วันรุ่งขึ้น หลังจากตื่นนอนเฉินมู่ได้ตรวจสอบเครื่องติดตามสัญญาณตามปกติ แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าทันทีที่เธอล้างหน้าบ้วนปากเสร็จ พนักงานเสิร์ฟก็นำอาหารเช้ามาให้ และบอกกับเธออย่างเจาะจงว่า “คุณฮั่วบอกว่า วันนี้เขาจะไม่มาทานข้าวกับคุณเฉินค่ะ”เฉินมู่ตกใจ เพราะเธอมีโทรศัพท์มือถือและฮั่วหยุนเซียวเองก็มีเช่นกัน หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาสามารถทักบอกกันในวีแชทได้ แต่นี่อีกฝ่ายกลับขอให้พนักงานเสิร์ฟมาบอกเธอในตอนเช้าแทนสัญชาตญาณของเฉินมู่บอกว่า ฮั่วหยุนเซียวกำลังไม่สบอารมณ์แต่เธอไม่รู้ว่าเขาไม่สบอารมณ์เรื่องอะไร คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกพอทานข้าวเสร็จ เฉินมู่ก็ได้รับโทรศัพท์จากตระกูลคอลลิน “คุณเฉินมู่ใช่ไหมคะ? คือว่า คุณลิเดียกำลังจัดงานปาร์ตี้อยู่ที่สวน และเธอขอเชิญคุณมาร่วมงานนี้ด้วยค่ะ”เฉินมู่ยังไม่ตอบกลับ ทว่าทางนั้นก็พูดออกมาอีกครั้ง “คุณลิเดียขอให้ฉันบอกคุณว่า ถ้าคุณไม่มา พรุ่งนี้เธอจะไล่คุณกลับไป”ร่างบางไม่แปลกใจ เพราะตระกูลคอลลินมีอำนาจมากจนสามารถส่งคนธรรมดากลับประเทศบ้านเกิดได้จริง ๆเดิมทีเฉินมู่ไม่ต้องการดูแลเจ้าหญิงน้อยผู้เอาแต่ใจนี่ แต่ในเมื่อมีคนท้าทายมาขนาดนี้ เธอคงต้องนิ่ง
เฉินชิงเสวี่ยเดินไปเอื้อมมือจับแขนของเฉินมู่ไว้ แต่เฉินมู่ก็พยายามหลีกเลี่ยงเธอเริ่มพูดอย่างฉุนเฉียว “พี่คะ ลิเดียชอบยิงธนูมาก และคฤหาสน์นี้ได้สร้างสนามยิงธนูไว้ให้เธอโดยเฉพาะ เราไปยิงธนูด้วยกันไหมคะ?”การยิงธนู การขี่ม้า การดื่มไวน์และกิจกรรมอื่น ๆ เป็นพื้นฐานสำหรับผู้หญิงระดับสูงและเป็นกิจกรรมทั่วไปในการเข้าสังคมด้วยแม้ว่าตระกูลเฉินจะไม่ใช่ตระกูลที่โดดเด่น แต่ด้วยคำยืนกรานของซู่หรูหลานที่ปลูกฝังเฉินชิงเสวี่ยให้เป็นสุภาพสตรีมาโดยตลอด เธอจึงได้เรียนรู้ทักษะเหล่านี้มาหลายปีแล้วแต่เฉินมู่นั้นต่างออกไป เฉินมู่เป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีใครรักและไม่มีใครสนใจ ดีแค่ไหนแล้วที่ตอนเด็ก เฉินมู่ยังได้กินอาหารดี ๆ เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ทว่าเมื่อพูดถึงเรื่องกิจกรรมการเข้าสังคม ซู่หรูหลานจะไม่มีวันปล่อยให้เธอได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้เป็นอันขาดเมื่อพวกเธอมาถึงสนามยิงธนู สายตาก็มองเห็นเป้ายิงธนูสีขาวและสีเหลืองจำนวนมากอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียว คนรับใช้วิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาแล้วส่งคันธนูสามคันพร้อมลูกธนูสามถุงให้ลิเดียด้วยความเคารพลิเดียตรวจสอบคันธนูของตัวเองพลางพูดอย่างโอ้อวด “พ่อของฉันปรับแต่ง
ลิเดียเริ่มยิงธนูดอกแรกก่อน ผู้ตัดสินยืนห่างจากเป้าและยกป้ายคะแนนขึ้น“แปดคะแนน!” เฉินชิงเสวี่ยกระโดดขึ้นเชียร์ “ลิเดีย...ยิงได้ยอดเยี่ยมมาก!”ลิเดียเลิกคิ้วไปทางเฉินมู่พร้อมพูดแหย่ “ถึงตาเธอแล้ว ฉันไม่ได้ทำให้มันยากสำหรับเธอเลยนะถ้าลูกธนูของเธอเข้าเป้าได้ เธอก็จะได้สิบคะแนน!”“เหอะ!”เมื่อลูกธนูของเฉินมู่ถูกยิงออกไป ลู่ซีเจ๋อไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมอง เพราะเขารู้ว่าเฉินมู่ไม่เคยยิงธนูมาก่อน ทว่าเฉินชิงเสวี่ยกลับเบิกตาดูอย่างกระตือรือร้น แต่เธอกลับต้องจิกนิ้วเท้าตนเองแน่น เมื่อผู้ตัดสินยกมือ แล้วตะโกนคำว่าแปดคะแนนออกมา!เฉินชิงเสวี่ยตกตะลึง “เป็นไปได้ยังไง?”เฉินมู่ยิ้มและหันไปพูด “ทำไมเหรอ? เมื่อกี้เรายังดูเป็นพี่สาวน้องสาวที่รักใคร่กันอยู่เลย หลังจากที่เห็นฉันยิงแล้ว เธอไม่มีความสุขงั้นเหรอ?”“ไม่...ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...” เฉินชิงเสวี่ยส่ายหัวช้า ๆลิเดียจ้องเขม็งไปที่เฉินมู่ พร้อมพูดอย่างเหยียดหยาม “ก็แค่โชคเข้าข้างหรอก! หรือมากสุดก็แค่พรสวรรค์! ยังมีลูกธนูอยู่อีกเก้าดอก ฉันไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!”เฉินมู่ยกมือขึ้นแล้วขยับนิ้วส่งสัญญาณว่า “มาสิ”ลิเดียยิงลูกธนูอีกครั้ง
เฉินมู่ยิ้มแล้วกระซิบเสียงเบา “เดิมทีฉันอยากให้เธอยิงแค่สองสามดอก แล้วฉันจะทำทียิงตาม เพื่อที่เธอจะได้ไม่เสียหน้ามากเกินไป”“ก็นี่แค่...พึ่งห้ารอบเองนะ?” ร่างบางส่ายหัวพลันเอ่ยต่อ “ฉันใช้เท้าเล็งยังจะแม่นกว่าเธออีก”“แก!”ก่อนที่ลิเดียจะได้ต่อปากต่อคำ ลูกธนูในมือของเฉินมู่ก็พุ่งออกมาอีกรอบราวกับเข็มที่แทงทะลุหัวใจ มันพุ่งเจาะเข้าไปในเป้าสิบคะแนนอย่างแม่นยำ!เฉินชิงเสวี่ยเลิกลัก “พี่คะ นี่พี่…”“ทำไมเหรอ?” เฉินมู่หันศีรษะและเลิกคิ้วมองเธอ “พูดไชโยสิ!”เฉินชิงเสวี่ยอ้าปากค้าง พลันความอัปยศก็ฉายชัดในดวงตาของเธอ แต่เธอพูดได้เพียงประโยคเดียวที่แฝงความไม่เต็มใจไว้ “สุดยอดไปเลยคะ…”ทันทีที่เสียงของเฉินชิงเสวี่ยแผ่วลง เฉินมู่ก็ยิงธนูอีกครั้ง และยังคงได้สิบคะแนนเช่นเดิมมือเรียวกำคันธนูในมือแน่น เธอมองดูลิเดียและถามออกไปตรง ๆ “ยังอยากเล่นอยู่อีกหรือเปล่า? ยังไงก็เถอะ เธอยังยิงธนูได้อีกกี่ดอกล่ะ นี่ฉันยิงจะครบสิบดอกแล้วนะ”ลิเดียหน้าแดงก่ำ! นี่เป็นวันที่เธออับอายมากที่สุด!เฉินมู่แค่ออกแรงยิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็เข้าเป้าอย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่าเธอคือ เทพแห่งนักธนูด้านหน้าของเฉินม
ลู่ซีเจ๋อเฝ้าดูแผ่นหลังของเฉินมู่ที่เดินออกจากสนามยิงธนู ก่อนจะย่ำเท้าไปหาเฉินชิงเสวี่ยด้วยความโกรธขณะเดียวกันในคฤหาสน์คอลลิน เฉินชิงเสวี่ยกำลังปลอบลิเดียอย่างใจเย็น “อย่าโกรธไปเลยนะ ถึงพี่สาวของฉันจะเก่งเรื่องยิงธนูนิดหน่อย แต่เธอก็เป็นเจ้าหญิงน้อยของตระกูลคอลลิน เธอเก่งทุก ๆ อย่าง เพราะงั้นอย่าไปสนใจเลย มันก็แค่เรื่องเล็กน้อยเอง”ได้ยินแบบนั้น ลิเดียก็กำหมัดแล้วลุกขึ้นยืนทันที “เธอพูดถูก! ฉันจะแพ้เฉินมู่ได้ยังไง หล่อนเก่งเรื่องการยิงธนู แต่ฉันไม่เชื่อว่าหล่อนจะเก่งทุกอย่าง!”พลันดวงตาของเฉินชิงเสวี่ยก็เผยรอยยิ้มแห่งความสำเร็จออกมา พลางทำทีถามอย่างกังวล “ลิเดีย แล้วจากนี้เธอจะแข่งอะไรกับพี่สาวฉันอีกล่ะ?”ลิเดียเหยียดยิ้ม “หล่อนเรียนยิงธนูได้ แล้วเรียนยิงปืนได้ไหมล่ะ? ฉันจำได้ว่าประเทศของเธอห้ามพกปืนนี่”เฉินชิงเสวี่ยปิดปากด้วยความตื่นตระหนก “เธอต้องการดวลปืนกับพี่เหรอ? แต่พวกเราไม่เคยเรียนรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยนะ แถมยังไม่เคยแตะต้องมันเลยสักครั้ง!”ลิเดียมีความสุขมากขึ้นมาทันที “ใช่แล้ว! ฉันจะดวลปืนกับหล่อน ไม่ต้องห่วง ตระกูลของฉันมีเส้นสายใหญ่โต เพราะฉะนั้น การทำเรื่องแบบนี้ถือ
สำหรับสาวน้อยที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝนมาอย่างมืออาชีพแล้ว นี่มันเป็นแต้มที่สูงมาก ๆแม้ว่ากีฬายิงปืนกับยิงธนูจะแตกต่างกัน แต่แรงดีดของปืนมีความแรงมากกว่าที่จินตนาการเอาไว้มาก ถ้าหากศูนย์กลางของแรงถ่วงไม่มั่นคง ก็จะเอียงได้อย่างง่ายดายลิเดียเลิกคิ้วขึ้นมองไปยังเฉินมู่ “ถึงรอบของเธอแล้ว”เฉินชิงเสวี่ยเดินเข้ามา พลางมองเฉินมู่อย่างเป็นกังวลแล้วพูดเตือนว่า “พี่คะ พอเถอะ ถ้าหากหูพังแล้วมันจะได้ไม่คุ้มเสียนะ ฉันจะไปขอร้องลิเดียให้เอง จะไม่ยอมปล่อยให้เธอไล่พี่กลับประเทศเด็ดขาด พี่ยอมแพ้ซะเถอะ”เฉินมู่ไม่ได้หันไปมองอีกฝ่ายสักนิด เธอยังยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะและยกปืนขึ้นลิเดียตะโกนออกมา “เฉินมู่! ใช้มือเดียวถือปืนเดี๋ยวก็ได้รับบาดเจ็บหรอก! เธอทำไม่ได้ก็ไม่ต้องแข่งแล้ว!”“ปัง!” ยิงนัดที่หนึ่ง สิบแต้ม!“เป็นไป...ได้ยังไงกัน?” เฉินชิงเสวี่ยเบิกตากว้างลิเดียขยับเข้าไปดูใกล้ ๆ สิบแต้มจริง ๆ ด้วยเฉินมู่ไม่ต้องเล็งเลยด้วยซ้ำ ราวกับยิงไปตามสัญชาตญาณ จากนั้นเธอก็ยิงไปอีกเก้านัดติดต่อกัน ภาพบนเป้าปรากฏเพียงแค่...รูหนึ่งรูเท่านั้น!ยิงปืนมือเดียว! สิบแต้มทุกนัด!ลิเดียอึ้งจนอ้าปากค้าง วิธีการยิงแบ
“คุณหนูเฉิน!” ไซม่อน คอลลินตะโกนเรียกอย่างตื่นตระหนก และได้ทำลายบรรยากาศที่ตึงเครียดในสนามยิงปืนแห่งนี้เฉินชิงเสวี่ยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ไซม่อน คอลลินเชียวนะ! ผู้นำตระกูลคอลลินคนปัจจุบันเชียว!ในเมื่อเขาเห็นยัยเฉินมู่จอมป่าเถื่อนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง จ่อปืนชี้ไปยังลูกสาวสุดที่รักด้วยตาของตัวเองแล้ว ยัยเฉินมู่ต้องตายแน่ ๆ!ทว่าเฉินชิงเสวี่ยไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำ ในช่วงเวลาที่ตึงเครียดเช่นนี้ ทำไมไซม่อนถึงไม่ตะโกนเรียกลิเดีย แต่กลับเป็นเฉินมู่?เธอวิ่งไปอยู่ข้าง ๆ ไซม่อน พลันรีบอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร “คุณไซม่อนคะ คุณอย่าโกรธไปเลยนะคะ พี่เขา...พี่เขาแค่ตื่นเต้นนิดหน่อย! เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายลิเดียเลยนะคะ!”เนื่องจากไซม่อนที่เพิ่งจะเข้ามาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น อย่างนั้นประโยคขอความเมตตาของเฉินชิงเสวี่ยก็นับว่าเป็นหลักฐานในการยืนยันความผิดแล้ว!ตระกูลที่เบื้องหลังมีชื่อเสียงและอำนาจที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ใครจะไปสนว่าเฉินมู่จะตื่นเต้นไปชั่วขณะหรือไม่? จะเจตนาหรือว่าไม่เจตนา? พวกเขาสนใจแค่ประโยคโยคครึ่งหลังเท่านั้น...นั่นคือ ทำร้ายลิเดียใบหน้าของไซม่อนผิดปกติไปเล็กน้อย เฉิ
โลกนี้มันเพี้ยนไปแล้วใช่ไหม? หรือมีขั้นตอนไหนมันผิดปกติหรือเปล่า?น้ำตาของลิเดียไหลออกมาทันที เธอตะโกนออกมาอย่างน้อยใจ “พ่อคะ! เธอรังแกหนูนะ! ทำไมหนูต้องขอโทษด้วย!”ไซม่อนคว้าปืนพกที่เฉินมู่โยนมาบรรจุกระสุนอย่างคล่องแคล่ว แล้วยิงไปที่เป้าหนึ่งนัดดัง “ปัง”!เพราะว่าไม่มีอุปกรณ์ป้องกันหู ลิเดียจึงตกใจกลัวจนตัวสั่น แม้แต่เฉินชิงเสวี่ยกับลู่ซีเจ๋อยังถูกทำให้ตกใจไปด้วยทว่าเฉินมู่กลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างไม่สะทกสะท้าน ราวกับไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยเสียงปืนทำให้ลิเดียร้องไห้หนักขึ้น ไซม่อนตะคอกด้วยความโกรธอีกครั้ง “ขอโทษซะ! อย่าให้พ่อต้องพูดซ้ำ!”ลิเดียมองเฉินมู่อย่างไม่เต็มใจ ก่อนแค่นเสียงพูดเบา ๆ เหมือนเสียงยุง “ขอโทษ”“เสียงดังกว่านี้!” ไซม่อนดุเธอ“ขอโทษ!” ลิเดียตะโกนทั้งน้ำตาที่ไหลพรากเธอไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมวันนี้พ่อที่รักเธอเสมอมาถึงไม่ยอมปกป้องเธอ!ไซม่อนมองไปยังเฉินมู่อย่างระมัดระวังแล้วถามเสียงเบา “คุณหนูเฉิน แบบนี้ใช้ได้หรือเปล่าครับ?”เฉินมู่แค่นเสียงตอบ “ดูแลเธอให้ดี ๆ อย่าให้มาก่อกวนฉันอีก!”“ครับ ผมทราบแล้ว” ไซม่อนรีบพยักหน้าตอบรับทันทีเฉินมู่เดินผ่านไซม่อน และ
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง