ฌองยังคงโกรธเป็นฝืนเป็นไฟ “ได้ ไปหย่า!”...หนึ่งสัปดาห์หลังจากเกิดเหตุการณ์ของทิฟฟานี่ ในที่สุดมาร์คก็กลับมาที่คฤหาสน์เทรมอนต์ เขากลับมาในช่วงเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์ แอเรียนเพิ่งตื่นนอนและรับประทานอาหารเช้าในห้องอาหาร เธอไม่ได้พบเขาเพียงสัปดาห์เดียว แต่เขาดูเหมือนจะซูบผอมลงมาก แม้ว่าเขาจะยังคงอยู่ในชุดสูทและทรงผมที่ยุ่งเหยิง ตอหนวดเคราที่ไม่ได้โกนที่คางของเขาทำให้เขาดูรู้สึกอ่อนเพลียเมื่อเทียบกับก่อนหน้านั้น ให้ความรู้สึกของความเป็นผู้ใหญ่ที่แตกต่างออกไป แอเรียนไม่เคยถามเกี่ยวกับเรื่องงานของเขาเลย เพราะเคยชินกันการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เธอไม่ได้วางแผนที่จะถามเขาตอนนี้ แต่แมรี่สะกิดเธอจากด้านหลังทำให้เธอเกือบสำลัก เธอเข้าใจแล้วว่าแมรี่หมายถึงอะไร มาร์คอยู่ที่บันไดแล้วเมื่อเธอรวบรวมความกล้าและถาม “บริษัทของคุณดีขึ้นแล้วเหรอคะ? ทำไมถึงเพิ่งกลับบ้านตอนนี้หลังจากที่ไม่ได้กลับมาตั้งนานคะ?”มาร์คมองไปที่ด้านข้างเล็กน้อยโดยไม่ได้หยุดก้าว “เมื่อผมบอกคุณคุณก็คงจะไม่ได้เข้าใจ ผมจะกลับไปที่ออฟฟิศอีกครั้งในภายหลัง ออกไปช็อปปิ้งหลังจากอาหารเช้า ใช้บัตรที่ผมให้คุณเอาไว้ อย่าเอาแต่ขลุกอยู่ที่บ้า
หลังจากที่ระบำแห่งคลื่นอารมณ์เคลื่อนผ่านพ้นไป แอเรียนกลับลงไปซุกตัวลงกับที่นอนอีกครั้งหลังจากที่เธอเพิ่งจากมันไปเมื่อไม่นาน เธอสั่นสะท้านขณะเฝ้าดูทุกการกระทำของมาร์ค มันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีที่ทำเรื่องนั้นตั้งแต่เช้าตรู่...ใช่ไหมนะ? มันไม่ได้มีการเล้าโลมมากนัก หรืออีกนัยหนึ่ง เขาไม่มีเวลามากพอที่จะทำมัน การเล้าโลมจึงไม่เกิดขึ้น เธออยากจะปฏิเสธเขาทว่าก็กลัวเกิดที่จะทำเช่นนั้น ร่างกายของเธอยังคงอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมเธอมองเขาด้วยสายตาที่พร่ามัวทั้งตระหนักได้ว่าครึ่งบนของเขานั้นเสื้อผ้ายังคงดูเหมือนว่าจะอยู่เหมือนเดิม จากมุมมองของเธอ สิ่งที่เธอเห็นมากที่สุดคือคางของเขา ภาพเงาของเขาช่างสมบูรณ์แบบและได้กลิ่นหอมสดชื่นที่เป็นกลิ่นของอาฟเตอร์เชฟ ด้วยความสุขุมและแววตาที่สงบในตอนนี้จ้องมองลงมาที่เธอ ส่งผ่านแรงกระแทกที่ทำให้ร่างของเธอสั่นสะท้านตลอดทั้งร่าง...ครึ่งชั่วโมงต่อมา... เขาออกจากคฤหาสน์เทรมอนต์ราวกับลมพายุ เธอยังไม่ได้สติมากนักแม้ว่าเสียงรถยนต์ของเขาจะห่างออกไปไกลแล้วก็ตาม เธอยังคงนอนอยู่บนเตียงที่ยับย่นของพวกเขาไม่ยอมขยับเขยื้อนเธอไม่สามารถส่งเสียงแปลก ๆ เช่นที่เธอทำในช่วงเวลาที่ส
ก่อนที่เธอจะพูดจบประโยคสุดท้ายเฮนรี่ก็เดินไปยังพุ่มดอกไม้ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง เธอยิ้มกว้าง “เฮ้ เจ้าคนหัวโบราณ! คุณแก่พอที่จะรู้ว่ามันคืออะไรใช่ไหม? คุณแค่แกล้งโง่! มาเถอะข้าวปั้น ไปหาอะไรกินกันดีกว่า...”...ทิฟฟานี่ขับรถไปตามถนนเร็วราวกับพายุเฮอริเคน แอเรียนกังวลเป็นอย่างมากว่าเธอจะไม่สามารถหยุดรถได้ทันเวลาเมื่อต้องจอดต่อท้ายรถคันอื่น “เธอช่วยขับช้าลงหน่อยได้ไหม? เธอกำลังทำให้ฉันกลัวจะตายอยู่แล้ว!”ทิฟฟานี่ไม่ได้สังเกตเห็นเธอ “บ้านพักนั่นค่อนข้างเงียบสงบและไม่มีกล้องตรวจจับความเร็วบนถนน เธอจะกลัวอะไร? นี่มันรถสปอร์ต จะต้องใช้ยังไงถ้าเราไม่ขับมันเร็ว ๆ? ไม่ต้องกังวลไป ทักษะการขับรถของฉันใช้ได้เลยทีเดียว”แอเรียนรู้สึกไม่มั่นใจ หากบุคคลที่พวกเขาไปพบคือคุณสโลนจริง ๆ พวกเขาอาจจะไม่จำเป็นที่จะได้รับข้อมูลจากเขา แม้ว่าเขาจะให้ข้อมูลนั้น แม้ว่าเขาจะให้ข้อมูลนั้น แต่พวกเขาจะแน่ใจได้หรือไม่ว่าเขายินยอมและให้ข้อมูลที่เป็นหลักฐานกับพวกเขา? คำพูดเพียงแค่อย่างเดียวไม่มีประโยชน์ บ้านพักหลังนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาในเขตชานเมือง อากาศสดชื่น นอกจากนั้นเนื่องจากเป็นบ้านพักที่หรูหราจึงเหมาะสำหรับการพั
แอเรียนไม่อาจทนรอได้อีกต่อไป เธอปลุกชายชราให้ตื่นด้วยความระมัดระวัง เขาลืมตาและคิดว่าเธอคือพยาบาลคนหนึ่ง “พอลลีนอยู่ที่ไหน? ทำไมวันนี้พวกเขาถึงเปลี่ยนพยาบาล?”แอเรียนวางอาหารลงตรงหน้าของเขา “ทานอาหารให้เสร็จก่อนค่ะ”ชายชราหยิบมีดและส้อมของเขาขึ้นมาอย่างช้า ๆ แต่ดวงตาของเขามองพวกเขาอย่างระมัดระวัง “คุณไม่ใช่พยาบาล ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”ทิฟฟานี่ดึงจดหมายออกมาจากกระเป๋าของแอเรียน “คุณเขียนจดหมายฉบับนี้หรือเปล่า?”ชายชราเหลือบมองไปที่จดหมายและพูดขึ้น “ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดถึงอะไร ฉันไม่เคยเขียนจดหมายใด ๆ มันสามปีมาแล้วที่ฉันออกมาจากสถานที่แห่งนี้ สายตาของฉันไม่ดีและมือของฉันก็สั่น ฉันจะเขียนจดหมายได้อย่างไรกัน?”ในตอนนี้แอเรียนรู้สึกสับสน “คุณไม่ใช่คุณสโลนใช่ไหมคะ? แล้วทำไมที่อยู่ของบ้านของคุณที่อยู่ก่อนหน้านี้ถึงอยู่บนจดหมายฉบับนี้คะ? คนที่ส่งมานี้สำคัญกับฉันมากค่ะ ได้โปรดบอกความจริงกับฉันเถอะนะคะ! ถ้าคุณไม่ใช่คุณสโลน อย่างน้อยคุณก็ต้องรู้จักเขา”ชายชราวางมีดลงและเอนกายลง “ฉันไม่รู้จัก ช่วยออกไปที คุณกำลังรบกวนฉัน”แอเรียนไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ถูกไล่ออกไปเช่นนี้ “สิ่งนี้เกี่ยวข้องก
ทิฟฟานี่ไปตามที่อยู่ของคุณสโลนในบ่ายวันนั้น แอเรียนกลับไปรอที่บ้าน ตอนแรกเธอตั้งใจจะไปกับเธอด้วย ทว่าเมื่อเธอนึกถึงปฏิกิริยาของมาร์คที่มีต่อจดหมาย เธอตัดสินใจล้มเลิก ก่อนทุกอย่างที่สงบอยู่จะปะทุเป็นปัญหาเพราะเหตุนี้ แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่ามาร์คไม่ได้เข้มงวดกับการที่เธอจะไปไหนก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอไปไหนเช้าวันรุ่งขึ้น ทิฟฟานี่ส่งข้อความมาบอกว่าเธอถึงบ้านแล้ว พวกเขาตกลงที่จะเจอกันหลังเลิกงานและพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวทิฟฟานี่รีบกลับมาตั้งแต่เช้าเพื่อไปทำงานตามปกติ ก่อนที่แจ็คสันจะตัดสินใจยื่นซองขาวให้กับเธออย่างกะทันหัน เธอต้องไปทำงานตามปกติ เพื่อที่เธอจะได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน แม้ว่าเขาจะยื่นซองขาวให้เธอก็ตามเธอมาสายกว่าเวลาที่กำหนดหนึ่งชั่วโมงด้วยความล่าช้าของการเดินทางที่ใช้เวลานาน เมื่อเธอมาถึงก็วิ่งเข้าไปในออฟฟิศ เธอสังเกตเห็นว่าดูเหมือนในลิฟต์จะมีคนอยู่น้อย สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกสะดวกสบาย อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องไม่ต้องเบียดเสียดกับใครและทำให้ช้าลงในเวลานั้นเองประตูลิฟต์ค่อย ๆ เปิดออก เธอตกใจ เธอคิดว่าไม่มีใครอยู่ภายในลิฟต์ แต่เธอคิดผิด อย่างไรก็ต
การ ‘บังคับ’ ที่แจ็คสันแสดงออกทำให้ทิฟฟานี่จนปัญญา เธอไม่เข้าใจว่าเขากำลังพยายามจะทำอะไร เขาทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากเกิดสิ่งที่น่าอับอายนั้นได้อย่างไร? เขาไม่ควรจะตกเป็นเป้าสงสัยไม่ใช่หรือ?เมื่อพวกเขามาถึงที่ชั้นล่าง เธอถ่วงเวลาอยู่ในนั้นโดยไม่ยอมก้าวออกจากลิฟต์ “คุณเวสต์ คุณไม่คิดว่าเราควรหลีกเลี่ยงที่จะตกเป็นเป้าสงสัยเหรอ? เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้น คุณยังไม่ได้แต่งงานและฉันก็ไม่ มันจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของเราและการอยู่ร่วมกันของเราในอนาคต คุณน่าจะไปก่อน ฉันจะนั่งแท็กซี่ไป”แจ็คสันไม่ได้ใส่ใจที่จะฟังเธอพูดอีกต่อไป เขายื่นแขนออกไปโอบรอบคอของเธอเอาไว้ และลากเธอไปที่รถ “คุณเวสต์เหรอ? คุณไม่เคยเรียกผมแบบนั้น ผมเคยบอกคุณไปแล้วว่าไม่เป็นไร ผมไม่กลัว แล้วทำไมคุณต้องกลัว? ขึ้นรถ”จิตใจของเธอฟุ้งซ่านด้วยกลิ่นโคโรญจน์จาง ๆ ของเขา เขาไม่เพียงไขข้อสงสัยให้กระจ่าง ทว่าเขายังขจัดทุกความกังวลของเธอให้หายไปจนหมดสิ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ส่งผลกระทบกับเขาจริงหรือ? เธอมองออกไปที่ข้างนอกหน้าต่างในรถยนต์ เธอเปิดหน้าต่างปล่อยให้อากาศเย็น ๆ เข้ามาภายในรถ ด้วยวิธ
แอเรียนผ่อนคลายลงหลังจากที่ได้ฟังคำตอบของเธอ พวกเธอสั่งอาหารของพวกเธอก่อนที่ทิฟฟานี่จะเริ่มรายงานสิ่งที่เธอพบเมื่อเธอไปตามที่อยู่ทางไปรษณีย์ “อย่างไรก็ตามฉันไปถามเพื่อนบ้านหลายคนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ ที่นั่น ความสอดคล้องที่พวกเขาอธิบายตามความจริง กับผู้ชายที่อาศัยอยู่ที่นั่นมาโดยตลอดคือ จอร์จ ลีไวน์ อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่รู้จักชื่อเต็ม ๆ ของเขาเพราะพวกเขาไม่ได้พูดมาก พวกเขาเคยได้ยินเด็กหนุ่มคนหนึ่งเรียกเขาว่า ‘คุณลุงสโลน’ ก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาไม่มั่นใจ บางทีเขาก็เรียกเขาว่า ‘คุณลุงลีไวน์’ ด้วยเหมือนกัน”“มีบางคนพาจอร์จ ลีไวน์ คนนี้ไปเมื่อสามปีก่อน และเขาไม่เคยกลับมาอีกเลย ฉันสงสัยว่าเขาอาจจะเปลี่ยนชื่อ เขาโกหกพวกเรา เขาคือคุณสโลน! ถ้าเราถอยออกมาและพูดว่าเขาไม่ใช่คุณสโลน แบบนั้นคุณสโลนในจดหมายฉบับนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกี่ยวข้องกับเขา ใครเป็นคนใช้ที่อยู่ของจอร์จ ลีไวน์ เพื่อส่งจดหมายโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน ถ้าจอร์จ ลีไวน์ไม่ใช่คุณสโลน เขาก็คือคนที่รู้จักกับคุณสโลน ฉันจะขอให้นักสืบเอกชนสืบเรื่องนี้ มาลบล้างความเป็นไปได้ว่าจอร์จ ลีไวน์เปลี่ยนชื่อของเขาหรือไม่”แอเรียนรู้สึกสงบขึ้
แอเรียนสังเกตเห็นผลไม้และอาหารเสริมบนหัวเตียง ซึ่งดูคล้ายกับที่เอธานนำมาเมื่อวาน อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากนัก สิ่งเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในบริเวณบ้านฟักฟื้น ซึ่งหมายความว่าตราบใดที่ใครบางคนซื้อของเหล่านี้จากบริเวณใกล้เคียง มันก็คงจะเหมือนกัน เธอไม่ค่อยเชื่อเรื่องของจอร์จนัก “คุณลีไวน์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณพูดเมื่อเรามาที่นี่เมื่อวานนี้ คุณมีเหตุผลสำคัญซ่อนอยู่เพื่อป้องกันคุณจากการพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เหรอคะ?”จอร์จหลับตาที่สับสนของเขา การหายใจของเขาถี่ขึ้นเล็กน้อย “ไม่ได้มีเหตุผลสำคัญอะไร ฉันแค่ไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับตัวเอง กรุณาอย่ามาหาฉันอีกเลย เรื่องของคุณสโลนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉัน ทั้งหมดนี้ฉันเพียงต้องการรอคอยความตายของฉันอย่างสงบ”ตามความคิดของเธอที่เดินทางไปตามที่อยู่ในจดหมายที่น่าเบื่อนี้ทำให้ทิฟฟานี่ยอมรับได้ยาก อย่างไรก็ตามจอร์จได้ยุติการสนทนากับเธอ จอร์จยอมรับว่ารู้จักกับคุณสโลนในทันที ซึ่งกำจัดความเป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นคุณสโลนออกไป นอกจากนี้ เขายังบอกอย่างชัดเจนในทันทีว่าคุณสโลนตายแล้ว นี่เป็นการขัดขวางแผนสำรองของแอเรียนหลังจากความพ่ายแพ
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง