“ผมไม่ได้คาดว่าคุณจะมีประสิทธิภาพขนาดนี้ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด ผมจะขอทิฟฟานี่แต่งงานโดยเร็วที่สุด”มาร์คไม่สนใจเลยว่าอีธานจะแต่งงานหรือไม่ “ลงนามในข้อตกลงการโอนเดี๋ยวนี้ ฉันไม่มีเวลาสำหรับการเม้าท์มอย”อีธานเซ็นชื่อลงบนเอกสารอย่างสบาย ๆ และเงยหน้าขึ้นมองขณะที่เขาถามว่า “ถ้าผมแต่งงาน ในฐานะพี่ชายของผม คุณจะไปใช่ไหม?”“อย่าล้ำเส้น!” มาร์คจ้องหน้าเขาด้วยสายตาพิฆาตอย่างไม่ละสายตาอีธานยักไหล่ขณะที่เขายิ้มอย่างมีความหมาย “เหรอ? ผมขอให้คุณให้ผมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ ครอบครัวเทรมอนต์ แต่เนื่องจากคุณไม่เต็มใจ ผมก็ไม่ต้องการบังคับคุณเช่นกัน ผมสามารถมีทุกอย่างได้โดยทำด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามมันจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ ต่อผมหากผมประกาศว่าผมเป็น เทรมอนต์เช่นกัน อันที่จริงผมจะได้เปรียบด้วยซ้ำ คุณจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม? ท้ายที่สุดคุณได้บอก แอเรียนทุกอย่างที่ผมทำไปแล้ว คุณจะอธิบายตัวเองอย่างไรและสถานการณ์มันจะลำบากสำหรับคุณอย่างไรก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผม คุณต้องทำตัวเหมือนเรามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและยอมรับผมเป็นน้องชายของคุณ”มาร์คเริ่มตระหนัก อีธานไม่เพียงต้องการประกาศตัวตนของเขาเท่านั้น แต่เขาต้อ
เมื่อมองดูเด็ก ๆ ที่ร่าเริงและพูดพล่อย แอเรียนไม่สามารถไม่หัวเราะได้ “ฉันไม่ได้คาดคิดว่าคุณจะเป็นที่นิยมในหมู่เด็ก ๆ ฉันคิดว่าพวกเขากลัวคุณ”วันนี้มาร์คไม่ได้ใส่สูท เขาแต่งกายอย่างเข้าชุดด้วยชุดกีฬาแขนสั้นสีขาวและแว่นกันแดดสีม่วงอ่อน เมื่อเทียบกับความเฉียบคมในชุดสูทและรองเท้าหนังของเขา ตอนนี้เขาดูอ่อนโยนและสบาย ๆ มากขึ้น เขาก้มลงอุ้มเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อายุประมาณสี่ขวบและขอให้ไบรอันดึงสิ่งที่อยู่ในกระโปรงหลังรถออกมาราวกับรู้ว่าอะไรอยู่ท้ายรถ เสียงเชียร์ของเด็ก ๆ ก็ดังขึ้น "คุณเทรมอนต์ คุณเอาหนังสือและของเล่นมาให้เราอีกแล้วเหรอ?! และขนมอร่อย! เราหวังว่าคุณจะมาทุกวัน คุณผู้หญิงบอกว่าคุณมาครั้งสุดท้ายไม่ถึงเดือนดังนั้นคุณจะไม่มาเร็ว ๆ นี้ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณอยู่ที่นี่!”แอเรียนรู้สึกประหลาดใจ เธอไม่คาดคิดว่ามาร์คจะไปเยี่ยมบ้านเด็กกำพร้าบ่อย ๆ ดูเหมือนว่าการบริจาคและความมีน้ำใจของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อการแสดงเท่านั้น เขาฝึกฝนสิ่งที่เขาเทศนาจริง ๆ“ไอ้หนู หนูหนักขึ้นนะเนี่ย ลุงไม่สามารถอุ้มหนูได้อีกต่อไป ไปเล่นสนุกและรับของว่างไป” มาร์คร้องเสียงหลงขณะที่เขาวางเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้
เด็กน้อยร้องไห้ขึ้นมาทันที หรือเพราะว่าอาจจะตกใจที่ถูกมาร์คหยิกเบา ๆ แอเรียนอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนด้วยสัญญาณ “โอ๋ เงียบนะลูกรัก ลูกของใครกันนะเก่งที่สุด…”เด็กน้อยหยุดร้องไห้ทันที แต่ยังคงมีสีหน้าที่เศร้าหมองอยู่บนใบหน้า ดวงตาของเขาแดงก่ำมาร์กระซิบถามข้างหูแอเรียนเบา ๆ ว่า “ทำไมเราถึงไม่รับเด็กมาเลี้ยงล่ะ?”แอเรียนชำเลืองมองเขา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ เธอแกล้งทําเป็นไม่ได้ยินเขา “ขอแค่ดูแลนางฟ้าตัวน้อย ๆ เหล่านี้เป็นอย่างดีก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอกค่ะ”หลังจากใช้เวลาช่วงเช้าในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้ามาเป็นเวลานาน แอเรียนและมาร์คปฏิเสธคำเชิญร่วมทานอาหารกลางวันกับผู้อำนวยการอย่างสุภาพระหว่างทางที่พวกเขากลับไปยังคฤหาสน์ เทรมอนต์ แอเรียนกําลังคิดถึงความรู้สึกของทารกเพศชายที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ เด็กคนนั้นดูอ่อนโยนและน่ารัก จนหัวใจของเธอเหมือนกําลังจะละลายมาร์คดูเหมือนจะรับรู้เรื่องที่เธอคิด เขาถามขึ้นมาว่า "เธอแน่ใจนะว่าไม่อยากจะรับเด็กมาเลี้ยง?" ฉันเห็นว่าเธอไม่ค่อยยอมปล่อยเด็กคนนี้เลย"แอเรียนมองออกไปนอกรถอย่างดื้อรั้น "ฉันไม่ได้... ไม่อยากมีบุตรบุญธรรม ฉันยัง
หลังจากนั้นไม่นาน มาร์คก็เข้ามาหาเธอจากด้านหลัง "เหล่านี้คือทรัพย์สินทั้งหมดที่ตระกูลเทรมอนต์เป็นเจ้าของ คุณลองดูว่ามีอะไรที่คุณชอบบ้างหรือเปล่า"เมื่อแอเรียนหันมาเห็นมาร์คถือใบรับรองการครอบครองทรัพย์สินจํานวนมากอยู่ในมือ ความหนาของมันทําให้เธอถึงกับอ้าปากค้าง “อะ... อะไร? ฉันไม่ต้องการ..."มาร์คทําหน้าบึ้งตึง "ผู้หญิงไม่อยากรู้สึกมั่นคงบ้างหรือ? คําพูดของไบรอันทําให้ฉันนึกถึงเรื่องนี้น่ะ… ”แอเรียนกลืนน้ำลายก่อนที่จะละสายตาจากสิ่งที่ทำ "คุณพูดจริงเหรอ? ทําไมคุณถึงคิดว่า คุณทําตัวแปลก ๆ ในช่วงสองสามวันนี้? ฉันเป็นศัตรูของคุณ มันไม่น่าแปลกใจเหรอที่คุณให้ทรัพย์สินแก่ศัตรู? อีกอย่าง ฉันไม่ได้ขาดเหลืออะไร ฉันมีอาหารให้กิน มีเสื้อผ้าในคฤหาสน์ เทรมอนต์ ให้ใส่ และคุณก็ยังให้เงินฉัน ฉันพอใจมากแล้ว เอามันออกไป เถอะ ฉันไม่อยากได้ทรัพย์สินอะไรทั้งนั้น"มาร์คโยนเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงบนโซฟาข้าง ๆ พวกเขา ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย "ฉันไม่ได้คิดว่าเธอเป็นศัตรู เธอเป็นภรรยาของฉัน ถ้าเธอไม่ชอบทรัพย์สินเหล่านี้ เราจะเลือกสิ่งที่คุณชอบ ฉันจะซื้อให้มันให้เธอ"ในที่สุดแอเรียนก็รู้ว่าเขาพูดจริง ดังนั้นเ
แอเรียนแค่คิดว่ามาร์คโกรธ เธอค่อนข้างหวาดกลัวเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่ย่อท้อ จะว่าไปแล้วการได้ดื่มด่ำกับเครื่องปรับอากาศในคาเฟ่กับการพักผ่อนในออฟฟิศที่เงียบสงบของมาร์คก็มีความแตกต่างกันเมื่อเอลลี่มาถึงชั้นที่สี่สิบหก เอลลี่ก็เดินเข้าไปเตือนแอเรียนว่า "คุณนายคะ คุณเทรมอนต์มีแขกค่ะ"แขก? เธอคิดถึงคําพูดของเอลลี่อยู่พักหนึ่ง แล้วถามว่า "คุณหมายถึง… ฉันไม่ควรที่จะเข้าไปตอนนี้ใช่ไหม?"เอลลี่ส่ายหัว "ไม่ค่ะ ฉันแค่มาแจ้งให้คุณทราบ"เอลลี่ไม่ได้ห้ามเธอ แค่เตือนเธอเหรอ? แขกคนไหนต้องการพิธีรีตองแบบนี้?แอเรียนอดที่จะสงสัยไม่ได้ พร้อมกันนั้น สายตาของเธอก็ก้มลงมองอยู่ที่หน้าอกของเอลลี่ เธอรู้มาตลอดว่าเอลลี่เป็นผู้หญิงสวย มีภาพลักษณ์เหมือนนางแบบ เธอตัวสูง มีส่วนเว้าส่วนโค้งในทุกที่ที่เหมาะสม ขนาดเธอแต่งตัวแบบมืออาชีพ หน้าอกของเธอยังรัดกับกระดุมเสื้ออยู่ แม้แต่ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน แอเรียนก็ยังอดมองพวกเธอไม่ได้เขาจะอยู่อย่างสงบแบบนี้ได้ยังไง ในเมื่อมาร์คเจอเลขาสาวสวยแบบนี้ทุกวัน และที่ตลกกว่านั้น เขาวางโต๊ะของเอลลี่ ไว้ตรงทางเดินนอกห้องทำงาน นี่มันเสียความสวยของเอลลี่ไปเปล่า ๆเอลลี่ถามว
โดยปกติแล้ว แอเรียนจะไม่ถามมาร์คเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เพราะดูเหมือนเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้หลังจากเอธานพูดถึงเรื่องงานเลี้ยงอาหารค่ำ เขาจึงตัดสินใจทานอาหารค่ำกับพวกเขาในคืนนั้นสีหน้าของเขาแย่ลง หลังจากมาร์คได้รับข้อความนั้น "เราจะไปดินเนอร์กันที่ ไวท์ วอเตอร์ เบย์ ในคืนนี้"แอเรียนเดาอย่างมีสติว่า อีธานคือคนที่ชวนพวกเขามารับประทานอาหาร "อีธานเป็นคนเชิญเราใช่ไหม?"มาร์คไม่เต็มใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ยังพยักหน้าอยู่ เขาถึงกับดึงเน็กไทด้วยความโมโห มันทําให้เธอสับสนมากขึ้น ทําไมเขาถึงทําตัวเหมือนถูกข่มขู่จากใครบางคน? เธอรู้ว่าเขาเป็นยังไง ถ้าเขาไม่ยอม คงไม่มีใครบังคับเขาให้ทําอะไรได้ สีหน้าของเขาดีขึ้น เมื่อรู้ว่าหล่อนกําลังจ้องมองเขาอยู่ "ตอนนี้ฉันยุ่งมาก แต่ฉันก็ยังต้องรับมือกับเขาอยู่ดี มันน่ารําคาญมาก..."เธอปิดปากเงียบ จากนั้นเธอก็หยิบถั่วออกมาและกินมันเสียงดังเวลาห้าโมงครึ่งในตอนเย็น มาร์คกับแอเรียนไปถึงที่ ไวท์วอเตอร์ เบย์ คาเฟ่ อีธานได้จองโต๊ะสี่คนไว้ที่ห้องโถง มันเป็นเรื่องจริง ในจํานวนนี้มีสี่คนรวมถึงทิฟฟานี่ทิฟฟานี่นั่งข้างแอเรียนทันทีเมื่อมาถึง เธอไม่เข้าใจเลยว่
ทิฟฟานี่ใช้มือข้างหนึ่งกำเสื้อของเธอไว้ข้างใต้โต๊ะ ดูเหมือนเธอจะถูกกลืนไปกับความกดดันที่มองไม่เห็น ทําให้เธอไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองแจ็คสันได้ความเงียบเพียงไม่กี่วินาที แต่ก็เป็นนิรันดร์สำหรับเธอ แจ็คสันเหลือบมองไปทิฟฟานี่ แล้วเอาไวน์แดงมาจากอีธาน "แน่นอน"แม้เธออาจจะไม่ค่อยรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายและผู้หญิงมากนัก แต่แอเรียนก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ มาร์คยังดูเย็นชาและห่างเหิน ในทางกลับกัน ทั้งแจ็คสันและอีธานต่างก็มีมารยาทดีต่อกัน เธอไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลยในที่สุดทิฟฟานี่ก็รู้สึกโล่งใจหลังจากแจ็คสันจากไป เธอกินได้ไม่มาก แต่เธอก็รู้สึกว่าตัวเองอิ่มแล้ว เธอวางส้อมและช้อนลง "ฉันอิ่มแล้ว นายค่อย ๆ เพลิดเพลินกับอาหารเย็นของนายนะ ฉันจะขอตัวออกไปเดินเล่นข้างนอกก่อน"แอเรียนก็ยืนขึ้นและพูดว่า "ฉันก็อิ่มแล้วเหมือนกัน… ฉันจะไปกับทิฟฟ์”เมื่อพวกเธอเดินออกจากประตู แอเรียนถามเธอว่า "ทิฟฟ์เธอเป็นอะไรหรือเปล่า โดยปกติแล้ว เธอมักจะอยากอาหารมากกว่านี้…”ทิฟฟานี่มองเธออย่างเศร้าหมอง "เธอหมายถึง ปกติฉันกินเยอะใช่ไหม? ฉันไม่รู้ว่าทํา
หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จ มาร์คและแอเรียนก็กลับไปที่ คฤหาสน์ เทรมอนต์ ทันทีเมื่ออีธานไปส่งทิฟฟานี่ถึงที่บ้าน เขาหยิบแหวนออกมาอีกครั้ง “ทิฟฟ์ เธอให้คำตอบฉันได้ยัง?”ทิฟฟานี่รู้สึกอึดอัด “อีธาน… ฉันขอโทษ ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจเลย”อีธานขวมดคิ้วและเก็บแหวน “เธอบอกฉันว่าเธอจะให้คำตอบฉันเมื่อฉันออกจากโรงพยาบาล แค่บอกมาว่าระหว่างเรายังเหลือความรักอยู่ไหม มันยากที่จะตัดสินใจขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือเธอไปตกหลุมรักใครระหว่างที่เราไม่ได้คบกันแล้ว?” ทิฟฟานี่เลื่อนกระจกรถลงเพื่อสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบอารมณ์ตัวเอง “ไม่… ฉัน… ฉันแค่กลัวว่าแม่จะไม่พอใจ นายก็รู้จักเธอดี ถ้าเธอโวยวายขึ้นมาแล้วไม่มีใครสามารถเอาเธอลงได้ง่าย ๆ…” ในสถานการณ์แบบนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องอ้างแม่ของเธอ แม้ว่าคำพูดหวาน ๆ ของอีธานจะทำให้เธอหวั่นไหว แต่การตอบตกลงคำขอแต่งงานของเข้าง่าย ๆ ก็ดูจะไม่เหมาะสม... อีธานกัดฟันตังเองก่อนที่จะหายใจเข้าลึก ๆ “ถ้าแม่ของเธอคือความกังวลเดียวที่เธอมี ฉันจะจัดการเอง ฉันจะไม่ขอคำตอบจากเธอตราบใดที่ยังแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้ เมื่อกี้ฉันนึกว่าเธอตกหลุมรักคนอื่นไปแล้ว ความคิดนั้นทำให้ฉัน
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง