เมื่อเธอไปถึงที่นัดหมาย แอเรียนและโรบินก็มารอเธอเป็นเวลานานแล้ว แอเรียนสังเกตเห็นทิฟฟานี่ที่แต่งหน้าหนาเตอะทันที เธอกระเดาะลิ้น “เกิดอะไรขึ้น? โดนปล่อยตัวจริงจังเลยเหรอ? อายไลเนอร์เธอเบี้ยวนะ”ทิฟฟานี่หัวเราะคิกคัก “อย่าขัดฉันสิ รู้ไหมว่าทำไมฉันเลือกที่จะมาเจอกันที่นี่? ถนนนี้ดังเพราะอาหารอร่อย ๆ วันนี้ฉันจะกินทุกอย่างที่อยากมาเป็นเดือน ๆ ให้หมดเลย!”“พี่ยังให้นมลูกอยู่ไม่ใช่เหรอคะ?” โรบินถามอย่างเป็นห่วง “ระหว่างที่ให้นมลูกพี่ต้องเลี่ยงอาหารหลายอย่างเลยนะคะ โดยเฉพาะอาหารข้างทาง ถ้ามันไม่สะอาดล่ะ?”ทิฟฟานี่ผิดหวังทันที “ทำไมต้องเตือนฉันด้วย ถ้าเงียบไว้จะตายไหม? ฉันอุตส่าห์ทนมาเป็นเดือน ๆ แล้วเธอก็สาดน้ำเย็นใส่ฉันและปลุกฉันจากความฝัน ช่างมัน ไปกันเถอะ”โรบินหัวเราะคิกคัก “ก็ได้ค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรแล้ว ต่อให้ฉันไม่พูดอะไรพี่แอเรียนก็จะเตือนพี่อยู่ดี”แอเรียนหยักไหล่ “ไม่ล่ะ ฉันไม่ห่วงหล่อนหรอก ถ้าหล่อนอาหารเป็นพิษขึ้นมาก็มีคนดูแลลูกให้หล่อนอยู่ดี หล่อนไม่ต้องให้นมลูกก็ได้ แม่สามีหล่อนสัญญาไว้ก่อนที่หล่อนจะท้องด้วยซ้ำว่าเขาจะเลี้ยงลูกให้หล่อนเอง หล่อนน่ะได้ชีวิตเหมือนถูกหวยเลยแหละ แล้
แม้ว่าเธอจะพูดอย่างนั้นแต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองซิลแวงทิฟฟานี่ที่เป็นผู้หญิงขี้สงสัยลุกขึ้นและเอ้อระเหยรอบ ๆ คู่นั้นอยู่สักพักก่อนที่จะกลับมาและพูดว่า “ฉันได้ยินผู้หญิงพูดอะไรทำนองว่าหล่อนจะดูแลเขาดีกว่าที่เจสสิก้าเคยทำมา แต่หนุ่มคนนั้นดูจะไม่พอใจเท่าไหร่นะ”ใบหน้าของโรบินถอดสี ทันใดนั้นซิลแวงก็ลุกขึ้นและเดินไปทางห้องน้ำขณะที่ผู้หญิงคนนั้นมีสีหน้าที่ไม่พอใจนัก จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกจากคาเฟ่ขณะที่ส่ายสะโพกที่ค่อนข้างจะใหญ่ของเธอแอเรียนสะกิดโรบินและพูดว่า “โรบิน เธอควรจะไปดูหน่อยนะว่าเกิดอะไรขึ้น”โรบินลังเล “คะ? ฉันว่ามันจะดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่นะ”แอเรียนหัวเราะและพูดว่า “เธอเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ? การที่เพื่อนคนหนึ่งเป็นห่วงอีกคนมันผิดตรงไหน? เธอก็แสร้งทำเป็นว่าเจอเขาโดยบังเอิญและอยากจะทักทายเขาเฉย ๆ สิ มันไม่ได้ผิดกฎหมายสักหน่อย เธออยากให้ฉันหาเหตุผลให้เพิ่มอีกไหมล่ะ?”หลังจากที่ได้ยินคำพูดของแอเรียนและการส่งเสริมของเธอ โรบินก็หายใจเข้าลึก ๆ และลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินไปหาซิลแวงเธอรออยู่ข้างนอกสักพักก่อนที่ซิลแวงจะเดินออกมา ใบหน้าของเขายังเปียกเล็กน้อย มัน
แอเรียนส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง “เธอนี่ซื่อบื้อจริง ๆ เธอถามอ้อม ๆ หน่อยไม่ได้เหรอ? เขากำลังอยู่ในช่วงที่หมดหนทางที่สุด แน่นอนว่าเขาจะต้องรู้สึกอ่อนแอและอ่อนไหวง่ายอยู่แล้ว แถมเขายังเพิ่งจะโดนดูถูกอีก เธอน่าจะทักทายเขาแบบอ้อม ๆ ว่าบังเอิญจังเลยที่เจอกันที่นี่และถามไถ่ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง ถ้าเขาอยากจะบอกเธอเรื่องนั้น ยังไงเขาก็จะบอก ไม่อย่างนั้นก็ปล่อยเขาไปและอย่าไปตื๊อเขาเรื่องนี้ เธอน่าจะพยายามที่จะปลอบเขาแทนที่จะถามเขาตรง ๆ แบบนั้น ช่างเถอะ ฉันว่าคราวหน้าเขาน่าจะเล่ารายละเอียดให้เธอฟังมากขึ้น ตอนนี้เธอควรจะไปขอโทษเขาก่อนเพราะฉันมั่นใจว่าเธอคงจะไม่มีอารมณ์ที่จะช้อปปิ้งต่อแล้วล่ะ ฉันมั่นใจว่าเขาคงไม่โกรธเธอนานหรอก”โรบินห่อไหล่ “ฉันไม่กล้าค่ะ ฉันไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนั้นมาก่อนเลย แล้วฉันก็กลัวว่าฉันจะทำพลาดอีก ฉันรู้ว่าบางครั้งฉันก็โง่และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรที่ควรพูดไม่ควรพูด ที่ยิ่งกว่านั้น ฉันอาจจะทำให้เขาโมโหมากกว่าเดิมก็ได้ถ้าฉันไปคุยกับเขาอีก ฉันไม่รู้จะปลอบเขายังไงด้วยซ้ำ ฉันว่าฉันปล่อยให้เขาใจเย็นลงเองดีกว่าค่ะ”ทิฟฟานี่เปรียบเหมือนผู้ชมที่กำลังเลียเนยบนส้อมในขณะที่เพลิดเพลินกับเร
โรบินจับแขนเสื้อของตนเองด้วยความตื่นตระหนก “ถ้าพี่ไม่โกรธก็ดีแล้ว แต่ตอนนี้มันดึกมากแล้ว ฉันควรจะกลับบ้าน พี่เองก็ควรจะพักผ่อนนะ ดื่มแอลกอฮอล์มาเยอะขนาดนั้น พรุ่งนี้พี่จะต้องอาการหนักแน่ ๆ คราวหน้าอย่าดื่มหนักขนาดนี้นะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ” ซิลแวงปล่อยข้อมือของเธอ สีหน้าของเขาผิดหวังเล็กน้อย “อยู่กับฉันอีกหน่อยไม่ได้เหรอ?”ณ ตอนนั้นโรบินไม่สามารถหาเหตุผลเพื่อที่จะปฏิเสธได้ เธอจึงนั่งลงข้าง ๆ เขา “ก็ได้”หลังจากที่เงียบไปสักพักซิลแวงก็ถามว่า “เธอรอฉันนานแค่ไหน? อย่าบอกนะว่าเธอตั้งแต่เย็นแล้ว?”โรบินพยักหน้า “ฉันพยายามโทรหาพี่หลังจากที่ออกจากคาเฟ่แล้ว แต่พี่ปิดเครื่อง ฉันเลยมีทางเลือกเดียวก็คือมาที่นี่ ฉันไม่คิดว่าจะต้องรอถึงเที่ยงคืน แต่ดีแล้วที่พี่กลับมา ไม่อย่างนั้นฉันคงจะรอเก้อ” ซิลแวงเลิกคิ้วและพูดว่า “เธอบ้าไปแล้วเหรอ? ถ้าฉันไม่รับโทรศัพท์ เธอก็น่าจะปล่อยฉันไปสิ จะมารอฉันนานขนาดนี้ทำไม? เราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน เพราะฉะนั้นเธอจะสนใจทำไมว่าฉันจะโกรธไหม? เธอจะห่วงฉันขนาดนี้ทำไม?”‘ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน?’ โรบินผิดหวังเล็กน้อย ถึงจะไม่รวมช่วงที่พวกเขาเคยเดตกัน แต่อย่างน้อย
ซิลแวงไม่ลังเลอีกต่อไปขณะที่ผลักเธอลงโซฟา…หลังจากที่พวกเขาเสร็จภารกิจและเธอกำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ดวงตาของโรบินก็แดงไปด้วยความอับอาย เมื่อเธอตัดสินใจได้ว่าจะคุยกับเขา เขาก็ผล็อยหลับไปแล้วความผิดหวังเล็กน้อยแวบผ่านแววตาของเธอ เธอรู้ว่าถึงแม้ซิลแวงจะดื่มมาแต่เขามีสติอย่างเห็นได้ชัดและรู้ตัวแน่นอนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ที่เธอผิดหวังอาจจะเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้คุยกันหลังจากที่มีเซ็กซ์กันด้วยซ้ำ…เมื่อโรบินถึงที่บ้านเธอก็ต้องตกใจเมื่อเปิดไฟและพบกับใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธอ เธอเกือบจะร้องเสียงหลง แต่เมื่อเธอเห็นว่าคนคนนั้นเป็นแม่ของเธอ เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แม่มายืนทำอะไรที่นี่กลางค่ำกลางคืน? หนูตกใจหมดเลย” สีหน้าของแม่เธอมืดมน “ฉันไม่คิดว่าแกจะบอกฉันว่าแกไปนอนที่บ้านแอเรียนอีกใช่ไหม? เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมแกไม่อยู่ที่นั่นทั้งคืนเลยล่ะ? ฉันสงสัยมานานแล้ว แกมีแฟนใช่ไหม? ถ้ามี แล้วแกจะปิดบังฉันทำไม? แกต้องการทำให้ฉันอับอายด้วยการไปบ้านเขาทั้ง ๆ ที่แกแทบจะไม่รู้จักกันเลยเหรอ? แอเรียนแค่ช่วยแกปกปิดเรื่องนี้จากฉัน ถูกไหม? ฉันมั่นใจว่าคืนก่อนแกก็ไม่ได้นอนที่บ้านหล่อน ใช่ว่า
แอเรียนกึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อเธอได้ยินเสียงข้อความเข้า เมื่อเธอเห็นว่ามันเป็นข้อความจากโรบินเธอก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อตอบกลับ “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? ตอนที่เธอกลับจากคาเฟ่เธอไปหาซิลแวงไม่ใช่เหรอ? เธอทะเลาะกับแม่เพราะเรื่องนี้เหรอ? ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้ ฉันเป็นห่วงถ้าเธออยู่ข้างนอกคนเดียว”เมื่อเธอรู้ว่าโรบินอยู่ที่ไหน แอเรียนก็รีบเปลี่ยนชุดทันที เธอตั้งใจว่าจะไปโบกแท็กซี่แทนที่จะปลุกมาร์คเนื่องจากเขาเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวัน เธอรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรบกวนเขา ขณะที่เธอกำลังจะเปิดประตูห้องนอนเพื่อลงไปข้างล่าง เสียงของมาร์คก็ดังขึ้น “เธอแอบติดต่อใครดึกดื่นป่านนี้? แล้วยังจะออกไปข้างนอกคนเดียวเวลานี้อีก”เธอหันกลับไปและเห็นมาร์คกำลังยืนอยู่ข้างเตียงเด็กอย่างเกียจคร้านขณะที่มองมาทางเธอ เขายังช่วยห่มผ้าให้สมอร์ด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่ามาร์คจะตื่นตั้งแต่ที่เขาได้ยินเสียงข้อความนั้นแล้ว แอเรียนรู้สึกผิดเล็กน้อย “ฉันทำให้คุณตื่นรึเปล่า? ครั้งหน้าฉันจะวางโทรศัพท์ให้ไกลกว่านี้ คุณกลับไปนอนต่อเถอะค่ะ”มาร์คส่งเสียงเยาะเย้ย “อย่าเปลี่ยนเรื่อง ฉันถามว่าเธอจะไปไหน ติดต่อกับใคร”
”ฉันรู้ว่าแม่เธอคิดว่าฉันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แต่ฉันไม่โกรธเขาหรอก เขายังคิดว่าเธอเป็นเด็กน้อยอยู่ เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าเมื่อเธอทำอะไรที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน เขาจะต้องโทษคนรอบข้างเธออยู่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติ พ่อแม่หลายคนก็เป็นแบบนี้ ฉันเข้าใจและฉันไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับฉัน” เธอกล่าว “ที่สำคัญกว่านั้น ฉันรู้ว่าเธอกับเขาต่างรู้กันดีว่าพวกเธอมีความสัมพันธ์ที่แน่นแค่ไหน ถูกไหม? เลิกเศร้าได้แล้ว อย่าคิดมากเลย ไปนอนได้แล้ว… ฉันเตรียมห้องรับแขกไว้ให้เธอแล้ว” สิ่งที่กลายเป็นการปรึกษากันยามดึกดื่นทำให้แอเรียนได้นอนน้อยลง เมื่อถึงตอนเช้าเธอแทบจะลุกไม่ขึ้น มาร์คก็อยู่กับเธอเมื่อคืนก่อน แต่เขากลับดูสดใสกว่าเธอมาก ยิ่งพอเขาใส่สูทแล้วเขายิ่งดูมีกะจิตกะใจจะทำงานมากขึ้นไปอีก ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่มีผลกระทบกับเขาเลยแอเรียนรีบไปที่ออฟฟิศเช้าวันนั้นเพราะเธอต้องตรวจบางอย่างด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นเธอคงจะนอนต่อไปแล้ว ทว่า เธอง่วงเกินกว่าที่จะไปเรียกแท็กซี่เอง เธอจึงยอมรับคำเสนอของมาร์คที่จะไปส่งเธอหลังจากที่มองเธอหาวอย่างกว้าง มาร์คก็เอื้อมมือมาถูแก้มเธอ “นี่ ยังตื่นไม่ดีอีกเหรอ
โรบินยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะคะพี่แอเรียน”อย่างที่บางคนชอบพูดกันว่า บางทีชีวิตจะยื่นอุปสรรคมาให้เรา แต่ก็จะยื่นคนมาคอยช่วยเหลือด้วยเช่นกัน นั่นคือสถานการณ์ของโรบินในตอนนี้ แม้ว่าชีวิตของเธอจะวุ่นวาย แต่การงานของเธอดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อย ๆ คุณเยลแมนที่เป็นที่รู้จักกันดีว่าชอบบ่นไม่เป็นเรื่องและยังใจร้ายกับคำพูด เพิ่งจะเรียกเธอไปที่ห้องทำงานของเขาเพื่อที่จะชมผลงานของเธอดูเหมือนคุณเยลแมนจะพอใจกับการพัฒนาและความขยันหมั่นเพียรของโรบิน เขาถึงกับบอกเธอว่าหากมีตำแหน่งงานใดว่าง ตัวเลือกแรกของบริษัทจะเป็นเธอ แม้ว่าส่วนหนึ่งของคำชมที่พรั่งพรูออกมาจากคุณเยลแมนอาจเกี่ยวข้องกับการที่เขาพยายามจะทำให้แอเรียนประทับใจในตัวเขา แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขารู้สึกทึ่งกับการทำงานหนักและความทุ่มเทของโรบินจริง ๆโรบินออกจากห้องทำงานเขาด้วยความปิติยินดี แต่ก่อนเหตุผลเดียวที่คุณเยลแมนจะเรียกเธอคือเพื่อตะโกนใส่เธอ เธอไม่เคยฝันว่าจะมีวันที่เขาจะยกย่องเธอด้วย มันแปลกจนเธอสงสัยว่า แอเรียนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ เธอจึงถามว่า “พี่แอเรียน! คุณเยลแมนเพิ่งจะเรียกฉันไปที่ห้องทำงานของเขาเพื่อชมฉัน! พี่ได้ แบบว่า
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง