“นี่คือฉู่เฉิน เขาจะอยู่ที่ญี่ปุ่นสักพักหนึ่ง และต่อจากนี้ไป เจ้าจะต้องรับใช้เขาเหมือนที่รับใช้ข้า” “อะไรนะ นายท่าน เกิดอะไรขึ้น?”ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรเต็มไปด้วยความตกตะลึง แม้ว่าเขาจะไม่สามารถขัดขืนคำสั่งของงูเก้าหัวได้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม และเมื่อเป็นเพราะฉู่เฉินจากต้าเซี่ยคนนี้ ที่ทำให้ตระกูลของเขาล้มสลาย“ไม่จำเป็นต้องถามมากเกินไป เพียงทำตามคำสั่งก็พอ "งูเก้าหัวไม่ต้องการอธิบาย“อะไร เจ้ากล้าฝ่าฝืนคำสั่งของข้างั้นเหรอ?”“ผู้น้อยไม่กล้า”“ทำไมยังไม่เรียกเขาให้ถูกต้องเล่า?”งูเก้าหัวพูดอย่างสบายๆใบหน้าของผู้นำตระกูลเทะอิจิโรแสดงความไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เรียกฉู่เฉินว่านายท่านอย่างไม่เต็มใจแม้แต่ฉู่เฉินก็ไม่คิดว่างูเก้าหัวจะใจกว้างขนาดนี้ แต่การมีบุคคลที่แข็งแกร่ง อย่างผู้นำตระกูลเทะอิจิโรเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา นั่นจะทำให้การเดินทางในญี่ปุ่นง่ายขึ้นอย่างแน่นอน“อืม”ฉู่เฉินพยักหน้าเบาๆ บ่งบอกว่าเขายอมรับการยอมจำนนของผู้นำตระกูลเทะอิจิโรเมื่อเห็นเช่นนี้ งูเก้าหัวก็ส่งทั้งกลุ่มออกไปจากตำแหน่งปัจจุบันเมื่อพวกเขาปรากฏตัวอีกครั้ง ก็มาอ
“พี่ชาย แม้ว่าการให้คำมั่นว่าจะเป็นข้ารับใช้ นั้นเป็นความคิดที่ดี แต่พี่คิดว่าฉู่ซวนหวู่จะเห็นพวกเราในสายตาเหรอ เพราะคนรับใช้คนแรกของเขาคือ ผู้นำตระกูลอันดับหนึ่งในโตเกียว ฉันเกรงว่าเขาไม่สนใจพวกเราพี่น้องเลยด้วยซ้ำ” “น้องชาย ไม่ว่าฉู่ซวนหวู่จะเต็มใจรับเราเข้าไปหรือไม่ก็ตาม ก็ต้องทำเช่นนั้นอยู่ดี ไม่อย่างนั้นพวกเราอาจจะไม่รอดจากสถานการณ์นี้” โฮชิ กินตัดสินใจได้แล้วจากนั้นเร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็วและเดินไปทางฉู่เฉินขณะที่ฉู่เฉินกำลังสงสัยว่า เขากำลังจะทำอะไร เข่าทั้งสองก็ทรุดตัวลงคุกเข่า“ฉัน โฮชิ กิน ยินดีที่จะรับใช้ฉู่ซวนหวู่ในฐานะเจ้านายของฉัน ได้โปรดเถอะ นายท่านได้โปรดยอมรับฉัน และอนุญาตให้ฉันรับใช้เคียงข้างท่านด้วย” โฮชิ จิโระเมื่อเห็นว่าพี่ชายได้ทำเช่นนั้นแล้ว จึงคุกเข่าลงและพูดตามหลัง“ฉัน โฮชิ จิโระตั้งใจที่จะยอมรับคุณในฐานะเจ้านาย และฉันขอให้คุณยอมรับพวกเราสองพี่น้องด้วย”สถานการณ์ฉับพลันนี้ ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึงเดิมที ฉู่เฉินเตรียมที่จะแยกทางกับสองพี่น้องพอเห็นภาพแบบนี้ฉู่เฉินทำได้เพียงถามคำถามเท่านั้น“แม้ว่าตอนนี้พวกนายจะรู้ว่าฉันมาจากต้าเซี่ยและไม่เป็นคนประ
ทางลงเขานั้นทำให้เดินช้ามาก เพราะเดินลงยากกว่าขึ้นเขาแล้ว และต้องรอพี่น้องโฮชิฉู่เฉินเดินไปข้างหน้า ขณะที่ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรเดินตามหลังมาไม่นานก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้นข้างหลัง ฉู่เฉินรู้ว่าเป็นพี่น้องโฮชิเก็บข้าวของเสร็จแล้วและตามหลังมาโดยไม่หันกลับมาทั้งคู่หอบถุงใบใหญ่มา ซึ่งรู้สึกยากจะเข้าใจได้“พวกนายชนอะไรกันมา? ของเยอะแยะมาก” ฉู่เฉินถามอย่างสงสัยคำถามนี้ทำให้โฮชิ กินตื่นเต้นทันที“นายท่าน สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสมบัติ! เป็นของที่พวกเราสองพี่น้องตลอดหลายปีที่อาศัยอยู่บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และล้วนแต่เป็นสมุนไพรวิญญาณและยาจิตวิญญาณ ถึงแม้คนธรรมดาถึงจะยากได้เท่าไหร่ ก็ไม่สามารถครอบครองได้”เมื่อเห็นโฮชิ กินพูดอย่างภาคภูมิใจ ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากรู้อยากเห็นและมองดูและหัวเราะกับตัวเองนี่ถือเป็นยาจิตวิญญาณเหรอ?ฉู่เฉินสัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง แต่ดูเหมือนเป็นเสมุนไพรวิญญาณระดับเจ็ดหรือแปด ซึ่งไม่คุณภาพดีเท่ากับหญ้าป่าในนิกายแพทย์ซวนเทียน ซึ่งเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณอย่างท่วมท้นฉู่เฉินโยนแหวนจัดเก็บของออกมา ซึ่งได้มาจากการสังหารหมู่ครั้งก่อนของตระกูลฉินและเขาเ
สิ่งแรกที่ฉู่เฉินทำ เมื่อลงจากภูเขาคือพาพี่น้องโฮชิไปเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้นำตระกูลเทะอิจิโรมีสภาพปกติดี และแต่งตัวอย่างเหมาะสม เช่นเดียวกับฉู่เฉิน แต่พี่น้องโฮชิอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่พูดได้ว่า เพียงปกปิดจุดลับเอาไว้เท่านั้นพวกเขาทั้งสองอาศัยอยู่อย่างสันโดษบนภูเขามาหลายปีแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร แต่ตอนนี้พวกเขาลงมาจากภูเขาแล้ว และในสายตาคนอื่นก็คิดว่าเป็นพวกคนป่ามากกว่ามีร้านขายเสื้อผ้าบริเวณตีนเขาจำหน่ายเสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่นฉู่เฉินขอให้พี่น้องโฮชิเลือกเสื้อผ้ามาสองสามชุดในร้านมีคนไม่มากนัก แต่เมื่อพี่น้องโฮชิเข้ามา พวกเขาก็ยังทำให้ลูกค้าบางคนในร้านตกใจเจ้าของร้านถึงกลับขับไล่“ขอทานพวกนี้มาจากไหน ออกไปจากร้านของฉันซะ!”ฉู่เฉินเพียงโยนกองเงินเยนที่จัดเรียงอย่างประณีตลงบนเคาน์เตอร์ด้านหน้าของเจ้าของร้าน ทำให้สีหน้าของเขาก็สดใสขึ้นทันที“แขกผู้มีเกียรติ โปรดเลือกดูรอบๆ และเลือกสิ่งที่คุณต้องการ”สองพี่น้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่และถือหลายชุดไว้ในมือ“ราคาทั้งหมดจะอยู่ที่ 126,545 บาท แต่ฉันจะให้ส่วนลดแก่คุณและจะคิดแค่ 117,172 บาท
“ทำไมล่ะ ฉันถึงไม่ควรกลับมา?”ฉู่เฉินตอบกลับอย่างเย็นชา ทำให้เคนอิจิกระโดดลงจากเตียงทันทีด้วยความกลัวและคุกเข่าต่อหน้าเขา“ฉันไม่ได้หมายอย่างนั้น ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณจะกลับมาเร็วขนาดนี้” เคนอิจิก้มหน้าลง ตัวสั่นไปทั้งตัวและทั้งร่างมีเหงื่อไหลเมื่อเห็นเคนอิจิตัวสั่นด้วยความกลัว ฉู่เฉินก็ขี้เกียจเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระ“ฉันขอถามหน่อย ผู้หญิงที่มากับฉันหายไปไหน?”การหายตัวไปของฉินปิงเยว่ ทำให้ฉู่เฉินรู้สึกไม่สบายใจแล้วเมื่อได้ยินฉู่เฉินพูดถึงฉินปิงเยว่ ใบหน้าของเคนอิจิก็แสดงสีหน้าขัดแย้ง ในขณะที่เขาลังเลที่จะพูด “เธอ... เธอ….”เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉู่เฉินก็ตะโกนใส่ “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ พูดออกมา!”เมื่อเห็นฉู่เฉินโกรธ เคนอิจิก็ไม่กล้าปิดบัง“เธอถูกสมาชิกกแก๊งจูริที่พาตัวไป”คำพูดของเคนอิจิทำให้ฉู่เฉินตกตะลึงแก๊งจูริได้กลับมาแล้วเหรอ?ไม่เพียงแค่นั้น แต่ยังกล้ามาพาลักพาตัวคนจากบ้านแก๊งอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นไปอีก?“แล้วนายทำแค่ยืนดูเพื่อนของฉันโดนแก๊งจูริลักพาตัวไปเหรอ?”“ฉู่ซวนหวู่ แก๊งจูริ... พวกเขามีพระราชกฤษฎีกาจากองค์จักรพรรดิ และฉันไม่กล้าที่จะหยุดพวกเขา”เคนอิจิอธิบายอย่าง
ดูเหมือนว่าเคนอิจิจะปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ แพราะไม่มีใครที่อยู่ตรงหน้าจำได้ว่า ตัวเองคือใครหากได้รู้ตัวตนของเขาแล้ว และยังกล้าที่จะเย่อหยิ่งต่อหน้าอีก ฉู่เฉินจะนับถือความกล้าหาญของพวกเขาอย่างแท้จริงในขณะนี้ เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น“ท่านเทพ คุณจะทำร้ายหัวหน้าแก๊งเคนอิจิได้ยังไง ตอนนี้แก๊งคุคุจิทั้งหมดจะไม่มีวันปล่อยคุณไป”เห็นได้ชัดเจนว่าหัวหน้าแก๊งคุคุจิคือไอดอลของเขามาตลอดชีวิต เมื่อเห็นการตายของไอดอลต่อหน้าต่อตา ความจงรักภักดีอย่างไร้เหตุผล ทำให้เขาลืมความกลัวต่อฉู่เฉินไปหมดสิ้น ในขณะที่เขาก็ได้ร่วมกับคนอื่นๆ พูดจาวิพากษ์วิจารณ์ฉู่เฉินเมื่อเห็นเช่นนี้ ฉู่เฉินรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าอิบูกิในฐานะคนธรรมดา ที่มาถึงจุดนี้ได้จากการเกาะขาเขาไว้ และทำให้มีดวงตาที่มองละเอียดถี่ถ้วนแต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าคนธรรมดายังไงก็เป็นคนธรรมดา วิสัยทัศน์ของพวกเขาแคบเกินไปในกลุ่มคนหลายสิบคน มีทั้งระดับปรมาจารย์ ระดับทะลวงเส้นลมปราณและคนธรรมดาที่ดำรงตำแหน่งสูงในแก๊งคุคุจิล้อมรอบฉู่เฉินเอาไว้และสันนิษฐานว่าชายหนุ่มคนนี้ ซึ่งดูเหมือนจะอายุยี่สิบต้นๆ คงจะหวาดกลัวมาก เพราะถูกร
สำนักงานใหญ่ของแก๊งจูริเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับแก๊งจูริ ที่เป็นแก๊งยากูซ่าที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองในโตเกียว และหัวหน้าแก๊งจูริเอง ก็ถูกจักรพรรดิเรียกเข้าเฝ้าทุกคนในแก๊งจูริรู้สึกได้ว่า มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นดูเหมือนว่าแก๊งจูริกำลังจะไปทะยานฟ้าแต่ก่อน เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเฉพาะกับแก๊งคุคุจิเท่านั้น แต่ตอนนี้ก็ถึงคราวของแก๊งจูริแล้วตอนนี้สมาชิกของแก๊งจูริเดินไปตามถนนอย่างเชิดหน้าชูคอและต่างจากแก๊งคุคุจิ ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เป็นพวกนักเลง แต่สมาชิกของแก๊งจูริเป็นลูก ๆ หลาน ๆ ของตระกูลที่มีหน้ามีตาทางสังคมเหล่าทายาทของตระกูลมักจะเข้ารับการฝึกฝนในแก๊งจูริ และเมื่อตอนที่กลับไปยังตระกูล ก็สามารถปกครองตระกูลได้ทำให้เป็นเหตุผลว่า ทำไมแก๊งจูริถึงแม้จะเป็นเพียงแก๊งที่ใหญ่เป็นอันดับสองในญี่ปุ่น แต่ก็ยังสามารถต่อสู้กับแก๊งคุคุจิได้เสมอณ สำนักงานใหญ่ กลุ่มผู้บริหารระดับสูงของแก๊งจูริมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจ แต่จริง ๆ แล้ว การประชุมก็เปรียบเสมือนการพบปะสังสรรคกันของคนรุ่นใหม่จากตระกูลต่าง ๆ การชุมนุมเหล่าน
ชายทั้งสี่คนตกใจกับเสียงดัง จึงลุกขึ้นจากเสื่อทาทามิทันที และกำลังจะออกไปตรวจสอบ แต่แล้วประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรงมีร่างหนึ่งไม่เพียงแต่กระแทกเข้าประตูเท่านั้น แต่ยังชนเข้ากับผนังด้านหลังพวกเขาอีก ทำให้เกิดผนังเกิดรอยแตกหลายจุดก่อนที่จะทรุดตัวลงบนพื้นนั่นคือผู้บริหารของแก๊งจูริแน่นอนว่าทั้งสี่คนจำเขาได้นายน้อยตระกูลอาซุมะรีบก้าวไปข้างหน้า แล้วถาม"เกิดอะไรขึ้น?"“ศัตรูบุก!”คนนั้นพยายามพูดด้วยแรงทั้งหมด ก่อนจะหมดสติสามนาทีที่แล้วฉู่เฉินปรากฏตัวที่ประตูสำนักงานใหญ่แก๊งจูริพร้อมกับพี่น้องโฮชิ และผู้นำตระกูลเทะอิจิโรทันทีที่ปรากฏตัว สมาชิกของแก๊งจูริก็เห็นพวกเขาทั้งสี่คนในทันที ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจมากนัก และปฏิบัติเหมือนแค่ชาวบ้านที่สัญจรไปมา“รีบสะบัดตูดออกไปซะ! นี่คืออาณาเขตของแก๊งจูริ ห้ามคนธรรมดาเข้ามาที่นี่” เมื่อถูกไล่แบบนั้น ฉู่เฉินก็เหลือบมองโฮชิ จิโระเดินไปหาคนที่พูด“เจ้านายของฉันต้องการพบหัวหน้าแก๊งนาย ไปเรียกเขาออกมา”อาจเป็นเพราะน้ำเสียงของโฮชิ จิโระที่แข็งกระด้าง หรืออาจเป็นเพราะความหยิ่งผยองตามปกติของแก๊งจูริเมื่อได้ยินแบบนั้นสมาชิกของแก๊งจูริที่