนนี้จะไม่ได้ไปคลับแล้ว ฉันยังจะไม่ได้นอนอีกทั้งคืน คุณป๋ากดจูบหนักๆ ลงมาบนริมฝีปากของฉันเพื่อเป็นการลงโทษ ริมฝีปากมั