ทิฟฟานี่ลงจากรถเพื่อเอาน้ำให้ธัญญ่า “รู้สึกดีขึ้นไหม? ยังรู้สึกเวียนหัวอยู่รึเปล่า? บางทีเธอควรจะไปนั่งข้างหน้าดีกว่า เธอจะได้รู้สึกดีขึ้น”“มันจะดีเหรอ?” ธัญญ่าถาม “ฉันได้ยินมาว่าหลายคนเชื่อว่าเบาะหน้าของรถผู้ชายควรจะเป็นที่สำหรับแฟนเขาเท่านั้น… คุณกับพี่แจ็คสันจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”ทิฟฟานี่ที่ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้วไม่เคยคิดแบบนั้นเลย “เธอพูดบ้าอะไร? เราเป็นอะไรกัน? เราต้องคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ? จะให้ฉันปล่อยให้เธอนั่งเวียนหัวอยู่เบาะหลังต่องั้นเหรอ? ฉันทำไม่ได้หรอก เลิกพล่ามและขึ้นรถแล้วไปนั่งข้างหน้าเลย” แจ็คสันขมวดคิ้วเมื่ออยู่ ๆ ก็มีคนอื่นที่ไม่ใช่ทิฟฟานี่เปิดประตูมานั่งเบาะหน้า “เกิดอะไรขึ้น? พวกเธอเปลี่ยนที่นั่งกันทำไม?”“ธัญเป็นหวัดและรู้สึกไม่ค่อยดี เธอเมารถน่ะ” ทิฟฟานี่อธิบาย “ให้เธอนั่งข้างหน้านั่นแหละ มันไม่สำคัญว่าใครจะนั่งไหนอยู่แล้ว ฉันว่าเบาะหลังก็กว้างดีออก ขับต่อเลย พักหลัง ๆ นี้ฝนตกบ่อยจนเกือบทุกวันเลย น่ารำคาญชะมัด ทำไมไม่ตกหนัก ๆ ทีเดียวแทนทีจะตกกะปริบกะปรอยแบบนี้? ฉันแค่ลงจากรถไปแปบเดียวผมฉันก็เปียกหมดแล้ว…” แจ็คสันไม่อยากจะพูดอะ
แจ็คสันถึงกับพูดไม่ออก ทำไมไม่มีใครถามความเห็นของเขาเลย? เขาไม่มีตัวตนหรอกเหรอ?หลังจากที่ทานอาหารค่ำเสร็จ แจ็คสันก็ขับไปส่งทิฟฟานี่และธัญญ่า ทั้งสามคนตกลงกันว่าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้พร้อมกัน…เช้าวันรุ่งขึ้น ณ คฤหาสน์เทรมอนต์แอเรียนได้เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าสีดำ พร้อมที่จะไปที่สุสานแอริสโตเติลยังเล็กเกินไปและเขาก็เป็นไข้หวัดใหญ่ด้วย มิหนำซ้ำข้างนอกยังฝนตกอีกด้วย เพราะฉะนั้นมาร์คและแอเรียนจึงตัดสินใจว่าจะไม่เอาลูกไปด้วยดีกว่า พวกเขาจึงปล่อยแอริสโตเติลไว้ในความดูแลขอแมรี่มาร์คเองก็ใส่ชุดสูทสีดำเหมือนกัน ซึ่งทำให้เขาดูโอ่อ่ามาก ทั้งคู่นำช่อดอกไม้ติดตัวไปหนึ่งช่อแล้วออกจากบ้านไป พวกเขาต้องขับรถเป็นเวลาสองชั่วโมงกว่าจะถึงที่สุสาน เมฆดำบนท้องฟ้าก่อให้เกิดแสงที่น่าขนลุกปกคลุมสุสาน มันแทบจะร้างเปล่า ยกเว้นแต่คนดูแลสุสานที่แก่เฒ่าและใส่แว่นซึ่งกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ของวันนี้ในกระท่อมเล็ก ๆแอเรียนรู้สึกหดหู่มาก คุณย่าของเธอเสียชีวิตมานานแล้วแต่เธอเพิ่งจะมาเยี่ยมเขา เธอรู้สึกขุ่นเคืองและสิ้นหวังเมื่อนึกถึงการกระทำของโซอี้และสามีของเธอ ชีวิตนั้นแสนสั้นและไม่มีใครได้เพลิดเพลินกับมันอย่
มาร์คกางร่มบังฝนให้แม่ลูก ทว่าเสื้อผ้าของเขากลับเปียกโชก เฮเลนที่สังเกตเห็นดังนั้นจึงพูดว่า “แอเรียน แม่คิดว่าเราได้เวลากลับกันแล้วแหละ ฝนกำลังจะตกหนักขึ้นและมาร์คก็เปียกโชกไปหมดแล้ว”แอเรียนหันไปมองมาร์ค “โอเค งั้นกลับกันเถอะ”เฮเลนได้ขับรถมาที่นี่เอง แอเรียนจึงหยุดก่อนที่จะขึ้นรถ “ถ้าคุณไม่ติดอะไร มาทานข้าวเย็นที่บ้านเราสิ คุณจะได้เจอหลานชายด้วย” เฮเลนเกือบจะร้องไห้จากความดีใจ “โอ-โอเค!” เธอพูดตะกุกตะกักด้วยความลำบาก เธอรู้ว่าในที่สุดแอเรียนก็ได้ให้อภัยเธอและเห็นเธอเป็นแม่ของหล่อนเสียทีระหว่างทางกลับบ้าน แอเรียนก็หันไปถามมาร์คว่า “คุณหนาวไหม? คุณเปียกโชกไปหมดเลย”มาร์คส่ายหน้าด้วยร้อยยิ้ม “ไม่ ฉันไม่หนาว เธอโตขึ้นแล้วนะเนี่ย”เธอยิ้มตอบ “คราวที่แล้วที่คุณพูดกับฉันแบบนี้… ไม่ใช่ลางที่ดีเลยนะ...”เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร เขามีความทรงจำเกี่ยวกับเธอมากเกินไปจนเต็มสมองไปหมด เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาพูดกับเธอแบบนั้นเมื่อไหร่ คงจะเป็นช่วงก่อนที่เธอจะกลายมาเป็นของเขา เธอถึงจำมันได้ "ด้วยความรัก" ที่อายาเช่แจ็คสัน ทิฟฟานี่ และธัญญ่าเดินทางไปถึงที่โรงแรมที่พวกเขาได้จองไว้แล้ว
แจ็คสันผลักทิฟฟานี่ลงที่ขอบเตียง “เดี๋ยวผมนวดให้ แล้วจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ? คุณเลือกที่จะใส่รองเท้าส้นสูงไปเดินเล่นทำไม? การใส่ส้นสูงบ่อยเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพนะ” เขายกขาของเธอมาวางบนตักตัวเองแล้วเริ่มนวดพวกมันเบา ๆ เขานวดค่อนข้างเก่งเลยทีเดียวทิฟฟานี่จ้องมองเขาอย่างสงบ “ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้ว่าคุณมีความสามารถพิเศษด้านนี้เลย? เราคบกันมาตั้งนานแต่คุณก็ยังมีความลับต่อฉัน! ฉันไม่ได้ชอบใส่ส้นสูงซะหน่อย ก็พวกผู้ชายรอบตัวฉันมีแต่พวกสูง ๆ นี่ ราวกับว่าพวกคุณกินฮอร์โมนเพื่อให้สูงงั้นแหละ ถ้าฉันไม่ใส่ส้นสูงฉันจะดูเตี้ยมาก เหมือนกับฟักทองข้าง ๆ ต้นไผ่ คุณคิดว่าฉันเลือกที่จะไม่ใส่มันได้จริงเหรอ? คุณ มาร์ค แล้วก็เอริก มีใครเตี้ยบ้างล่ะ?” แจ็คสันหัวเราะคิดคักใส่เธอ “ฮ่าฮ่า… คุณนี่นะ… ถามจริง… ต้องอธิบายถึงตัวเองแบบนั้นด้วยเหรอ? ผมชอบคุณแบบที่คุณเป็น แบบนี้ก็ดีเกินพอแล้ว ทำไมคุณต้องห่วงว่าคนอื่นจะมองคุณยังไงด้วย? แอเรียนก็ไม่ได้สูงกว่าคุณ และเธอก็ใส่รองเท้าส้นเตี้ยเวลาอยู่กับมาร์คตลอดอยู่ดี ดูมาร์คสิ คุณคิดว่าเขากล้าที่จะบอกว่าไม่ชอบอะไรในตัวเธอไหม?” จุดกดที่ด้านล่างของเท้ามักเป็นจุดที่บอบบาง
ทิฟฟานี่แสร้งทำเป็นเมินแจ็คสันและส่งผลต่อความใจเย็นของเขา “ฉัน… ฉัน เอ่อ ฉันไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ตอนนี้ฉันอยู่ที่อายาเช่และอาจจะกลับไปถึงในคืนพรุ่งนี้เท่านั้น ไว้วันอื่นได้ไหม? ใช่ ไว้ค่อยนัดกัน”แจ็คสันสูดลมหายใจเข้ายาว ๆ ลึก ๆ ก่อนจะเคลื่อนตัวออกจากเธอ เขาเดินไปที่หน้าต่างแล้วจุดบุหรี่หลังจากที่วางสาย ทิฟฟานี่ก็ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยพูดพึมพำสั้น ๆ “ฉัน… ฉันไปนอนก่อนนะ”แจ็คสันไม่ตอบอะไรเลย เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเธอ ในความเงียบของเขา เธอก็รีบออกจากห้องราวกับว่าเธอกำลังหนีจากไฟถือเป็นความโชคดีของเธอที่จู่ ๆ แอเรียนก็โทรหา เธอไม่สามารถหยั่งรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากแอเรียนไม่ได้โทรมากลับมาที่คฤหาสน์เทรมอนต์ แอเรียนที่ค่อนข้างกระสับกระส่ายทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาพลางครุ่นคิดกับความเบื่อหน่ายที่ซึมซาบเข้ามาในชีวิตของเธอตั้งแต่ที่เธอตั้งครรภ์และมีลูกชายคนหนึ่ง เธอลังเลที่จะไม่มีงานทำในชีวิต และทุก ๆ วันเธอก็พบว่าตัวเองต้องค้นหาอะไรทำตลอดย้อนกลับไปเมื่อเธอยังมีงานทำ ชีวิตประจำวันของเธอมีอะไรให้ทำเสมอ และเธอก็มีกลุ่มเพื่อนที่ต่างทุ่มเทกับการงานของตัวเอง แล้วตอนนี้ล่ะ? ตอนน
“พวกผู้หญิงอย่างเธอไม่มีเหตุผลเลย” มาร์คบ่น “ผู้หญิงคนอื่น ๆ ทุกคนข้างนอกนั่นต่างใฝ่ฝันที่จะมีชีวิตของเธอ แต่เธอก็ยังต้องการจะใช้ชีวิตเหมือนคนที่ต้องหาเช้ากินค่ำ เธอรู้ไหมว่ามีผู้หญิงที่อยากใช้ชีวิตอย่างสบายแบบนี้โดยไม่ต้องแม้แต่กระดิกนิ้วกี่คน? ฉันเชื่อว่าเธอกำลังมีความคิดพวกนี้เพียงเพราะเธอไม่มีอย่างอื่นในชีวิตให้ต้องกังวล บอกตามตรงนะ ฉันอยากให้เธอใช้เวลาทั้งวันดูแลลูกชายของเราที่บ้านนี่ บางครั้งถ้าเบื้อก็ออกไปช้อปปิ้ง และรอฉันกลับบ้านในช่วงเย็น อันที่จริง ฉันอยากให้เธอทำตัวเหมือนแม่บ้านคนอื่น ๆ ไปร้านเสริมความงามบ่อย ๆ และเป็นผู้อุปถัมภ์ร้านค้าหรูหราแทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับการออกไปทำงาน”แอเรียนหมดความอดทน “แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ฉันไม่เคยต้องการอย่างนั้นเลย! คุณไม่สามารถควบคุมชีวิตฉันหรือจำกัดสิ่งที่ฉันสามารถทำได้เพียงเพราะเราแต่งงานกันนะ! ฉันไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แบบไร้สาระและไม่มีความสุขแบบนี้นะมาร์ค ชีวิตที่คุณอธิบายไปเมื่อกี้เป็นคำจำกัดความของการดำรงอยู่ที่ไม่มีความหมายสำหรับฉัน แน่นอนว่าฉันรู้ว่าเรารวยมาก ฉันรู้ว่าเงินที่คุณหามาได้นั้นเพียงพอที่จะให้เรา
มุมปากของมาร์คสั่นเล็กน้อย หลังจากที่อดทนมานาน ในที่สุดเขาก็ได้รับอนุญาตให้นอนกับผู้หญิงที่เขารักและสนุกกับเธอในตอนกลางคืนโดยไม่ต้องลังเล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการต้องนอนคนเดียวตลอดชีวิตที่เหลือของเขา ในเวลาเดียวกัน เขาก็ขมวดคิ้วกับความคิดที่ว่าแอเรียนจะออกไปทำงานแล้วไม่ใช่ว่าเขาคลั่งไคล้หรือหัวโบราณ เขาแค่ไม่อยากให้คนรักของเขาต้องเสียเหงื่อแม้แต่น้อยก็ได้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่เล็กน้อยก็คือ ข้างนอกนั้นมีจำนวนผู้ชายที่จะตกหลุมรักความงามของเธอมากเกินไป และมาร์คไม่พอใจกับปัจจัยนั้นอย่างมากแอเรียนไม่รู้แม้แต่น้อยว่าความคิดมาร์คไปไกลขนาดนั้น เธอตื่นเต้นมากที่จะได้ยินคำตอบของเขาในวันพรุ่งนี้ แน่นอนว่าเธอมั่นใจมากว่าในที่สุดเขาจะยินยอมตามคำร้องขอของเธอและปล่อยให้เธอได้ไปทำงานจากนั้น ในความมืด เธอก็ได้ยินเสียงของซองพลาสติกที่ถูกฉีกออกความเย็นวูบวิ่งผ่านร่างกายของเธอ “คุณกำลังทำบ้าอะไร?”เขากลิ้งพลางกดทับเธอไว้ใต้ตัวเขา “เธอคิดว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ? ทำไม เธอจะหยุดฉันเหรอ? เอางี้ ถ้าเธอสามารถดูแลทั้งความต้องการของลูกและของฉันได้ งั้นได้ บางทีเธออาจมีความสามารถพ
นอกเหนือจากเรื่องอื่น คราวนี้แอเรียนไม่ได้คัดค้านกับ "วิธี" ของมาร์ค แต่สำหรับเธอ เหตุผลของเธอชัดเจนกว่า เธอแค่กังวลว่าเสียงร้องไห้ตอนกลางคืนของสมอร์อาจรบกวนการนอนของพ่อเขา แอเรียนสามารถเติมเต็มชั่วโมงที่อดนอนในช่วงกลางวันได้ แต่มาร์คจะต้องไปทำงานหนักในสภาพที่อดนอน และนั่นจะเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดหลังจากที่ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว แอเรียนก็ตัดสินใจว่าจะจัดเตียงสักหน่อย เธอจึงบังเอิญเจอกล่องถุงยางอนามัย ในกล่องยังมีถุงยางอนามัยอีกสามซอง แต่บนกล่องเขียนไว้ว่าจริง ๆ แล้วกล่องนั้นเคยบรรจุถุงยางอนามัย 12 ซอง...เธอไม่เคยรู้เลยว่าผู้ชายคนนั้นได้แอบเตรียมสิ่งนี้ไว้ หลังจากการค้นพบสิ่งนี้แอเรียนก็ได้นับอย่างรวดเร็วและตระหนักว่ามาร์คได้ปล่อยให้ความปรารถนาทางกามารมณ์ของเขาหลั่งบ่อยขึ้นเรื่อย ๆทันใดนั้นโทรศัพธ์ของเธอก็ดังขึ้น เธอเหลือบมองมันและเจอชื่อทิฟฟานี่อยู่บนจอ“เฮ้ ทิฟฟ์ กลับมาที่เมืองหลวงแล้วเหรอ?” เธอถามเสียงของทิฟฟานี่ฟังดูเศร้าซึมมากกว่าปกติ “เฮ้ แอริ? ฉันแค่จะโทรมาบอกว่าครั้งนี้ฉันอาจจะทำมันจริง ๆ แล้ว ใช่ ฉันอาจจะทำให้แจ็คสันเสียใจจริง ๆ เขา… เขาน่าจะกลับไปคนเดียวและทิ้งตั๋วเ
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง