ทิฟฟานี่ตื่นตระหนก “คุณบอกว่าอย่าพูดถึงการเลิกกัน ฉันไม่ได้พูดเฉย ๆ ฉันจะเลิกจริง ๆ”แจ็คสันผู้ที่ไม่ต้องการเล่นคำกับเธอจึงตรึงเธอลงบนเตียงอีกครั้งทิฟฟานี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่เธอจับหมอน “ฉันจะไม่พูดถึงมันอีกแล้ว… คุณ…” น้ำเสียงของเธอสั่นเทา และเธอก็ไม่สามารถพูดได้เต็มประโยคอีกต่อไป หมอนที่เธอจับอยู่ในมือก็ถูกกำแน่นจนเสียรูปทรงเช่นกันทันใดนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นจนทำให้เธอตกใจ “แม่ฉันโทรมา!”"รับสิ บอกเธอว่าคุณอยู่กับผม เธอจะเข้าใจเองว่ามันหมายความว่าอะไร”ทิฟฟานี่รู้ดีว่าครั้งนี้เธอเป็นคนที่ยั่วยวนเขา ดังนั้นเธอจึงอ้อนวอน “ก็ได้ ฉันยอมรับว่าฉันคิดผิด!”แจ็คสันดูสงบลงเล็กน้อยและอนุญาตให้เธอรับสาย“แม่… ฉันออกมาข้างนอก”ลิเลียนบ่นว่า “เธอจะไม่กลับบ้านหรือไง? มันดึกมากแล้วนะ เธอไปเจอเพื่อนคนไหน? เพื่อนเธอก็มีแค่แอเรียนไม่ใช่เหรอ? หล่อนไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงด้วยซ้ำ… กลับบ้านเดี๋ยวนี้ มันไม่ปลอดภัยที่จะออกไปตอนดึก!”ก่อนที่ทิฟฟานี่จะทันได้ตอบ แจ็คสันก็พูดขึ้นว่า “คุณเลน ทิฟฟ์อยู่กับผม ผมแจ็คสันเอง คืนนี้เธอจะไม่กลับบ้านนะครับ”ทิฟฟานี่บีบแขนเขาอย่างแรงและระงับความอยากที่
เมื่อเห็นว่าขณะนี้ลูกค้าไม่เยอะ นายาจึงปิดประตูครัว เธอลดเสียงลงแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร เธอคุยกับฉันได้ ริมฝีปากของฉันถูกปิดผนึก ฉันจะไม่บอกคนอื่น เธอจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ได้คุยกับใครสักคนเกี่ยวกับเรื่องนี้”ตั้งแต่ที่ทิฟฟานี่จากไป นายาก็เป็นเพื่อนที่คอยห่วงใยเพียงคนเดียวที่แอเรียนมี “นายา… มาร์คมาหาฉันเมื่อคืนนี้ เขาบาดเจ็บ ฉันไม่สามารถเพิกเฉยต่อเขาได้ แต่ด้วยเหตุนี้ เราทั้งคู่จึงได้ติดต่อกันอีกครั้ง… นอกจากวันที่จะได้รับใบหย่าแล้ว ฉันไม่คิดว่าจะต้องเจอกับเขาอีก”เนื่องจากนายาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา เธอจึงไม่สามารถด่วนสรุปได้ “เธอทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เธอไม่มีวันหันหลังให้คนอื่นไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม นับประสาอะไรกับสามีของเธอเอง ฉันอาจไม่รู้ว่าระหว่างเธอทั้งคู่เกิดอะไรขึ้น และฉันก็ไม่รู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บด้วยเหตุใด แต่การที่เขามาหาเธอตอนที่เขาอ่อนแอที่สุดแสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อใจเธอมากที่สุด เธอมีที่ในใจเขาแน่นอน ไม่มีอะไรผิดปกติกับการทำตามหัวใจของตนเอง เธอจะต้องถามตัวเอง ถ้าเธอไม่รักเขาแล้วจริง ๆ ก็ตัดเขาออกให้หมด อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอรักเขา ก็อย่าปล่อยมือเด็
นายายิ้ม "ถูกต้อง ลูลู่เป็นเด็กที่เชื่อฟังจริง ๆ เธอเป็นเด็กดี เธอคือความหวังเดียวของฉัน ช่วงนี้ฉันกลับจากที่ทำงานดึกตลอด เมื่อฉันกลับถึงบ้าน ฉันพยายามหลีกเลี่ยงความยุ่งเหยิงของแม่สามี ฉันจะซักเสื้อผ้าของฉันกับสามีในเครื่องซักผ้าและซักเสื้อผ้าของลูลู่ด้วยมือ ฉันเหนื่อย ฉันไม่อยากจะสนใจพวกเขาเลย พวกเขามีมือมีเท้า ฉันเลิกทำตัวเป็นทาสของพวกเขาแล้ว เมื่อไม่นานมานี้พวกเขาก็บ่นฉัน แต่ฉันไม่สนใจ พวกเขาเคยบ่นว่าฉันไม่มีรายได้ ตอนนี้ฉันเริ่มดูแลตัวเองได้แล้ว เพราะที่นี่ค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่าเมื่อฉันหยุดพึ่งพาลูกชายของพวกเขา พวกเขาจะพูดอะไรได้อีก”แอเรียนเห็นด้วยกับคำพูดของนายา “เธอควรจะทำอย่างนั้นมานานแล้ว ไม่ต้องสนใจพวกเขาถ้าพวกเขาไม่มีความสุข และบอกให้พวกเขาคุยกับลูกชายของพวกเขาเอง เธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของพวกเขาเสียหน่อย และพวกเขาไม่เคยปฏิบัติต่อเธอเหมือนเธอเป็นครอบครัวเดียวกันเลย ทำไมเธอถึงจะต้องยอมเขาล่ะ? อีกอย่าง ฉันคิดว่าการสั่งอาหารตามสั่งมากินทุกวันมันไม่ดีต่อสุขภาพ ทำไมเราไม่ผลัดกันออกจากร้านและทำอาหารมากินกันเองทุกวัน? ฉันจะจัดการค่าใช้จ่ายของส่วนผสมเอง เธอจะพิจาร
เธอระงับความเขินอายของเธอได้หลังจากที่มาร์คเช็ดตัวเสร็จแล้ว เธอช่วยเขาเปลี่ยนผ้าพันแผลก่อนที่เธอเองจะไปอาบน้ำ ทำความสะอาดบ้าน และซักเสื้อผ้า ชุดสูทของเขาแพงมาก มันแพงมากจนเธอไม่สามารถชดเชยเขาได้หากมันเสียหายในเครื่องซักผ้า ด้วยเหตุนี้ เธอจึงต้องซักทุกอย่างด้วยมือ เมื่อในที่สุดเธอซักชุดชั้นในของตัวเอง เธอก็รู้สึกราวกับว่ามือของเธอกำลังแสบร้อนทั้งที่เธอเพิ่งขยี้ไปไม่กี่ครั้งเอง...มาร์คนั่งอยู่บนเตียงและฟังความโกลาหลข้างนอก เขาสงสัยว่าตอนต่อไปของแผนเขาจะได้ผลหรือไม่ เขารู้สึกว่าวิธีการของแจ็คสันไม่เหมาะกับเขาเลย มันไม่เข้ากับบุคลิกของเขา และเขารู้สึกว่าเขาจะระเบิดกับแอเรียนได้ทุกเมื่อยิ่งเขาจ้องมองชุดนอนของเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกหดหู่มากขึ้นเท่านั้น เธอตั้งใจทำสิ่งนี้ใช่ไหม? เธอรู้สไตล์ที่เขาชอบ แต่เธอก็ยังซื้อชุดนอนที่มีลูกไก่สีเหลืองตัวเล็ก ๆ ให้เขา... เขาคงจะฉีกเสื้อผ้าพวกนี้แล้วโยนมันทิ้งให้ไกลที่สุดถ้าไม่ติดที่ว่าเสื้อผ้าของเขายังไม่ได้ซัก!เป็นเวลาเที่ยงคืนเมื่อในที่สุดแอเรียนก็ทำทุกอย่างจนเสร็จเมื่อเขาเห็นเธอปิดไฟและนอนลงบนโซฟา มาร์คก็หมดความอดทนที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ช้า
“เธอเห็นฉันเป็นแค่นั้นเหรอ? ความอกหัก?” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความขมขื่นเธอไม่ตอบเขา เธอไม่อยากคิดเรื่องนี้ ไม่ว่าอดีตของพวกเขาจะหวานหรือขมขื่นก็ตาม ตอนนี้มันเป็นเพียงความทรมานสำหรับเธอ ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาดูเหมือนจะไม่ได้จางหายไปไหนตามกาลเวลา พวกเขายังไม่สามารถนั่งลงและพูดถึงเรื่องนี้ได้อย่างใจเย็นสีหน้าของมาร์คพร่ามัวในความมืด หลังจากที่เงียบไปนาน เขาก็ลุกขึ้นยืนและหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาก่อนจะออกไปจากคอนโดมิเนียมแอเรียนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อประตูปิดลง ชั่วขณะหนึ่ง เธอรู้สึกท้อแท้ที่จะขอให้เขาอยู่ต่อ อย่างไรก็ตาม เธอรู้ว่าเขาจะไม่เป็นไรเพราะเขากล้าเดินออกจากประตูไป ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับเขา...หลังจากที่เดินออกมาจากคอนโด มาร์คก็เรียกแท็กซี่ไปยังโรงแรมใกล้เคียงทันที เขาไล่คนขับรถคนนั้นออกและเรียกไบรอันมาแล้ว เขาไว้ใจให้ไบรอันขับรถให้เขาแค่คนเดียวและไม่อยากเห็นหน้าคนโง่เขลาที่เกือบทำให้หลังของเขาเป็นรังผึ้งคนนั้นอีกเขานั่งลงบนเตียงที่โรงแรมและเปิดแล็ปท็อป ด้วยความรู้สึกรำคาญเขาจึงวิดีโอคอลหาแจ็คสันเมื่อแจ็คสันรับสาย สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ของเขาก็มืดสนิท มาร์คเห็นแต
ในขณะนี้แอเรียนอยู่ที่เคาน์เตอร์เงินสด “ให้ฉันช่วยอะไรไหมคะคุณผู้หญิง?”ผู้หญิงคนนั้นทัดผมที่หยิกของเธอไว้ข้างหลังใบหูและถามอย่างเบา ๆ ว่า “นายา พาลเมอร์ ทำงานที่นี่ไหม?”เมื่อแอเรียนได้ยินว่าเธอมาที่นี่เพื่อพบนายา แอเรียนจึงตอบทันทีว่า “วันนี้นายาหยุดงาน เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ วันนี้คุณจะไม่ได้พบเธอที่นี่หรอกค่ะ”ผู้หญิงคนนั้นยิ้ม “ฉันรู้ว่าเธอลาหยุด เธอเป็นลูกสะใภ้ของฉันเอง เมื่อคืนนี้หลานสาวของฉันมีไข้ ฉันมาที่นี่เพื่อยืนยันว่าเธอทำงานที่นี่จริงหรือไม่ เงินเดือนของเธอเท่าไหร่?”ความประทับใจของแอเรียนที่มีต่อผู้หญิงคนนี้ลดลงเมื่อเธอได้ยินว่าเขาเป็นแม่สามีของนายา แอเรียนตรวจดูผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเธออย่างตั้งใจ เขาดูเหมือนผู้หญิงประเภทที่ล้อเล่นด้วยไม่ได้ ผมของเขาเป็นแบบ 'ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้' ที่ยอดนิยมและถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลอ่อน เขายังสักคิ้วกึ่งถาวรอีกด้วย เขาสวมรองเท้าส้นสูงที่สูงประมาณสี่เซนติเมตร และกระเป๋าที่เขาถือนั้นก็งดงามมาก เพียงแค่ชำเลืองมองก็เห็นได้แล้วว่าผิวของเขาได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เขาแตกต่างจากตัวตนที่เป็นธรรมชาติของนายาอย่างสิ้นเชิง นายาเป็นคนที่เรียบง่าย แต่ถึงกระ
จู่ ๆ โทรศัพท์ของแอเรียนที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟก็ดังขึ้นเธอรีบวิ่งไปรับสายและพบว่าทิฟฟานี่โทรมา “ฮัลโหล แอริ! ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง? ชินกับการไม่มีฉันอยู่ด้วยแล้วหรือยัง?”แอเรียนแสร้งทำเป็นเกียจคร้าน “ไม่ ฉันไม่ชินเลย และฉันยังกลัวจนน้ำตาแทบไหลเพราะต้องอยู่คนเดียว! เธอรู้หรือไม่ว่าฉันไม่เคยเดิน ถ้าฉันสามารถวิ่งไปที่ร้านกาแฟหรือกลับบ้านทุกคืนแทนได้? แต่เมื่อฉันคิดดูแล้ว ไม่มีอะไรที่ฉันต้องกังวลเป็นพิเศษ ฉันแค่เป็นแมวที่ขี้กลัว แล้วช่วงนี้เธอเป็นยังไงบ้าง? ให้ฉันเดานะ ทุกอย่างกับแจ็คสันราบรื่นดี ถูกไหม?”นี่เป็นหนึ่งในวันที่ทิฟฟานี่ไม่สามารถค้างคืนกับแจ็คสันได้ ครั้งนี้เป็นเพราะมีคนมาเยี่ยมเธอ “โอ้ ก็ดี มั้ง? เอาล่ะ ฉันจะไม่โกหกเธอ ฉันรู้สึก ไม่ปลอดภัยนิดหน่อย พอใจไหม? ฉันอ่านบทความมากมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ความรัก และสิ่งต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต และฉันได้ข้อสรุปว่าผู้ชายอย่างเขาควรจะถูกปฏิเสธความปรารถนาของเขาบ้างเป็นครั้งคราว คือ ฉันไม่สามารถตอบตกลงตลอดเวลาได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะเบื่อฉันเร็วมาก” ทิฟฟานี่พล่าม “ดังนั้น หลังจากกลับมาที่เมืองหลวง ฉันจึงหาข้ออ้างที่จะไม่เจอเขาเป็นเวลาสองวัน แ
ป้าเดโบราห์มาพร้อมกับภารกิจจับคู่ทิฟฟานี่และหลานชายของเธอ และเธอจะต้องถูกสาปแช่งถ้าเธอไม่นำเสนอเขาด้วยรอยยิ้มที่แจ่มใส “อย่าเข้าใจฉันผิดสิที่รัก ทุกคนรู้ดีว่าครอบครัวของเธอเป็นเจ้าของที่ดินอันทรงคุณค่านั่น ซึ่งหากขายมันออกไปก็จะสามารถทำเงินได้มากมายมหาศาล! จากที่ฉันเห็น เธอและหลานชายของฉันเหมาะสมกันมาก เพราะฉะนั้นทำไม่เธอไม่ทำความรู้จักกับเขาก่อนที่เธอจะตัดสินเขาล่ะ? โอ้ อันที่จริง ฉันจะนัดเดทให้เธอเดี๋ยวนี้เลย!”ลิเลียนเงียบไป เธอยอมรับว่าในอดีตเธอต้องการให้ลูกสาวของเธอแต่งงานโดยเร็วที่สุด แต่นั่นเป็นเพียงเพราะเธอต้องใช้ชีวิตที่ยากจนอย่างกะทันหันและเธอต้องการออกจากมันโดยเร็วที่สุด แต่ตอนนี้ทัศนคติของเธอเปลี่ยนไปแล้ว สิ่งดี ๆ จะมาเยือนผู้ที่รอคอย และเนื่องจากลิเลียนมีเงินอยู่เล็กน้อยเพื่อสนับสนุนความอดทนของเธอ เธอจึงไม่ได้รีบร้อนอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม เธอคิดว่าการพบปะระหว่างลูกสาวกับคู่เดทแบบสบาย ๆ คงเป็นเรื่องที่ยุติธรรมในทางกลับกัน ทิฟฟานี่เกลียดการมีคนอย่างป้าเดโบราห์มาคอยบงการชีวิตของเธอ "ฉัน จะ ไม่ ทำอย่างนั้น!” เธอตะคอก “ฉันจะพูดตรง ๆ ฉันมีแฟนแล้ว ดังนั้น ได้โปรดละเว้นฉันจาก
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง