แจ็คสันต่อยพวงมาลัยและจ้องไปที่ลานบ้านของครอบครัวสมิธผ่านกระจกหน้ารถของเขา เขาถูกล่อลวงอย่างมากที่จะบุกเข้าไป แต่เขารู้ว่าเขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ไม่อย่างนั้นหัวข่าวในวันพรุ่งนี้จะเต็มไปด้วยข่าวที่เขาบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลและจะรวมข่าวซุบซิบที่ไม่สำคัญเกี่ยวกับเขาด้วย เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะไม่สามารถปกปิดอะไรจากทิฟฟานี่ได้เลย นี่เป็นเพียงหนึ่งในความเป็นไปได้เท่านั้น อีกประการหนึ่งก็คือเมื่อเขาเข้าไปแล้ว เขาอาจจะไม่ได้ออกมาอีกอย่างไรก็ตาม เขาสามารถนั่งอยู่เฉย ๆ ได้จริงเหรอ? ลินน์กำลังตกอยู่ในอันตรายก็เพราะเขา เขาเสียใจแล้วที่ขอให้เธอช่วย ถ้าเขาไม่ได้ไปเจอหรือถามเธอพวกเขาก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันและเรื่องนี้ก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นเมื่อเขาไม่มีทางที่จะแก้ไขเรื่องนี้ได้เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องติดต่อมาร์คเขาโทรหามาร์คและได้ยินเสียงพล่ามของแอริสโตเติลที่กำลังฝึกพูดอยู่พร้อมกับเสียงหัวเราะของแอเรียน เขาไม่แน่ใจว่าจะพูดอะไรทันที เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาไม่ควรที่จะรบกวนชีวิตของมาร์ค“แจ็คสัน ว่าไง?” มาร์คดีเหมือนจะอารมณ์ดี น้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความปลื้มปิติเช่นกันแจ็ค
เรื่องนี้ทำให้ทิฟฟานี่ต้องใจกว้างขึ้นมาแม้ว่าเธอจะไม่ยินดีก็ตาม เธอเลือกที่จะใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ที่คฤหาสน์เทรมอนต์เพื่อให้แจ็คสันได้มีเวลาส่วนตัว เธอไม่กล้าไปอยู่ที่บ้านของซัมเมอร์หรือลิเลียนเพราะกังวลว่าผู้อาวุโสอาจเห็นว่าพฤติกรรมของแจ็คสันไม่เหมาะสมหากพวกเขารู้เข้าเธอผู้ซึ่งไร้ความรู้สึกมาโดยตลอดดูกังวลและเงียบลงมาก เธอนอนจมอยู่บนโซฟาพลางจ้องอากาศตลอดทั้งบ่ายแอเรียนทนดูไม่ได้ “ทิฟฟ์ เธอไม่พอใจที่แจ็คสันจัดการเรื่องงานศพของลินน์เหรอ? ฉันว่าเธอปล่อยเขาเถอะ หล่อนเสียไปแล้ว ใจกว้างหน่อยน้า”ทิฟฟานี่ส่ายหน้าด้วยความเหม่อลอย “ฉันไม่ได้ใจแคบ นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันไม่พอใจ”“ถ้าอย่างนั้นมันเรื่องอะไรกันล่ะ?” แอเรียนถามด้วยความงุนงงทิฟฟานี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ฉันว่าเขามีบางอย่างปิดบังฉัน เขาไม่ยอมบอกฉันไม่ว่าฉันจะถามอีกกี่ครั้งก็ตาม คืนวันที่ลินน์เสีย อยู่ ๆ เขาก็บอกว่าเขาจะต้องออกไปข้างนอกทันทีที่เขาทำอาหารเสร็จ เพราะมีเรื่องงานด่วนที่จะต้องไปจัดการที่ออฟฟิศ ฉันชวนเขาทานอาหารก่อนแต่เขาก็ไม่ยอม ฉันรอเขาที่บ้านนานมาก แต่เขาก็ไม่กลับมาสักที ฉันเลยไปที่ออฟฟิศเพื่อเอาอาหารและผ้าพันคอไ
หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่มาร์คก็เปลี่ยนเรื่องคุย “การปรับปรุงคฤหาสน์วินน์เกือบจะเสร็จดีแล้ว เธออยากจะไปดูวันไหนดี?”อารมณ์ของแอเรียนดีขึ้นในที่สุด “เสาร์อาทิตย์หน้าค่ะ ฉันทนรอไม่ไหวแล้ว คฤหาสน์วินน์คงจะเหมือนคฤหาสน์เทรมอนต์ในอดีตมาก”“แค่น่าเสียดายที่มันจะดูไม่มีชีวิตชีวาเลยเพราะไม่มีใครอยู่ที่นั่น” มาร์คกล่าว “ฉันส่งคนไปตรวจดูแล้ว ฉันจะให้คนคอยไปทำความสะอาดและเก็บกวาดเป็นระยะ ๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงนะ”แอเรียนไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว เธอสบายใจกับการจัดการของมาร์ค เธอจึงปล่อยให้เขาทำทุกอย่าง เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากจะออกคำสั่ง เขายังจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดอีกด้วย “ขอบคุณนะคะ”“เธอพูดว่าอะไรนะ?” มาร์คถามพร้อมสีหน้าที่บูดบึ้ง “ฉันจะเสียใจที่ช่วยเธอหากเธอพูดสุภาพกับฉันแบบนี้ ต้องถ่อมตัวกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ?” เธออดไม่ได้ที่จะยิ้ม “มันเป็นการแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจไงคะ ไม่ใช่ตามมารยาทแบบเสแสร้ง ดูแจ็คสันสิ เขาปิดบังทุกอย่างจากทิฟฟ์จนตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถึงจุดแตกหัก คุณได้ปิดบังอะไรจากฉันหรือเปล่า? ฉันควรจะอารมณ์เสียด้วยหรือเปล่า?”มาร์คหรี่ตาลง “ฉันไม่เคยเก็บเร
เหตุผลเขาใกล้เคียงกับสิ่งที่แอเรียนบอกเธอก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้มันน่าเชื่อขึ้นสำหรับทิฟฟานี่ “คุณพูดความจริงใช่ไหม? กล้าสาบานไหม? ตอนนี้เลย ถ้าคุณโกหกขอให้ความสัมพันธ์ของเราจบภายในสามวันสามคืน”แจ็คสันหมดหนทาง สาบานเหรอ? ไม่มีทางที่เขาจะสาบานเรื่องนี้! “ทิฟฟานี่ เวสต์! ผมจะไม่สาบานเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอกนะ! และเราจะไม่มีวันเลิกกัน! คุณจะต้องอยู่กับผมตลอดไป จบ!”ทิฟฟานี่ดึงเขาเข้ามาใกล้ ๆ “กลัวเหรอ? หึ เพราะคุณกำลังโกหกใช่ไหมล่ะ? ใช่ใช่ไหม?! คุณคิดว่าฉันโง่เหรอ? คุณเห็นฉันเป็นคนโง่ใช่ไหม! คุณมันแย่ที่สุด!”เขาจูบเธอ มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะหยุดไม่ให้เธอหาเรื่องทะเลาะต่อฝั่งทิฟฟานี่โต้ตอบด้วยการเพิ่มความร้อนแรงในการจูบขณะที่มือของเธอเลื่อยไปที่เอวเขา เธอกำลังลงมือทำมากกว่าเดิมเมื่อเขาหยุดเธอ “พอได้แล้ว นอนกันเถอะ”ทิฟฟานี่ไม่พอใจ “นี่คุณจะไม่มีอารมณ์กับฉันอีกเลยเหรอ?”แจ็คสันเกือบจะหัวเราะออกมา “ขอร้องล่ะ ลึก ๆ คุณก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่ประเด็น ผมแค่ต้องหักห้ามตนเองเพื่อลูก… ทิฟฟ์ เรามีความสุขกันดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ผมจะไม่มีวันหักหลังคุณ ได้โปรดอย่าสงสัยผมแบบนั้นเลย”ทิฟฟานี่ทำห
เจตต์พอจะเดาออกได้ว่าทำไมเมลานีถึงจะไป อย่างไรก็ตาม เขาถามอเลฮานโดรอย่างระมัดระวังว่า “คุณเป็นคนสั่งให้ฆ่าลินน์จริง ๆ เหรอครับ?”อเลฮานโดรจ้องเขาด้วยสีหน้าที่มีความหมาย “นายคิดว่าไงล่ะ?”“ผมไม่คิดว่านั่นเป็นฝีมือคุณ” เจตต์ยอมรับพลางพยักหน้า “วันนั้นผมไม่ได้รับคำสั่งอะไรจากคุณ เพราะฉะนั้นคนของคุณจึงไม่ได้ทำงานกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็นฝีมือของท่านดอนใช่ไหมครับ? ทำไมคุณถึงไม่บอกความจริงกับเมลานีล่ะ?”อเลฮานโดรยิ้มเจ้าเลห์ “แล้วทำไมฉันจะต้องทำอย่างนั้นด้วย? เธอจะคิดยังไงกับฉันมันมันสำคัญด้วยเหรอ? ฉันไม่มีวันรักเธอ และฉันจะไม่ปล่อยให้เธอรักฉันด้วย ความรู้สึกของเธอจะเป็นอุปสรรคต่อฉันเปล่า ๆ อีกอย่าง เธอก็ทำให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเธอจะไม่มีวันหย่ากับฉัน ซึ่งเป็นอย่างเดียวที่ฉันต้องการจากเธอ” เขากล่าว “ฉันเหนื่อย ฉันจะพักแล้ว นายไปเถอะ”เจตต์พึมพำตอบรับด้วยความเข้าใจ เขาเดินออกจากห้องและปิดประตูตามหลังหลังจากค่ำคืนที่หิมะตกหนักทั้งเมืองก็ตื่นขึ้นมาพบกับหิมะที่ขาวเหมือนปุยเมฆปกคลุมทั้งเมืองไปทั่วทุกพื้นที่จนคนงานต้องเริ่มกวาดหิมะออกจากถนนตั้งแต่ก่อนฟ้าจะสว่าง แอเรียนเป่าลมใส่มือตนเองเ
รูปลักษณ์ของแอรี่เปลี่ยนไปมาก ผมที่แต่ก่อนย้อมสีของเธอตอนนี้ถูกย้อมเป็นสีดำ เธอไม่แต่งหน้า ซึ่งทำให้เธอดูอ่อนหวานและอ่อนเยาว์ มองผ่าน ๆ เธอแอบคล้ายแอเรียนเวลาสวมชุดทางการ“หวัดดีแอริ อย่าเข้าใจฉันผิดนะ ฉันไม่ได้มาหาเรื่อง” เธอแจ้ง “ฉันมาเพราะ… แม่ป่วย เขาไม่อยากให้ฉันบอกเธอแต่ฉันว่าเธออาจจะอยากรู้และไปเยี่ยมเขา ฉันก็เลยมาที่นี่ ฉันลาเพื่ออยู่ดูแลเขาไม่ได้ตลอดยิ่งเมื่อฉันใกล้จะต้องกลับไปเรียนที่ต่างประเทศในไม่อีกกี่วันแล้ว ขอโทษที่ต้องรบกวนนะแอริ แต่เธออาจจะต้องดูแลแม่ต่อสักพัก”แอเรียนขมวดคิ้ว แอรี่สงบเงียบและมีกาลเทศะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? หล่อนเรียกเธอว่า “แอริ” และเรียกเฮเลนว่า “แม่” ความแตกต่างระหว่างหล่อนในตอนนี้กับเมื่อก่อนต่างกันโดยสิ้นเชิง แอเรียนถึงกับต้องสงสัยว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเธอเป็นคนอื่นในคราบหล่อนหรือเปล่า“อย่าเรียกฉันแอริ ฉันทนฟังมันจากปากเธอไม่ได้ ทิ้งที่อยู่ของเขาไว้ เลิกงานแล้วฉันจะไปเยี่ยม”แอรี่ก้มหน้าลง “เอ่อ ฉันรู้ว่าแต่ก่อนฉันทำเรื่องแย่ไว้มาก แต่ตอนนั้นฉันทั้งเด็กและโง่เขลา ฉันไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร เธอเข้าใจใช่ไหม? คนเรามักเรียนรู้จากการผิดพลาด
หลังจากที่เงียบไปสักพักเฮเลนก็พูดต่อ “ตอนนี้เธอมีชีวิตที่ดีแล้วนะแอเรียน เธออาจจะไม่ได้ต้องการเยียวยาความสัมพันธ์กับฉันแล้วด้วยซ้ำ อนาคตมันไม่แน่นอน เราไม่รู้หรอกว่าเราจะต้องเจอกับอะไร สิ่งเดียวที่ฉันรู้ก็คือ เราจะไม่ได้อยู่เมืองเดียวกันแล้ว เพราะฉะนั้น เธอจงใช้ชีวิตให้เต็มที่และมีความสุขให้เต็มที่นะ”แอเรียนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีเหตุผล “ฉันไม่เคยต้องการ ‘การเยียวยา’ อะไรจากคุณ นั่นคือความคิดของคุณเองตั้งแต่แรก และเอาจริง ๆ ฉันไม่สามารถห้ามไม่ให้คุณไปไหนได้สักหน่อย”แววตาของเฮเลนฉายถึงความสิ้นหวังจาง ๆ “ฉันแค่กลัวว่าเธอจะคิดว่า ฉันกำลังจะทิ้งเธอเพราะความเห็นแก่ตัวอย่างที่เธอเชื่อตั้งแต่แรก ฉันรู้ดีว่าเธอไม่ได้ต้องการฉันแล้ว แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจอย่างมาก และลังเล…”แอเรียนลุกขึ้นยืน “ไม่ ฉันไม่มีวันคิดแบบนั้นหรอกค่ะ คุณไม่ต้องเสียใจด้วย ทุกอย่างที่ฉันไม่เคยได้รับในอดีต ตอนนี้ฉันมีทุกอย่างแล้ว ฉันไม่ได้ตัวคนเดียว” เธอเปล่าประกาศ “ฉันดีใจนะคะ ที่เห็นแล้วว่าคุณค่อนข้างจะสบายดี ถ้างั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”เฮเลนต้องการที่จะลุกออกจากเตียงเพื่อไปส่งเธอ แต่การขยับตัวของหล่
แอเรียนปฏิบัติต่อมาร์คในฐานะคนที่คู่ควรกับการแบ่งปันความสุขและปัญหาของเธอโดยอัตโนมัติอย่างที่มนุษย์ทั่วไปย่อมทำกับคนใกล้ชิดของตน ผู้คนมักจะไม่ค่อยมีความลับกับคนใกล้ชิดอยู่แล้วมาร์คมองเธอด้วยความจริงจัง “เกิดอะไรขึ้น?”เธอฝืนแสยะยิ้มให้เขา “เธอป่วย แต่ดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงนัก เธอเพิ่งจะได้รับการผ่าตัด เธอก็เลยไม่ได้มาหาสมอร์และฉันเลย แล้วเธอก็บอกฉันว่า เธอจะย้ายออกจากเมืองก่อนที่ฌองจะถูกปล่อยตัว เธออยากมั่นใจว่าฌองจะหาพวกเธอไม่เจอ ฉันว่า ฉันน่าจะเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเธอนะ ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงบ่นว่า เธอรู้สึกเสียใจแค่ไหนที่ต้องทิ้งฉันอีกครั้งหรืออะไรทำนองนั้น อย่างกับว่าฉันจะสนใจอย่างนั้นแหละ”มาร์คขยี้ผมเธอ “ไม่เป็นไรนะแอริ ทุกคนต่างก็ต้องเดินบนเส้นทางของตัวเอง หล่อนอาจจะไม่ได้อยู่ในเมืองนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะไม่สามารถติดต่อกันได้ซะหน่อย มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ ไม่เห็นจะต้องน้อยใจขนาดนี้เลย”“น้อยใจ?” แอเรียนโต้ตอบ “ฉันไม่ได้น้อยใจซะหน่อย! ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”มาร์คจับค้างเธอและเงยหน้าเธอขึ้นพลางจ้องเข้าไปในดวงตาเธอด้วยสายที่แหลมคมของเขา เ
แน่นอนว่าแอเรียนจะไม่กล้าอุ้มเพลโตอีกเนื่องจากเธอกลัวว่าลูกชายของเธอจะอิจฉาเมื่อแอเรียนบอกให้ทิฟฟานี่ตั้งชื่อเล่นให้เพลโต ทิฟฟานี่ก็ส่ายหัว “ผู้ชายจำเป็นต้องมีชื่อเล่นด้วยเหรอ? ถ้าสมอร์โตไปเป็นหนุ่มหล่อ มันจะไม่ตลกเหรอถ้าเราจะเรียกเขาว่าสมอร์? พวกสาว ๆ ที่ชอบเขาจะต้องหัวเราะจนน้ำตาไหลแน่นอน ชื่อเล่นจะน่ารักแค่ตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ”แอเรียนเบะปาก “เธอแค่ขี้เกียจที่จะคิดชื่อ ถูกไหม? เธอเลยอ้างเหตุผลทั้งหมดนี้ ชื่อเล่นเขาก็มีไว้เรียกเฉพาะตอนที่ยังเด็กเท่านั้นแหละ ใครเขาจะเรียกชื่อเล่นกันตอนโตล่ะ?”เมื่อพวกเธอกำลังคุยกันอยู่ อยู่ ๆ แจ็คสันก็โทรมา “คุณขับรถไปหาแอเรียนกับเพลโตคนเดียวเลยเหรอ? คุณไม่รู้จักฝีมือการขับรถตัวเองเลยเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง? คุณน่าจะขอให้คนขับรถของแม่ไปส่งคุณแทน”ทิฟฟานี่หงุดหงิดมาก “นี่คุณคงอยากให้อะไรเกิดขึ้นกับฉันมากสินะ? ฉันมาถึงแล้ว แค่นั้นยังไม่ดีพออีกเหรอ? ฉันแค่ถอยรถไม่เก่งแค่นั้นเอง ถ้าฉันขับเดินหน้าอย่างเดียวจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นได้บ้าง? คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะค่ะ”ทิฟฟานี่อาจจะหงุดหงิด แต่จริง ๆ แล้วเธอก็แอบดีใจ อารมณ์ของเธอชัดเจนมากแม้ก
เมื่อเมลานีทานอาหารเสร็จและพวกเขาออกจากบ้าน อเลฮานโดรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่พวกเขาขึ้นรถเมลานีเห็นดังนั้นจึงถามเขาว่า “โล่งอกใช่ไหมล่ะ? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องมา แต่คุณไม่ฟังฉันเอง ฉันเองยังเบื่อพ่อแม่ตัวเองเลย”อเลฮานโดรเงียบโดยไม่ตอบอะไร เขาตื่นเช้ามากและยังคงง่วงนอนอยู่ เขาจึงหลับตาลงและพักสายตาเมลานีเริ่มไม่สบายใจ อเลฮานโดรรู้เรื่องที่เธอแอบติดต่อกับทิฟฟานี่หรือเปล่า? เขาน่าจะ… ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกไหม? ไม่อย่างนั้นเขาน่าจะโวยวายไปแล้วแทนที่จะนิ่งสงบแบบนี้ เธอเลยคิดว่าเธอน่าจะบอกเขาก่อนที่เขาจะรู้ด้วยตนเองหลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่เธอก็พูดว่า “ฉันติดต่อกับทิฟฟานี่อยู่”ร่างกายของอเลฮานโดรแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว “แล้ว?”เธอคิดถูกแล้วจริง ๆ อเลฮานโดรจะมีปฏิกิริยาก็ต่อเมื่อมันเป็นเรื่องของทิฟฟานี่ แต่นอกจากนั้นเขาจะเมินทุกคำพูดของเธอ เมลานีแอบไม่พอใจ แต่ไม่แสดงให้เขาเห็น “คุณไม่โกรธเหรอ?”อเลฮานโดรลืมตาและมองหน้าเธอ “ทำไมผมจะต้องโกรธด้วย? ยังไงคุณก็ไม่ทำอะไรเธออยู่แล้ว”เมลานีพูดไม่ออก เขามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเธอจะไม่ทำอะไรทิฟฟานี่? เธอคิดมาเสมอว่าเธอไม่รู้จักอเลฮานโด
อเลฮานโดรรู้ตัวดีว่ามันเป็นเพียงความคิดตามสัญชาตญาณผู้ชายของเขาและไม่มีสิ่งอื่นใดหลังจากนั้นไม่นานหนังตาของเมลานีก็เริ่มหนัก อาจจะเป็นเพราะความเงียบสนิทที่เปรียบดั่งเพลงกล่อมนอนอย่างดี บวกกับครรภ์ของเธอที่ทำให้เธอง่วงเหนื่อยง่ายขึ้น ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะไม่สามารถนอนหลับได้เพราะอเลฮานโดรด้วยซ้ำ…ขณะที่เธอกำลังหาพลิกตัวหาท่านอนที่สบายด้วยความงัวเงีย อยู่ ๆ อเลฮานโดรก็พูดขึ้นมาว่า “หยุดขยับไปขยับมาสักที”เมลานีที่กำลังจะผล็อยหลับตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เธอเริ่มรู้สึกรำคาญและเหวี่ยงใส่เขา “นี่มันบ้านของฉันและเตียงของฉัน ทำไมฉันจะขยับตัวไม่ได้? นี่คุณอย่าหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผลได้ไหม?”เธอไม่ทันรู้ตัวว่าเธอเผลอไปโดนขาของเขาขณะที่เธอพลิกตัวไปมา ทันใดนั้นอเลฮานโดรก็ขึ้นคร่อมเธอโดยที่แขนแต่ละข้างของเขาอยู่ข้างตัวเธอเมลานีตกใจและหันหน้าหนีทันที “คุณจะทำอะไร? ลงไปเลยนะ!”กำปั้นของเธอเล็กมาก มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้อเลฮานโดรเจ็บได้ แต่การกระทำของเธอยังทำให้เขามีอารมณ์มากขึ้นอีกด้วย “ผมบอกให้คุณเลิกขยับไง คุณจะไม่ฟังผมใช่ไหม?”เมลานีไม่กล้าที่จะขยับตัวอีกและ
ในความเป็นจริงแล้วอเลฮานโดรกลับรู้สึกสบายใจโดยไม่รู้เหตุผลเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ “คุณสบายดีไหม?”เมลานีตะลึงเล็กน้อย “ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณไม่ต้องแสดงหรอก ที่นี่ไม่มีใครสักหน่อย แล้วคุณจะแกล้งทำทำไม? ฉันไม่ฟ้องคุณปู่หรอก เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้คุณกลับไปเลยก็ได้ ฉันอยู่ที่นี่แล้วสบายดี”อเลฮานโดรไม่สนใจสิ่งที่เมลานนีพูดและเรียกหาเจตต์ผู้ซึ่งนำทุกอย่างที่อเลฮานโดรได้ซื้อให้เธอเข้ามาให้ โต๊ะเครื่องแป้งของเธอเต็มไปด้วยข้าวของมากมายในไม่ช้าหัวใจของเมลานีเริ่มละลายแต่เธอบังคับให้ตัวเองสงบนิ่งต่อไปเมื่อเธอพูดว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณนะคะ แต่ฉันขอไม่รับของพวกนี้ดีกว่า เพราะฉันรู้ว่าคุณไม่ได้ให้มันด้วยความเต็มใจ”เจตต์ไม่ต้องการรู้เห็นเกี่ยวกับการทะเลาะของพวกเขา เขาจึงออกไปจากห้องเมื่อวางของเสร็จแล้วอเลฮานโดรพูดนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่อยากได้นก็ทิ้งไปสิ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้แพงขนาดนั้น พวกเครื่องประดับก็ราคาแค่สองสามแสนดอลลาร์ เพราะฉะนั้นคุณจะทำอะไรกับพวกมันก็แล้วแต่คุณเลย ในเมื่อคุณไม่อยากเห็นหน้าผม ผมกลับวันพรุ่งนี้ก็ได้ นอนเถอะ ผมจะไปอาบน้ำก่อน”เมื่อเมลานีเห็นเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำเธอ
ทิฟฟานี่ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าสีหน้าของแจ็คสันเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นตระหนก เธอไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรไป “เป็นอะไรเหรอ? ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?”มันเหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย แม้แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็น “เขาแต่งงานเพื่อความสะดวกแบบนั้น คุณยังจะเชื่อจริง ๆ เหรอว่าเขาจะมีความรู้สึกให้เมลานี ลาร์คจริง ๆ ? คุณคิดไปเองทั้งหมด ผมบอกคุณแล้วว่าห้ามไปเจอเขา ไม่ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจยิ่งห้ามแล้วใหญ่ คราวหน้าก็หลีกเลี่ยงเขาซะนะ!”ท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขาทำให้ทิฟฟานี่ตกใจกลัว เธอกลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรแจ็คสันรีบอาบน้ำให้เสร็จและออกไปโดยปล่อยเธอไว้คนเดียวในห้องน้ำ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันที ทุกอย่างกำลังไปได้ดีจนกระทั่งเธอพูดถึงอเลฮานโดรและทุกอย่างกลายมาเป็นแบบนี้… แจ็คสันหนีไปที่ห้องทำงานของเขาหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำเพื่อแอบดูดบุหรี่อย่างต่อเนื่องโดยที่ทิฟฟานี่ไม่รู้ นิ้วที่เขาถือบุหรี่สั่นไม่หยุด เขากลัวเกินกว่าที่จะคิดถึงปฏิกิริยาของทิฟฟานี่เมื่อเธอต้องรู้ว่าจริง ๆ แล้วอเลฮ
ขณะที่เขากำลังหาสวิตช์เปิดไฟบนกำแพงเพื่อที่จะเปิดไฟทิฟฟานี่ก็หยุดเขาเอาไว้ “ไม่! ฉันชอบแบบปิดไฟมากกว่า ฉันอายนิดหน่อยน่ะ”เขารู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ารอยแตกของเธอจะทำให้เขาหมดอารมณ์ เขายิ้มและจุ๊บหน้าผากเธอ “ไม่เอาน่า ปกติคุณไม่ขี้อายนี่ ผมไม่ยักรู้ว่าคุณจะอายเป็นด้วยซ้ำ ผมไม่มีวันที่จะหมดอารมณ์กับคุณหรอก คุณได้รอยแตกเหล่านั้นมาเพราะคุณอุ้มท้องลูกของผม พวกมันเป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคุณนะ”ทิฟฟานี่เชื่อคำพูดของเขา เขามีลิ้นที่กะล่อนที่ช่วยให้เขาสามารถถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้นอย่างราบรื่นได้จริง ๆแจ็คสันเปิดไฟเมื่อเธอกำลังเหม่อลอยในห้วงความคิดทิฟฟานี่รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวเองทันทีที่ไฟสว่างขึ้น “โธ่ อะไรเนี่ย! ฉันไม่อยากเปิดไฟ ขอเวลาฉันปรับตัวหน่อยสิคะ!”เขายิ้มอย่างมีเลศนัยขณะที่เมินคำบ่นของเธอและคว้าแขนเธอเพื่อหยุดเธอจากการดิ้นหนี…เธอลืมหายใจเมื่อเขาจับคางของเธอ สายตาเธอเริ่มพร่ามัวหมอนใบหนึ่งนอนอยู่บนพื้นหน้าเตียงราวกับว่ามันรับความป่าเถื่อนของพวกเขาไม่ได้...หลังจากที่เสร็จภารกิจแล้ว ทิฟฟานี่ก็ขดตัวในอ้อมแขนของแจ็คสันและวาดวงกลมบนแขนของเขาแจ็คสันจับมือของเธ
”หยุดทำไมล่ะคะ?” แอเรียนถาม “เล่นต่อสิ”“เธอก็มาผลักสิ ไม่อย่างนั้นก็มานั่งกับสมอร์” มาร์คชักชวนแอเรียนเคยตกชิงช้าเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เธอจึงหวาดกลัว “ไม่ ๆ ไม่ คุณเล่นกับเขาเลย เดี๋ยวฉันผลักให้ ขาคุณก็ออกจะยาว คุณน่าจะแกว่งตัวเองได้สบาย ไม่เห็นจะต้องพึ่งฉันเลย แล้วคุณจะขอให้ฉันผลักทำไม?”เขาเลิกคิ้วหนึ่งข้างและตอบว่า “เพื่อที่เธอจะได้มีส่วมร่วมด้วยแทนที่จะยืนเหม่อลอยอยู่ยังไงล่ะ…”มีบางอย่างผิดปกติในคำพูดของเขา…แอเรียนยอมแพ้และเดินไปข้างหลังพวกเขา เธอวางมือบนหลังเขาและออกแรงผลักแอริสโตเติลจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าแอริสโตเติลไม่ได้มีความสุขได้เฉพาะเวลาที่เล่นกับเจนิซ เพียงแต่ว่าเวลาที่แอเรียนเล่นกับเขาเธอมักจะเล่นแบบนิ่ม ๆ และเงียบ ๆ เพราะเขาคือลูกคนแรกของเธอและมันเป็นครั้งแรกที่เธอต้องเล่นกับเด็กทารก เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายอย่างที่เธอยังต้องเรียนรู้อีก...ในขณะเดียวกันที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ วิลล่าหลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแจ็คสันก็กำลังล้างจานในห้องครัวตามปกติ ทิฟฟานี่สามารถจ้องเขาในชุดผ้ากันเปื้อนได้ทั้งวัน เธอไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนพิงกำแพงในห้
หลังจากนั้นไม่นาน อเลฮานโดรและเจตต์ก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าและขึ้นรถไปอเลฮานโดรจ้องกองสินค้าสำหรับผู้หญิงข้าง ๆ เขา ระหว่างคิ้วของเขาแอบมีร่องรอยของความไม่พอใจเจตต์มองเขาผ่านกระจกมองหลัง “ท่านครับ อย่าปล่อยให้เรื่องอื่นเบี่ยงเบนความตั้งใจของท่านเลยครับ ท่านตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมนายหญิงที่อายาเช่แล้ว” เขาเตือนเบา ๆ “ดอน สมิธจะไม่มีวันมอบสมบัติของตระกูลสมิธให้ท่านถ้าท่านลงมือในตอนนี้”อเลฮานโดรมองออกไปนอกหน้าต่างและตอบอย่างใจเย็นว่า “รู้แล้ว”เขาคงจะไม่ได้ออกมาซื้อของในวันนี้หากดอน สมิธไม่ได้กดดันเขา เขายังต้องเหนื่อยซื้อของมากมายให้เมลานีอีกด้วย เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอแอเรียนและทิฟฟานี่ที่นี่เหมือนกัน ดูจากสีหน้าของแอเรียนแล้ว มาร์คคงจะบอกเธอทุกอย่างแล้วเขาได้ต้นไม้นั้นมาจากคนอื่นอีกที มันเป็นสายพันธุ์ที่หายากจากนาฟาเอธ เขาต้องลำบากอย่างมากเพื่อที่จะนำมันกลับเข้ามาในประเทศ และไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะออกดอกเมื่อไหร่ ถ้ามันได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน มันคงจะออกดอกในไม่ช้า ตอนแรกเขาตั้งใจว่าเขาจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับทิฟฟานี่เมื่อต้นไม้นั้นออกดอก แต่น่าเสียดายที่การเปลี่ย
หลังจากที่คุยกันนานพอสมควร ในที่สุดทิฟฟานี่ก็จำได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อเครื่องสำอางกับแอเรียน เธอหันไปหาแอเรียนและพบกับสีหน้าที่แปลกไปบนใบหน้าของแอเรียน “แอริ เป็นอะไรเหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย “ทำไมดึงหน้าแบบนั้นล่ะ? เธอโอเครึเปล่า?”แอเรียนหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะตอบว่า “ไม่ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ นิดหน่อย ฉันไม่อยากช้อปปิ้งแล้ว ไปกันเถอะ”ทิฟฟานี่เอื้อมมือไปจับหน้าผากของแอเรียน “เพราะโรคเลือดจางของเธอรึเปล่า? เธอดูซูบ ๆ นะ ไว้ฉันจะบอกให้มาร์คขุนเธอให้อ้วน แต่ไหน ๆ เราก็มาถึงที่นี่แล้ว ทำไมไม่ซื้อของของเธอเลยล่ะ? เหลือแค่ต้องจ่ายเงินเอง ไม่นานขนาดนั้นหรอก ไปนั่งก่อนไหม? เดี๋ยวฉันจ่ายให้”อเลฮานโดรหันมามองแอเรียน แววตาของเขาแฝงไปด้วยการยั่ยยุ ทั้งคู่ต่างตระหนักถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดีแอเรียนกลบเกลื่อนความโกรธของเธอและหาม้านั่ง เธอหวังเพียงว่าทิฟฟานี่จะเร่งรีบซื้อเครื่องสำอางเพื่อที่พวกเธอจะได้รีบออกไปจากที่นี่ ทุก ๆ วินาทีที่อยู่กับอเลฮานโดรถือเป็นความเสี่ยง“ทิฟฟานี่ ต้นไม้ที่ผมให้คุณออกดอกหรือยังครับ?” อเลฮานโดรจงใจถามถึงต้นไม้ในกระถาง ทิฟฟานี่ยื่นบัตรเครดิตของเธอให้พนักงานคิดเง