ทุกคำที่พูดออกมาสง่าผ่าเผยราวกับเทพบนท้องฟ้าซู่หรูหลานยืนตัวแข็งทื่อ ประหนึ่งว่าหล่อนมองผ่านเฉินมู่ไป และมองรู้ถึงฝันร้ายของชีวิตเฉินมู่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาครั้งสุดท้ายที่หล่อนเห็นคนลักษณะนี้ บุคลิกที่มีเสน่ห์แบบนี้ นั่นคือแม่ของเฉินมู่!หญิงสาวผู้ภาคภูมิใจที่ยืนอยู่ตรงประตูบ้านของตระกูลเฉิน หล่อนยึดอำนาจของเธอแม้ในยามฝัน!แต่ผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว ปัจจุบันมีแต่เธอที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์สวยงามแห่งนี้พร้อมกดขี่เด็กกำพร้าผู้โง่เขลานี้ไปทุกวัน ทว่าตอนนี้ ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ในอดีตจะปรากฏขึ้นใหม่อีกครั้งในวันนี้!เฉินมู่เดินขึ้นไปชั้นบนแล้ว แต่ซู่หรูหลานก็ยังมองแผ่นหลังเธอด้วยความหวาดหวั่นไม่หยุดเฉินมู่มีอารมณ์เหมือนกับแม่ของเธอ! เหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งสูงส่ง เยือกเย็นทว่าเงียบเหงา ทรงพลังและมีเสน่ห์ไม่! หล่อนจะแพ้ไม่ได้! ในชีวิตนี้หล่อนไม่เคยต้องสูญเสียอะไร! หล่อนชนะแม่เฉินมู่มาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วยังจะต้องกลัวอะไรกับเด็กน้อยตัวแค่นี้?เฉินชิงเสวี่ยยังคงนั่งร้องไห้อยู่บนพื้น “ไล่มันออกไป! ไล่มันออกไป!”ซู่หรูหลานตบเฉินชิงเสวี่ยที่ศีรษะอย่างแรงจนเฉินชิงเสวี่ยตกตะ
ฮั่วหยุนเซียวสะบัดผ้าห่มขึ้น ลุกจากเตียงแล้วออกไปพร้อมกับเสื้อคลุม “อยู่ที่ไหน?”ฮานเฉิงเดินตามฮั่วหยุนเซียวไปอย่างเร่งรีบและจริงจัง “ยังอยู่ในเมือง แต่อยู่ในสถานที่เก่า ๆ และดูเหมือนว่ามันจะตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่นั่นด้วย”ฮั่วหยุนเซียวเหลือบมองที่หน้าจอ “ช่างเก่งกล้าจริง ๆ”แฮ็กเกอร์ที่ขโมยเงินของฮั่วหยุนเซียว แถมยังตั้งฐานที่มั่นไว้ใต้จมูกของเขา นี่ถือได้ว่าเป็นการท้าทายอำนาจของฮั่วหยุนเซียวอย่างไม่ต้องสงสัยมีรถรออยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาล ฮั่วหยุนเซียวนั่งเบาะหลังพลันเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการรอคอยแฮ็กเกอร์คนนี้เฉินมู่ขบกัดนิ้วไม่หยุด ม่านรับแสงในตาคมค่อย ๆ หรี่ลง พริตาดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นทว่ายังไม่ทันจะได้มีความสุข หน้าจอก็ดับลง และสัญญาณก็หายไปอีกครั้ง!เฉินมู่รู้สึกเหมือนทำของเล่นหาย เธอหงุดหงิดมาก จากนั้นจึงปิดคอมพิวเตอร์ และเดินลงบันไดไปพร้อมกับกระเป๋าสะพายหลัง การติดตามในวันนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว ทุกอย่างต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปรถของฮั่วหยุนเซียวหยุดที่สัญญาณไฟจราจร ฮานเฉิงยื่นแท็บเล็ตให้ฮั่วหยุนเซียวดูด้วยความหงุดหงิดใจ “บอส สัญญาณหาย
จากนั้นก็เคี้ยวมันอย่างระมัดระวังเฉินมู่ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วกระพริบตามองเขา “เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม?”กลิ่นของเนื้อละลายหลอมรวมกันระหว่างริมฝีปากและฟันของเขา รวมไปถึงกลิ่นของแป้ง ทำให้ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาปรับลิ้นตัวเองให้เข้ากับมัน ก่อนพยักหน้า “ก็ไม่เลวนะ”คำชมของฮั่วหยุนเซียวทำให้เฉินมู่มีความสุขมาก ร่างบางเดินไปพลางกินหมั่นโถวไปพลาง ก่อนเอ่ยถาม “คุณออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเหรอ? ดึกขนาดนี้ทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะ?”ฮั่วหยุนเซียวหยุดเท้าครู่หนึ่ง แล้วพูดตอบกลับ “อืม ผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว ออกมาทำอะไรบางอย่างนะ”ทั้งสองเดินไปที่สี่แยก พลันเห็นฮานเฉิงยืนรออยู่ข้างรถ เฉินมู่ค่อยหัวไปมองที่ฮั่วหยุนเซียว เห็นได้ชัดว่านี่คงเป็นการเดินเล่นมากกว่าการทำงานเสียแล้วฮั่วหยุนเซียวหันศีรษะไปที่เฉินมู่บ้าง “คุณจะกลับบ้านเลยไหม? ผมจะได้ไปส่ง”เฉินมู่พยักหน้า “อืม กลับเลย แต่พรุ่งนี้เช้าฉันจะต้องไปทำขนมที่บ้านคุณ ตอนเช้าคุณอยู่บ้านไหม?”ฮั่วหยุนเซียวอมยิ้ม “อยู่”พอทั้งสองนัดกันเสร็จ เฉินมู่ที่ยืนอยู่ข้างถนนก็รีบทานของกินในมือให้เสร็จเรียบร้อย เพื่อไม่ให้รถเบนท์ลีย์ที่ราคาแพงคันนี้เ
เฉินมู่หยิบคุกกี้ชิ้นเล็ก ๆ ออกมาทีละชิ้นแล้วใส่ลงในกล่อง จากนั้นร่างบางก็ถือกล่องเดินไปที่ห้องนั่งเล่นพลันประตูห้องนอนใหญ่เปิดออก ความดีใจทำให้เฉินมู่เหลือบมองไปทางห้องนอนและทักทายอย่างร่าเริง “คุณฮั่ว สวัส…”ก่อนที่คำว่า “ดี” จะเอ่ย เสียงนั่นหยุดลงกะทันหัน พร้อมกับร่างที่หยุดนิ่ง มือของเธอที่ถือคุกกี้หยุดค้างอยู่กลางอากาศอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมจ้องไม่กะพริบพลางชื่นชมชายตรงหน้า...เพิ่งออกจากอ่างอาบน้ำเหรอ?ชายหนุ่มคงจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ มีปอยผมห้อยลงมาเล็กน้อย รวมทั้งหยดน้ำที่ไหลลงมาตามร่างของเขา มันกลิ้งไปมาบนกล้ามเนื้อและหน้าท้องที่แข็งแรง ก่อนจะซึมหายไปในผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวสอบไว้ฮั่วหยุนเซียวถือผ้าเช็ดตัวอีกผืนไว้ในมือข้างหนึ่ง เขาใช้มันเช็ดผมด้านหลังใบหูพลางเอนตัวพิงกรอบประตูอย่างเกียจคร้าน เสียงของเขาแหบแห้ง “คุณเฉิน น้ำลายหกแล้วนะ”เฉินมู่รีบกลืนน้ำลายแล้วหันกลับไปอีกทางทันที “ฉันไม่รู้คุณ...เอ่อ...ฉันมาที่นี่เพื่อทำ...คุกกี้ ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่เห็น มัน…”เหมือนดั่งสวรรค์กลั่นแกล้ง เมื่อวานเธอเพิ่งนึกถึงรูปลักษณ์ของฮั่วหยุนเซียวในใจเงียบ ๆ แต่วันนี้กลับต้องมาน้ำลา
เฉินมู่รู้สึกว่าตัวเองชะงักกลายเป็นหินไปห้าวินาที คำพูดของฮั่วหยุนเซียวยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด คุณชอบไหม ชอบไหมเหรอ?ชอบก็บ้าแล้ว! ที่เธอยอมทุ่มเทความพยายามทั้งหมด ไม่ใช่เพื่อตำราอาหารบ้า ๆ นี่! แถมยังมีลายเซ็นเชฟอีก มันไม่เกี่ยวอะไรกับจุดประสงค์หลักของเธอเลยไม่ใช่เหรอ?ผู้ชายคนนี้ยังจำได้ไหมว่าเขาซื้อบริษัทของเธอไป!!“เฉินมู่?” เสียงของฮั่วหยุนเซียวดึงความคิดของเธอกลับมาเฉินมู่บีบตำราอาหารไร้สาระนี้ในมือแน่น ก่อนจะพูดอย่างนอบน้อม “ชอบ...ชอบมาก ขอบคุณคุณฮั่วนะคะ”พลันร่างบางก็หันหลังเดินจากไปพร้อมความรู้สึกสับสนในใจ วิธีนี้ใช้ไม่ได้แล้ว เธอคงต้องใช้วิธีอื่นเพื่อเอาบริษัทกลับมาให้ได้“เฉินมู่” ฮั่วหยุนเซียวเรียกอีกครั้งขาเรียวหยุดเดิน แต่ยังไม่หันหลังกลับ ถ้าจะให้พูดตามตรง ตอนนี้เธอไม่ต้องการเห็นหน้าฮั่วหยุนเซียวไม่ใช่เพราะโกรธ แต่แค่รู้สึกว่าความพยายามของตัวเองนั้นสูญเปล่า เฉินมู่เหนื่อยมากและต้องการพักผ่อนสมองฮั่วหยุนเซียวมองไปที่แผ่นหลังของหญิงสาว เขารู้สึกว่าอารมณ์ของเฉินมู่เปลี่ยนไป หล่อนดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย แต่กลับปฏิเสธที่จะพูดออกมา“นี่ไม่ใช่ของขวัญที่คุณต
ไม่นานคนรับใช้ก็มาเคาะประตูเรียก “คุณหนูใหญ่ คุณปู่กลับมาแล้ว ท่านให้มาเรียกคุณไปทานอาหารด้วยกันค่ะ!”เฉินมู่ลูบจัดผมยาวยุ่ง ๆ ของตัวเองพักหนึ่ง ที่ผ่านมาคุณปู่ไปพักตากอากาศที่รีสอร์ทบนภูเขา ดังนั้นช่วงที่ครอบครัวกำลังประสบปัญหาท่านจึงไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นเลย ทว่าวันนี้ท่านกลับมาแล้ว แต่ทำไมถึงเรียกหาเธอด้วยเลยล่ะ?“รู้แล้ว” เฉินมู่เอ่ยพลางรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของคุณปู่ช้า ๆตระกูลเฉินมักจะมารวมตัวกันที่ห้องอาหารของคฤหาสน์เสมอ ส่วนคุณปู่จะทานอาหารในห้องส่วนตัวของตนเป็นครั้งคราว แต่ท้ายที่สุด ทั้งครอบครัวก็ต้องมารวมตัวกันที่ห้องอาหารอยู่ดีเมื่อเฉินมู่เดินเข้าไปก็เห็นว่าครอบครัวของเฉินลี้ซานนั่งอยู่รอบ ๆ ตัวท่าน คุณปู่ต้องมีอะไรจะประกาศแน่ ๆ ถึงได้เรียกหาทุกคนแบบนี้“คุณปู่” เฉินมู่กล่าวทักทาย จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลงเฉินลี้ซานเอ่ยขึ้นบ้าง “พ่อ ที่พ่อเรียกหาพวกเราไปทั้งหมด เพราะมีอะไรจะประกาศใช่ไหมครับ?”คุณปู่พยักหน้ายิ้ม ๆ “ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่กันครบแล้ว ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอก กองทุนเทียนสื่อส่งจดหมายเชิญมาให้ฉัน กองทุนนี้เป็นงานการกุศล
เมื่อถามคำถามออกมา เฉินลี้ซานก็หยุดพูด ส่วนซู่หรูหลานก็มองไปทางอื่นและนิ่งเงียบนี่เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมาก แต่กลับไม่มีใครตอบในที่สุดคุณปู่ก็ทำลายความเงียบ “เพราะแม่ของหลานยังไงล่ะ ก่อนที่เธอจะตั้งครรภ์ แม่หลานทำหน้าที่เป็นครูในเขตสงครามเป็นเวลาหนึ่งปี และได้รับการยอมรับเป็นพิเศษในฐานะสมาชิกจากกองทุนเทียนสื่อ”เฉินมู่ยิ้มเล็กน้อย “ใช่ กองทุนเทียนสื่อมีไว้เพื่อการบรรเทาทุกข์ ดังนั้นสมาชิกของกองทุนจะต้องมีทรัพยากรทางการเงินที่เข้มแข็ง ความสัมพันธ์ที่กว้างขวาง และการกุศลที่กระตือรือร้น แม่ของหนูเสี่ยงชีวิตเพื่อแลกกับความเคารพเช่นนั้น แล้วทำไมยังจะดึงเฉินชิงเสวี่ยเข้ามาอีกล่ะค่ะ?”ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเฉินมู่กำลังทำให้เธออับอาย!เธอเข้ามาได้ยังน่ะเหรอ? แน่นอนว่าเธอและเฉินลี้ซานก็แอบอ้างใช้สิทธิ์ของผู้หญิงที่ตายแล้วเข้าไปเป็นสมาชิกในกองทุนน่ะสิ!เฉินมู่วางมือลงที่โต๊ะ พลันมองไปทางเฉินชิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างเย็นชา “คุณปู่คะ ถามหนูว่าหนูคิดยังไงเหรอคะ? หนูคิดว่าไม่มีใครสามารถขโมยของของแม่ไปได้ นอกจากหนู!”ซู่หรูหลานเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “เสี่ยวมู่ พูดแบ
เขารู้ดีถึงความคับข้องใจของภรรยา เพราะมันความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ของภรรยารองอย่างเธอ และเขาก็ไม่สามารถเอาใจพ่อตัวเองได้เช่นเดียวกัน ตอนนี้แม้แต่เฉินมู่ก็กล้าที่จะตะโกนใส่เธอ!เฉินลี้ซานตบโต๊ะอีกครั้ง “เฉินมู่! ขอโทษป้าเดี๋ยวนี้!”เฉินมู่เบนสายตาขึ้นมอง มือบางกำตะเกียบแน่น ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “คุณป้าซู่ ถ้าแม่ของหนูยังมีชีวิตอยู่ คุณคงไม่ใส่ใจเป็นอยู่ของหนูแบบนี้หรอกค่ะ อีกอย่างคุณก็คงไม่ได้แต่งงานใหม่ด้วย”“คุณทำงานหนักมากเพื่อเลี้ยงดูหนู แต่หนูก็เสียโฉมและฆ่าตัวตาย คู่หมั้นของหนูก็ต้องกลายเป็นแฟนของลูกสาวคุณ แถมคุณยังทำให้หนูขายหน้าจนคนอื่น ๆ หัวเราะเยาะเย้ยอีก!”“ละครบางเรื่องมันน่าเบื่อ ถ้าคุณแสดงออกมากเกินไป หากพูดในฐานะมนุษย์ด้วยกันแล้ว คุณไม่เคยให้เกียรติอีกฝั่งหนึ่งเลย คุณคิดว่าจริงไหมล่ะคะ?”ซู่หรูหลานรู้มานานแล้วว่า เฉินมู่คนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ในอดีตเฉินมู่ไม่กล้าแม้แต่จะมองดูพวกเขา เธอทำได้เพียงเลิกคิ้วและสัญญาตอบตกลงเท่านั้นทว่าตอนนี้ เฉินมู่คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะอาหารนั่นไม่สนใจใยดี แค่การบีบตะเกียบในมือก็แสดงให้เห็น
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง