เขาออกคำสั่ง: "ไล่มันออกไป!"เยว่ฟู่หลงสั่งการให้คนหิ้วปีกเว่ยไห่หลงและเอาตัวออกไปข้างนอกทันทีเจียงอี้ฟานก็คุกเข่าลงบนพื้นอย่างแรงและเอาหัวโขกกระแทกพื้น: "คุณฉู่ ผมขอโทษ ผมไม่สมควรทำให้คุณขุ่นเคือง ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย"ตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจหากเขารู้จักตัวตนของฉู่เฉินก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะมีความกล้าหาญเป็นร้อยเท่า และก็ไม่กล้าที่จะขอเรื่องนั้นกับฉู่เมิ่งเหยาแน่นอนว่าเขาก็ไม่กล้าที่จะเป็นศัตรูกับฉู่เฉินเช่นกันทันทีที่เขานึกถึงความตั้งใจก่อนหน้านี้ที่จะแก้แค้นฉู่เฉิน เขาก็อยากจะตบหน้าตัวเองหลายๆ ครั้ง“เจียงอี้ฟาน ในระหว่างงานเลี้ยงคืนนั้น ฉันคิดว่าฉันจะให้บทเรียนเล็กๆ น้อยๆ กับนายแล้ว และมันจะทำให้นายยับยั้งชั่งใจได้บ้าง”“สิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็คือหลังจากนั้น นายถึงกับพาพรรคพวกมาโจมตีที่ตระกูลเว่ย และพยายามจะแก้แค้นฉัน”ฉู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนโง่อย่างนายที่มีความอาฆาตพยาบาทและหลงระเริงในราคะตัณหาจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก!”“เอาตัวเขาออกไป ขังเขาไว้ และรอรับโทษ!”ไม่ช้า เจียงอี้ฟานก็ถูกบังคับให้พาตัวออกไป และไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืนหลังจากจัดการกับคนทั้
เว่ยไห่หลงมองดูสีหน้าที่ดูคาดหวังของทุกคน และต้องการพูดออกมาดังๆ : "หัวหน้าผู้ฝึกสอนฉู่แท้จริงแล้วก็คือฉู่เฉิน!"แต่ทันทีที่คำพูดกำลังจะออกมาจากปาก เขาก็กลืนมันกลับไปทันควันไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพูดแต่ตอนที่เขาถูกเฉดหัวออกมา มีคนเตือนเขาไม่ให้เปิดเผยตัวตนของฉู่เฉิน ไม่เช่นนั้นจะถูกยิงตาย!นี่คือคำสั่งจากซวนหวู่และรวมถึงจากเบื้องบน!ก่อนที่ฉู่เฉินจะเข้าร่วมพิธีรับตำแหน่ง ตัวตนของเขาจะต้องถูกเก็บเป็นความลับระดับสุดยอดเนื่องจากใต้พื้นผิวทะเลสาบที่ดูเงียบสงบนี้ แต่ยังมีคลื่นใต้น้ำที่รุนแรงอยู่ และไม่ทราบว่ามีสายลับศัตรูและบุคคลที่มีอำนาจซ่อนตัวอยู่ในเงามืดจำนวนเท่าใดเมื่อตัวตนของฉู่เฉินถูกเปิดเผย มันจะนำปัญหามากมายมาสู่เขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางลังเลของเว่ยไห่หลง เว่ยเหล่าไท่ไท่ก็กระทืบเท้าอย่างกังวลและพูดว่า "แกมีอะไรก็รีบพูดมา"หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เว่ยไห่หลงก็ต้องโกหกออกมา: "จริงๆ แล้วฉันเห็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนฉู่เพียงครึ่งหน้าเท่านั้น"“ครึ่งหน้า?”ทุกคนต่างตกตะลึง: "ครึ่งหน้าคืออะไร"เว่ยหลงเว่ยอธิบายว่า "ฉันเห็นใบหน้าของหัวหน้าผู้ฝึกสอนฉู่เพียงครึ่งเดีย
