คราแรกเขาคิดว่าชีวิตของเขาคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่มาวันนี้รู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด เธอทำให้เขาโกรธที่กลับบ้านไม่ตรงเวลาไหนจะเรื่องที่ชอบไปไหนมาไหนโดยไม่บอกกล่าวกันอีก ถึงจะเป็นเมียที่ได้มาโดยไม่ตั้งใจ… แต่ยังไงก็ขึ้นชื่อว่าเมีย! เขาไม่ชอบที่ได้รู้ความเป็นไปของเธอจากปากคนอื่น! อีกทั้งยังได้รู้เป็นคนท้ายๆ มันทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความสำคัญ! “เดี๋ยวปันทำแผลให้นะคะ” เมื่อเขาไม่ปฏิเสธ หญิงสาวจึงหมุนตัวเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากในครัวมาทำแผลให้ แม้จะกลัวแสนกลัวกับบาดแผลที่เห็น แต่ก็ข่มใจทำแผลให้เขาจนเสร็จ “จะไปรอที่ห้อง”ทว่า…กลับกลายเป็นคำพูดที่ถูกส่งตรงมาให้หลังจากนั้นของเขาต่างหากที่มันทำให้เธอต้องตกใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะเรียกร้องสิทธิ์ที่พึงมีในวันนี้ วันที่เนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล “แต่คุณเหมเจ็บอยู่…” “ฉันเจ็บแค่ที่แขน ส่วนอื่นยังใช้งานได้ดีอยู่!” นั่นถือเป็นประโยคที่ทำให้รู้ ว่าเวลาที่เขามอบให้กันมานั้น ถือว่าใจดีที่สุดแล้ว หญิงสาวทำใจอยู่พักใหญ่เห็นจะได้ กว่าจะเดินตามเขาขึ้นมา
“อืม” “เมื่อวานก็ยังดีๆ อยู่เลย นี่นายคงไม่ได้ทำอะไรเธอหรอกใช่ไหมครับ”ถ้าจะตอบไปตรงๆ ก็เกรงว่าคนตรงหน้าอาจจะรับไม่ได้ เขาจึงใช้เพียงความเงียบให้ทำหน้าที่ตอบคำถามที่ว่านั้นแทนต่อไป ปฏิพัทธ์จัดการกับงานในส่วนของตัวเองกับของอีกคนตลอดทั้งวัน ก่อนจะรีบกลับบ้านเมื่อถึงเวลา ไม่คิดแวะไปที่ไหนต่อ “เขาเป็นยังไงบ้างครับ” “ตัวยังร้อนอยู่เลยค่ะ นี่ป้าก็เพิ่งขึ้นไปเช็ดตัวให้เมื่อครู่นี้เอง” คนได้ฟังพยักหน้ารับด้วยท่าทีสุขุม ก่อนที่จะเอ่ยตอบกลับไปเบาๆ “ขอบคุณมากครับ ป้าไปพักเถอะ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการต่อเอง” หญิงชราพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะพาตัวเองเดินหายออกไปจากบ้าน และไม่ลืมเดินไล่ปิดล็อกประตูให้ผู้เป็นนายไล่ตามหลัง นั่นเลยทำให้ปฏิพัทธ์ มีโอกาสได้อยู่กับคนแกล้งหลับตามลำพัง “ลุกขึ้นมากินข้าว จะได้กินยา” เมื่อเห็นชัดแล้วว่าการแสดงละครของตนเองไม่เป็นผลสำเร็จ ปาฏลีจึงค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง “กินแต่ข้าวได้ไหมคะ”คนป่วยไม่รีรอที่จะต่อรอง ซึ่งก็เหมือนว่าอีกคนนั้น จะไม่ยอมอ่อนข้อให้กันในเรื่องนี้ อย่างที่ใจเธอ
หญิงสาวอยู่ช่วยทุกๆ คนล้างจานจนดึก ก่อนที่หนึ่งในสาวใช้จะเดินมาบอกให้รู้ว่าสามีเรียกหาถึงพาตัวเองขึ้นมาหาเขาที่ห้อง “พี่เหม…เรียกหาปันเหรอคะ” คนถูกถามไม่ได้ตอบอะไรนอกจากจ้องมองกัน ด้วยท่าทีที่มันทำให้รู้ว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี “เกิดอะไรขึ้นคะ หรือปันทำอะไรให้ไม่สบายใจ บอกปัน…” “พี่สาวเธอกำลังจะแต่งงาน!” คำพูดที่ถูกสวนกลับมาทันควันนั้นสร้างความตกใจแก่เธอไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น บางทีอาจมีการเข้าใจผิดและที่อยากรู้คือเขาไปรู้มาจากใคร “มะ…ไม่จริงหรอกค่ะ พี่มาจะแต่งงานได้ยังไง…” ได้หรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เท่ากับคนที่บอกเขาให้รู้เรื่องนี้คือตัวคริมาเอง! เขายังจำได้ดีถึงน้ำเสียงร่าเริงของเธอ ตอนที่โทรมาแจ้งข่าวดีให้รู้ ทั้งหมดนี้มันทำให้ยิ่งเข้าใจ ว่าที่ผ่านมาเธอไม่ได้รักเขาเลย ไม่เคยรัก! “ปันจะไปถามพี่มาให้รู้เรื่องค่ะ” ปาฏลีเอ่ย พร้อมหมุนตัวเตรียมจะเดินออกไปจากห้อง ทว่ายังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนพ้น ต้นแขนกลับถูกกระชากให้ต้องหันไปเผชิญหน้ากับอีกคนเข้าอย่างแรง “เธอจะออกไปจ
ท่าทีห่างเหินที่สามีมอบให้หลังจากได้รู้เรื่องของอดีตคนรักที่กำลังเข้าพิธีแต่งงาน ทำให้ในแต่ละวันชีวิตคู่ระหว่างกันเต็มไปด้วยความอึดอัด กระทั่งเมื่อใครบางคนปรากฏตัวขึ้น ใครบางคนที่ไม่ได้เพียงลำพัง แต่ยังควงแขนเข้ามาในบ้านพร้อมผู้หญิงคนหนึ่ง “สะ…สวัสดีค่ะคุณ…” “เรียกฉันว่าคุณหญิงเหมือนคนอื่นๆ เถอะ เพราะฉันยังไม่อยากนับญาติกับสะใภ้ที่ไม่อยากได้ตอนนี้” คำตอบนั้นทำให้ตกใจ แต่ไม่นานมันก็ค่อยๆ จางหาย เมื่อสำนึกได้ว่าตัวเองนั้นไม่ใช่ที่ต้องการของคนตรงหน้าตั้งแต่แรกแต่มันเป็นพี่สาวของเธอต่างหาก “แล้วนี่ตาเหมไปไหน”คุณหญิงจารุวรรณเอ่ยถาม ก่อนจะลอบมองลูกสะใภ้ที่ท่านไม่ได้ต้องการมาตั้งแต่แรก แต่ก็ต้องทำใจรับไว้อย่างพิจารณา ซึ่งเอาจริงๆ เด็กดีก็น่ารักน่ารักน่าเอ็นดูอยู่หรอก หากไม่ติดว่าเป็นลูกที่เกิดจากเมียน้อย บางทีท่านอาจจะทำใจยอมรับมาเป็นสะใภ้ได้ก็แค่อาจจะนะ! “พี่เหมเข้าไร่ค่ะ จะกลับเข้าบ้านอีกทีก็ช่วงเย็น” อีกฝ่ายเพียงแต่พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินผ่านหน้าไปกันทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา “แล้วนั่นมัวยืนเฉยอยู่ทำไม มานั่งนี่สิ ฉันมีเรื่องสำ
ปาฏลีมีโอกาสได้เจอกับพ่อสามีในช่วงเย็น ตอนที่ตั้งใจจะเดินเข้ามารดน้ำกล้วยไม้ เหมือนที่ทำเป็นประจำทุกวันไม่เคยขาด “เจ้าเหมบอกว่าหนูเป็นคนดูแลดอกไม้พวกนี้ให้ ขอบคุณมากนะ” เดิมทีท่านคิดว่าพวกมันคงจะตายแล้ว เพราะลูกชายไม่ค่อยมีเวลาดูแลให้ตามที่เคยรับปากกลับมาส่งๆ ครั้นที่เขาฝากให้ช่วยดูแล แต่พอได้เห็นว่ายังอยู่ดีก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ สุดท้ายถามไปถามมาถึงได้รู้ ว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของลูกสะใภ้ ที่ช่วยรดน้ำพรวนดินให้ อีกทั้งยังคอยเขียนรายงานทุกๆ การเติบโตของพวกมันไว้ให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ทำให้เขารู้สึกประทับใจ ออกจะคร่อนไปทางเอ็นดูในน้ำใจของอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำไป “ไม่เป็นไรค่ะท่าน”เดิมทีเธอเองก็เป็นคนขื่นชอบต้นไม้อยู่แล้ว พอเห็นเจ้าพวกนี้ทำท่าเหมือนจะไม่รอด ก็อดใจไม่ไหว ตัดสินใจขออนุญาตสามีเข้ามาดูแลจนพวกมันกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง อีกทั้งยังออกดอกให้ได้เห็นเป็นรางวัลก็ยิ่งใจชื่น รู้ตัวอีกทีก็ได้รับหน้าที่ดูแลพวกมันแล้ว “เรียกพ่อว่าพ่อเหมือนเจ้าเหมมันเถอะนะ” “ค่ะ คุณพ่อ” คนได้ยินยิ้มรับ ก่อนจะลอบมองลูกสะใภ้
พ่อกับแม่สามีอยู่พักผ่อนได้เพียงไม่นานก็ต้องพากันกลับไปพร้อมๆ กับอีกคนที่ตัดสินใจขอกลับไปด้วย เพราะเห็นชัดแล้วว่าไม่ว่าเธอจะพยายามให้ตายยังไง สุดท้ายก็ไม่อาจพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสายตาของปฏิพัทธ์ได้เลย ไหนจะคำพูดตรงๆ ที่เขาสวนกลับมาให้กัน ตอนที่เธอรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปสารภาพรักนั่นอีก! “นิดรักพี่เหมนะคะ! รักตั้งแต่วันแรกที่เจอ!” คนได้ฟังไม่ได้ดูแปลกใจเลยสักนิด นั่นอาจเป็นเพราะเขาได้รับคำเตือนมาก่อนแล้วว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงกับตัวเอง แต่ถึงจะรู้ไปก็เท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็คงไม่อาจให้ในสิ่งที่เธอ หรือแม่ของเขาต้องการไปได้อยู่ดี “แต่พี่มีคนที่พี่รักอยู่แล้วครับ และคงไม่มีวันที่ใครจะเข้ามาแทนที่เขาคนนั้นได้ง่ายๆ” ปฏิพัทธ์ตอบกลับไปตามที่รู้สึก ไม่ว่ายังไงสำหรับเรื่องนี้แล้ว ใจเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ต่อให้มารดาจะสรรหาผู้หญิงที่ดีพร้อมมานำเสนอสักแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วในใจของเขาตอนนี้ มันก็ยังรักและเฝ้ารอคริมาอยู่ดี แม้จะรู้ว่าเป็นการรอคอยที่ไร้ค่า แต่เขาก็ยังเลือกที่จะรอ! “ลองให้โอกาสนิดสิคะ นิดรับรองว่านิดจะทำให้พี่เ
ซึ่งถ้ามันเป็นแบบนั้นได้ก็ดี เพื่อนเธอจะได้มีคนคอยปกป้อง ไม่ต้องหวนกลับไปใช้ชีวิต อย่างคนซ่อมตกนรกในบ้านหลังนั้นอีก! “เท่าที่ฟังแกเล่ามา…ฉันว่าเขาก็น่าจะแอบรู้สึกอะไรกับแกบ้างแล้วล่ะ ไม่งั้นจะมาวุ่นวายกับเสื้อผ้าหน้าผมของแกทำไม!” ผู้ชายลองถ้าไม่รู้สึกอะไรเลย มีหรือที่จะพาตัวเองมาทำเรื่องไร้สาระพวกนี้ ยิ่งเป็นคนเย็นชาแบบสามีเพื่อนเธอยิ่งแล้วไปกันใหญ่! “แกก็พูดเกินไป เขาอาจแค่กลัวฉันจะทำเรื่องให้ต้องเสียหน้าไปด้วยก็ได้” ปาฏลีตอบ ก่อนจะลอบมองไปรอบๆ เหมือนกำลังมองหาว่าใครกัน ที่จะเป็นคนคอยรายงานความประพฤติของเธอให้คนที่บ้านได้รับรู้ จนเมื่อไม่พบ ถึงหันกลับมาหาเพื่อนอีกครั้ง “ถ้างั้นเรามาพิสูจน์กันเอาไหมละ จะได้รู้กันไปเลยว่าระหว่างสิ่งที่แกคิด กับสิ่งที่ฉันคิด แบบไหนกันแน่ที่คือความจริง!” “พิสูจน์อะไรของแก…”ถามออกไปแล้วก็อดใจสั่นไม่ได้ เพราะครั้งสุดท้ายที่เพื่อนรักชวนทำอะไรแบบนี้เธอเกือบติดศูนย์เพราะเข้าสอบไม่ทัน และนั่นทำให้เธอสาบานกับตัวเองนับตั้งแต่นั้น ว่าไม่ว่าอีกฝ่ายชวนทำอะไร แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงเ
“อื้อ…พอแล้ว! ปันไม่ได้จูบแล้วนะ!” เกือบห้านาทีเห็นจะได้กว่าเขาจะยอมถอนริมฝีปากออกและทำท่าจะขยับมาจูบกันอีกหน “เธอเป็นเมียฉัน เพราะงั้นฉันทำได้มากกว่าจูบอีก หยุดดื้อแล้วเข้าบ้านได้แล้ว” ถึงน้ำเสียงที่ใช้จะดูอ่อนโยนลง แต่กระนั้นความโกรธของเธอที่มีต่อเขามัน มันก็ยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหนเลย ไม่แม้แต่นิดเดียว!เป็นเวลาสามวันเข้าไปแล้วที่ปฏิพัทธ์ถูกภรรยาเมิน เพราะยังคงโกรธเรื่องที่เขาปล่อยให้เธอนั่งหนาวอยู่หน้าบ้านเกือบครึ่งชั่วโมงอยู่ แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้หงุดหงิดได้เท่ากับท่าทีสนิทสนมกันระหว่างเธอกับไอ้หนึ่ง ที่นับวันก็เหมือนมันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น! “จะไปไหนกัน!”ความคิดทั้งหมดมีอันต้องหยุดชะงัก ยามเมื่อสายตาเจ้ากรรมเหลือบไปเห็นภาพของคนทั้งคู่ ที่ทำท่าจะเดินตามกันออกไป “ไปซื้อของในเมืองครับ ผมบอกนายตั้งแต่บ่ายแล้วนะครับ” เป็นหนึ่งที่เอ่ยตอบ ก่อนจะลอบมองคนสองคนด้วยใจที่สั่นระทึก “แกอยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันพาปันไปเอง” แค่ปล่อยให้มันใกล้ชิดปาฏลีมาทั้งวันก็มากเกินพอแล้ว จากนี้เขาจะไม่ขอทนอีก! “ปันจะให้พี่หนึ่งพา
สามปีต่อมา ภาพของภรรยา ที่บัดนี้กำลังตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่ สร้างรอยยิ้มให้ปฏิพัทธ์ได้ทุกครั้งที่เห็น และเขาชอบเหลือเกินที่ได้กลับมาบ้านหลังนี้ บ้านที่จะมีแค่เธอกับเขา และลูกๆ ของพวกเรา “เหนื่อยไหมคะวันนี้” หญิงสาวเอ่ยถาม ก่อนจะยื่นผ้าเย็นไปซับใบหน้าหล่อเหลาให้สามีอย่างเอาใจ “นิดหน่อยครับ ว่าแต่วันนี้เจ้าแสบในท้องเป็นยังไงบ้าง” คนถูกถามส่งยิ้มให้ก่อนจะตอบไปตามความจริงที่ก็เห็นๆ กันอยู่ทุกวัน “ยังดื้อเหมือนเดิมค่ะ โชคดีที่วันนี้คุณแม่แวะมาอยู่เป็นเพื่อนช่วงบ่าย ท่านเลยอาสาช่วยดูตาเป้ให้ ปันก็เลยพลอยได้เอนหลังพัก…” ซึ่งเรื่องนี้จะโทษใครคนไหนไม่ได้เลย เพราะเป็นเธอเองที่ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ต้องการพี่เลี้ยง แต่จนถึงนาทีนี้ เธออาจต้องลองทบทวนดูใหม่ เพราะการต้องเลี้ยงลูกชายในช่วงเวลาที่กำลังซนได้ที่ ไปพร้อมๆ กับเจ้าตัวแสบในท้องที่ทำเธอแพ้ท้องหนักมากไปพร้อมๆ กันนั้น เป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน “ไว้พี่จะสั่งให้คนแวะมาอยู่เป็นเพื่อน ปันจะได้มีเวลาพักในช่วงบ่าย ดีไหมครับ” ข้อเสนอของสามีเป็นที่น่าพอใจอยู่พอสมควร แต่กระนั้นเธอก็ต้องข
หลายเดือนต่อมา “ทำไมถึงปล่อยให้พวกเขาออกไปเจอกันตามลำพังแบบนั้น! เหมนี่ก็เหลือเกิน คอยดูนะกลับมาพี่จะสวดให้ยับเลยคอยดู!” ปาฏลีได้แต่ยิ้มรับต่อคำบอกกล่าวของพี่ที่แวะมาเยี่ยม และถึงอีกฝ่ายจะพูดแบบนั้น ลึกๆ ในใจของเธอมันก็สั่งการให้เชื่อใจสามีอยู่ดี “ปันไว้ใจพี่เหมค่ะ” “ไว้ใจน่ะไม่ผิดหรอกนะ แต่ก็ต้องกอดสิทธิ์ของตัวเองเอาไว้ให้ดีๆ ด้วย”หากสุดท้ายแล้วคนที่พ่อของลูกเลือกคือคนอื่น ผู้หญิงแสนธรรมดาอย่างเธอจะไปทำอะไรได้ นอกจากต้องปล่อยเขาไป “พี่มา…มีความสุขใช่ไหมคะ” คนถูกถามเพียงแต่ยิ้มรับ ก่อนจะลอบมองน้องสาวของตัวเอง ด้วยท่าทีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรัก “ไม่ต้องห่วงพี่หรอก ตอนนี้พี่มีความสุขมากเลย ปันเองก็ควรจะมีความสุขเหมือนกัน” ต่อให้สุดท้ายแล้วรักครั้งใหม่ของเธอจะไม่สมหวัง แต่ถึงอย่างนั้นเธอกับเขาก็ได้ใช้เวลาที่ล้ำค่าร่วมกัน นั่นมันก็เพียงพอแล้ว และเธอไม่โทษใครเลยที่รักครั้งนี้ต้องจบลงทั้งๆ ที่เธอและเขา เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกันไปได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น เรื่องนี้สอนให้เธอได้เรียนรู้ ว่าบางครั้งความรักก็มักจะเล่นตลกกั
ใช้เวลาเพียงไม่นานปาฏลีก็มาถึงโรงพยาบาลที่ลูกชายกำลังรักษาตัวอยู่ แน่นอนว่าคนแรกที่เธอพุ่งเข้าไปหานั้นจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้เลยนอกเขา คนที่เคยสัญญากันเสียดิบดีว่าจะดูแลตาหนูเป็นอย่างดี จะไม่ยอมให้อะไรมาทำให้ลูกต้องเจ็บ แต่นี่อะไร! “คุณดูแลลูกประสาอะไร ทำไมปล่อยให้ตาเป้ไม่สบายแบบนี้!” ใบหน้าคมคายตวัดไปตามแรงตบทันทีที่เธอวิ่งเข้ามาถึงตัว แน่นอนว่าภาพที่เกิดขึ้นสร้างความตกใจแก่คนอื่นๆ เป็นอย่างมาก แต่ทว่ากลับไม่มีใครเลยสักคนที่กล้าพอจะขยับเข้ามาห้าม ออกจะรู้สึกสมน้ำหน้าคนถูกตบเสียด้วยซ้ำไป โทษฐานที่ดูแลลูกได้ไม่ดีพอ “ปัน…” “ถ้าไม่มีเวลาดูแล ก็ยกลูกให้ฉัน แล้วคุณจะไปขึ้นสวรรค์หรือตกนรกกับใครก็เชิญ!” แน่นอนว่าเขาไม่มีวันยอม ต่อให้จะเป็นลูกหรือแม่ของลูก จากนี้ก็จะไม่มีใครได้เดินออกไปจากชีวิตเขาทั้งนั้น! แม้หมอจะยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกชายของเธอแค่ป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดาเท่านั้น แต่ปาฏลีก็แทบไม่ยอมอยู่ห่างจากยอดดวงใจของเธอแม้แต่ก้าวเดียว หญิงสาวใช้เวลากล่อมจนเจ้าตัวน้อยผล็อยหลับถึงได้หันกลับมามองพ่อของลูกที่นั่งอยู่ไม่ไกลกัน “คุณก
เพราะตลอดหลายเดือนมานี้ตนเองกับภรรยาไม่ค่อยมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ปฏิพัทธ์จึงตั้งใจว่าวันนี้เขาจะยกเลิกงานในช่วงเย็นทั้งหมดเพื่อกลับบ้าน กลับมาใช้เวลาปรับความเข้าใจกับแม่ของลูก ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เขาอาจจะคิดน้อยไปหน่อย จนมันอาจทำให้เธอเผลอเข้าใจผิด ทว่าเดินหาก็แล้ว ตะโกนเรียกก็แล้ว สิ่งที่ได้รับกลับมานั้น มันกลับมีเพียงแค่ความว่างเปล่า “ปันล่ะครับ” สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ทนไม่ไหว ต้องหันไปถามคนอื่นๆ ในบ้าน ที่เอาแต่นั่งเงียบ ไม่ยอมพูดยอมจากันสักคำ “คะ…คุณปันไปแล้วค่ะ” “ไปแล้ว ไปไหน!” “ก็ไปจากที่นี่น่ะสิ!” หนนี้กลับกลายเป็นคุณจารุวรรณที่เอ่ยขึ้น ก่อนจะสะบัดหน้าหนีทันทีที่พ่อตัวดีทำท่าจะเดินตรงหน้ามาหา “แม่หมายความว่าไงครับ ผมไม่เข้าใจ!” “ข้อตกลงระหว่างแกกับเขาจบแล้วนี่ อีกอย่างตอนนี้แกก็พาแม่หนูคนนั้นออกงานไปเปิดตัวเป็นว่าเล่น ใครเขาจะกล้าหน้าด้านอยู่ต่ออีกล่ะ!” คำตอบที่ได้รับนอกจากจะทำให้ตกใจแล้ว มันยังทำให้เขาคิดไปถึงรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองของเมียเมื่อคืนก่อนอีกด้วย หากรู้ว่านั่นมันจะเป็นยิ้ม
เพราะต้องเผื่อเวลาไปดูแลไร่ข้าวโพดแสงจันทร์ ไร่แห่งใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นได้ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ เลยทำให้หมูนี้ปฏิพัทธ์ไม่ค่อยเวลาให้แม่ของลูกอย่างที่ตั้งใจ แต่กระนั้นเขาก็ยังเชื่อว่าพ่อและแม่ของตนเองนั้น จะทำหน้าที่ตรงนี้แทนตัวเองได้เป็นอย่างดี “นี่คุณเจ้านาง หุ้นส่วนคนใหม่ของพี่เอง” เพราะไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร เขาจึงเอ่ยแนะนำคนข้างกายให้ได้รู้จักกับภรรยาด้วยท่าทีเป็นกันเอง ต่างจากทั้งสองสาวที่ดูจะอึดอัดยังไงชอบกล “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีค่ะ น้องปันใช่ไหมคะ พี่ได้ยินเรื่องของหนูจากเหมอยู่บ่อยๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ปาฏลีเพียงแต่ยิ้มรับ ก่อนจะลอบมองคนตรงหน้า ซึ่งก็เหมือนว่าเจ้านางเองก็กำลังมองมาที่เธอเช่นกัน ซึ่งมันเป็นสายตาที่ทำให้รู้สึก เหมือนว่ากำลังถูกด้อยค่ายังไงก็ไม่รู้ สำหรับเจ้านางแล้ว เธอไม่ถือเลยถ้าผู้ชายที่เธอคบหาด้วยจะมีอดีต อีกทั้งเธอเองก็แอบไปได้ยินมาว่าปฏิพัทธ์กับภรรยาของเขานั้นมีข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน ซึ่งมันเป็นข้อตกลงที่เธอรับได้ และไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด หากวันหนึ่งต้องกลายมาเป็นแม่ของเด็กคนอื่นท
นั่นก็เท่ากับว่าตอนนี้เวลานี้ เธอเหลือเวลาที่จะได้อยู่กับเขากับลูก อีกแค่เพียงเก้าเดือนเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเวลาที่ไม่ได้ยาวนานอย่างที่ใจเธอหวังเอาไว้เลยสักนิด แต่ถึงจะเศร้าเสียใจสักแค่ไหนเธอก็จะไม่ลืมสัญญาที่เคยได้ให้กับเขาเอาไว้และเธอจะคืนอิสระให้เขา…เมื่อวันที่ต้องจากลากันมาถึง…ภาพของคนที่หมู่นี้มักจะกินๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านกลายเป็นภาพที่ปฏิพัทธ์มีโอกาสได้เห็นจนชินตา อีกทั้งมันยังเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้เขาไม่อยากไปไหนหลังเลิกงาน นอกจากกลับมานั่งมองมัน “คืนนี้มีฝนดาวตก ออกไปนั่งดูที่ระเบียงกันไหม” เพราะกลัวว่าอีกคนจะเบื่อที่ต้องอยู่แต่บ้าน เขาจึงพยายามหากิจกรรมให้เธอได้มีส่วนร่วม คืนนี้เองก็เช่นกันที่ตั้งใจจะพาออกไปปูเสื่อดูดาวตก “ไปค่ะ” คนที่กำลังเฝ้ารอโอกาสงามๆ นี้อยู่นานแล้ว ไม่รีรอที่จะตอบรับพร้อมรอยยิ้มสดใส ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำสามีออกมาจัดแจงทุกอย่างไว้รอที่ระเบียงระหว่างที่เขาขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มันได้กลายมาเป็นห้องนอนของเธอด้วยเช่นกันรอไม่นานพ่อของลูกก็กลับมาลงสมทบ ก่อนที่เธอและเขาจะใช้เวลาที่เหลือ หมดไปกับการนั่งดูดาวตก
“พอใจรึยัง หรือต้องให้ฉันอาบให้ด้วย!” “ได้เหรอคะ” คนถูกถามช้อนสายตามองกันก่อนจะเอ่ยตอบอย่างยิ้มๆ ภาพนั้นเองที่มันทำให้คนมองเริ่มปวดหัวขึ้นมาหน่อยๆ “ไปอาบน้ำ เดี๋ยวนี้!” เขากำชับเสียงแข็งก่อนจะเป็นฝ่ายพาตัวเองเดินออกมานั่งสงบสติอารมณ์อยู่บนเตียง ทว่ายี่สิบนาทีก็แล้ว สามสิบนาทีก็แล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าคนที่อยู่ด้านในจะออกมา “เสร็จรึยัง!” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอย่างหัวเสีย ก่อนจะได้เพียงความเงียบกลับมา นั่นเลยทำให้เขาต้องถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปดู ด้วยเพราะห่วง กลัวว่าอีกคนอาจล้มหัวฟาดพื้นกลายเป็นผีสิงเรือนหอ! ทว่าภาพแรกที่ได้เห็นนั้น มันกลับทำให้เขาต้องบดกรามแน่น เมื่อพบว่าแม่ตัวดียังอยู่ครบสามสิบสอง ซ้ำตอนนี้ยังนั่งหลับอยู่ที่พื้นอย่างสบายใจเฉิบ และสุดท้ายก็กลายเป็นเขาเอง ที่ต้องเข้าไปช้อนอุ้มคนเมากลับออกมาเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ แม้จะบอกตัวเองว่าไม่ควรมอง แต่นั่นกลับเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน… “พี่เหมทะลึ่ง! แอบมองนมปันเหรอคะ” คำถามนั้นส่งผลตรงต่อใจคนฟังไม่น้อย รู้สึกตัวอีกทีเขาก็พบว่าตัวเองไม่คิดที่จะทำแค่มองเฉยๆ แ
“อื้อ…พอแล้ว! ปันไม่ได้จูบแล้วนะ!” เกือบห้านาทีเห็นจะได้กว่าเขาจะยอมถอนริมฝีปากออกและทำท่าจะขยับมาจูบกันอีกหน “เธอเป็นเมียฉัน เพราะงั้นฉันทำได้มากกว่าจูบอีก หยุดดื้อแล้วเข้าบ้านได้แล้ว” ถึงน้ำเสียงที่ใช้จะดูอ่อนโยนลง แต่กระนั้นความโกรธของเธอที่มีต่อเขามัน มันก็ยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหนเลย ไม่แม้แต่นิดเดียว!เป็นเวลาสามวันเข้าไปแล้วที่ปฏิพัทธ์ถูกภรรยาเมิน เพราะยังคงโกรธเรื่องที่เขาปล่อยให้เธอนั่งหนาวอยู่หน้าบ้านเกือบครึ่งชั่วโมงอยู่ แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้หงุดหงิดได้เท่ากับท่าทีสนิทสนมกันระหว่างเธอกับไอ้หนึ่ง ที่นับวันก็เหมือนมันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น! “จะไปไหนกัน!”ความคิดทั้งหมดมีอันต้องหยุดชะงัก ยามเมื่อสายตาเจ้ากรรมเหลือบไปเห็นภาพของคนทั้งคู่ ที่ทำท่าจะเดินตามกันออกไป “ไปซื้อของในเมืองครับ ผมบอกนายตั้งแต่บ่ายแล้วนะครับ” เป็นหนึ่งที่เอ่ยตอบ ก่อนจะลอบมองคนสองคนด้วยใจที่สั่นระทึก “แกอยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันพาปันไปเอง” แค่ปล่อยให้มันใกล้ชิดปาฏลีมาทั้งวันก็มากเกินพอแล้ว จากนี้เขาจะไม่ขอทนอีก! “ปันจะให้พี่หนึ่งพา
ซึ่งถ้ามันเป็นแบบนั้นได้ก็ดี เพื่อนเธอจะได้มีคนคอยปกป้อง ไม่ต้องหวนกลับไปใช้ชีวิต อย่างคนซ่อมตกนรกในบ้านหลังนั้นอีก! “เท่าที่ฟังแกเล่ามา…ฉันว่าเขาก็น่าจะแอบรู้สึกอะไรกับแกบ้างแล้วล่ะ ไม่งั้นจะมาวุ่นวายกับเสื้อผ้าหน้าผมของแกทำไม!” ผู้ชายลองถ้าไม่รู้สึกอะไรเลย มีหรือที่จะพาตัวเองมาทำเรื่องไร้สาระพวกนี้ ยิ่งเป็นคนเย็นชาแบบสามีเพื่อนเธอยิ่งแล้วไปกันใหญ่! “แกก็พูดเกินไป เขาอาจแค่กลัวฉันจะทำเรื่องให้ต้องเสียหน้าไปด้วยก็ได้” ปาฏลีตอบ ก่อนจะลอบมองไปรอบๆ เหมือนกำลังมองหาว่าใครกัน ที่จะเป็นคนคอยรายงานความประพฤติของเธอให้คนที่บ้านได้รับรู้ จนเมื่อไม่พบ ถึงหันกลับมาหาเพื่อนอีกครั้ง “ถ้างั้นเรามาพิสูจน์กันเอาไหมละ จะได้รู้กันไปเลยว่าระหว่างสิ่งที่แกคิด กับสิ่งที่ฉันคิด แบบไหนกันแน่ที่คือความจริง!” “พิสูจน์อะไรของแก…”ถามออกไปแล้วก็อดใจสั่นไม่ได้ เพราะครั้งสุดท้ายที่เพื่อนรักชวนทำอะไรแบบนี้เธอเกือบติดศูนย์เพราะเข้าสอบไม่ทัน และนั่นทำให้เธอสาบานกับตัวเองนับตั้งแต่นั้น ว่าไม่ว่าอีกฝ่ายชวนทำอะไร แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงเ