“ฉันเป็นใคร ฉันยังไม่ได้พูดเลย คุณก็รู้แล้ว?” ฉู่เฉินเดิมทีไม่อยากจะสนใจและออกจากที่นี่ไปเขาไม่คิดว่าผู้จัดการคนนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ให้เขาเข้าพักที่นี่เท่านั้น แต่ตอนนี้ยังต้องการรั้งให้หนิงชิงเสว่และฉินปิงเหย่อยู่ต่อเมื่อเห็นว่ามีการโต้เถียงกันขึ้น หนิงชิงเสว่ดูเหมือนจะหวาดกลัว เธอได้จับแขนของฉู่เฉินและร่างของเธอก็ขยับใกล้ชิดฉู่เฉินยิ่งขึ้นฉู่เฉินยังรู้สึกได้ถึงการสั่นเล็กน้อยของร่างกายหนิงชิงเสว่ตั้งแต่ความจำเสื่อม หนิงชิงเสว่ก็เหมือนกระดาษเปล่า เพียงแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้หนิงชิงเสว่รู้สึกกังวลและหวาดกลัวได้“ฉันกลัว”หนิงชิงเสว่ซึ่งอยู่ข้างๆ ฉู่เฉินก็พูดขึ้นอย่างเบาๆ เสียงนั้นทำให้ฉู่เฉินรู้สึกปวดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น“ไม่ต้องกลัว ผมอยู่นี่แล้ว”ฉู่เฉินปลอบใจเธอ และเมื่อเขาหันหน้าไป เขาก็รู้สึกโกรธเล็กน้อยในใจ“ไอ้หนู เธอจะมีสถานนะแบบไหนได้ ก็แค่ชายหนุ่มตัวเล็ก ๆ ที่มีเงินเพียงเล็กน้อย ในเมืองหลวง คนอย่างเธอ ผู้คนมากมาย ในเมืองหลวงไม่มีอะไรมาก ที่มีมากก็มีแต่คนรวยมากมาย ไอ้หนู เตือนไว้ก่อน ถ้ารู้ตัวก็รีบไปซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ”ผู้จัดการโรงแรมหั
เพียงแค่หวังว่าบุคคลระดับนี้จะไม่ติดใจเอาความกับตัวเขาไม่อย่างนั้น ผู้จัดการโรงแรมก็ไม่สามารถที่จะจินตนาการได้เลย“ช่างมันเถอะ ฉันคิดว่าฉันคงไม่คู่ควร” ฉู่เฉินพูดประโยคหนึ่งอย่างเย็นชาเขาพาหนิงชิงเสว่และฉินปิงเยว่เดินออกไปโดยไม่มีใครกล้าหยุดพวกเขาอีกเลยเมื่อเห็นฉู่เฉินจากไปถังข่าเซิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็พูดเสียงดัง“น้อมส่งซวนหวู่”จนกระทั่งฉู่เฉินเดินจากไปไกลแล้วถังข่าเซิงจึงลุกขึ้นด้วยสีหน้ามืดมนผู้จัดการโรงแรมรีบประจบสอพอและช่วยพยุงเขาอย่างรวดเร็ว“คุณชายถัง คนๆ นี้มีสถานะอย่างไรกันแน่”ถังข่าเซิงเหลือบมองอย่างเย็นชาและพูดช้าๆ “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ห้ามพวกคุณพูดต่อสาธารณชนเด็ดขาด มิฉะนั้น คุณจะต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา”“แล้วก็คุณ เห็นแก่พฤติกรรมที่คุณมีต่อฉันก่อนหน้านี้ ฉันแนะนำให้คุณลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการโรงแรมโดยสมัครใจ”เมื่อกำจัดผู้จัดการที่อยู่ข้างๆ แล้ว ถังข่าเซิงก็หมดความสนใจ เขาพาภรรยาของเขาไปจากที่นี่ไปฉู่เฉินพวกเขาทั้งสามคนเดินไปอีกไม่ไกลนัก ก็เจออีกโรงแรมหนึ่ง แม้ว่าข้อกำหนดจะต่ำกว่าโรงแรมเฉาฮุยมาก แต่ก็ดีกว่าทั่วไป เดิมที ฉู่เฉินต้องการห้
“เธอเป็นอะไร”บนเส้นทางคดเคี้ยว เฉียวหานอวี่อดไม่ได้ที่จะถาม“ต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งและได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเธอจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ว่าเธอสูญเสียความทรงจำ”ฉู่เฉินรู้สึกทุกข์ใจในใจและค่อยๆ เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามความจริงคราวนี้ เฉียวหานอวี่พาฉู่เฉินไปยังสถานที่ที่เขาไม่เคยไปมาก่อนเมื่อได้กลิ่นยาในห้องพร้อมกับกลิ่นหอมที่จางๆ ฉู่เฉินเดาว่านี่น่าจะเป็นห้องของผู้หญิง“วางเธอลงบนเตียง”ฉู่เฉินทำตามคำที่เขาได้บอก“ที่นี่คือที่ไหน ฉันกลัว”หนิงชิงเสว่จับมือของฉู่เฉินไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย“ชิงเสว่ ไม่ต้องกลัว ที่นี่คือบ้านของหมอเทวดา”อาจเป็นเพราะการปลอบโยนของฉู่เฉินมีผล ในที่สุดหนิงชิงเสว่ก็ปล่อยมือของฉู่เฉินเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่เฉียวหานอวี่ดูไม่ค่อยพอใจและพูดอย่างใจเย็น“ทำไมคุณถึงยังอยู่ในห้องของฉัน ยังไม่ออกไปข้างนอกอีก ?”ฉู่เฉินจึงได้สติ รู้ว่านี่คือห้องเฉียวหานอวี่เขาหันกลับไปอย่างรวดเร็วและปิดประตูจากด้านนอกทันทีที่ประตูปิดลง ภายในห้องก็มีความผันผวนของการฝึกฝนสายหนึ่ง และฉู่เฉินไม่สามารถรับรู้ถึงสถานการณ์ภายในได้อีกต่อไปเฉียวห
“แล้วชิงเสว่ล่ะ?ฉู่เฉินรู้สึกลำบากใจ“ให้เธอมาอยู่กับฉันชั่วคราว เพื่อที่ฉันจะได้ดูอาการของเธอได้ตลอดเวลา”เฉียวหานอวี่พูดอย่างใจเย็นฉู่เฉินรู้ว่าการค้นหาหนอนกู่ชีวิตไม่สามารถล่าช้าได้ ในขณะนี้ แม้ว่าเขาจะสงสัยว่าทำไมเฉียวหานอวี่ถึงได้เป็นมิตรกับพี่เจ็ดของเขามาก แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะถามสิ่งเหล่านี้“ถ้าอย่างงั้น เรื่องพี่ชิงเสว่คงต้องรบกวนคุณแล้ว”ฉู่เฉินยกกำปั้นและแสดงความเคารพ ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและออกจากกระท่อมมุงจากไปหลังจากออกจากกระท่อมมุงจากแล้ว เขาถึงได้รู้ว่าเมืองหลวงกว้างใหญ่นัก เขาจะไปหามันได้ที่ไหนกันฉู่เฉินไม่มีจุดมุ่งหมายใดๆ เลยเมื่อนึกถึงสิ่งที่ฉินปิงเยว่พูดไว้ ว่าชายชรานั่นมาหาเขาเพื่อจะแก้แค้น ก็ไม่มีเหตุผลที่หลังจากทำร้ายพี่เจ็ดแล้ว เขาจากไปโดยยังไม่บรรลุเป้าหมาย เขาเกิดปัญหาบางอย่างกับตัวเขาเอง จึงต้องจากไปอย่างรีบร้อนเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฉู่เฉินก็มีความคิดขึ้นมาทันทีมีเพียงไม่กี่แห่งในเมืองหลวงที่สามารถช่วยบุคคลระดับนี้ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาชิงหลง“ฉู่ซวนหวู่ ลมแบบไหนที่ทำให้คุณโทรหาฉัน?”น้ำเสียงล้อเลียนของชิงหลงดังออกมาจากข้างใน
ตระกูลเหยียน เมืองหลวงในฐานะหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ นายน้อยของตระกูลเหยียนเลื่อนจากระดับปรมาจารย์มหากาฬเข้าสู่ขั้นจอมยุทธในเมืองหลวงถือว่าเป็นเรื่องใหญ่หากเป็นในยามปกติ แม้แต่คนธรรมดาก็อาจรับรู้และตกเป็นข่าวพาดหัวแต่ในช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องดินแดนลับ อีกทั้งเรื่องที่ตระกูลฉินเกิดเรื่องตระกูลเหยียนเลือกที่จะฉลองแบบเงียบๆ ในครั้งนี้เชิญเฉพาะคนในวงของตัวเองเท่านั้นถึงกระนั้นก็ยังมีคนมาไม่น้อยที่ทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลเหยียน รถหรูหลายคันจอดอยู่เต็มพื้นที่ผู้ที่มีคุณสมบัติเข้ามาที่นี่ล้วนเป็นคนดังจากทุกสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมฝึกฝน หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำธุรกิจกับตระกูลเหยียนงานเลี้ยงระดับ คนธรรมดาไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไป แม้แต่ได้ยินข่าวก็ไม่ต้องพูดถึง“นายน้อยของตระกูลฉี ฉีอันปังนำของขวัญมาแสดงความยินดี ! ”เมื่อมีคนตะโกนที่ทางเข้า ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากทันที“คิดไม่ถึงว่านายน้อยของตระกูลฉีจะมาด้วย”“มีอะไรแปลกกัน ? เดี๋ยวต้องมีหลายตระกูลใหญ่ส่งคนมาร่วมงานครั้งนี้แน่ ถึงแม้ว่าจะเป็นตระกูลใหญ่ที่ไม่ลงรอยกันก็ตาม ช่วงเวลาอย่างนี้ พวกเขา
ต้อนรับคุณชายน้อยของตนเองและก้าวเข้าสู่คฤหาสน์เหยียนด้วยกันเมื่อมีคนเข้ามาหาอย่างกะทันหันสำหรับเรื่องดังกล่าว เหยียนอู๋ซวงไม่จำเป็นต้องออกหน้าโดยตรง แม้แต่สำหรับฉีอันปัง ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ หรือแม้แต่ฉีหู้กัว วันนี้ เหยียนอู๋ซวงเป็นตัวเอก และตัวเอกเพียงแค่ต้องแสดงตัวในตอนท้ายเท่านั้นผู้ที่เข้าไปต้อนรับคือน้องชายของเหยียนอู๋ซวง เหยียนอู๋เชี่ย“คุณชายฉี ท่านแม่ทัพฉีหู้กัว ขอบคุณที่มาร่วมงาน โปรดเข้ามาข้างใน”“เป็นเธอนั่นเอง คำว่าแม่ทัพไม่ต้องพูดอีกก็ได้ เรียกฉันว่าผู้เฒ่าฉีก็พอแล้ว” เห็นได้ชัดว่าฉีกู้กัวก็รู้จักเหยียนอู๋เซี่ย หลังจากพูดแล้วก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์ไม่กี่คน ก็ไปไกลฉู่เฉินและชิงหลงก็ปรากฏตัวที่ประตูคฤหาสน์ตระกูลเหยียนแม้ว่าทั้งคู่จะมีชื่อเสียงมาก แต่คนที่เคยเห็นเขาจริง ๆ มีน้อยมาก อย่างน้อย คนเฝ้าประตูที่นี่ก็ไม่เคยเห็นตามที่คาดไว้ เมื่อทั้งสองเดินไปถึงที่ประตูก็ถูกหยุดไว้“บัตรเชิญของพวกคุณสองคนล่ะ”ฉู่เฉินมองชิงหลงด้วยท่าทางสับสนไอ้เจ้านี่ แต่ต้นจนจบไม่เคยพูดกับเขาว่าต้องมีบัตรเชิญชิงหลงก็รู้สึกอับอายเช่นกันที่แท้ก็ต้องมีบัตรเชิญ ลูกน้องของ
ในลานบ้านชั้นเดียวอิฐสีเขียวที่ถูกปกคลุมไปด้วยดอกกุหลาบทั้งสามคนได้นั่งอยู่ตรงกลาง“ลมอะไรพัดคุณสองคนมาที่นี่ “ เหยียนอู๋ซวงถาม“ที่คุณได้เลื่อนระดับเข้าสู่ขั้นจอมยุทธ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี เป็นปกติที่พวกเราจะมาแสดงความยินดีกับคุณ”ฉู่เฉินไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่ชิงหลงพูดอยู่ข้างๆ“ให้มันน้อยๆหน่อย ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ ฉันเชื่อ แต่คนอย่างนายชิงหลงพูดแบบนี้ จะเป็นไปได้ยังไง ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครกล้าเฝ้าติดตามฉันที่นี่ บอกมาเถอะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”เหยียนอู๋ซวงยิ้มจางๆ พูดครั้งเดียวก็มองเจตนาของชิงหลงออกเมื่อเห็นเช่นนี้ ชิงหลงก็เหลือบมองที่ฉู่เฉินฉู่เฉินพยักหน้าเบาๆชิงหลงถึงพูดขึ้นและเล่าถึงสถานการณ์ของหนิงชิงเสว่“คุณมีเป้าหมายที่น่าสงสัยไหม ? ” เหยียนอู๋ซวงขมวดคิ้วและถามฉู่เฉินส่ายหัว เขาค้นหาทั่วเมืองหลวงทั้งคืน ขวดหยกในมือเขาไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยในเวลานี้เอง มีเงาหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยท่าทางตื่นตะหนกนั่นคือเหยียนอู๋เซี่ย“พี่ชาย หวังซิงมาถึงแล้ว”เหยียนอู๋ซวงเหลือบมองน้องชายที่ไร้ความสามารถของเขาอย่างเย็นชา“เขามาก็มาสิ ต้องตกใจอะไรกัน ให้เขารอในห้องโถงร
“เอาล่ะ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ตกลงว่าตระกูลเหยียนจะอยู่ข้างฉันหรือเปล่า ? บอกมาตามตรงนะ ตระกูลหาน ตระกูลจ้าว และตระกูลเว่ยเข้ากับฝ่ายฉันแล้ว แม้ว่าภายนอกตระกูลฉินดูเหมือนว่าจะถูกทำลายล้างไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่ติดต่อกับบรรพบุรุษตระกูลหวังของเราอยู่”“เหยียนอู๋ซวง ถ้าไม่ใช่เห็นแก่ว่าเรารู้จักกัน ฉันคงไม่ได้มาพบคุณในวันนี้ บอกมาเถอะว่าคุณจะเลือกยังไง?”หวังซิงเปิดเผยความลับที่น่าตกตะลึงในลมหายใจเดียว“เรื่องนี้มีความสำคัญมาก ให้ฉันคุยกับบรรพบุรุษที่ตระกูลก่อน”เหยียนอู๋ซวงก็ตกตะลึงกับข่าวนี้เช่นกัน แต่ตอบโต้ในทันทีและพยายามถ่วงเวลาเอาไว้“ฉันจะให้เวลาคุณสามวัน หากไม่มีการตอบรับภายในสามวัน คุณจะกลายเป็นศัตรูของตระกูลหวังของฉัน”หวังซิงไม่ได้ชักช้า พูดจบแล้วก็ได้ออกไปทันทีฉู่เฉินและชิงหลงก็เดินออกจากห้องมา“พวกคุณทั้งสองเมื่อครู่คงได้ยินแล้วใช่ไหม ฉู่เฉิน ตระกูลหวังเตรียมพร้อมที่จะโจมตีคุณแล้ว อีกทั้งยังรวมตัวกับตระกูลใหญ่อื่นๆอีกด้วย คุณรีบไปจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุดดีกว่า”เหยียนอู๋ซวงเร่งเร้า แต่ฉู่เฉินยังคงไม่สะทกสะท้านพูดอีกครั้งว่า “คุณไม่รู้หรือว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่