เช้าวันรุ่งขึ้น มาร์คเดินลงไปข้างล่างด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แมรี่ที่เห็นว่าเขาดูมีความสุขมากจึงถามว่า “วันนี้มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นเหรอนายท่าน? เช้านี้นายท่านอารมณ์ดีเชียว นายหญิงตื่นหรือยังคะ? ให้ฉันไปเรียกเธอมาทานอาหารเช้าไหม?”มาร์คยืดจัดเนคไทให้ตรง “ไม่มีอะไรมาก ผมแค่ชอบอากาศวันนี้ เธอตื่นแล้ว ไปบอกให้เธอลงมาเลย”แมรี่มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างสงสัย หิมะกำลังตก อากาศแบบนี้ดีตรงไหน?แอเรียนตัวสั่นเมื่อเธอลงมาถึงชั้นล่าง เธอสงสัยว่าใครเปิดประตูที่ชั้นล่างทิ้งไว้ เกล็ดหิมะปลิวไปตามอากาศที่เย็น แมรี่รีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว “คุณหนาวเหรอ? ใส่เสื้อผ้าเพิ่มอีกสักชั้นเถอะค่ะ คุณคงไม่อยากเป็นหวัดหรอก เมื่อคุณยังเล็กคุณมักจะสวมเสื้อผ้าบางไปโรงเรียนในช่วงฤดูหนาวเสมอ ดังนั้นคุณจะเป็นหวัดทุกฤดูหนาวและจะฟื้นตัวหลังจากที่ฤดูกาลเปลี่ยนไปเท่านั้น ร่างกายของคุณอ่อนแออยู่เสมอและคุณมีแต่จะอ่อนแอลงเท่านั้น คุณจะต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าคุณจะกลับมาสุขภาพแข็งแรงเหมือนเดิม”แอเรียนเหลือบมองไปที่มาร์ค แน่นอนว่าสีหน้าเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขารู้ว่าเขาเคยใจร้ายกับเธอแค่ไหนใช่ไหม? เขาจะไม่มีวันให้อะไรดี ๆ กับเธอเว
“แอริ นายท่านดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลยนะ เธอได้สังเกตไหม?” จู่ ๆ เสียงของแมรี่ก็ดังขึ้นจากด้านหลังเธอแอเรียนกลับมารู้สึกตัวและตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไม่ มันหนาวเกินไป ฉันรู้สึกไม่อยากจะขยับเขยื้อนตัวเลย ฉันจะขึ้นไปนอนต่อนะ อ้อ ถ้าเฮนรี่ออกไป บอกให้เขาไปเอาหนังสือมาให้ฉันสักสองเล่มด้วยนะคะ เอาแบบที่ฉันอ่านอยู่ประจำนั้นแหละ คุณบอกให้เขามาถามฉันก็ได้ถ้าเขาไม่แน่ใจ”แมรี่ตอบด้วยเสียงฮึดฮัดและรอให้แอเรียนขึ้นไปชั้นบนก่อนที่เธอจะโทรหามาร์ค “นายหญิงอยากได้หนังสืออีกสองเล่ม ท่านช่วยนำมันมาให้ตอนท่านกลับบ้านได้ไหม? เอาแนวที่เธออ่านอยู่ประจำนั้นแหละค่ะ นายหญิงเพิ่ง…โอเค”ที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าวันนี้แจ็คสันบังคับให้ทิฟฟานี่อยู่บ้าน อันที่จริงเธอไม่ได้เจ็บท้องแล้วแต่เธอไม่สามารถเอาชนะการยืนกรานของเขาได้เธอจำได้ว่าเธอไม่ได้ไปที่บ้านของตัวเองมาระยะหนึ่งแล้ว ลิเลียนอยู่คนเดียวและทิฟฟานี่ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อเธอ ทิฟฟานี่ควรจะไปเยี่ยมเธอทิฟฟานี่ขับรถกลับเข้าไปในคอนโดมิเนียม ขึ้นลิฟต์และขึ้นไปที่ชั้นบนอย่างสบาย ๆ เธอได้ซื้ออาหารเช้าสุดโปรดของลิเลียนและของขวัญให้เธอด้วย ขณะที่ทิฟฟานี่เปิดประต
