โลกในดินแดนเร้นลับเดิมและดินแดนเร้นลับใหม่นั้น ไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้ และในช่วงเวลาที่โลกในดินแดนเร้นลับปรากฏขึ้นมานั่นเองเทะอิจิโร ดาไซรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทันใดนั้น โดยไม่มีเวลาเตือนทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆ เขา เขาก็แยกตัวออกไปจึงทำให้เทะอิจิโร นานะและเทะอิจิโร อุบาซะก็ได้รับแรงกดดันอย่างมหาศาล"ไม่ ไม่นะ..."ทั้งสองคนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าฉู่เฉิน ซึ่งมีแต่เทะอิจิโร ดาไซที่แข็งแกร่งที่สุดได้หลบออกมาก่อน จึงทำให้พวกเขามีเวลาเพียงร้องอุทานก่อนที่จะถูกบดขยี้โดยโลกเร้นลับขนาดมหึมา พร้อมด้วยผู้รอดชีวิตอีกกว่าสิบคนที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังพวกเขาในการเผชิญหน้าเพียงครั้งเดียว นอกจากฉู่เฉินแล้ว มีเพียงเทะอิจิโร ดาไซที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ที่สามารถเอาชีวิตรอดออกมาได้ทั่วทั้งบริเวณมีแขนขาขาดและมีเลือดกระเซ็นในขณะนี้ เทะอิจิโร ดาไซไม่มีความเย่อหยิ่งอย่างก่อนหน้านี้อีกต่อไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และตัวสั่นเทา เมื่อชี้ไปที่ฉู่เฉิน“แก... แกเป็นปีศาจประเภทไหน? แกเป็นใครกันแน่?”เขามองเทะอิจิโร ดาไซอย่างเย็นชา ซึ่งสูญเสียความกล้าที่จะต่อต้านอีก และถู
ในท้ายที่สุด เทะอิจิโร ดาไซก็ไม่สามารถต้านทานความรู้สึกอันกดดันและจึงตอบคำถาม“เพราะว่าตระกูลเทะอิจิโรครอบครองภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่น และพวกเราที่ต้องการเลื่อนระดับ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อตระกูลเทะอิจิโร”“ว่ากันว่าภูเขาไฟฟูจิ ถูกครอบครองโดยคนที่เรียกว่าจักรพรรดิไม่ใช่เหรอ?” ฉู่เฉินถามอย่างสงสัย“จักรพรรดิเป็นคนจากตระกูลเทะอิจิโร! อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ไม่เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป”คำพูดเหล่านี้ราวกับระเบิด ทำให้ฉู่เฉินตื่นตัวแน่นอนว่าจักรพรรดิญี่ปุ่นจะต้องมีตระกูล และโดยปกติแล้ว ตระกูลของจักรพรรดิจะเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น เขาจะมองข้ามข้อเท็จจริงเช่นนี้ ไปโดยไม่รู้ตัวได้อย่างไรฉู่เฉินส่ายหัวราวกับพยายามจะสลัดอะไรบางอย่างออกตั้งแต่เข้ามาญี่ปุ่น ตัวเองไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย เป็นไปได้ไหมว่ามีพลังลึกลับที่มีอิทธิพลต่อเขามาโดยตลอด?หลังจากการตรวจสอบตัวเองสักพักและพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ฉู่เฉินจึงตัดสินใจจำเรื่องนี้ไว้จักรพรรดิก็มาจากตระกูลเทะอิจิโรเช่นกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้คนจำนวนมากยินดีรับใช้ตระกูลเ
ในต้าเซี่ย ณ เมืองหลวง ผู้อาวุโสเฉินกำลังจัดการกับเรื่องน่าเบื่อหน่ายที่โต๊ะทำงานประตูถูกเคาะ“เข้ามาได้”มีคนผลักเปิดประตูแล้วเข้ามา นั่นคือชิงหลงเมื่อเห็นว่าชิงหลงที่เห็นได้ชัดว่ามีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูดแต่ก็ลังเล ผู้อาวุโสเฉินจึงพูดอย่างสงบ“พูดมาสิ มีเรื่องอะไรเล่า?”ชิงหลงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่วางโทรศัพท์ไว้ข้างหน้าผู้อาวุโสเฉิน"หมายความว่าอะไร?"ผู้อาวุโสเฉินไม่เข้าใจ“ผู้อาวุโสเฉิน นี่คือวิดีโอที่เผยแพร่ในญี่ปุ่น แค่ดูแล้วจะรู้เอง”ผู้อาวุโสเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างสงสัย แล้วคลิกเล่นวิดีโอในวิดีโอ เป็นภาพที่ฉู่เฉินสังหารทุกคนที่ทางเข้าตระกูลโกเบแม้ว่าคนที่ถ่ายจะอยู่ไกล แต่ผู้อาวุโสเฉินก็จำตัวเอกในวิดีโอได้ทันทีฉู่เฉิน!ขณะที่วิดีโอเล่น สีหน้าของผู้อาวุโสเฉินก็ค่อยๆ จริงจังขึ้นเมื่อวิดีโอจบลง เผยให้เห็นว่าฉู่เฉินจากไปอย่างปลอดภัย ผู้อาวุโสเฉินก็ถามอย่างใจเย็น"เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?""เมื่อวาน"ผู้อาวุโสเฉินยิ้มอ่อน“นั่นหมายความว่าฉู่ซวนหวู่ได้สังหารคน และปลอดภัย”“แต่ผู้อาวุโสเฉิน มันไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ ที่ฉู่เฉินกำลังสร้างปัญหาในโตเกียว”เม
……ณ เหมียวเจียง ภายในชนเผ่าขนาดใหญ่ หนึ่งในไม่กี่แห่งในหนานเจียงที่มีสัญญาณ ผู้หญิงสองคนนั่งอยู่บนสนามหญ้า คนหนึ่งแก่และอีกคนหนึ่งเป็นเด็ก“ชิงเสว่ พวกเรานั่งอยู่ที่นี่มาสามชั่วโมงแล้ว กลับกันเถอะ ยังมีอีกหลายสิ่งที่รอให้เธอจัดการในลัทธิ”“คุณยาย ไม่ต้องห่วง มีอะไรให้ทำบ้างในลัทธิ ก็แค่เรื่องเดิมๆ ทุกวัน ไม่สำคัญว่าฉันจะอยู่ที่นั่นหรือไม่”“นั่นก็จริง นับตั้งแต่เธอกลับมาเป็นผู้พิทักษ์ลัทธิ หนานเจียงก็มั่นคง คนนอกเหล่านั้นไม่กล้าก่อปัญหาอีกต่อไป”ทั้งสองคนคือหนิงชิงเสว่และคุณยายอสรพิษตั้งแต่กลับมาที่หนานเจียง หนิงชิงเสว่จะพาคุณยายอสรพิษมาที่นี่เพื่อนั่งสองสามชั่วโมงทุกวัน“ท่านผู้นำ ฉันพบข้อมูลที่คุณขอแล้ว โปรดตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่”หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งออกจากอาคารและรีบไปหาหนิงชิงเสว่“เสี่ยวโหรว ไม่ต้องรีบร้อน ทำไมถึงตื่นตระหนักขนาดนี้ หากทำตัวแบบั้น เธอจะเป็นสาวใช้ของผู้นำไม่ได้”เมื่อเห็นแบบนี้ คุณยายอสรพิษยิ้มและเริ่มหยอกล้อเสี่ยวโหรวคนนี้ได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษจากคุณยายอสรพิษ ให้มาเป็นสาวใช้ของหนิงชิงเสว่ทุกวันนี้ สถานะของหนิงชิงเสว่นั้นแตกต่างออกไป แม้ว่าหนิงชิ
ณ เมืองหลวง ทันทีที่ชิงหลงกลับมาที่ฐานจากฝั่งผู้อาวุโสเฉิน แขกที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏตัวขึ้นภายในฐาน“น้องสะใภ้ ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้”ชิงหลงพูดด้วยความอยากรู้อยากเห็นบนใบหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของชิงหลง ใบหน้าของหนิงชิงเสว่ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย“ฉันจะไปญี่ปุ่นเพื่อตามหาฉู่เฉิน คุณช่วยฉันได้ไหม”หนิงชิงเสว่ระบุจุดประสงค์ในการมาที่นี่แม้ว่าเธอจะบินไปที่นั่นได้โดยตรง แต่ก็คิดว่าด้วยความช่วยเหลือของชิงหลง เธอสามารถช่วยประหยัดแรงได้มาก ดังนั้นจึงมาตามหาเขา“ไปญี่ปุ่นเหรอ? เป็นไปไม่ได้ "ชิงหลงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดอย่างเด็ดขาด“ทำไมล่ะ?”“ถ้าฉู่เฉินรู้ว่า ฉันช่วยเธอไปญี่ปุ่น เขาจะทุบตีฉันอย่างแน่นอน เมื่อเขากลับมา ฉันเองก็ไม่อยากส่งเธอไปที่นั่นและทำให้เขากังวลด้วย”ชิงหลงให้เหตุผลที่ฟังขึ้น“ฉันไม่ได้ขอความยินยอมจากคุณ ไม่ว่าคุณจะช่วยฉันหรือไม่ก็ตาม ฉันก็จะไปอยู่ดี "ใบหน้าของหนิงชิงเสว่ กลับมาเป็นปกติและก็พูดอย่างใจเย็นเมื่อได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของชิงหลงก็แดงขึ้น“ต้องไปจริงๆ เหรอ?”"แน่นอน!"“เอาล่ะ ฉันจะจัดเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวให้เธอทีหลัง แต่ก่อนหน้านั้นมีคนตามหาเ
“ฉันไม่คิดเลยว่าฉู่เฉินจะเป็นเสี่ยวฉือโถว ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง” เฉียวหานอวี้อุทานออกมา“พี่สาม ฉันจะไปญี่ปุ่นเพื่อตามหาเสี่ยวฉือโถว คุณอยากจะไปเซอร์ไพรส์เขากับฉันไหม?” หนิงชิงเสว่เชิญเธออย่างอบอุ่นเฉียวหานอวี้กำลังจะตกลงด้วยความยินดี แต่ราวกับว่าเธอกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง เธอก็รีบเปลี่ยนคำพูด“ไม่เป็นไร เธอไปก่อนเถอะ ฉันมีเรื่องที่ต้องทำในเมืองหลวงก่อน รอฉันจะไปหาพวกเธอ เมื่อฉันทำธุระเสร็จแล้วนะ”เฉียวหานอวี้ก็ปฏิเสธข้อเสนอที่จะไปด้วยกันหนิงชิงเสว่จึงไม่พยายามชักชวนเธออีกต่อไป สองพี่น้องเพิ่งพบกันไม่นาน จากนั้นต้องแยกย้ายกันอีก ทั้งสองจับมือกันแน่นไม่ยอมปล่อยในตอนกลางคืน เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งบินขึ้นอย่างเงียบๆ จากฐานในเมืองหลวงและบินไปยังญี่ปุ่น……ภูเขาฟูจิที่ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกมายาวนาน และมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องที่ตีนเขา มีชายสองคน คนหนึ่งสูงอายุและชายหนุ่มหนึ่งคนเดินพร้อมกัน ไม่เหมือนกับนักปีนเขาคนอื่นๆ ไม่ว่าพวกเขาจะสูงวัยหรือเยาว์วัย ทั้งสองคนไม่แสดงอาการเหนื่อยล้าขณะเดินเท้ามาที่นี่เพียงอย่างเดียวผู้คนท
“บนภูเขาไฟฟูจิมีคนธรรมดาๆ แบบพวกเขาเยอะไหม?” ฉู่เฉินถาม หลังจากผ่านนักปีนเขาทั้งสองคนไป“มีไม่มาก แต่ก็สามารถเจอได้ทุกปี” เทะอิจิโร ดาไซตอบกลับทันที“อืม เมื่อไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว นายก็รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอย่างไร?”“ท่านเทพ ผมรู้แน่นอน”เทะอิจิโร ดาไซตอบกลับอย่างรวดเร็วสองชั่วโมงต่อมา เกือบจะใกล้กับยอดภูเขาไฟฟูจิ และไม่มีหิมะสีขาวในบริเวณนี้ กลับกลายเป็นป่าแทนฉู่เฉินรู้ว่านี่ เป็นเพราะพลังวิญญาณที่นี่รุนแรงเกินไปจากพลังวิญญาณที่รุนแรง ทำให้อากาศกลายเป็นเหมือนฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปีหลังจากเข้าไปในป่า ฉู่เฉินก็ค้นพบว่าจริงๆ แล้วที่นี่มีนักสู้อยู่เต็มไปหมด“คนที่นี่ทุกคนทำอะไรกัน? “ฉู่เฉินถามอย่างสงสัย“ขอตอบกลับท่านเทพ คนที่ยังคงอยู่ที่นี่คือนักสู้ที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ แต่ปฏิเสธที่จะยอมแพ้ ส่วนใหญ่เป็นนักสู้อิสระ แต่ก็มีบางคนจากตระกูลอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่เพื่อบำเพ็ญเพียรย่างสันโดษ โดยหวังว่าสามารถเลื่อนระดับได้” เทะอิจิโร ดาไซ อธิบายสถานที่แห่งนี้คือขอบปลายด้านนอกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ?“ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์อยู่ห่างจากที่นี่แค่ไหน?”
เหมือนว่ามีการตอบรับต่อคำพูดของไดจิ อาโน มีร่างอีกสองสามร่างปรากฏตัวขึ้นและรวมตัวกันอยู่ข้างหลังเขาและถามออกมาว่า“ไดจิ ที่แกพูดเมื่อกี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”“มันเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นทำไมสุนัขเฒ่าตัวนี้ถึงมาที่นี่ตอนนี้? แน่นอนว่ามันต้องการขอความช่วยเหลือจากบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์”หลังจากได้รับคำตอบเชิงบวก หลายคนก็รู้สึกโล่งใจ“หากเป็นเช่นนั้น งั้นพวกเราก็ควรร่วมมือกันฆ่าสุนัขเฒ่าตัวนี้ ทำลายความหวังสุดท้ายของตระกูลเทะอิจิโรซพ”“ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น”"ใช่ ถึงเวลาแล้วที่ตระกูลอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นจะต้องเปลี่ยนแปลง"เห็นได้ชัดว่าการที่ตระกูลเทะอิจิโรมีอำนาจเหนือโตเกียวมาอย่างยาวนาน และได้สร้างความไม่พอใจให้กับคนจำนวนมากโดยเฉพาะที่นี่เมื่อเวลาผ่านไป คนทั้งหมดเจ็ดคนมารวมตัวกัน ทั้งหมดเป็นจอมยุทธในขั้นหนึ่งหรือสองพวกเขาไม่เพียงแต่ล้อมรอบเทะอิจิโร โยอิจิเท่านั้น แต่ยังล้อมรอบฉู่เฉินด้วย“ทุกท่าน ฉันเป็นเพียงผู้สัญจรผ่านไปมา ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเทะอิจิโร ปล่อยฉันไปเถอะ” ฉู่เฉินพูดอย่างสงบ โดยไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขา“เจ้าหนู เจ้าอยู่กับสุนั
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่