เว่ยเหลาไท่ไท่สมองขาวโพลน!สมาชิกในตระกูลเว่ยหลายคนก็ตกตะลึงเช่นกันพวกเขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหม?ฉู่เมิ่งเหยาเข้าร่วมกับซวนหวู่จริงหรือ?เรื่องนี้เป็นไปได้ยังไง?มีเพียงแค่เว่ยไห่หลงเท่านั้นที่มีสีหน้าขมขื่นเขาเองก็รู้ดี มันจะเป็นไปได้อย่างไร ถ้าพี่สาวของหัวหน้าผู้ฝึกสอนไม่สามารถเข้าร่วมกับซวนหวู่ได้ นี่คงเป็นเรื่องตลกแล้ว?ในบรรดากลุ่มคนทั้งหมด ใบหน้าขอเว่ยซือยวี่นั้นน่าเกลียดที่สุดในขณะนี้ ใบหน้าของเธอซีดเซียว และความอิจฉาในใจทำให้เธอแทบจะระเบิดเธอดูถูกฉู่เมิ่งเหยามาโดยตลอด และคิดว่าเธอเป็นเพียงคนบ้านนอกที่เติบโตมาจากข้างถนน แม้ว่าเธอจะมีสายเลือดของตระกูลเว่ย แต่เธอก็ไม่คู่ควรที่จะถูกเปรียบเทียบกับตัวเธอแต่ความจริงตอนนี้บอกเธอว่าฉู่เมิ่งเหยาได้เข้าร่วมซวนหวู่แล้วจริงๆ!เว่ยซือยวี่จะยอมรับเรื่องนี้ได้ยังไง?"เป็นไปไม่ได้!"“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”เธอแทบจะกระอักเลือด และกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง: "กะ... แกเข้าร่วมซวนหวู่ได้ยังไง!"“เธอกำลังสงสัยคำพูดของฉันเหรอ?” เว่ยอิงลั่วจ้องมองเธอทันทีด้วยสายตาที่เย็นชา“ตุ๊บ!”เว่ยซือยวี่ล้มลงกับพื้นและส่ายหัวด้วยความกลัว "ไม่กล้า... ฉ
หลังจากที่เว่ยไห่หลงพูดจบ ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เว่ยเหล่าไท่ไท่คิดว่าฟังผิดไป: "ไห่หลง แกพูดว่าอะไรนะ?"“คุณย่า ผมถูกซวนหวู่ไล่ออกมา” เว่ยไห่หลงเผยรอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้ออกมาเสียอีก"อะไรนะ?"เว่ยเหล่าไท่ไท่เกือบจะเป็นลมและพูดอย่างตื่นตระหนกว่า “จะเป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น”สีหน้าของสมาชิกตระกูลเว่ยหลายคนๆ มีสีหน้าที่น่าเกลียดพอ ๆ กับการกินแมลงวันเลยทีเดียวพวกเขาคิดว่าหลังจากที่เว่ยไห่หลงเข้าร่วมกับซวนหวู่แล้ว ตระกูลเว่ยก็จะผงาดขึ้นมาใครจะจินตนาการออกว่าเขาจะถูกถีบร่วงลงมาในพริบตาเว่ยไห่หลงเหลือบมองฉู่เฉินอย่างระมัดระวังแล้วพูดว่า "นะ... ในระหว่างการฝึก ผมถูกหัวหน้าผู้ฝึกสอนไล่ออกเนื่องจากผมทำผลงานได้ไม่ดี..."“อั๊ก!”เว่ยเหล่าไท่ไท่กระอักเลือดออกมาเต็มปากและเป็นลมไปทันที"คุณย่า!"“นายหญิง!”ตอนนี้ทุกคนในตระกูลเว่ยล้วนต่างตกใจ และอลม่านวุ่นวายไปทั่วฉู่เฉินถอนสายตาและพูดกับฉู่เมิ่งเหยา: "พี่ ไปกันเถอะ"หลังจากเห็นเว่ยเหล่าไท่ไท่ถูกพยุงขึ้นรถ ฉู่เมิ่งเหยาก็รู้สึกโล่งใจและจากไปพร้อมกับฉู่เฉินขณะเดียวกันที่บ้านของ
“นายมาทำอะไรที่นี่” ฉู่เฉินขมวดคิ้ว“หะ... หัวหน้าผู้ฝึกสอนฉู่ ผะ…. ผมขอพูดอะไรกับคุณสักหน่อยได้ไหมครับ” เว่ยไห่หลงพูดอย่างระมัดระวัง“เข้ามาก่อน แล้วค่อยพูด” ฉู่เฉินพยักหน้า“ไม่ๆ ผมจะพูดข้างนอกนี่ครับ”เว่ยไห่หลงส่ายหัวและคุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉิน : "หัวหน้าผู้ฝึกสอน กระผมมีตาหามีแววไม่ ได้โปรดให้ท่านปล่อยผมไปสักครั้งครับ"หลังจากรู้ตัวตนของฉู่เฉินแล้ว เขาก็ไม่เคยรู้สึกสบายใจเลยแม้แต่น้อยแม้ว่าเขาจะถูกขับไล่ออกจากซวนหวู่โดยฉู่เฉิน แต่เขาก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัว และกลัวว่าฉู่เฉินจะกลับมาแก้แค้นดังนั้นหลังจากพาเว่ยเหล่าไท่ไท่ไปส่งที่โรงพยาบาลแล้ว เขาก็รีบมาที่นี่ทันที เพื่อต้องการที่จะขอโทษฉู่เฉิน“นายคิดมากไปแล้ว ฉันได้ลงโทษนายไปแล้ว แล้วก็จะไม่ทำอะไรนายอีก”ฉู่เฉินส่ายหัวแล้วพูดว่า "นอกจากนี้ คนอย่างนายก็ไม่คู่ควรให้ฉันลงมือเองหรอก"แม้ว่าคำพูดของเขาค่อนข้างที่จะไม่สุภาพ แต่คำพูดเหล่านี้ก็ทำให้เว่ยไห่หลงรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก: "ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ไม่เคียดแค้นคนต่ำต้อยคนนี้"“ไสหัวไปให้พ้น!”ฉู่เฉินเอ่ยปากไล่ทันทีเว่ยไห่หลงไม่กล้าอยู่ต่อ รีบลุกขึ้นแล้วจากไปในขณะนั้นเ
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงอี้หาง เจียงอวิ๋นเหอก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา: "ถ้าหัวหน้าผู้ฝึกสอนฉู่คนนั้นไม่อยากเจอลูกล่ะ?"“เขาต้องออกมาเจอแน่!”เจียงอี้หางเยาะเย้ยและพูดว่า "อย่าลืมสิ ผมมาจากชิงหลง ชิงหลงลำดับเหนือกว่าซวนหวู่ และหัวหน้าผู้ฝึกสอนของผมก็ขึ้นชื่อในเรื่องความหยิ่งยโส พวกคนของซวนหวู่ไม่กล้าที่จะสร้างปัญหากับผมหรอก!""อย่างงั้นก็ดีแล้ว"เจียงอวิ๋นเหอก็พลางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกอีกด้านหนึ่ง หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ฉู่เมิ่งเหยาก็เปลี่ยนเป็นชุดกี่เพ้าสีเงิน โดยอวดเน้นส่วนโค้งของร่างอันเย้ายวน“เสี่ยวเฉิน พี่ดูดีไหม?” ฉู่เมิ่งเหยาเดินไปหาฉู่เฉินอย่างสง่างามแล้วหมุนตัวข้างหน้าเขาฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะมองอย่างตกตะลึงในขณะนี้ ท่าทางของฉู่เมิ่งเหยาตรงกันข้ามกับเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ด้วยริมฝีปากสีแดงและท่าทางอันน่าเย้ายวนใจ ทุกการเคลื่อนไหวและรอยยิ้มก็เต็มไปด้วยประกายเสน่ห์อันน่าหลงใหลเธอเป็นเหมือนนางฟ้าที่สามารถกลืนกินผู้ชายทั้งตัวได้เลยเมื่อเห็นท่าทางของเขา ฉู่เมิ่งเหยาก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ริมฝีปากโค้งขึ้นเผยรอยยิ้มที่พึงพอใจ“พี่หก พี่จะไปนัดบอดเหรอ? ทำไมแต่งตัวแบบ
“ หากเพียงเพื่อสิ่งนั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเสียโฉม แม้ว่ามันจะหมายถึงความตาย ฉันก็เต็มใจ!”เมื่อเธอพูดคำเหล่านี้ออกมา สีหน้าของหนิงชิงเสว่ดูหนักแน่นอย่างไม่น่าเชื่อ“ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเด็กคนนั้นทำบุญด้วยอะไรในชาติที่แล้ว จนทำให้เธอต้องเสียสละมากมายเพื่อเขาขนาดนั้น?””อสรพิษเฒ่าถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดว่า "อย่างไรก็ตาม เธอตามฉันไปที่ถ้ำหมื่นพิษก่อน หากเธอได้รับการยอมรับจากตัวไหมพิษทองคำ นั่นหมายความว่าเธอสามารถเข้าร่วมนิกายแม่มดของฉันได้!"หนิงชิงเสว่ลุกขึ้นยืนและเดินตามไปข้างหลังเธออย่างช้าๆ มองขึ้นไปที่มองภูมิภาครอบๆ ของเหมียวเจียง พร้อมกับตำหนิตัวเองและความเหงาที่ประกายขึ้นมาในดวงตาที่สวยงามของเธอ“วันที่ 20 ตามปฏิทินจันทรคติ!” "วันเกิดของคุณ!"“น่าเสียดาย ฉันไม่สามารถไปที่นั่นเพื่อฉลองวันเกิดร่วมกับคุณได้!”……ลึกเข้าไปในภูเขานับแสนลูกชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋านั่งอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ เขาทั้งไอและมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากอยู่ตลอดรังสีแห่งความตายแผ่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าชีวิตของเขาใกล้จะสิ้นสุดแล้วแต่ชายชรายังคงมองหญิงสาวในชุดสีขาวด้วยรอยยิ้มบนใ
ไม่นาน ฉู่เมิ่งเหยาก็มาถึงร้านอาหารตะวันตกชื่อ "ภัตตาคารหวังเจียง"ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในร้าน ฉู่เฉินสังเกตเห็นว่าจริงๆ แล้วไม่มีแขกอยู่ในร้านอาหารเลย แต่มีเพียงพนักงานร้านอาหารตั้งแถวสองแถวรอต้อนรับพวกเขาอยู่“ยินดีต้อนรับคุณชายและคุณหนูฉู่!”พนักงานแต่งตัวดีจำนวนมากโค้งคำนับคนทั้งสอง“คุณหนูฉู่ ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ ขออนุญาติเสิร์ฟเลยได้ไหมครับ” ผู้จัดการร้านอาหารกล่าวต้อนรับด้วยความเคารพ"ได้ค่ะ"ฉู่เมิ่งเหยาพยักหน้าและจับมือของฉู่เฉินเอาไว้ จากนั้นนั่งลงบนชั้นบนสุดของภัตตาคารหวังเจียง“เสี่ยวเฉิน พี่ได้เหมาร้านในวันนี้เพื่อฉลองวันเกิดให้นาย คิดว่าเป็นยังไงบ้าง?”“ก็ดีนะ แต่ดูเหมือนจะฟุ่มเฟือยไปหน่อย” ฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาฉู่เมิ่งเหยามองเขาด้วยความโกรธและพูดว่า "ไม่ใช่ทุกวันที่ฉันจะฉลองวันเกิดให้กับนาย คิดเสียว่า นี่เป็นการชดเชยให้แทนครั้งก่อนๆ หน้านี้ก็แล้วกัน""โอเค ตามที่พี่พูดเลย" ฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะยิ้มไม่นานหลังจากนั้น พนักงานเสิร์ฟก็เสิร์ฟอาหารตะวันตกอันโอชะทีละจานฉู่เมิ่งเหยาเปิดขวดไวน์แดงแล้วเทมันลงไปในแก้ว เธอมองไปที่ฉู่เฉินแล้วพูดว่า "เสี่ยวเฉิน ส
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่