เป้าหมายของฉู่เฉินชัดเจน และอีกสองคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดตัวเอง“บังอาจ ไอ้เด็กเหลือขอ!”เสียงคำรามดังก้องดังก้อง ขณะที่ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปเมื่อเห็นตระกูลเทะอิจิโรซึ่งเดิมทีได้เปรียบ ตอนนี้กลับล้มตายและบาดเจ็บ หากยังอยู่เฉย ตระกูลเทะอิจิโรอาจจะเหลือแต่ชื่อจากด้วยเสียงคำรามด้วยความโกรธ ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และตั้งใจที่จะโจมตีฉู่เฉิน“คุณเทะอิจิโร นี่คุณไม่เคารพ ฉันที่เป็นจักรพรรดิเลยสินะ!”มีเสียงเรียบๆ ดังขึ้น และจักรพรรดิปรากฏตัวต่อหน้าผู้นำตระกูลเทะอิจิโรอีกครั้ง โดยขวางทางของเขาเอาไว้แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะไม่แสดงรัศมีที่กดดัน แต่ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรก็รู้ว่าการเผชิญหน้ากับจักรพรรดิไม่ใช่เรื่องง่ายตอนนี้ ไม่จําเป็นต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิ เพียงแค่ต้องสลัดอีกฝ่ายออกและช่วยเหลือสมาชิกในตระกูลของเขาเท่านั้นจากความคิดนี้ ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรจึงพยายามหลบเลี่ยงและหันหลังกลับไปกลางอากาศ และพยายามที่จะสลัดจักรพรรดิออกไปแต่ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน จักรพรรดิก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา ราวกับว่าเขาสามารถคาดเดาทุกการเคลื่อนไหวของผู้นำตระกูลเท
“ฉันขอถามคุณหน่อย คุณเทะอิจิโร ในเมื่อคุณเป็นผู้นำตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดของโตเกียวอยู่แล้ว แต่คุณก็ยังประพฤติเช่นนั้นต่อไป จริงๆ แล้วนายพยายามที่จะทำอะไรกันแน่?”เมื่อฟังคำพูดของจักรพรรดิ ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ“องค์จักรพรรดิ กำลังจะบอกว่ากระหม่อมคิดคดทรยศใช่หรือไม่?”“ไม่เป็นอย่างนั้นเหรอ? แล้วทำไมคุณต้องทำแบบนี้? รวบรวมผู้มีพรสวรรค์ทั้งหมดของประเทศ ฉันคิดว่าคุณตั้งใจที่จะเข้ามาแทนที่ฉันอย่างชัดเจน”“กระหม่อมไม่มีเจตนาเช่นนั้น องค์จักรพรรดิ พระองค์ทรงเข้าใจกระหม่อมผิดไป”“ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างนั้นหรือไม่ ตอนนี้มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไป ตระกูลเทะอิจิโรได้หายไปจากโตเกียวแล้ว ซึ่งได้มาถึงจุดนี้แล้ว และก็สายเกินไปที่จะพูดอะไรแล้วล่ะ”ไม่ว่าองค์จักรพรรดิจะเชื่อในตัวผู้นำตระกูลเทะอิจิโรหรือได้ตัดสินใจไปแล้ว เขาก็พูดอย่างตรงไปตรงมาโดยประกาศว่าตระกูลเทะอิจิโถูกทำลายไปแล้วเมื่อพูดประโยคนี้ขึ้นมาฉู่เฉินสะดุ้งเมื่อได้ยินมันจากระยะไกลจากที่ตัวเองรู้มา จักรพรรดิและผู้นำตระกูลเทะอิจิโรได้มาถึงคาวาฮาตะหนึ่งวัน ก่อนที่เขาจะบุกเข้าไปในตระกูลเทะอิจิโร องค์จักรพรรดิทรงทราบได้อย่
“คุณตั้งใจจะพูดอะไร?” จักรพรรดิพูดอย่างสงบ “องค์จักพรรดิ ในเมื่อประองค์ไม่ได้แสดงความเมตตาต่อตระกูลเทะอิจิโร ก็อย่าตำหนิกระหม่อมที่ไม่จงรักภักดี ในคาวาฮาตะ ฉัน เทะอิจิโร คือพระเจ้า!”หลังจากที่ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรพูดจบ มือของเขาก็กางออก และคาวาฮาตะทั้งหมดก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรงพระราชวังอันงดงามพังทลายลงด้วยแรงสั่นสะเทือน และทะลายลงมา กลายเป็นซากปรักหักพังในพริบตาหลังจากการล่มสลายของพระราชวัง ลำแสงหลายลำก็ส่องผ่านซากปรักหักพัง ซึ่งเชื่อมระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรผายมือออกราวกับกำลังต้อนรับบางสิ่งบางอย่าง และร่างของเขาก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าเขาลอยขึ้นไปในอากาศ มุ่งหน้าไปยังลำแสงโดยไม่มีความผันผวนของลมปราณที่แท้จริง ลำแสงดูเหมือนจะทักทายเจ้านายขอตัวเอง ขณะที่มาบรรจบกันที่ร่างผู้นำตระกูลเทะอิจิโรในช่วงเวลาสั้นๆลำแสงหลายลำก็รวมเป็นหนึ่งเดียว ห่อหุ้มร่างกายของผู้นำตระกูลเทะอิจิโรไว้ทั้งหมด“ฮ่าๆ องค์จักพรรดิ ท่านรู้หรือไม่ ก่อนที่พระราชวังแห่งนี้ในคาวาฮาตะจะถูกสร้างขึ้น มันก็อยู่ภายใต้การควบคุมของฉันแล้ว พระราชวังที่คุณเคยครอบครองก่อนหน้านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกล
แม้ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรจะตกใจ แต่ก็ไม่ได้แปลกใจมากนักยังไงเขาก็รู้ดีเกี่ยวกับปรมาจารย์แนวหน้าในญี่ปุ่น ซึ่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของปรมาจารย์อายุน้อยเช่นนี้อาจมีความหมายเพียงความหมายเดียวเท่านั้น คือเขาต้องมาจากประเทศอื่นแค่ไม่คาดคิดว่าองค์จักรพรรดิจะติดต่อกับคนนอก เพื่อกำจัดตระกูลของเขา“ไม่ ฉันไม่ได้ติดต่อใครเลย มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญใช่ไหม ฉู่เฉิน ฉู่ซวนหวู่!”จักรพรรดิพูด จู่ๆ ก็เปลี่ยนความสนใจไปที่ฉู่เฉิน น่าแปลกที่โพล่งชื่อของฉู่เฉินออกมา“เขาคือฉู่ซวนหวู่แห่งต้าเซี่ยงั้นเหรอ? ฉู่ซวนหวู่ที่สังหารปรมาจารย์สวรรค์คนสำคัญในจักรวรรดิไปหลายคน? มีข่าวลือว่าฉู่ซวนหวู่อยู่ในระดับปรมาจารย์เท่านั้น? ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้”แม้แต่ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรก็ยังตกตะลึงในขณะนี้เด็กหนุ่มคนนี้จริงๆ แล้วคือฉู่ซวนหวู่จากต้าเซี่ย“แกรู้จักฉันเรอะ?”“ในฐานะผู้ปกครองประเทศ ฉันจะไม่รู้จัก ฉู่ซวนหวู่ ผู้โด่งดังได้ยังไง อาณาจักรของฉันเป็นยังไงบ้าง? คงน่าประทับใจไม่น้อยใช่ไหม”จักรพรรดิตอบด้วยรอยยิ้ม“ทั้งหมดนี้เป็นแผนของแกเหรอ? เริ่มตั้งแต่นักปราชญ์โกเบไปจนถึงนายน้อยของตระกูลเทะอิจิโร
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่เฉินก็ประหลาดใจมากเช่นกันคันฉ่องยาตะคืออะไร? ฉู่เฉินเหมือนเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสมบัติในตำนานของญี่ปุ่นฉู่เฉินยอมรับว่าญี่ปุ่นมีสมบัติมากมาย แต่คันฉ่องยาตะนั้นมีชื่อเสียงมาก และเป็นหนึ่งในสามของวิเศษในตำนานที่กล่าวกันว่าถูกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์ของญี่ปุ่น“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่จริง!”ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรดูเหมือนจะตกตะลึงอย่างมาก โดยพึมพำกับตัวเองด้วยความไม่เชื่อ และไม่เต็มใจที่จะยอมรับความจริงข้อนี้คิดว่าเรื่องทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของตัวเอง แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นภาพลวงตา ตั้งแต่ต้นจนจบทุกอย่างเป็นเรื่องหลอกลวง และใครก็ตามที่ถูกหลอกลวงเช่นนี้ย่อมทนไม่ได้ไม่น่าแปลกใจที่จักรพรรดิไม่กลัวสิ่งที่เรียกว่าพลังแห่งกฏเกณฑ์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แถมยังทุกข์ไม่ร้อนกับเรื่องทุกอย่างที่เกิดในคาวาฮาตะ และจักรพรรดิยังพยายามทุกวิถีทาง เพื่อตัวเองเข้าสู่คาวาฮาตะทั้งหมดนี้เป็นเพราะสรวงสวรรค์นี้ไม่มีอยู่จริง มีเพียงคาวาฮาตะจอมปลอมที่สร้างขึ้นจากคันฉ่องยาตะเท่านั้น“คุณเทะอิจิโร ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเข้าใจมันเพียงแค่พลิกคันฉ่องนะ ดูเหมือนว่าคุณจะมี
หนวดโอบล้อมร่างกายเอาไว้เงาสัตว์ประหลาดหดตัวลงด้วยความเร็ว แล้วหายตัวไปในโลกนี้นี่ใครอีก?ฉู่เฉินดูสับสนน่าแปลกที่มีบางสิ่งที่กล้าช่วยเหลือผู้คนต่อหน้าจักรพรรดิสีหน้าของจักรพรรดิเข้มขึ้นครุ่นคิดอยู่นาน โดยจ้องมองไปยังจุดที่เงาสัตว์ประหลาดหายไปหลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิก็จำได้ว่ายังมีคนอยู่อีกสามคน คือฉู่เฉินและพี่น้องโฮชิบางทีอาจเป็นเพราะสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น องค์จักรพรรดิจึงไม่สามารถรักษาท่าทางสงบตามปกติได้ และตอนนี้เพียงต้องการจัดการกับฉู่เฉินตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็วเท่านั้น“ฉู่ซวนหวู่ ต่อไปถึงตาแกแล้ว ฉันรู้ว่าเต่าศักดิ์สิทธิ์อยู่กับแก ส่งเต่ามา แล้วฉันจะทำให้แกตายแบบศพสวย”สำหรับพี่น้องโฮชิ ตั้งแต่เริ่มแรก จักรพรรดิไม่ได้เอ่ยถึงพวกเขา ราวกับว่าพวกเขาเป็นเพียงมดสองตัวในสายตาของเขา และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรคำตอบเดียวต่อจักรพรรดิคือเสียงหัวเราะอันเย็นชาจากฉู่เฉินจักรพรรดิโบกมือเมื่อเห็นเช่นนี้พลังแห่งการทำลายล้างเกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องคิด นี่คือพลังของคันฉ่องยาตะแต่ฉู่เฉินกลับนิ่งเฉยหลังจากที่ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรเปิดเผยว่านี่คือโลกภายในคันฉ่องยาตะ สัตว์ศักดิ์ส
ตอนนี้จักรพรรดิตื่นตระหนกอย่างสมบูรณ์แล้วคันฉ่องยาตะคือของวิเศษที่ตัวเองพึ่งพาได้มากที่สุดถ้าแม้แต่คันฉ่องยาตะยังเปราะบางขนาดนี้ต่อหน้าเต่าศักดิ์สิทธิ์ แล้วตัวเขาเองไม่ได้ตกอยู่ในอันตรานร้ายแรงแล้วเหรอ!เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ท่าทางจักรพรรดิก็เปลี่ยนไปอย่างมาก คล้ายกับนกที่หวาดกลัว“ ฮึ่ม สมบัติวิเศษอะไร? มันไม่มีอะไรมากไปกว่าสมบัติวิเศษคุณภาพสูงนิดหน่อย” สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซวนหวู่พูดอย่างเหยียดหยามเมื่อเห็นเช่นนี้ จักรพรรดิก็โบกมืออีกครั้ง และทันใดนั้นก็มีแสงเจิดจ้าปกคลุมเขาไว้แสงส่องประกายไปทั่วทั้งโลก ทำให้ฉู่เฉินหรี่ตาโดยไม่รู้ตัวสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ซวนหวู่ก็เป็นแบบนี้เช่นกันในขณะนี้แสงวาววับก็ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันเมื่อฉู่เฉินและสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ซวนหวู่ลืมตาขึ้น พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าโลกรอบตัวพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันตอนนี้พวกเขาอยู่บนท้องฟ้าเหนือยอดเขาฟูจิ ซึ่งมีคำสาปห้ามบินรอบๆ ภูเขาทำให้พวกเขาหล่นลงมาในระหว่างที่หล่นลงมามา มิติรอบ ๆ สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ซวนหวู่ก็พังทลายลงอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่ามันถูกขับออกจากโลกแห่งความเป็นจริงฉู่เฉินเข้
ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรพูดด้วยความมั่นใจ“องค์จักรพรรดิทรงเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของตัวเอง แต่ยังมีอีกหลายสิ่งในโลกนี้ที่ไม่อาจอยู่ในการคำนวณไว้ เฉกเช่นพระผู้เป็นเจ้าของสถานที่แห่งนี้”"พระผู้เป็นเจ้า?" ฉู่เฉินถามด้วยความสับสน“ถูกต้องแล้ว พระผู้เป็นเจ้าที่ตระกูลเทะอิจิโรบูชามาหลายชั่วอายุคน เทพยามาตะ โนะ โอโรจิผู้ยิ่งใหญ่ และตอนนี้พวกอยู่ในปากของพระผู้เป็นเจ้าองค์นี้แล้ว” ผู้นำตระกูลเทะอิจิโรพูดอย่างภาคภูมิใจและตอนนั้นเอง เสียงเหยียดหยามของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซวนหวู่ดังก้องอยู่ในใจของฉู่เฉินอีกครั้ง"พระผู้เป็นเจ้าอะไร ก็แค่พวกสัตว์เลื้อยคลาน อย่างงูเก้าหัว และไอ้มังกรวารีที่เจ้าเผชิญก่อนหน้านี้ ก็เป็นทายาทของเจ้าสิ่งนี้"งูเก้าหัวนั่นเอง!แม้เพียงได้ยินชื่อนี้ ก็ทำให้ฉู่เฉินตกใจเป็นอย่างมากสัตว์ในตำนานอีกตัวหนึ่ง“ไม่ต้องกังวล ก็แค่อสูรกายธรรมดาๆ ในต้าเซี่ย ณ เวลานั้น ข้าไม่เคยคาดคิดว่ามันจะถูกขับไล่จากต้าเซี่ย และถูกเรียกขนามนามว่า เทพในญี่ปุ่น”“งูเก้าหัวจริงๆ แล้วเป็นสัตว์ร้ายในต้าเซี่ย และถูกขับไล่ออกมา?”ฉู่เฉินถามอย่างสงสัย“ใช่ ตอนนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้น และ
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่