แม้แต่ ฉินปิงเยว่ก็มองไปที่ฉู่เฉิน ดวงตาที่งดงามของเธอมีแต่ความลุ่มหลง และรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาเธอพูดว่าได้เห็นคนมาก็นับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นชายหนุ่มรูปงามอย่างฉู่เฉิน“ว้าว คุณผู้หญิง แฟนของคุณหล่อจริงๆเลยนะคะเนี่ย”พนักงานขายหญิงที่อยู่ข้างๆ เธอมองดูฉู่เฉินด้วยความคลั่งไคล้คำว่า "แฟน" ทำให้ใบหน้าสวยของฉินปิงเยว่ ร้อนฉ่าขึ้นมา และเธอก็พูดพร้อมด้วยความรู้สึกหวานฉ่ำในใจว่า "ขอชุดแบบนี้อีกชุดค่ะ แล้วก็แพ็คมาด้วยนะคะ"“โอเคค่ะ รบกวนคุณช่วยมาชำระเงินตรงนี้ทีนะคะ”ผู้ช่วยขายยิ้มอย่างเคารพฉู่เฉินไม่ได้คิดถึงเสื้อผ้าของเขามากนัก เพราะเขาให้ความสำคัญกับความสะอาดและความสะดวกสบาย เมื่อตอนสวมใส่เท่านั้นระหว่างที่ฉินปิงเยว่ ชำระเงิน มีหญิงสาวหลายคนเดินเข้าไปในร้าน เมื่อพวกเขาเห็นฉู่เฉิน พวกเขาต่างก็ประหลาดใจกับรูปร่างหน้าตาของเขาพวกเธอสองคนเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และขอเพิ่มเพื่อนฉู่เฉินบน Line แต่ทั้งคู่กลับถูกฉู่เฉิน ปฏิเสธไปหญิงสาวที่ถูกปฏิเสธก็ไม่โกรธเช่นกัน ได้แต่หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งข้อความใน Line ถึงเพื่อนสนิทของเธอ:“ย่าย่า ม
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ฉินปิงเยว่ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชาบนใบหน้าของเธอทันทีที่เห็นเธอ เฉินย่าและถังรั่วเวยก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาทันทีผู้หญิงตรงหน้าเธอสวยมากจริงๆ เมื่ออยู่ต่อหน้า เธอทั้งสองคนก็เหมือนกับปลาบู่ทันทีหลังจากนั้น ผู้หญิงทั้งสองก็เบิกตากว้างพร้อมกันพวกเธอได้ยินถูกใช่ไหม? ฉู่เฉินเป็นแฟนของผู้หญิงคนนี้งั้นเหรอ?เฉินย่าตกตะลึง เมื่อฉินปิงเยว่ตบหน้าเธออย่างเย็นชาแล้วพูดว่า "เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ?""เพี๊ยะ!"เสียงนั้นชัดเจนและรุนแรงการตบนี้ผลักเฉินย่าถอยหลังออกไปสองสามก้าว จนแทบจะล้มลงกับพื้นเฉินย่าตกตะลึงกับการถูกตบ และเธอกุมใบหน้าเอาไว้พร้อมความไม่เชื่อ และพูดว่า "คุณ... คุณกล้าตบฉันเหรอ?"ฉินปิงเยว่ เมินเธอและหันไปมองที่ฉู่เฉิน ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและพูดว่า "คุณฉู่คะ ไปยุ่งกับอีตัวแบบนี้ทำไมกันคะ ทำไมคุณถึงต้องไปคุยกับเธอด้วย?""ฉันกำลังพูดกับแกอยู่นะ"เฉินย่าโกรธมากจนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด เธอคำรามและกำลังจะพุ่งเข้าไปหาฉินปิงเยว่ถังรั่วเวยรีบหยุดเธอและมองไปที่ฉินปิงเยว่ ด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจและพูดว่า "ทำไมคุณถึงเป็นคนแบบนี้? แค่คุณไม่เห็นด้วย คุณก็จะเ
“พูดตามตรงนะคนสวย ผมชื่อหวังซวี่ และหวังฟู่กุ้ยที่เป็นเจ้าของโรงแรมเทียนเซิงก็เป็นพ่อของผมเองครับ”หวังซวี่รีบอวดทันทีเขาคิดว่าอย่างน้อย ฉินปิงเยว่คงจะแปลกใจหลังจากฟัง แต่เธอก็กลับไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมาเลยหวังซวี่ ไม่ยอมแพ้และพูดว่า "ผมสงสัยว่าคุณเคยได้ยินมาว่าตระกูลฉินที่ร่ำรวยในเจียงหนานกำลังจะจัดงานเลี้ยงขอบคุณที่ยิ่งใหญ่?""ฉันได้ยินเรื่องนี้มาบ้างนะ"ฉินปิงเยว่ ตกตะลึงและพูด“คุณได้รับจดหมายเชิญจากตระกูลฉินแล้วหรือยัง?”หวังซวี่ถามอีกครั้ง“เอ่อ ไม่นะ”ฉินปิงเยว่ พูดติดตลกหวังซวี่ ไฟลุกขึ้นมาทันทีและพูดว่า "คนสวย พ่อของผมบังเอิญได้รับเชิญจากตระกูลฉิน เขาสามารถพาคนห้าคนไปงานเลี้ยงขอบคุณของตระกูลฉินได้ คุณต้องการทิ้งข้อมูลการติดต่อไว้ เพื่อให้ผมบอกคุณพ่อให้เชิญคุณไปร่วมงานนี้ด้วยมั้ยครับ?”เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพยายามขอข้อมูลติดต่อของฉินปิงเยว่โดยไม่คาดคิด ฉินปิงเยว่พูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ "โรงแรมเทียนเซิงใช่ไหม ฉันจำได้""ไปกันเถอะ."ฉู่เฉินเหลือบมองหวังซวี่ราวกับว่าเขากำลังมองคนที่มีความพิการทางจิตใจ จากนั้นจึงจากไปพร้อมกับฉินปิงเยว่“คนสวย คุณยังไม่ได้ทิ
วันรุ่งขึ้นตอนรุ่งสาง คฤหาสน์ตระกูลฉินได้รับการตกแต่งด้วยแสงไฟและของตกแต่งหลากสีสันทั้งภายในและภายนอก ทำให้ที่นี่ดูมีชีวิตชีวาอย่างไม่น่าเชื่อเพราะวันนี้เป็นวันที่ตระกูลฉินจะจัดงานเลี้ยงขอบคุณ โดยมีรถยนต์หรูหราจอดเรียงรายเหมือนสายฝน และแขกที่เหมือนเมฆหมอกที่แทบจะเต็มถนนทั้งสายของเจียงหนานมีบุคคลสำคัญมากมายในเจียงหนานอยู่ที่นี่ และแม้แต่การกระทืบเท้าก็อาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวในเจียงหนานได้นอกจากนี้ ยังมีวีไอพีที่กระจายมากจากทุกพื้นที่ในต้าเซี่ย การมาของพวกเขาทำให้ทางด่วนเป็นอัมพาตทุกคนต้องการเห็นหมอรักษาผู้ศักดิ์สิทธิ์กุ่ยเหมิน ผู้ช่วยชีวิตผู้เฒ่าฉินด้วยตาตัวเองว่าณ คฤหาสต์อวี้หลงวานหมายเลข 1ฉู่เฉินยังคงนั่งสมาธิและฝึกลมหายใจเหมือนอย่างเคย ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่ง ฉินปิงเยว่ได้มาเคาะประตู ปลุกเขากลับมา: "คุณฉู่คะ งานเลี้ยงขอบคุณกำลังจะจัดขึ้น และฉันมาที่นี่เพื่อรับคุณไปที่นั่นค่ะ"หลังจากที่ฉู่เฉินเปิดประตู เขาพบว่าวันนี้เธอแต่งตัวเป็นทางการมาก โดยสวมชุดเดรสยาวสีอ่อนที่ดูเรียบๆ แต่ดูสง่างาม เติมเต็มรูปร่างที่มีเสน่ห์ของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบฉู่เฉิน อดไม่ได้ที่จะม
โชคหมูหมาอะไรกัน ที่ทำให้ไอ้บ้านนอกฉู่เฉินได้รับความโปรดปราณจากบุคคลชั้นยอดขนาดนี้เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองที่คาดหวัง ฉินปิงเยว่ก็ได้หัวเราะออกมาเบาๆ และพูดอย่างดูถูกว่า "หามิตร? คุณสมควรได้รับมันงั้นหรอ?"ไม่ว่าเขาจะอารมณ์ดีแค่ไหน หวังซวี่ก็โกรธขึ้นมาเล็กน้อยและพูดว่า "คนสวย แบบนี้ดูไม่งามเท่าไหร่มั้งครับ?"“ผมหวังซวี่ อย่างน้อยก็เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแห่งหนึ่ง และคุณพ่อของผมก็เป็นเจ้าของโรงแรมเทียนเซิงที่มีชื่อเสียงในเจียงหนานอีกด้วย”“ผมอยากรู้จริงๆเลย ว่าผมเทียบไม่ได้กับไอ้สารเลวแซ่ฉู่คนนี้ที่ตรงไหน ถึงทำให้คุณต้องตบหน้าผมต่อหน้าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่ากันนะ?”หวังซวี่ เอื้อมมือออกไปและชี้ไปที่ฉู่เฉิน โดยไม่ปกปิดความดูถูกบนใบหน้าของเขา“คุณอยากรู้จริงๆเหรอ?”ฉินปิงเยว่ขมวดคิ้ว"แน่นอนสิ"หวังซวี่พยักหน้าฉินปิงเยว่ยิ้มและพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นคุณต้องตั้งใจฟังให้ดี ในสายตาของฉัน คุณไม่คู่ควรที่จะยกรองเท้าของคุณฉู่ด้วยซ้ำไป!"“ไม่ต้องพูดถึงนาย แม้ว่าจะเป็นพ่อของนายในสายตาของฉัน ก็ไม่ต่างอะไรไปจากมดหรือปลวก”"เธอ!"หวังซวี่โกรธมากฉินปิงเยว่ ไม่สนใจเขาและพาฉู่เฉินเข้าไ
“แกไม่ต้องทำให้เรากลัวขนาดนั้นหรอก”หวังซวี่เยาะเย้ยและพูดว่า "เธอมันก็แค่ดอกไม้ธรรมดาไม่ใช่เหรอ? เธอจะทำอะไรพวกเราได้บ้าง?"ฉู่เฉินขี้เกียจที่จะจัดการกับคนสองสามคนนี้ เขาหันกลับไปมอง เพียงเพื่อจะพบว่าร่างของฉินปิงเยว่ หายไปนานแล้วเขาตัดสินใจเดินไปในที่ที่ไม่มีใครอยู่และหาที่นั่งลงที่ทางเข้าสวนของตระกูลฉิน มีรถเบนท์ลีย์ขับมาจากระยะไกลและจอดลงอย่างช้าๆเมื่อประตูรถเปิดออกหนิงชิงเสว่ ในชุดเดรสยาวสีขาวเหมือนกับหิมะก็เดินออกไปพร้อมกับ พานอวิ๋น เลขาของเธอฉินปิงเยว่ที่รออยู่แล้ว ทักทายด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า "ชิงเสว่ เธอมาแล้ว"หนิงชิงเสว่พูดด้วยสีหน้าซีดเซียว “ปิงเยว่ ฉันขอถามอะไรเธอหน่อยได้ไหม?”“บอกฉันมาสิว่าเธอกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร เธอถามฉันมาได้เลยนะ”ฉินปิงเยว่มองค้อนเธอหนิงชิงเสว่พูดทันทีว่า "ตอนนี้ทุกคนกำลังลือกันว่าหมอเทวดาที่รักษาคุณปู่ฉินคือหมอสำนักรักษาผู้ศักดิ์สิทธิ์กุ่ยเหมิน นั่นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?""ถูกต้อง"ฉินปิงเยว่ พยักหน้าและพูด“เป็นเขาจริงๆ!”ใบหน้าที่งดงามของหนิงชิงเสว่ สว่างไสวไปด้วยความดีใจ ทันใดนั้นเธอก็จับมือของฉินปิงเยว่ไว้แน่นและพูดว่า "ปิง
ทันทีที่พูดเช่นนี้ หวังซวี่ก็อดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าลึก ๆ รู้สึกว่าร่างกายของเขาท่วมไปด้วยเหงื่อ“คนธรรมดาที่มีพลัง เขาสามารถควบคุมความเป็นและความตายได้?นี่มันทรงพลังเกินไปหรือเปล่า?หัวใจของ ถังรั่วเวยเต้นแรงเมื่อเธอได้ยินเช่นนั้น ในความเห็นของเธอ หมอรักษาผู้ศักดิ์สิทธิ์กุ่ยเหมินนี่แหละถึงจะเรียกว่าเป็นคนใหญ่คนโตของจริงหวังฟู่กุ้ยกล่าวด้วยความตกตะลึง "คุณเฉินพูดถูก เราไม่สามารถก้าวก่ายคนอย่างหมอรักษาผู้ศักดิ์สิทธิ์กุ่ยเหมินได้เลย"เขาไม่ลืมที่จะเตือน "ดังนั้น วันนี้พวกคุณทุกคนต้องประพฤติตัวให้ดีในงานเลี้ยงขอบคุณ จำไว้ว่าอย่าทำให้ใครขุ่นเคืองเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้น ฉันจะไม่สามารถปกป้องพวกคุณได้"หลายคนพยักหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดนี้“ ลุงหวัง ใครคือคนหนุ่มสาวที่ตระกูลฉินต้องการสนับสนุน คุณรู้ไหมคะ?”เฉินย่าถาม“จำเป็นต้องถามอีกไหม? ต้องเป็นนายน้อยหวังอยู่แล้ว”กัวรุ่ยก็ประจบสอพลอไม่หยุดแม้ว่าหวังซวี่จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากการได้ยินเรื่องนี้ แต่ก็ยังมองคุณพ่อของเขาด้วยความประหม่าอยู่บ้างหวังฟู่กุ้ยยิ้มอย่างลึกลับและพูดว่า "ตามที่ฉันรู้มา คนที่มาในวันนี้ล้วน
หวังซวี่ช็อคกับการที่เขาถูกตบ และกุมหน้าด้วยความงุนงงและพูดว่า "พ่อ ... ""ไปให้พ้น!"หวังฟู่กุ้ยคำรามเสียงดัง “ไอ้โง่ อย่ามาเรียกฉันว่าพ่ออีก นับจากแต่นี้เป็นต้นไป ฉันจะตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับแก”หลังจากพูดคำเหล่านี้แล้ว เขาก็กุมหน้าอกเอาไว้ ใบหน้าของเขาซีดขาวไร้เลือด และร่างกายของเขาก็สั่นเทาอย่างรุนแรงไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรือความกลัวมากเกินไป เขาแค่รู้สึกถึงความมืดมิดตรงหน้าและก็เป็นลมหมดสติไปตรงนั้นฉากที่ฉับพลันนี้ทำให้ทั้งสามคนตกใจเป็นอย่างมาก“คุณพ่อ เป็นอะไรไปครับ? อย่าทำให้ผมกลัวนะ”“เร็วเข้า โทรเรียกรถพยาบาลเร็วเข้า”หลังจากความวุ่นวาย ในที่สุดหวังฟู่กุ้ยก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเป็นไปได้ยังไง?ทั้งสามคนยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆหวังซวี่อดไม่ได้ที่จะมองนักธุรกิจผู้มั่งคั่งนามสกุลเฉินที่อยู่ข้างๆ เขาแล้วพูดว่า "ลุงเฉิน คุณพ่อของผม..."“อย่า อย่ามาเรียกฉันว่า 'ลุง' ฉันไม่อยากถูกพวกแกลากไปตายด้วย”นักธุรกิจผู้มั่งคั่งแซ่เฉินหน้าซีดและทิ้งประโยคไว้ จากนั้นก็หันหลังกลับและวิ่งหนีราวกับถูกสุนัขไล่ล่า เขาซื้อตั๋วรถไฟเพื่อกลับบ้านในคืนนั้นเลยในขณะนี้ ทั้ง
“ไสหัวไปซะ!” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและตะโกน สายตาของเขาเย็นชา และเผยจิตสังหารออกมา“อะไร? แกกำลังไล่พวกเรางั้นเรอะ?”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็ดูประหลาดใจและสงสัยว่าพวกเขาได้ยินผิด“ไอ้ขี้เหร่ แกกล้าอวดดีขนาดนั้นเลยเหรอ แกเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก”ทันใดนั้น ทุกคนก็โกรธฉู่เฉินอย่างมากแม้ว่านี่จะเป็นเมืองหลวง แต่พวกเขาก็เป็นสมาชิกของตระกูลหวัง พวกเขาข่มเหงผู้ที่อ่อนแอและข่มเหงคนหนุ่มสาวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหยิ่งผยองลำพองใจ พวกเขาคุ้นเคยกับแววตาหวาดกลัวและยอมจำนนของคนอื่น ๆ มาเป็นเวลานานคำพูดของฉู่เฉินทำให้พวกเขาโกรธมาก จนอยากจะถลกหนังเขาและหั่นเขาเป็นชิ้น ๆ!“ฉันจะพูดอีกครั้ง ไปให้พ้น! ไม่เช่นนั้นจะฆ่าอย่างไม่ปราณี!“ สายตาเย็นชาของฉู่เฉินกวาดไปทั่ว เต็มไปด้วยจิตสังหาร“ฆ่าอย่างไม่ปราณี?”“ฮ่า ๆ แกทำให้ฉันขำเป็นบ้า แกคิดว่าแกตัวเองคู่ต่อสู้ของพวกเราได้จริงเหรอ?”ชายหนุ่มหลายคนในชุดสูทมองขึ้นมาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเยาะเย้ย ไม่สนใจเขาเลยฉู่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจ คนพวกนี้มีสมองเอาไว้กั้นหูเท่านั้น เขาเพิ่งให้โอกาสพวกเขาไปเมื่อ
……ภายในเมืองหลวงที่คึกคัก บนถนนที่กว้างและราบเรียบกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นเดินไปมาในเมือง โดดเด่นเหมือนฝูงนกยูงรำแพนหาง และดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมายอย่างไรก็ตาม เครื่องแต่งกายของพวกเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โดยที่เย่ชิงชานสวมชุดสีขาวล้วน ดูบอบบางและงดงามเฉียวหานอวี้สวมชุดยาวสีม่วงแดง แสดงออกถึงท่าทางที่กล้าหาญและมั่นใจหนิงชิงเสว่ที่ยังเยาว์วัยและสวยงามในชุดสีน้ำเงิน ฉู่เหมิงเหยาผู้บริสุทธิ์และสวยงาม อ่อนโยนและเงียบขรึมมีเพียงฉู่เฉินที่สูงใหญ่และสง่างามในชุดสีดำเท่านั้นที่โดดเด่นออกมา ใบหน้าที่คมคายและเฉียบคมของเขาส่งออร่าของความเฉยเมยที่ทำให้เขาดูไม่เข้ากับคนอื่น ๆ“หนุ่มหล่อคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขามากับผู้หญิงมากมายขนาดนั้น?” พฤติกรรมของทั้งกลุ่มดึงดูดความสนใจของบางคนได้อย่างชัดเจนคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหราและเครื่องประดับสีสันสดใส บ่งบอกถึงภูมิหลังครอบครัวมีฐานะ“ผู้ชายคนนั้นดูอ่อนแอมาก แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เขาแจ่มเป็นบ้า” คนที่รู้จักฉู่เฉินกระซิบเตือน ไม่เต็มใจที่จะก่อเรื่องฉู่เฉินเดินไปข้างหน้าคนเดียว โดยไม่สนใจคนร
“อืม พวกเราจะไม่ทอดทิ้งนายแน่นอน!”เสียงเจี๊ยวจ๊าวของกลุ่มสาว ๆ ทำให้ฉู่เฉินหมดหนทาง แต่ที่สำคัญกว่านั้น มันทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นขึ้นมา“เสี่ยวซือโถว เมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเรามาเตรียมพร้อมกันเถอะ ฉันอยู่เฉย ๆ มาหลายวันแล้ว”เฉียวหานอวี้ถูกำปั้น และกระตือรือร้นที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างพี่สาวคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นเช่นกัน ราวกับว่าพวกเธอเห็นภาพของคนหลายคนที่เข้ามาในเมืองหลวงเป็นกลุ่มสถานการณ์นี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึง“พี่ ๆ ได้โปรดรอก่อน เรื่องนี้ต้องดำเนินการทีละขั้นตอน และฉันกำลังจะทำสำเร็จในไม่ช้า ยังไม่สายเกินไปที่จะดำเนินการเมื่อฉันทำสำเร็จ และอีกอย่าง... ฉันไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดของคุณจริง ๆ” ฉู่เฉินขมวดคิ้วและพูดความเกลียดชังของคน ๆ หนึ่งต้องได้รับการจัดการด้วยตัวเองในที่สุด และไม่ให้พี่ ๆ มาเกี่ยวข้องได้ เพราะพวกเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยในเรื่องนี้“จะเป็นอะไรถ้านายไม่ใช่น้องของฉัน? นายเติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกับพวกเราตั้งแต่ยังเด็ก และแม้ว่านายไม่ใช่น้องร่วมสายเลือดของฉัน แต่พวกเราก็ปฏิบัติกับนายเหมือนเป็นน้องชายของพวกเรา”เฉียวหานอวี้เอื้อมมือไปจับแขนเสื้อข
“ประสบการณ์ของฉันก็เรียบง่ายมาก ในกองไฟของสถานรับเลี้ยงเด็ก ฉันได้รับการช่วยเหลือจากชายชราคนหนึ่ง หลังจากนั้น ฉันก็ติดตามชายชราไปฝึกวรยุทธ หลังจากประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ฉันก็ออกมาเพื่อล้างแค้นให้กับคุณปู่ผู้อำนวยการและทุก ๆ คน ฉันได้ติดตามเบาะแสทีละขั้นตอนไปจนถึงเมืองหลวง และนั่นคือทั้งหมด”ฉู่เฉินกางมือออกกว้าง แสดงให้เห็นว่าพูดจบแล้ว“แค่นั้นหรือ ไม่มีอะไรเลยเหรอ? เสี่ยวซือโถว นายปฏิบัติกับเราเหมือนคนนอกและปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับเรา”เฉียวหานอวี้พูดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหน้านี้ เหล่าพี่สาวได้ใช้สายตากดดัน โดยหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่เฉินเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม แต่คิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะพูดเพียงไม่กี่คำพวกเธอรู้สึกเหมือนว่าแผนของพวกเธอล้มเหลว“เสี่ยวซือโถว ถ้านายไม่พูด พวกเราก็รู้กันดี แล้วก็รู้ว่าตระกูลฉู่ เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงในอดีต เป็นตระกูลเดิมของนาย นายตั้งใจไม่บอกความจริงกับพวกเรา เพราะไม่อยากทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนใช่ไหม? ”หลินอีนัวจ้องมองฉู่เฉินและพูด“ถ้าไม่เคยรู้มาก่อน ก็คงจะดีกว่า เพราะถ้ารู้แล้ว แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย และจะกลายเป็นภาระสำ
ในคฤหาสน์หนานหวาง มีเสียงหัวเราะดังครึกครื้น พี่สาวทั้งห้าคนมารวมตัวกันและสนุกสนานกัน ฉู่เฉินก็สนุกเช่นกัน ในขณะนี้ คนทั้งหกคนอยู่ในลานบ้าน ชิมอาหารที่ฉู่เหมิงเหยานำมา และพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาเริ่มจากพี่สาม เฉียวหานอวี้ เธอได้พบกับหมอเทวดาหลี่ซ่างได้อย่างไร ทำไมถึงได้รับเป็นลูกศิษย์ได้ ทักษะทางการแพทย์ของเธอพัฒนาขึ้นอย่างไรหลังจากนั้น เธอช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างไรบ้าง เธอได้พบกับฉู่เฉินตอนไหน แล้วอะไรทำให้จดจำกันได้ และพูดถึงทุกอย่างอย่างละเอียด“ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเจ็ดความจำเสื่อม พี่สามคงจะไม่ได้เจอเรา”หลังจากฟัง หลินอีนัวก็ถอนหายใจ“ใช่แล้ว พูดได้แค่ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผู้คน โอเค ฉันพูดจบแล้ว ถึงตาเธอแล้วนะ น้องห้า”เฉียวหานอวี้ส่งต่อบทสนทนาไปยังหลินอีนัวหลินอีนัว ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกตระกูลหลินพาตัวไป เข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร พบกับฉู่เฉินตอนไหน ทำไมถึงมาแสดงหนังร่วมกันอีก และสุดท้ายทำอีท่าไหนถึงเข้าร่วมนิกายเมียวหยินได้หลังจากที่หลินอีนัว พูดจบ พี่สาวหลายคนก็ถอนหายใจว่าประสบการณ์ของหลินอีนัวนั้นค่อนข้างทรหด จากนั้นพวกเธอก็
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” เย่ชิงชาน หลินอีนัว และเฉียวหานอวี้ขึ้นรถคันที่สองไปแล้วด้วยความมึนงงชั่วขณะเมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงชิงเสว่จึงรีบเข้าไปดึงฉู่เฉินอย่างสบาย ๆ“เสี่ยวซือโถว มานั่งด้วยกันเถอะ”“อืม”ฉู่เฉินตอบกลับ แล้วขึ้นรถที่อยู่ข้างหน้าเขา“ไปกันได้แล้ว” เมื่อมองไปที่เยว่ฟู่หลงที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างซื่อบื้อ ฉู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูด“โอเค อาจารย์”เยว่ฟู่หลงเหยียบคันเร่งและรถออฟโรดสีดำ ก็พุ่งออกไปเหมือนสัตว์ร้ายที่คำรามภายในสนามบินเมืองหลวงฉู่เหมิงเหยาลงจากเครื่องบิน หยิบสัมภาระของเธอ และเห็นฉู่เฉินรออยู่ที่นั่น ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินคือผู้หญิงที่สวยงามสี่คน“พี่หก ทางนี้”ก่อนที่ฉู่เฉินจะพูด หนิงชิงเสว่ก็ตะโกนออกไปอันที่จริง แม้ว่าหนิงชิงเสว่จะไม่ตะโกน แต่ฉู่เหมิงเหยาก็คงจะเห็นแล้วเธอก้าวเท้าและเดินไปข้างหน้าเมื่อรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับพี่สาวคนอื่น ๆ ฉู่เฉินกังวลว่าอาจจะเกิดความอึดอัด ฉู่เฉินจึงรีบแนะนำทุกคนทันที“พี่หก นี่คือพี่สาม เฉียวหานอวี้ ศิษย์โดยตรงของหมอเทวดา หลี่ซ่าง นี่คือพี่สี่ หลินอี้นัว ศิษย์สายตรงของหัวหน้านิกายเมียวห
“แกเป็นใคร?” จ้าวฟางเซียงถามโดยไม่รู้ตัว“ฉันชื่อฉู่เฉิน”เดิมทีฉู่เฉินคิดว่าในฐานะสมาชิกตระกูลจ้าวในเมืองหลวง จ้าวฟางเซียงต้องเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง และเมื่อรู้ว่าเป็นเขา อีกฝ่ายก็จะยับยั้งชั่งใจตัวเองได้บ้างโดยไม่คาดคิด หลังจากพูดชื่อของเขา จ้าวฟางเซียงก็หัวเราะออกมา“ฉันไม่สนใจว่าแกเป็นใคร ก็แค่ไอ้หน้าอ่อน แกยังกล้าประกาศชื่อของแกต่อหน้าฉัน มั่นหน้ามั่นโหนกจริง ๆ แต่น่าเสียดาย เมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน จ้าวฟางเซียง แกไม่ได้มีโอกาสที่จะหยิ่งยโส แก….”จ้าวฟางเซียงยังคงพูดไม่หยุดเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าชายชราที่ยืนอยู่ข้างหลังจ้าวฟางเซียงในตอนแรก มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของฉู่เฉินจริง ๆ แล้วเขาคือฉู่เฉิน ฉู่เฉินผู้ทำลายล้างตระกูลฉินเพียงลำพัง!ในบรรดาตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ฉู่เฉินกลายเป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับตระกูลฉู่ชายชราเดินไปหาจ้าวฟางเซียงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ขัดจังหวะการพูดของเขา และกระซิบที่หูของเขา“นายน้อย เขาคือฉู่ซวนหวู่ ฉู่ซวนหวู่ที่ฆ่าล้างบางตระกูลฉิน!”เมื่อได้ยินแล้วจ้าวฟางเซียงก็รู้ว่าฉู่เฉินเป็นใครไม่น่าแปลกใจ ที่จะฟังดู
เมื่อได้ยินเยว่ฟู่หลงกับเว่ยอิงลั่ว เรียกตัวเองเช่นนี้สำหรับหนิงชิงเสว่นั้นไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็เคยได้ยินคำพูดที่สนิทสนมกว่านี้มาก่อนคนที่เหลืออีกสามคน ไม่ว่าจะเป็นเย่ชิงชาน หลินอีนัว หรือเฉียวหานอวี้ต่างก็หน้าแดงแจ๋ฉู่เฉินพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว“พี่สาว อย่าไปสนใจพวกเขา พวกเขาเคยพูดจาไร้สาระ ไปคุยกันต่อบนรถดีกว่า”“อืม”ทั้งสามคนไม่คัดค้าน แต่ทุกคนรีบวิ่งไปที่รถที่อยู่ข้างหลังพวกเขา“หยุด!”เสียงเย็นชาดังขึ้น ทำให้ฉู่เฉินหยุดชะงัก ร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าเฉียวหานหยู่ ขวางทางของเธอฉู่เฉินเดินเข้าไปและมองไปที่ชายคนนั้น“พี่สาม คุณรู้จักเขาไหม?”“ไม่รู้จักเลย” เฉียวหานอวี้ตอบพร้อมเอียงหัวอย่างไม่ใส่ใจ“งั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขึ้นรถกันเถอะ”ฉู่เฉินจับมือเธอเบา ๆ ช่วยประคองเธอขึ้นรถ ขณะที่เขาเปิดประตูค้างไว้การเห็นตัวเองถูกเมินอย่างซึ่ง ๆ หน้า ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับจ้าวฟางเซียง เขาไม่เพียงแต่เคยคิดจะใช้เงินห้าสิบล้านหยวนเพื่อเอาชนะใจเธอเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินอย่างสิ้นเชิง และที่แย่ไปกว่านั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าและหล่อกว่าคนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอี
“คุณหนูเฉียว คุณจะไปไหน ฉันจะพาคุณไปส่งเอง”จ้าวฟางเซียงไม่รู้ว่า มั่นหน้ามั่นโหนกมาจากไหน จึงเอื้อมมือไปหามือหยกอันบอบบางของเฉียวหานอวี้ เพื่อจับมือเธอเฉียวหานอวี้เบี่ยงตัวและหลบไป“นายจะทำอะไร?”“เฮ้ ๆ ทำอะไรอยู่ เป็นเรื่องปกติที่ฉันจะไปส่งคุณกลับบ้าน ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่รวมถึงพวกคุณทุกคนด้วย”เมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้สามารถหลบมือของตัวเอง ได้อย่างง่ายดายจ้าวฟางเซียงไม่ได้สนใจ และยื่นมือเของเขาออกไปอีกครั้ง“นายบ้าไปแล้วหรือไง ตอนกลางวันแสก ๆ ฉันสามารถแจ้งความอนาจารนายได้!”เฉียวหานอวี้หลบอีกครั้งและพูดจาเย็นชา“บอกฉันสิ? ดูเหมือนว่าคุณยังไม่เข้าใจน้ำหนักของคำว่าตระกูลจ้าวแห่งเมืองหลวง ใครในเมืองนี้ที่กล้าเข้ามายุ่งกับฉัน จ้าวฟางเซียง!”จ้าวฟางเซียงพูดจาเย่อหยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉียวหานอวี้หลบได้อีกครั้ง จ้าวฟางเซียงก็รู้ว่า แม้เขาจะโง่แต่ผู้หญิงคนนี้คือวรยุทธ ถึงจะไม่สามารถรับรู้ระดับวรยุทธของผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ระดับวรยุทธของเธอก็อาจจะเท่ากับเขา คาดว่าผู้หญิงคนนี้ได้ฝึกฝนวิชามาเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหลบเลี่ยงเขาได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากเข้าใจแล้ว จ้าวฟางเซียงก็พูดอย่