ทิฟฟานี่รู้จักนิสัยประจำวันของแอเรียนดี แอเรียนจะไม่สามารถกลับไปนอนต่อได้อีกหากเธอได้ตื่นนอนแล้ว “ได้ ฉันจะขึ้นไปดูข้างบนนะคะ”ทิฟฟานี่เคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป แอเรียนประหลาดใจ “ทิฟฟ์? วันนี้เธอไม่ทำงานเหรอ?”ทิฟฟานี่นึกถึงฉากที่เธอเจอที่บ้าน เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ “ลงมาข้างล่างหน่อย ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ ฉันจะไม่ก้าวเข้าไปในห้องของเธอเพราะผู้ของเธอกลัวเชื้อโรค ฉันไม่อยากให้เขารำคาญฉัน”แอเรียนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับโรคกลัวเชื้อโรคของมาร์คเช่นกัน เธอจับมือทิฟฟานี่และเดินไปที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่าง “ว่าไง? เธอดูกังวลแต่เช้าเลย”“ฉันไม่ได้กลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านมาพักหนึ่งแล้ว เมื่อเช้านี้ฉันเลยคิดว่าจะไปเยี่ยมเขา” ทิฟฟานี่พูดด้วยสีหน้าที่ขุ่นเคือง “ฉันยังเอาอาหารเช้าและของขวัญไปให้แม่ด้วยเพราะกลัวว่าแม่จะบ่นว่าฉันลืมแม่หลังจากที่เจอผู้ชาย เธอรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? แม่ไม่จำเป็นต้องจู้จี้ฉันอีกต่อไปและฉันไม่คิดว่าแม่จะว่าอะไรฉันถ้าฉันไม่กลับบ้าน เพราะเขามีผู้ชายอยู่ที่บ้าน! ฉันไม่ได้เห็นผู้ชายคนนั้น ฉันเห็นแค่รองเท้าคู่หนึ่งที่ประตู ฉันเลยรู้สึกเศร้านิดหน่อย”แอเรียนผงะเมื่อเธอฟัง “เ
“ไม่มีอะไรที่น่าประทับใจ” ทิฟฟานี่ตอบโดยไม่คิดเลย อาจเป็นเพราะเธอยังคงไม่พอใจที่แม่ของเธอจะแต่งงานอีกครั้ง “เขาดูไม่ดีเลย เขาเก่งแต่พูดเท่านั้น เราเคยเจอกันมาก่อน แต่ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาเป็นคนยังไง เขาไม่ใช่พ่อม่าย แต่เป็นผู้ที่หย่าร้าง ต้องมีเหตุผลเบื้องหลังการหย่าใช่ไหม? ฉันไม่ได้จะบอกว่าคนที่หย่าแล้วจะเป็นตัวปัญหา แต่อย่างน้อยฉันต้องเข้าใจว่าการหย่าเกิดขึ้นได้อย่างไรและทำไม ดูข้อมูลจากนักสืบสิ แกรนท์เพิ่งอย่าได้ไม่ถึงปี ฉันต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วแหละ”แอเรียนยิ้มอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าทิฟฟานี่จะไม่ได้สนิทสนมกับแกรนท์แต่เพียงพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมตัวเอง เธอจะไม่ถอยจนกว่าเธอจะได้สืบบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ถ้าลิเลียนวางแผนที่จะแต่งงานใหม่ พวกเขาจะต้องผ่านอุปสรรคนี้ไปก่อนทิฟฟานี่ลูบท้องที่ป่องเล็กน้อยของเธอขณะที่เธอเคี้ยวของหวานที่แมรี่เสิร์ฟให้ “แอริ ถ้าพูดอย่างมีเหตุผลแล้ว ตามวิธีที่พวกเทรมอนต์ให้อาหารเธอ ตอนนี้เธอน่าจะอ้วนเท่าหมูได้แล้ว ทำไมเธอดูผอมลง? ถ้าฉันทานอาหารที่นี่อีกสักสองสามมื้อ ฉันจะบวมและหนักขึ้น เธอมีอาหารอร่อยเต็มโต๊ะมากมายไปหมดทุกมื้อ ซุปและของหวานแสนอร่อ
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีมือมาวางบนท้องของเธออย่างอ่อนโยน สภาพจิตใจที่อ่อนไหวของเธอทำให้เธอสะดุ้งและตื่นขึ้นทันที เธอลืมตาขึ้นและได้รับการต้อนรับด้วยการจ้องมองอย่างเข้มข้นของมาร์คเมื่อตระหนักว่าพวกเขาอยู่ใกล้กันมากเกินไปเธอจึงผลักตัวเองออกจากเขา “คุณกลับมาทำอะไรที่บ้านเร็วขนาดนี้? ยังไม่บ่ายสามเลย สิ้นปีแล้วที่ออฟฟิศยุ่งไม่ใช่เหรอ?”มาร์คขมวดคิ้วกับปฏิกิริยาของเธอ “เธอไม่อยากเจอฉันเหรอ? ฉันกลับมาบ้านเพราะว่าฉันไม่สามารถหยุดคิดถึงเธอในสำนักงานและฉันซื้อหนังสือที่เธอต้องการมาให้ด้วย ที่ออฟฟิศก็ยุ่งแหละ แต่การได้อยู่กับเธอสำคัญที่สุด ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า?”เธอแปลกใจที่แมรี่มอบหมายให้เขาซื้อหนังสือของเธอ เธอส่ายหัว “ไม่… ฉันนอนเพียงพอแล้ว คืนนี้ฉันคงนอนไม่หลับถ้าฉันนอนต่ออีก ฉันกำลังจะไปเดินเล่น ถ้าคุณเหนื่อยก็พักผ่อนนะ”เมื่อเธอลุกขึ้นมาร์คก็ดึงเธอกลับลงไปเข้าอ้อมกอดเขาอย่างแม่นยำ แขนของเขาโอบเธอไว้แน่น “นอนกับฉันสักพักนะ… ฉันแวะไปเยี่ยมคุณย่าระหว่างทางกลับบ้านด้วย ฉันรู้ว่าเธอเองก็อยากไปด้วย แต่เธอไปไม่ได้ ดังนั้นฉันจึงไปเยี่ยมคุณย่าแทนเธอ”เขาไม่ได้บอกเธอว่าหญิงชราคนนั้นเป็นอย
มาร์คเงียบไป เขาใช้เวลาสักครู่ก่อนจะพูดอีกครั้งว่า “มันไม่จำเป็น มีแค่แจ็คสันเท่านั้นที่รู้ ในตอนแรกฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะเล่าให้คุณย่าฟังแต่ฉันรู้สึกว่าฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะเก็บการตายของลูกชายของเขาจากเขา อย่าถามเลยแอริ… มีบางสิ่งที่เลวทรามเกินกว่าที่เธอควรจะรู้”แอเรียนไม่แปลกใจกับผลลัพธ์นี้ เธอรู้ว่าเขาจะไม่บอกเธอ เธอจึงถามว่า “แม้ว่าฉันจะยอมกลับมาหาคุณ คุณคิดว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้จริง ๆ เหรอ? ช่องว่างระหว่างเรานั้น… นั่นมันกว้างเกินไป แม้กระทั่งกับลูก มันยังมีอุปสรรคที่เราไม่สามารถผ่านไปได้”เขาเอื้อมมือออกไปและยกคางของเธอขึ้นพลางมองตรงเข้าไปในดวงตาของเธอ เขาจ้องตรงมาที่เธอและพูดว่า “ในเมื่อฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอกลับมาหาฉันแล้วทำไมเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ล่ะ? เธอจะรักหรือจะเกลียดฉันก็ได้ ฉันจะยอมทุกอย่าง ที่เหลือให้ฉันจัดการเอง ฉันจะทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ฉันรักเธอและฉันไม่เชื่อว่าเธอไม่ได้รักฉันเลย”เธอสามารถเห็นเงาสะท้อนของเธอในดวงตาของเขาและแสงที่ริบหรี่ คนเราเวลามีความรักตาจะสว่าง มันเป็นความจริง ความรักที่เขามีต่อเธอไม่มีที่สิ้นสุดและอยู่เหนือฤดูกาลต่าง ๆ มากมายอย่างไรก็ตาม
ล่วงเลยเวลามา 19.00 น. ทิฟฟานี่ขับรถของเธอไปจอดใกล้บริเวณที่อยู่อาศัยของเธอและอืดอาดยืดยาดอย่างลังเล ข้อมูลใหม่ที่นักสืบได้ส่งมาเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ มีบางอย่างผิดปกติกับแกรนท์ แจ็คสันตอนแรกเธอตั้งใจจะเชื่อสัญชาตญาณของแม่หรือทำความรู้จักกับแกรนท์เป็นการส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลบางอย่าง ตาชั่งในใจของเธอเอียงไปทางนักสืบที่เธอไม่เคยพบมาก่อน เธอลังเลว่าจะขึ้นไปชั้นบนหรือไม่เพื่อแนะนำลิเลียนไม่ให้ออกเดทกับแกรนท์ เธอรู้ว่าเมื่อเธอพูดคำเหล่านี้ก็จะเกิดสงครามขึ้นอีก เธอไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ของเธอกับลิเลียนกลับไปเป็นเหมือนเดิมหลังจากลังเลอยู่นาน เธอก็พิมพ์ข้อความถึงนักสือบว่า : ข้อมูลของคุณถูกต้องหรือไม่? สิ่งนี้สำคัญมากสำหรับฉัน มีอะไรผิดปกติกับแกรนท์ แจ็คสัน? คุณช่วยอธิบายให้ละเอียดได้ไหม?คำตอบตามมาในไม่ช้า : 'ตอนนี้คุณนับเป็นลูกค้าเก่าของผมแล้ว คุณควรรู้ดีไม่ใช่เหรอว่าข้อมูลที่ผมให้ถูกต้องหรือไม่? ผมได้ตรวจสอบกรณีนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว และอย่างสุดความสามารถด้วย เพราะเราร่วมงานกันมาบ่อยครั้งแล้ว ผมไม่สามารถให้คำอธิบายโดยละเอียดแก่คุณได้ว่าทำไมแกรนท์
นักสืบส่วนตัวได้ส่งข้อความถึงเธออีกครั้ง มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับแกรนท์ ชายผู้นี้อาจดูเหมือนนักธุรกิจที่มั่งคั่งแต่ในความเป็นจริงเขามีหนี้สินท่วมตัวมานานแล้ว ออฟฟิศของเขาไม่มีอะไรเลยนอกจากฉากหน้ากับเบื้องหลังที่ว่างเปล่าและเขากำลังประสบปัญหาภาระจากหนี้สินอย่างหนัก รวมทั้งการหย่าร้างของเขาซึ่งก็เกิดจากปัญหาทางการเงินเช่นกัน ไม่นานหลังจากที่หย่าร้างเขาก็ตามจีบลิเลียน แม่ของเธอ เพื่ออะไรกัน? แกรนท์เองก็ไม่เคยโผล่หน้าของเขามาให้การช่วยเหลือสักครั้งในตอนที่ครอบครัวเลนกำลังเจอวิกฤตปัญหาล้มละลาย ตอนนี้มันอาจจะดูเหมือนว่าพวกเขาเกี่ยวพันและสนิทสนมกันอย่างใกล้ชิด แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่เปลือกนอกที่ผิวเผินเท่านั้นเธอมีความรู้สึกไม่ดีและไม่สามารถมาคิดถึงเรื่องอาหารการกินได้ เธอรีบขับรถออกไปเพื่อที่จะกลับบ้านตามที่คาดไว้ แกรนท์ยังอยู่ที่บ้านในวันนี้เช่นกัน ลิเลียนที่ไม่เคยชอบการทำอาหารและก็ทำอาหารอะไรไม่เป็นเลยจริง ๆ แต่วันนี้เธอกลับทำอาหารได้ ทิฟฟานี่ถึงขั้นตกใจเป็นอย่างมากและอารมณ์เสียในเวลาเดียวกัน ขนาดตัวเธอเองยังไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารของแม่ของเธอเองเลยด้วยซ้ำด้วยความประหลาดใจก
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง