“อะไร? แกคิดว่าฉันคือเจียงอี้ฟานงั้นเหรอ?”เซี่ยเหวินเล่ยหัวเราะเยาะก่อนที่เขาจะพูดจบ ส้อมก็ปักลงไปที่ต้นขาของเขาทันทีเซี่ยเหวินเล่ยก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“นายน้อยเซี่ย!”สีหน้าของคนที่อยู่ข้างหลังเขาเปลี่ยนไปอย่างมากฉู่เฉินพูดอย่างเฉยชา “แกพูดเพ้อเจ้อมากเกินไปแล้ว รีบไสหัวไปก่อนที่ฉันจะอารมณ์เสียเพราะแกไปมากกว่านี้ ไสหัวไป!”เซี่ยเหวินเล่ยพูดด้วยความโกรธ “ไอ้พวกขยะเปียก พวกแกกำลังยืนบื้ออะไรกันอยู่? ฆ่าพวกมันสิ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะรับผิดชอบเอง!”ทันใดนั้น ชายฉกรรจ์เจ็ดถึงแปดคนก็รีบวิ่งพุ่งไปข้างหน้าและเปิดฉากโจมตีฉู่เฉินสายตาของฉู่เฉินเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา และตบโต๊ะตรงหน้าเขาเบาๆมีดและส้อมบนโต๊ะทั้งหมดก็ลอยขึ้นไปในอากาศ และจากการโบกมือขวาของฉู่เฉินพวกมันก็พุ่งแทงลงไปบนร่างของชายฉกรรจ์เหล่านั้นอย่างแม่นยำเพียงครู่เดียว ทุกคนก็ล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกับความเจ็บปวด ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวพวกเขายังไม่ได้เข้าใกล้ฉู่เฉินเลยด้วยซ้ำ ก็จะล้มลงไปกับพื้นแล้วเซี่ยเหวินเล่ยก็ตกใจกับภาพตรงหน้านี้เช่นกัน ตอนที่เขามองดูฉู่เฉินเดินเข้ามาหาตัวเอง เขาก็ตัวสั่น
ในชั่วพริบตาเดียว เจียงอี้หางก็พุ่งเข้ามาหาเขาเหมือนกับพยัคฆ์ร้าย และระเบิดพลังจิตสังหารออกมาและนิ้วทั้งห้าพุ่งตรงไปที่คอของฉู่เฉินอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าสามารถทำให้คอของอีกฝ่ายแหลกสลายได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว"มีแค่แกงั้นเหรอ!"ใบหน้าของฉู่เฉินยังคงไร้ความรู้สึกขณะที่เขาปล่อยให้อีกฝ่ายคว้าคอของเขาเอาไว้ได้เจียงอี้หางดีใจมากและกำลังจะหักคอ แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงแรงอันมหาศาลที่พุ่งมาที่แขนแรงมหาศาลนี้ ทำให้เขารู้สึกชาบนฝ่ามือของเขา จากนั้นจึงส่งเสียงครวญคราง และอดไม่ได้ที่จะปล่อยมือออก จากนั้นก็ถอยหลังไปหลายก้าว“แกเป็นตัวอะไรกันแน่?” เจียงอี้หางมองที่ฉู่เฉินอีกครั้งด้วยสายตาที่ต่างไปจากเดิมเล็กน้อยต้องรู้ว่าเขาเป็นนักรบระดับการชกด้วยศอกขั้นสุดท้าย และคนธรรมดาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย ไม่ต้องพูดถึงการที่จะสลัดเขาออกได้ด้วยบุคคลนี้จะต้องเป็นนักรบระดับทะลวงเส้นลมปราณเจียงอี้หางคิดในใจ“แกไม่สมควรที่จะรู้จักชื่อของฉัน!”สายตาของฉู่เฉินเย็นชา "ดูจากท่าก้าวของนาย ดูเหมือนว่าจะเป็นทหาร"“ไม่เลว”เจียงอี้หางยิ้มอย่างภาคภูมิใจและพูดว่า "ฉันเป็นสมาชิกของชิงหลง!"ทั
แต่ถึงอย่างนั้น ทันทีที่เธอนึกถึงความแข็งแกร่งของฉู่เฉิน จิตใจของเธอก็สงบลงก่อนที่เธอจะนั่งลงมีเพียงผู้จัดการเฉินเท่านั้นที่อดไม่ได้ที่จะบ่นในใจเกิดอะไรขึ้นที่นี่!กว่าสิบนาทีต่อมา มีเสียงเย็นชาดังมาจากชั้นล่าง: "ใครกล้ารังแกน้องชายของฉัน?"ครู่ต่อมา มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดฝึกกังฟูสีดำ รีบวิ่งไปข้างหน้าพร้อมกับคนหลายคน“พี่สาว เป็นไอ้เด็กคนนั้น!” เซี่ยเหวินเล่ยเอื้อมมือออกไปและชี้ที่แผ่นหลังของฉู่เฉินที่กำลังกินข้าวอยู่ฉู่เมิ่งเหยากำลังจะลุกขึ้นเพื่ออธิบายให้ผู้หญิงคนนั้นฟังฉู่เฉินจับเธอเอาไว้: “กินต่อเถอะ”เซี่ยชิงเยว่มองไปที่แผ่นหลังของฉู่เฉินด้วยความโกรธ: "แกนี่ช่างกล้าหาญจริงๆ! กล้าดียังไงมาแตะต้องคนในตระกูลเซี่ย!"ทันใดนั้น ฉู่เฉินก็หันศีรษะกลับไปมอง สายตาของเขาเยือกเย็นและเฉียบแหลมในขณะที่มองไปที่เธอแค่แวบเดียวเท่านั้น!ร่างของเซี่ยชิงเยว่สั่นเทา และความโกรธของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีหน้ามืดมนทันทีเป็นเขา!ปรมาจารย์วรยุทธที่เธอพบครั้งก่อนในพื้นที่ล่าสัตว์!เมื่อเห็นเธอไม่ขยับ เซี่ยเหวินเล่ยจึงรีบเร่งเร้า "พี่สาว พี่จะยังรออะไรอยู่? เอาเลย ทุบตีเขาให้ตายเพื่อผมที!""
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่เป็นคำถามของเจียงอวิ๋นเหอ เจียงอี้หางทำได้เพียงยิ้มอย่างเงียบ ๆ แต่แววตากลับฉายแววแห่งความเยือกเย็นเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร เจียงอวิ๋นเหอก็ไม่ถามอีกต่อไป ได้แต่ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมา "ไปช่วยน้องชายของแกกันก่อน ตอนนี้เขาถูกขังอยู่ในซวนหวู่ และพวกเราไม่รู้ว่าเขาจะเป็นตายร้ายดียังไง"“ผมจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” เจียงอี้หางพยักหน้าครึ่งชั่วโมงต่อมา เจียงอี้หางก็มาถึงฐานซวนหวู่เขาหยิบเอกสารยืนยันตัวของสมาชิกชิงหลงออกมา และพูดกับสมาชิกซวนหวู่ที่เฝ้าทางเข้าฐานทัพ "ฉันชื่อเจี้ยงอี้หาง มาจากชิงหลง และฉันต้องการพบคนดูแลที่นี่"สมาชิกในทีมซวนหวู่รับเอกสารยืนยันตัวตน พร้อมกับตรวจสอบดูก่อน แล้วจึงโทรศัพท์เพื่อไปรายงานไม่นานหลังจากนั้น เยว่ฟู่หลงก็เดินออกไปอย่างสุภาพ "ฉันชื่อเยว่ฟู่หลง ฉันขอทราบจุดประสงค์ของการมาเยือนฐานซวนหวู่ได้ไหม?"เจียงอี้หางเหลือบมองยศพันตรีของเขาและรู้สึกรังเกียจ แต่ยังคงตอบกลับไปอย่างสุภาพว่า "พี่ชาย ฉันชื่อเจียงอี้หาง และเจียงอี้ฟานเป็นน้องชายของฉัน ฉันได้ยินมาว่าเขาถูกจับกุมโดยพวกคุณ ดังนั้นฉันจึงมาที่นี่เพื่อขอประกันตัวเขาออกไป”“คุณเป็นคน
ใบหน้าของเขาดูลึกลับ ตอนที่ออกจากบ้านพร้อมกับเจียงอวิ๋นเหอ ……ฉู่เฉินและฉู่เมิ่งเหยาเดินออกจากภัตตาคารหวังเจียงหลังจากรับสายโทรศัพท์แล้ว ฉู่เมิ่งเหยาก็พูดกับฉู่เฉินด้วยสีหน้าค่อนข้างลำบากใจ “คุณย่าขอให้พวกเราไปหาตอนนี้ ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” “ไม่เป็นไร แม้ว่าฟ้าจะถล่ม แต่ผมก็จะไปที่นี่” ฉู่เฉินปลอบใจเธอ แล้วรีบตามเธอไปที่ตระกูลเว่ยทันทีที่พวกเขาทั้งสองเปิดประตูเข้าไป พวกเขาก็พบว่าผู้อาวุโสของตระกูลเว่ยทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่แล้ว และสีหน้าของทุกคนก็ดูเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก หรือพูดให้ชัดๆว่า กำลังตัวสั่น!“คุณย่า คุณเรียกฉันมาทำไม?” ฉู่เมิ่งเหยาพูดด้วยสีหน้างุนงง“นังเด็กเปรต แกรีบคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” เว่ยเหลาไท่ไท่ตะโกนอย่างดุดันใบหน้าของฉู่เมิ่งเหยาเปลี่ยนไป และก็ขมวดคิ้ว “คุณย่า ฉันทำอะไรผิด ทำไมต้องสั่งให้คุกเข่าด้วย?”“ฉู่เมิ่งเหยา ถึงขนาดนี้แล้ว แกยังปลิ้นปล้อนกับพวกเราอีกเหรอ?!”เว่ยซือหยี่ยืนขึ้นและพูดอย่างเย็นชา "พวกเราเพิ่งได้ทราบข่าวว่า แกทำให้คนของชิงหลงขุ่นเคือง ตอนที่แกไปกินข้าวที่ภัตตาคารหวังเจียง มันเป็นเรื่องจริงรึเปล่า?"“ใช่ แต่นั่นเป็นเพราะ…” ฉู่
หลังจากพูดจบ ฉู่เฉินกับฉู่เมิ่งเหยาก็เดินออกจากตระกูลเว่ยเมื่อเห็นทั้งสองสองคนเดินลับตาออกไปแล้ว เว่ยซือหยี่ก็ได้เริ่มพูดจาถากถาง: "ได้ยินคำพูดสุดท้ายของเด็กคนนั้นหรือเปล่า?"“เสียใจทีหลังเหรอ? กล้าบอกว่าพวกเราจะวิงวอนขอร้องฉู่เมิ่งเหยาให้กลับมาหาตระกูลเว่ย เพ้อเจ้อจริงๆ”“ซือหยี่พูดถูก เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร? หัวหน้าผู้ฝึกสอนของซวนหวู่เหรอ?”“ถ้าบอกว่าจะต้องเสียใจ มันก็เป็นพวกเขาต่างหากที่ต้องเสียใจ หากไม่มีตระกูลเว่ย พวกเขาก็เป็นเพียงแค่เศษขยะ ไม่ช้าหรือเร็วพวกเขาก็จะเน่าตายข้างถนน!”“พวกเขากล้าทำให้คนของชิงหลงขุ่นเคือง ซวนหวู่จะต้องไล่ฉู่เมิ่งเหยาออกอย่างแน่นอน เพื่อทำให้ทุกอย่างสงบลง!”“……”“……”สมาชิกในตระกูลเว่ยจำนวนมากเริ่มพูดถากถางเสียดสี คำพูดของพวกเขาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยามเว่ยเหล่าไท่ไท่ยังหัวเราะเยาะไม่หยุด และพูดกับเว่ยซือหยี่ว่า "ซือหยี่ ไปเอาคฤหาสน์หลังนั้นกลับมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!“หากนังเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมและไร้ประโยชน์คนนั้น ไม่ฟังคำพูดของเธอ ก็ไม่จำเป็นต้องให้เธออาศัยในตระกูลเว่ยอีก"ได้ค่ะ คุณย่า"เว่ยซือหยี่พยักหน้าทันทีและรีบมุ่งหน้าตรงไปย
หลังจากวางสายแล้ว ฉู่เฉินก็มองไปที่ห้องและพูดพึมพำ "พี่หก ในเมื่อพี่ปรารถนาที่ไปแตะขอบฟ้า ผมในฐานะน้องชายจะช่วยสานฝันให้พี่เอง!"…………ณ บ้านตระกูลเว่ยเว่ยชือหยี่เดินเข้ามาพร้อมกับกุญแจคฤหาสน์และพูดอย่างเย่อหยิ่ง: "คุณย่า ยัยผู้หญิงไร้ค่านั่นย้ายก้นออกไปแล้วนะ"“เธอได้พูดอะไรไหม? อย่างคำพูดว่าเสียใจ?” เว่ยเหลาไท่ไท่ถามโดยไม่รู้ตัวเหตุผลที่เธอขอให้เว่ยชือหยี่ทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ฉู่เมิ่งเหยารู้สึกเสียใจ ซึ่งจะดีกว่าถ้าหากอีกฝ่ายจะร้องไห้กลับมาและขอโอกาสอีกครั้งเว่ยชือหยี่ส่ายหัว: "เธอไม่ได้พูดอะไรเลย ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว และใบหน้าดูแห้งเหือดมาก"เว่ยเหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้วและไม่พอใจมาก "ดูเหมือนว่าเธอตั้งใจที่จะไปกับไอ้เด็กคนนั้น ในเมื่อมันเป็นเช่นนั้นแล้ว ฉันอยากรู้ว่าพวกมันจะไปได้สักกี่น้ำ"ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน เว่ยไห่หลงกับเว่ยจวินหลินก็กลับมาทั้งสองคนไปที่เมืองอื่นมาและเพิ่งกลับมาถึงฉู่โจว โดยไม่รู้ว่าฉู่เมิ่งเหยาถูกขับไล่ออกไปแล้ว“คุณย่า คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่?” เว่ยจวินหลินถามอย่างสงสัย“พี่จวินหลิน พี่ยังไม่รู้เรื่องอะไร เมื่อกี้คุณย่าได้เตะฉู่เมิ่งเหยาแล
ไม่เพียงแต่ตระกูลเว่ยที่ได้รับจดหมายเชิญเท่านั้น แม้แต่ตระกูลเศรษฐีอื่น ๆ ทั่วทั้งฉู่โจวก็ได้รับเชิญเช่นกันรวมถึงตระกูลเจียงด้วยตกกลางคืนเจียงอี้หางพาเจียงอวิ๋นเหอไปที่สถานบันเทิงส่วนตัวโดยไม่รอให้เจียงอวิ๋นเหอถาม เจียงอี้หางพูดกับชายในชุดสูทที่อยู่หน้าประตู: "ฉันอยากเจอคุณเคียวโต้"“คุณเจียง คุณเคียวโต้รอคุณอยู่ข้างในแล้ว” ชายในชุดสูทพูดหลังจากต่อสายไปด้านในแล้วเจียงอี้หางกำลังจะเข้าไปพร้อมกับเจียงอวิ๋นเหอ แต่ถูกชายร่างใหญ่ขวางเอาไว้และพูดว่า "คุณเจียง ผมต้องขอโทษด้วย สหายของคุณไม่สามารถเข้าไปได้"“กล้าดียังไง นี่คือพ่อของฉัน หัวหน้าตระกูลเจียงผู้มั่งคั่งในฉู่โจว ฉันพาเขามาที่นี่ในครั้งนี้ เพื่อหารือเรื่องสำคัญกับคุณเคียวโต้” เจียงอี้หางตวาดด้วยความโกรธใบหน้าของชายร่างใหญ่ก็เปลี่ยนไป และหลังจากนั้นจึงขยับตัวให้คนทั้งสองผ่านเข้าไปได้ทันทีที่ทั้งสองเข้าไป ประตูด้านหลังก็ถูกปิดลง และเจียงอวิ๋นเหอก็พบว่าการตกแต่งข้างในล้วนเป็นสไตล์ญี่ปุ่นทั้งหมดไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่รับผิดชอบดูแลรอบๆ ยังสวมชุดนักรบแบบญี่ปุ่นและสวมรองเท้าเกี๊ยะไม้“อี้หาง แ
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่