“ช้าก่อน!”ขณะหลี่เต๋อฉวนเดินไปถึงประตู เฉินฝานก็เอ่ยปากร้องเรียกเขาไว้“ใต้เท้า มีอะไรให้รับใช้ขอรับ?” หลี่เต๋อฉวนหยุดลงทันทีเฉินฝานชี้ไปยังสตรีสองคนด้านหน้า พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “พาตัวพวกนางกลับไปด้วย”“ใต้เท้า?” หลี่เต๋อฉวนฉงนครู่หนึ่ง ทว่าก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว พลันสายตามองไปทางสตรีทั้งสองสตรีนามเสี่ยวเจินและเสี่ยวฮวารีบขยับเข้าใกล้เฉินฝาน“ท่านอัครเสนาบดี ให้พวกข้าปรนนิบัติท่านเถอะเจ้าค่ะ”“ใต้เท้า ทักษะการขัดตัวของพวกข้ายอดเยี่ยมมากนะเจ้าคะ”ขณะพูด เสี่ยวเจินและเสี่ยวฮวาที่ยืนขนาบซ้ายขวาของเฉินฝาน เริ่มบิดเอวเป็นงู ปทุมอวบอิ่มทั้งสองเริ่มเลื้อยขึ้นลงบนตัวเฉินฝาน“... ‘ทักษะ’ ขัดตัวของพวกเจ้าจัดเป็นอันดับหนึ่งจริงๆ เพียงแต่วันนี้ผิวพรรณของข้าแพ้ง่าย ไม่อาจ ‘ขัดตัว’ ได้”ขณะพูด เฉินฝานก็ผลักเสี่ยวเจินและเสี่ยวฮวาออกไป“ใต้เท้า ท่าน...”“สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร ทางศูนย์บรรเทาทุกข์ยังคงวุ่นวาย ความปลอดภัยของฝ่าบาทยังไม่ได้รับการรับประกัน ความใคร่เปรียบดั่งดาบบนศีรษะ แม้กระทั่งเด็กหนุ่มวัยสิบต้นๆ ยังรู้หลักการนี้ ทว่าท่านหัวหน้าหลี่กลับไม่รู้เช่นนั้นหรือ? หื้ม
เฉินฝานจำได้ว่าตอนเขาเข้ามาในห้องเป็นเวลาเที่ยงวัน ทว่าตอนฉินเย่ว์เจียวลงมาจากตัวเขา ฟ้ามืดสนิทแล้ว“เฮ้อ~” ฉินเย่ว์เจียวถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ผ่อนคลายจริงๆ”เฉินฝานคิดอยากจะพูดบางอย่าง เสียงหายใจแผ่วเบาดังขึ้นข้างหูเป็นไปไม่ได้กระมัง นางผล็อยหลับไปแล้วหรือ?“เย่ว์เจียว?” เฉินฝานร้องเรียกเสียงเบา แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นเสียงลมหายใจของฉินเย่ว์เจียว“ใครก็ได้มานี่หน่อย!” เฉินฝานหันไปที่ประตูแล้วร้องตะโกนอย่างรวดเร็ว มีคนเปิดประตูเข้ามาคือสาวใช้ที่หลี่เต๋อฉวนสั่งให้มาดูแลเฉินฝาน“จุดไฟ!”“เจ้าค่ะ ใต้เท้า”ไม่นาน สาวใช้ก็จุดไฟในห้องจนสว่างไสว“ใต้เท้า จะรับประทานอาหารไหมเจ้าคะ?” สาวใช้ถามเสียงเบาเฉินฝานครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วค่อยตอบ “อีกครึ่งชั่วยามค่อยมาส่ง”ความจริงแล้วตอนนี้เฉินฝานหิวจนท้องร้องจ๊อกจ๊อก แต่เขารู้จักฉินเย่ว์เจียวเป็นอย่างดี ใช้เวลาด้วยกันมานานค่อนวัน อีกทั้งนางยังเป็นคนอยู่ด้านบน เวลานี้หากไม่ให้นางนอนสักงีบ นางคงตื่นไม่ไหวจริงๆ“อื้อ~”อาจจะเป็นเพราะแสงเทียนแสบตา ฉินเย่ว์เจียวที่นอนหลับสนิทจึงร้องโอดครวญเล็กน้อย นางพลิกตัวซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเฉินฝานแล้วหลับ
“ข้า ข้า...”พวงแก้มของฉินเย่ว์เจียว แดงเป็นผลตำลึงทันที อย่ามองว่าตอนทำงานนางเก่งกาจ ยามนิ่งสงบ นางเขินอายเสียยิ่งกว่าฉินเย่ว์หรูเสียอีกขณะพูด ฉินเย่ว์เจียวใช้มือปิดป้องเรือนร่างของตนเอง ทว่าป้องด้านบนไม่อาจป้องด้านล่าง เรือนร่างตรงหน้าสั่นกระเพื่อมยิ่งกว่าเดิมเฉินฝานกลืนน้ำลายอย่างไม่อาจหักห้ามใจ เดิมทีเขาเพียงอยากแกล้งฉินเย่ว์เจียวเท่านั้น ทว่าตอนนี้...“พวกเรานอนกันอีกสักครู่เถอะ” เฉินฝานคว้าเอวของฉินเย่ว์เจียวพร้อมดึงนางเข้ามาในผ้าห่ม“นายท่าน ท่านควรรับประทานอาหารก่อนเจ้าค่ะ”“อื้อ ข้าจะกินเจ้าก่อน”“...อื้อ...เจ้าค่ะ!”เวลานี้ ฉินเย่ว์เจียวมีความสุขยิ่งกว่าเฉินฝานภายในห้อง อบอวลไปด้วยบรรยากาศของความรัก กลิ่นอายความรักมากถึงขั้นเอ่อล้นออกมา...-ตอนเฉินฝานลุกจากเตียงอีกครั้ง เกือบเที่ยงคืนแล้ว“นายท่าน” ฉินเย่ว์เจียวขยี้ตา น้ำเสียงเกียจคร้านเล็กน้อย “ท่านหิวอีกแล้วหรือเจ้าคะ?”เมื่อครู่ระหว่างหฤหรรษ์ด้วยกันอยู่นั้นเขาพักกินอาหารแล้ว ฉินเย่ว์เจียวคิดว่าตอนนี้เฉินฝานหิวอีกแล้ว”“ไม่ใช่ พวกเราไม่อาจนอนแล้ว” เฉินฝานพลิกตัวลงจากเตียง ไม่รอสาวใช้ด้านนอกเข้ามาสวมเสื้อผ้าใ
“ความร่ำรวยเกิดจากความเสี่ยง ก้าวใหญ่เพียงใดก็จะได้รับผลตอบแทนมากเท่านั้น อีกอย่าง...” น้ำเสียงและแววตาของเฉินฝานแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ชาวแคว้นต้าชิ่ง ไม่อาจมีชีวิตเช่นนี้ต่อไปได้แล้ว”ความเป็นจริงเขาไม่ได้ก้าวใหญ่ แต่เสิ่นหมิงหยวนก้าวใหญ่เกินไปหากเสิ่นหมิงหยวนไม่ส่งคนไปวางยาพิษในแหล่งน้ำของแคว้นหลู่ที่ไหลเข้ามา ค่อยๆ สู้กับเขาต่อไป เสิ่นหมิงหยวนคงจะอยู่ได้นานกว่านี้ด้านนอกชุลมุนวุ่นวาย เฉินฝานเพิ่งออกจากห้อง ไป่เผยหรานที่รออยู่นานรีบเดินมาหาเฉินฝานพร้อมอธิบายสถานการณ์ด้านนอกให้ฟังเฉินฝานช่วยชีวิตคนป่วย ตอนบ่ายชาวบ้านล้วนซาบซึ้งในความดีของเขาจนน้ำตารินไหล ขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตชาวต้าชิ่ง ทว่าตอนพลบค่ำ เสียงของชาวบ้านกลับแตกออกไปมีคนบอกว่า นี่เป็นการแสดงละครครั้งใหญ่ของเฉินฝาน เขาตั้งใจวางยาพิษลงในแหล่งน้ำ จากนั้นให้ยาถอนพิษกับคนป่วย เพื่อหลอกเอาใจจากชาวบ้านข่าวลือนี้ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเล่าลือก็ยิ่งไปไกล สุดท้ายกลายเป็นว่าน้ำจากแคว้นหลู่นี้ หากชายต้าชิ่งดื่มกินแล้วจะทำให้เป็นหมัน สาเหตุที่เฉินฝานช่วยชีวิตคนถูกยาพิษ เพราะต้องการให้ชาวบ้านคิดว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อราษฎ
“กล้าแตะต้องนายท่านของข้า ข้าจะสังหารเจ้า!”ฉินเย่ว์เจียวคว้าเกาทัณฑ์ขึ้นยิง ไม่รอช้าแม้กระทั่งเสี้ยววินาทีหวงหวั่นเอ๋อร์ที่อยู่บนหลังคาคว้าธนูของฉินเย่ว์เจียวเอาไว้อย่างง่ายดาย“เจ้า...เป็นไปได้อย่างไร?” ฉินเย่ว์เจียวถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความตกตะลึง มองหวงหวั่นเอ๋อร์อย่างไม่อยากเชื่อสายตาฉินเย่ว์เจียวถือเป็นมือธนูอันดับหนึ่ง ลูกศรที่ถูกยิงไปจากนาง ทั้งเร็วและแม่นยำ แม้กระทั่งยอดฝีมือบู๊ลิ้มก็ทำได้เพียงหลบเท่านั้น คนที่สามารถรับลูกศรของฉินเย่ว์เจียวได้ หวงหวั่นเอ๋อร์เป็นคนแรกหวงหวั่นเอ๋อร์ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แววตาของนางเคล้าไปด้วยความดูแคลน“เอาคืนไป!” ขณะพูด หวงหวั่นเอ๋อร์โยนทิ้งอย่างแรง“คืนก็คืนดีๆ นางเป็นภรรยาของข้า ไม่อาจทำร้ายพร่ำเพรื่อได้” เฉินฝานตอบเวลาเดียวกันกับที่เฉินฝานพูดจบ หวงหวั่นเอ๋อร์ก็โยนลูกธนูในมือทิ้งแล้วลูกธนูตกลงมาด้วยความเร็วสูง ปักลงบนพื้นใกล้กับเท้าของฉินเย่ว์เจียว หากลูกศรนี้ขึ้นหน้าอีกเพียงหนึ่งมิลลิเมตร ก็จะโดนเท้าของฉินเย่ว์เจียวแล้ว“ของเล่นเด็ก!” หวงหวั่นเอ๋อร์ปัดมือ มองฉินเย่ว์เจียวด้วยความทระนง“ของเล่นเด็กเช่นนั้นหรือ? ข้าจะดูสิว่าเจ้าจ
ฉินเย่ว์เจียวยังอยากจะพูดบางอย่าง แต่ถูกเฉินฝานลากตัวไปที่ใต้กำแพงด้านหน้ามีก้อนหินนับไม่ถ้วนถูกโยนมาแม้เหอจื่อหลินจะคอยตักเตือนตลอดเวลา ทว่าชาวบ้านโมโหจนขาดสติแล้ว ภายในใจของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความโมโหและความแค้นภายใต้การชักจูงของเสิ่นหมิงหยวน บวกกับชื่อเสียงด้านลบของโอวหยางน่าหลันในแคว้นต้าชิ่ง ชาวบ้านเชื่อเสิ่นหมิงหยวนไปแล้ว คิดว่าเฉินฝานที่แต่งงานกับโอวหยางน่าหลันและเข้ารับตำแหน่งอัครเสนาบดีของแคว้นหลู่ ต้องร่วมมือกับโอวหยางน่าหลันวางยาพิษในแหล่งน้ำอย่างแน่นอน“วันนี้ต้องสังหารคนขายชาติให้ได้”“ฆ่าเฉินฝาน ฆ่าเฉินฝาน!”เสียงร้องตะโกนของชาวบ้านที่กำลังโมโหราวกับฟ้าผ่า ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แม้กระทั่งฉินเย่ว์เหมยยังต้องถอยหลังสถานการ์อยู่เหนือการควบคุมแล้ว หากเหอจื่อหลินยังไม่ออกคำสั่งขั้นเด็ดขาด ชาวบ้านที่กำลังโมโหต้องบุกเข้าโรงเตี๊ยมอย่างแน่นอน อีกทั้งความขุ่นเคืองของชาวบ้านก็ได้ย้ายจากเฉินฝานไปที่ฉินเย่ว์เหมยแทนแล้วเฉินฝานทำถึงขั้นนี้แล้ว แต่ฝ่าบาทยังไม่มีรับสั่งประหารชีวิตเขา เช่นนั้นฝ่าบาทก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน“ท่านแม่ทัพ มีคำสั่งเร็วเข้า!”รองแม่ทัพที่อยู่ข้างเ
“เสิ่นไต้มั่นท้องหรือ? เป็นไปไม่ได้กระมัง”เฉินฝานส่ายหน้าทันที เขาไม่อยากให้เสิ่นไต้มั้นตั้งครรภ์ ดังนั้นโดยทั่วไปเขาจะให้ฉินเย่ว์เหมยเปิดป้ายของเสิ่นไต้มั่น ในช่วงระยะปลอดภัยเท่านั้น แม้จะเป็นช่วงปลอดภัย ตอนเขาร่วมหฤหรรษ์กับเสิ่นไต้มั่นก็ล้วนปล่อยน้ำรักด้านนอกแม้วิธีการนี้ไม่อาจเลี่ยงการตั้งครรภ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้มาก มากไปกว่านั้นทุกครั้งที่เขาร่วมรักกับนาง เขาล้วนให้ฉินเย่ว์เหมยลอบให้เขาใส่ยาคุมเข้าไปในอาหารของเสิ่นไต้มั่นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เสิ่นไต้มั่นยังตั้งครรภ์ได้เช่นนั้นก็หมายความว่าเสิ่นไต้มั่นรู้ว่าในอาหารมียาคุม แล้วตั้งครรภ์ภายใต้สถานการณ์ที่โอกาสในการตั้งครรภ์ต่ำมิเช่นนั้นก็หมายความว่าเสิ่นไต้มั่นแอบมีชายอื่นในวังหลวงแม้เสิ่นไต้มั่นจะเป็นบุตรีของเสิ่นหมิงหยวน แต่เขามีช่วงเวลาหฤหรรษ์กับนางหลายครั้ง ถือว่าเป็นสามีภรรยากัน อีกทั้งนางยังมอบช่วงเวลาดีๆ ให้เขาหลายครั้ง ด้วยเหตุนี้ เฉินฝานจึงไม่เคยคิดอยากจะเอาชีวิตของเสิ่นไต้มั่นหากนางลักลอบมีคนอื่น...แววตาของเฉินฝานลุ่มลึกม่านตาหดเล็ก แววตาของเขาเอ่อล้นด้วยไอสังหารเช่นนั้นอย่าหาว่าเ
เสิ่นหมิงหยวนในวันนี้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มั่นใจว่าตนต้องเป็นฝ่ายชนะเพราะถอยหลังก้าวหนึ่ง แม้เฉินฝานจะออกนอกโรงเตี๊ยมได้ แต่เขาจะไปหาหลักฐานที่ใด สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนวางยาพิษ นอกจากไป่ชงซาน คนอื่นๆ ล้วนอยู่ระหว่างทางเตรียมเกิดใหม่แล้วเสิ่นหมิงหยวนก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่ พูดเสียงดัง “เฉินฝานและองค์หญิงแคว้นหลู่ร่วมมือกับวางยาพิษให้กับชาวต้าชิ่ง ฝ่าบาทโปรดรับสั่งจับเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ พร้อมทั้งประหารชีวิตเขา เอาหัวเสียบประจารบนกำแพงเมืองลู่ตู เพื่อสยบความขุ่นเคืองของราษฎรพ่ะย่ะค่ะ!”พูดถึงท้ายประโยค เสิ่นหมิงหยวนคุกเข่าลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนต่างคุกเข่า เพียงชั่วพริบตาภาพตรงหน้าฉินเย่ว์เหมยคือผู้คนมากมายชาวบ้านด้านหน้าเห็นฉินเย่ว์เหมยไม่ออกคำสั่ง ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม กองทัพลาดตระเวนของเหอจื่อหลินถอยหลังแล้วถอยหลังอีก“ฝ่าบาท ทางด้านแม่ทัพเหอไม่อาจต้านทานแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”หงอิงก็ร้อนใจยิ่งนัก หากฉินเย่ว์เหมยยังไม่มีคำสั่งให้เหอจื่อหลินใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เช่นนั้นชาวบ้านก็จะฝ่าวงล้อมเข้ามาแล้วทุกคนล้ว
หวนนึกถึงภาพเพื่อนสนิทที่ถูกเสือฉีกร่างทั้งเป็น ฉินเย่วฉินดวงตาแดงก่ำ แววตาแน่วแน่“ได้!” เฉินฝานขานรับน้ำเสียงเด็ดขาดอย่างมากในขณะเดียวกันที่เฉินฝานออกเดินทาง โจวอวี่ก็พามือปืนหนึ่งพันคนของเขาปลอมตัวเป็นชาวบ้าน เดินทางจากอีกฝั่งของเมืองเช่นกันวันนี้คนบนท้องถนนมีจำนวนมากเป็นพิเศษ รถม้าของเฉินฝานต้องหยุดหลายครั้งเมื่อรถม้าหยุดอีกครั้ง ฉินเย่ว์ฉินกล่าวด้วยความหงุดหงิด “เจ้าเป็นท่านอัครเสนาบดีที่ตำแหน่งอำนาจสูงส่งมิใช่หรือ? ไฉนคนเดินเท้าบนท้องถนนจึงกล้าขวางทางรถม้าเจ้า”“ขวางทางอันใดกัน? พวกเราใต้เท้ามิใช่ขุนนางกังฉินที่วางอำนาจตามอำเภอใจไปทั่ว ใต้เท้าต้องรักและดูแลราษฎร วันนี้คนที่ออกจากเมืองค่อนข้างเยอะ พวกเราเพียงหยุดเพื่อหลีกทางให้ฝูงชนเท่านั้น อีกอย่างบัดนี้พวกเรามิได้นั่งรถม้าของอัครเสนาบดีเสียหน่อย”หลี่จู้นายพลประจำกายคนใหม่ของเฉินฝานที่ติดตามอยู่ด้านนอกรถม้าเริ่มปริปากตำหนิฉินเย่ว์ฉิน ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องที่โรงมหรสพจวบจนบัดนี้ เขาคิดมาตลอดว่าเป็นความผิดของฉินเย่ว์ฉิน หากมิใช่เพราะนาง เฉินฝานก็คงจะมิตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายบัดนี้เฉินฝานยังเป็นอัครเสนาบดีที่ ‘ตายไปแล้ว’
“ถูกต้อง คนของตำหนักเซียวเหยาส่วนใหญ่ล้วนมีวรยุทธ์ติดตัวและวางยาพิษเป็น และมีคนที่สามารถควบคุมงูได้เช่นกัน ทว่าสตรีที่ทำอันใดมิเป็นสักอย่างมีเยอะกว่าเสียอีก ทุกคนล้วนหน้าตาค่อนข้างดี พวกนางจะแยกย้ายกันไปแต่ละแคว้นในแผ่นดินใหญ่ ใช้ประโยชน์จากความงามของตนดึงดูดบุรุษ หลังจากที่ตั้งท้องได้สำเร็จแล้วก็จะตีตัวออกห่างหายไปอย่างเงียบ ๆ”“เดิมทีสตรีก็มีฐานะต่ำต้อยอยู่แล้ว ผนวกกับการที่พื้นที่ส่วนใหญ่ทั้งแคว้นหญิงเยอะชายจำนวนน้อย การจากไปของพวกนางมิเพียงแต่มิได้ทำให้ชายเหล่านั้นเสียใจเท่านั้น ชายส่วนใหญ่กลับรู้สึกยินดี อย่างไรเสียก็คงมิมีชายใดที่อยากให้สตรีที่ตนเองได้ร่วมอภิรมย์แล้วจากไปโดยมิบอกกล่าว”ตอนที่ฉินเย่ว์ฉินพูด ใช้สายตาถมึงทึงมองไปที่เฉินฝานเฉินฝานรู้ว่าฉินเย่ว์ฉินก็มีความสงสัยเช่นนี้กับเขาเช่นกัน เขามิได้แก้ตัว แก้ตัวไปก็ไร้ประโยชน์ เรื่องเช่นนี้มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะสามารถพิสูจน์ได้และที่นางพูดก็เป็นเรื่องจริงชายที่ถูกดึงดูดได้อย่างง่ายดายปานนั้น ย่อมมิยอมรับผิดชอบเป็นแน่“จากนั้นล่ะ หลังจากนั้นพวกนางอุ้มท้องแล้วก็กลับไปที่ตำหนักเซียวเหยาเช่นนี้รึ?”“ถูกต้อง” ฉินเย่ว์ฉิน
เฉินฝานรู้ว่าฉินเย่ว์ฉินหวาดระแวง “มิต้องสงสัยหรอก ข้าเชื่อเจ้าจริง ๆ”“ทำไมล่ะ?”“เพราะเจ้าเป็นพี่สาวของเย่ว์เจียว”อีกหนึ่งเหตุผลหนึ่งคือ ฉินเย่ว์ฉินออกมาเสี่ยงชีวิตช่วยเขาและฉินเย่ว์เจียวโดยมิห่วงความปลอดภัยตนเองแม้แต่น้อย“เพียงแค่นี้งั้นรึ?” ฉินเย่ว์ฉินสีหน้ามิเชื่อ“และเพราะว่าเจ้าเป็นภรรยาของข้า” เฉินฝานมิได้พูดเล่นหนังสือทางการที่เขาครอบครองอยู่ ตราบใดที่เขามิเขียนใบหย่า ฉินเย่ว์ฉินย่อมเป็นคนของเขาตลอดไป“แต่ข้ามิชอบเจ้า”“แล้วอย่างไรต่อ? ชีวิตของเจ้าเป็นข้า ตายไปแล้ววิญญาณก็เป็นของข้า” มิว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือท่าทางของเฉินฝานล้วนแน่วแน่และเอาแต่ใจอย่างมากวินาทีที่ฉินเย่ว์ฉินกลับมา เฉินฝานก็มิได้คิดจะปล่อยให้นางจากไปตามกฎหมายของต้าชิ่ง ในฐานะที่เป็นสามี เขามีหน้าที่ดูแลนาง นางทำความผิด เขาก็มีหน้าที่อบรมสั่งสอนนางเช่นกันฉินเย่ว์ฉินใจเต้นจากคำพูดจี้ใจดำของเฉินฝานมิใช่รู้สึกหวั่นไหวเฉินฝานตอนที่อยู่หมู่บ้านซานเหอช่วงแรกมักพูดเสียงดังน้ำเสียงดุร้ายเสมอ ทว่าตอนนั้นฉินเย่ว์ฉินมิได้รู้สึกหวาดกลัวอย่างแน่นอน ถึงขั้นรู้สึกรำคาญอย่างมาก เฉินฝานในตอนนี้มิได้พูดเสียงดัง
ฉินเย่ว์ฉินเช็ดน้ำตาด้วยความรีบร้อน “อย่ามาพูดจาเหลวไหล ข้ามิได้ร้องไห้เสียหน่อย เพียงแค่เศษดินทรายเข้าตาเท่านั้น”“อ๋อ ๆ พี่รองมิได้ร้องไห้ เพียงแค่เศษดินทรายเข้าตา”ระหว่างที่พูด ฉินเย่ว์เจียวก็จูงมือเฉินฝานและฉินเย่ว์ฉิน “พวกพี่มิเป็นไรก็ดีแล้ว ในที่สุดพวกเราเหล่าพี่น้องก็พร้อมหน้าพร้อมตากันได้เสียที พวกเราจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปกว้านซื้อประทัดมาเยอะ ๆ เสียงประทัดต้องดังทั้งวันทั้งคืน”“ไม่!”เฉินฝานและฉินเย่ว์ฉินพูดออกมาพร้อมกัน“ข้าจะมิกลับไปกับพวกเจ้า” น้ำเสียงฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา นางยังคงมิยอมรับในตัวเฉินฝาน“จะจุดประทัดมิได้ บัดนี้ข้ามิสามารถกลับไปได้ชั่วคราว กลับไปเช่นนี้มิได้” เฉินฝานกล่าว“พี่รอง ข้ารู้ว่าพี่คิดอันใดอยู่ พี่มิอยากกลับไป ข้าก็คิดไว้อยู่แล้ว แต่...” ฉินเย่ว์เจียวถามเฉินฝานด้วยความสงสัย “นายท่าน ไฉนท่านจึงมิกลับ?”“พี่มิเพียงแต่กลับไปมิได้เท่านั้น และยังมิสามารถ ‘มีชีวิตอยู่’ ได้”“ใต้เท้าพูดถูก บัดนี้ใต้เท้ามิสามารถมีชีวิตอยู่ได้” ไป่เผยหรานที่อยู่ด้านข้างเข้าใจความหมายแฝงในประโยคที่เฉินฝานพูดทันทีขอเพียงเฉินฝานและฉินเย่ว์ฉิน‘เสียชีวิต’ ผู้ชักใยอย
เหอจื่อหลินและไป่เผยหรานพากองกำลังขยายอาณาเขตในการขุดค้น ทว่าหาอยู่นานก็ยังมิพบอยู่ดีมิรู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร“นายท่าน พี่รอง!”ฉินเย่ว์เจียวที่โดยปกติแล้วมีนิสัยดุดันตรงไปตรงมา บัดนี้ร้องไห้จนแทบจะหมดสติเหอจื่อหลินและไป่เผยหรานกำลังจะจัดแจงคนให้พานางกลับไป ปรากฏว่าเพิ่งจะปริปาก ฉินเย่ว์เจียวก็ถูกสิ่งของกระทบใส่อย่างรุนแรง“ตุ้บ!”ฉินเย่ว์เจียวถูกขว้างก้อนหินใส่“เจ้าคนหน้าไหนรนหาที่ตาย บังอาจขว้างหินใส่ข้า”“เจ้าเอะอะโวยวายปานนี้ และยังทุบตีคนที่ช่วยข้าอย่างรุนแรง เจ้ากลัวว่าพี่จะตายช้าไปหรือกระไร?”......!!!!ทุกคนล้วนตกตะลึงไปครู่ใหญ่ จึงได้สติกลับมาคือเฉินฝาน นี่คือเสียงของเฉินฝาน“นายท่าน ๆ”“ใต้เท้า ๆ”ฉินเย่ว์เจียวพุ่งตัวเข้าหาคนแรก ทว่ามินานนางก็รู้สึกงุนงง ได้ยินเสียงเฉินฝานแล้ว แล้วตัวเขาอยู่ที่ใด“นายท่าน ๆ ท่านอยู่ที่ใด?” ฉินเย่ว์เจียวร้อนรนใจจนกระทืบเท้า“เจ้าหยุดกระทืบเท้าได้แล้ว ถ้ายังกระทืบเท้าข้าคงได้ตายจริง ๆ แล้ว!”ได้ยินเช่นนี้ ฝูงชนมองใต้เท้าฉินเย่ว์เจียวตามสัญชาตญาณเฉินฝานอยู่ใต้เท้าฉินเย่ว์เจียวจริง เขาถูกโต๊ะตัวหนึ่งทับร่างไว้ เพราะโต
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีข้อสงสัยมากมาย แต่อย่าเพิ่งมาถามตอนนี้ รีบตามข้ามา !”ฉินเย่ว์ฉินลากฉินเย่ว์เจียวไปทันที ดูจากท่าทางของนางแล้ว คงจะเป็นสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานจริง ๆฉินเย่ว์ฉินมุ่งหน้ากลับไปเรือนที่นางออกมาเมื่อครู่“ไปทางนั้นมิได้!” เฉินฝานตะโกนดังลั่นจู่ ๆ เขาก็ได้กลิ่นดินปืนจำนวนมาก จากประสบการณ์ในยุคปัจจุบันของเขา ดินปืนนี้จวนจะระเบิด“เย่ว์เจียวเย่ว์ฉิน อ๋องตวน อีกมินานที่แห่งนี้จะระเบิดแล้ว จงล่าถอยไปด้านนอก!”สองสามปีมานี้ฉินเย่ว์เจียวและอ๋องตวนมักจะติดตามอยู่ข้างกายเฉินฝานเสมอ เฉินฝานมักจะทำการทดลองระเบิดอยู่บ่อยครั้ง พวกเขาเข้าใจสิ่งที่เฉินฝานพูด และเข้าใจผลที่ตามมาของการระเบิดดินปืนในยุคนี้เป็นสินค้าหายาก เพราะดินปืนมีอานุภาพทำลายที่รุนแรง ดังนั้นดินปืนจึงเป็นสินค้าที่ทางการควบคุมอย่างเข้มงวด โดยปกติแล้วราษฎรมิสามารถครอบครองได้ แม้ฉินเย่ว์ฉินจะอยู่ในกลุ่มตำหนักเซียวเหยาที่แข็งแกร่งปานนั้นก็มิแน่เสมอไปว่าจะเคยสัมผัสกับดินปืนมากก่อน ผนวกกับการที่นางรู้สึกมิดีกับเฉินฝาน นางจึงมิฟังคำพูดของเขา นางมิได้ล่าถอยตามฉินเย่ว์เจียวไปด้านนอก ยังคงยืนกรานจะไปที่เรือนหลังนั้น“ไปม
“พี่รอง!” ฉินเย่ว์เจียวพุ่งตัวไปกอดฉินเย่ว์ฉินไว้แน่น ทั้งร่ำไห้และตะโกน “สองสามปีที่ผ่านมานี้พี่ไปอยู่ที่ใดมา ไฉนพี่มิกลับมาเยี่ยมพวกเราบ้าง พี่ใหญ่และนายท่านส่งไปคนมากมายไปตามหาพี่ ก็ยังมิเจอพี่อยู่ดี พี่รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงพี่เพียงใด?”ฉินเย่วเจียวร้องไห้ไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มบ่นฉินเย่ว์ฉิน “ไฉนพี่จึงใจดำเช่นนี้ ยังมีชีวิตอยู่แท้ ๆ ไฉนจึงมิยอมกลับมา ไฉนมิยอมมาเจอหน้าพวกเรา? จำพวกเรามิได้แล้วงั้นรึ? และยังมีเรื่องของนายท่านอีก บัดนี้เขามิใช่นายท่านแบบเมื่อก่อนแล้ว ข้ามิเชื่อหรอกว่าพี่จะมิเคยได้ยินเรื่องที่เขาเปลี่ยนตัวเอง พี่จะต้องเคยได้ยินมาอย่างแน่นอน และพี่ก็รู้ด้วยว่าพวกเราเป็นห่วงเพียงใด แต่ก็ยังมิยอมกลับมาอยู่ดี พี่ช่างเป็นคนที่ใจดำอำมหิตเสียจริง”รู้สึกว่าบ่นไปก็มิได้ผล ฉินเย่ว์เจียวก็เริ่มชกต่อยฉินเย่ว์ฉิน นางนำความถวิลหา ความกังวลใจ ความคับแค้นใจที่มีต่อฉินเย่ว์ฉินทั้งหมดรวมเข้ามาไว้ในกำปั้นตนเองฉินเย่ว์ฉินมิได้ต่อต้าน มิได้เถียงกลับ ทำเพียงยืนอยู่ตรงนั้นให้ฉินเย่ว์เจียวระบายอารมณ์ ตอนที่ฉินเย่ว์เจียวกล่าวถึงเฉินฝาน ฉินเย่ว์ฉินหันไปมองเฉินฝาน ทว่าเป็นชำเลืองมองเพียงครู่เ
มิถึงเวลาหนึ่งถ้วยชา ผู้ฟังทั่วบริเวณล้มลงไปนอนกับพื้นทั้งหมด คนส่วนใหญ่ล้วนถูกงูฉกตาย ส่วนคนที่ถูกฉกแต่ยังมิสิ้นลม ใบหน้าดำคล้ำสติเลือนรางเพราะพิษงูมีผู้ฟังที่ล้มลงกับพื้นตรงประตูทางออกมากที่สุด เพราะคนส่วนใหญ่คิดที่จะหนีออกไป ทว่าประตูทางออกใหญ่ปิดล็อกไปตั้งแต่ตอนที่พวกเฉินฝานเข้ามาแล้ว“ให้ตายสิ!” อ๋องตวนตะโกนลั่น “แม้ทั้งชีวิตข้าจะทำเรื่องเลวทรามมาเยอะ เคยคิดไว้อยู่แล้วว่าอาจจะต้องตายอย่างน่าสังเวช ทว่าต่อจะให้น่าสังเวชเพียงใด ข้าก็มิอยากถูกงูฉกตายเช่นนี้!”อ๋องตวนที่ปกติมิเกรงกลัวสิ่งใด บัดนี้กลับเกิดความหวาดกลัวอย่างแท้จริง เขาหวาดกลัวงูที่สุด ตัวลื่น ๆ เนื้อสัมผัสเย็น ๆรูปลักษณ์ภายนอกน่าขยะแขยงเพียงแค่คิดก็รู้สึกขนพองสยองเกล้าแล้ว นับประสาอันใดกับการเห็นและถูกฉกด้วยตาตนเอง“ท่านอ๋อง ท่านมายืนด้านหลังข้า” ฉินเย่ว์เจียวกล่าวจบ ก็มองไปทางเฉินฝาน เฉินฝานพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเฉินฝานอนุญาต ฉินเย่ว์เจียวยื่นมือไปที่เอวทันทีฉินเย่ว์เจียวยังมิทันได้หยิบขลุ่ยไม้ไผ่ตรงเอวขึ้นมา ด้านนอกก็เสียงดนตรีที่เนิบนาบดังขึ้นเมื่อเสียงดนตรีนั้นดังขึ้น งูที่แต่เดิมโจมตีคนอย่างบ้าคลั่ง จู่ ๆก
วินาทีที่เห็นสตรีนางนั้น หลี่อวี้ไห่ตาเบิกกว้าง องครักษ์หญิงด้านหลังเขาเหล่านั้นก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน ตกตะลึงเหลือเชื่อ และหวาดกลัว!สตรีผู้นั้นหยุดฝีเท้าตรงหน้าหลี่อวี้ไห่ กะพริบตาเล็กน้อย น้ำเสียงเนิบนาบ “พวกเราโรงมหรสพเซียนยินทำการค้า ขอเพียงมิฝ่าฝืนกฎหมายต้าชิ่ง ก็ต้องเติมเต็มความต้องการของแขกเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”หลี่อวี้ไห่ยังคงยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ทั้ง ๆ ที่เป็นคนวัยกลางคนผ่านโลกมามากมายแล้ว บัดนี้กลับทำอันใดมิถูก“หืม?” สตรีนางนั้นเลิกคิ้วขึ้นเลิกเล็กน้อย น้ำเสียงยังคงเนิบนาบ ทว่ากลับแฝงด้วยรังสีเย็นยะเยือกที่ทำให้คนอกสั่นขวัญผวา นางยกมือเรียวยาวของนางขึ้น ปัดไรผมบนหน้าผากตนเองเบา ๆ กำไลข้อมือรูปงูสีทองเปล่งประกายสะท้อนแสง “หูใช้การมิได้แล้วงั้นรึ?”เหงื่อเย็นหลายเม็ดผุดขึ้นหน้าผากหลี่อวี้ไห่ทันที “เร็วเข้าสิ รีบนำสุรามาให้ท่านอ๋อง”ตอนที่หลี่อวี้ไห่เหงื่อเย็นไหลออกมา อ๋องตวนก็เริ่มสงบสติอารมณ์มิได้ นับตั้งแต่วินาทีที่สตรีนางนั้นออกมา เขาก็เริ่มสงบสติอารมณ์มิอยู่แล้ว ทว่าเฉินฝานห้ามเขาไว้ตอนที่สาวใช้ยกสุราผ่านหน้าสตรีไป สตรีนางนั้นก็ยื่นมือเรียวยาวออกมาอีกครั้ง “เอาม