“เฉิงหยวนไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน คุณยายไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” เฉินมู่กล่าวยิ้ม ๆ เฉิงหยวนมองเฉินมู่อย่างซาบซึ้ง เฉินมู่จึงเอ่ยต่อ “ฉันจะจัดการเรื่องโรงพยาบาลเอง ส่วนคุณก็ไปเก็บของที่จำเป็นมานะ”“โอเค” เฉิงหยวนพยักหน้าเฉินมู่เดินออกจากห้องผู้ป่วย แล้วโทรหาโอวจินเพื่อเล่าเหตุการณ์เบื้องต้นให้ฟังเธอพูดว่า “ฉันจะสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลของคุณยายให้ก่อน รบกวนคุณช่วยจัดการเรื่องห้องผู้ป่วยด้วยนะ”โอวจินตอบกลับมาอึ้ง ๆ “อย่าเชียวนะ ถ้าหยุนเซียวรู้เรื่องที่คุณสำรองจ่ายไปก่อน เขาเอาผมตายแน่ ๆ”เฉินมู่ “...”หลังจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาล เฉินมู่ก็เดินกลับมายังห้องผู้ป่วย ด้านคุณยายของเฉิงหยวนได้นั่งรอบนรถเข็นเรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวเธอเองก็สะพายกระเป๋าใบเล็กใบใหญ่รออยู่ในห้องเฉินมู่ส่งเอกสารทั้งหมดคืนให้เธอ พลันเอ่ย “ไปกันเถอะ!”ทว่าเฉิงหยวนกลับดึงเฉินมู่มาที่มุมห้องแล้วถามขึ้นทันที “เราจะไปไหนกันเหรอ? อำนาจตระกูลซุยค้ำฟ้าขนาดนั้น ถ้าหล่อนโกรธขึ้นมาจริง ๆ ฉันกลัวว่าคงไม่มีโรงพยาบาลไหนรับยายเข้าเป็นผู้ป่วยหรอก”เฉินมู่ยิ้มเล็กน้อย “ฉันมีเพื่อนทำงานในโรงพยาบาลเอกชน เราย้ายไปที่นั่นได้ ฉั
เฉินมู่ค่อย ๆ ดันคางของเฉิงหยวนที่กำลังเหวอขึ้นปิด แล้วพูดว่า “ฉันจะแนะนำให้รู้จักนะ นี่คือโอวจิน หรือหมอโอว”“โอวจิน นี่คือดาราสังกัดซิงอวี่มีเดีย เฉิงหยวน”เฉิงหยวนรีบดึงมือเฉินมู่อย่างเร็ว “เขาไม่ใช่หมอ!”โอวจิน “...”ดาราสาวพูดต่ออย่างลกลน “เขาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล! ฉันเคยเห็นเขาในนิตยสาร หนุ่มโสดสุดเพอร์เฟคแห่งเมืองปินไห่ เขามีตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียวนะ! แถมยังเป็นอาจารย์แพทย์ของมหาวิทยาลัยปินไห่ที่อายุน้อยที่สุดอีกด้วย!”โอนจินกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “เป็นอาจารย์แพทย์ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศต่างหาก”เฉินมู่ “...”เฉิงหยวนพูดเสียงเบาลงมาเล็กน้อย “เฉิงมู่ อย่าบอกนะว่าเขาเป็นเพื่อนของคุณ? คุณเป็นใครกันแน่?”เฉิงมู่ขมวดคิ้ว พร้อมตอบกลับว่าอย่างเหลืออด “ฉันก็เป็นเจ้านายคุณน่ะสิ สรุปว่าคุณอยากให้ยายพักรักษาตัวที่นี่ไหม?”“อยากสิ อยากสิ” เฉิงหยวนรีบตอบพลันเข็นรถคุณยายไปห้องผู้ป่วยในด้วยความดีใจเฉินมู่และโอวจินเดินตามมาข้างหลัง โอวจินแอบหัวเราะและเอ่ยแซวเฉินมู่อย่างอารมณ์ดี “หญิงแกร่งท่านนี้ คุณรับแฟนคลับมาเพิ่มเหรอ?”เฉินมู่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ต้องขอบคุณความช่วยเ
เฉินมู่พยักหน้า “คุณเข้าใจถูกแล้ว ดังนั้นยิ่งยั่วให้เธอโกรธจนไร้สติมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีกับเรา”พูดจบเฉินมู่ก็มองไปทางเฉิงหยวนด้วยความกังวล “แต่นี่หมายความว่าคุณจะต้องเจอกับการโจมตีจากโลกโซเชียลอีกครั้ง คุณ…”ดวงตาของเฉิงหยวนเปล่งประกายราวกับดวงดาว เธอยิ้มและกล่าวว่า “ฉันไม่กลัว ครั้งนี้ฉันจะไม่แพ้เธออีก!”เฉินมู่หยักหน้า แล้วพาเฉิงหยวนกลับบ้านบนถนนที่ใกล้เข้าสู่ฤดูหนาว ผู้คนสัญจรกันไม่มากนักเฉิงหยวนวิ่งตามเฉินมู่ พลันถาม “แล้วฉันต้องขายความน่าเวทนาไหม?”“ฉันจะได้กลับไปซ้อมก่อน แม้ว่าฉันเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์ แต่ฉันไม่ได้เล่นละครมานานมากแล้ว สนิมเริ่มเกาะแล้วล่ะ”“ฉันต้องร้องไห้ขนาดไหนจึงจะดูน่าสงสาร ต้องร้องไห้แบบน่าทะนุถนอม หรือร้องไห้โฮ? แล้วถ้าร้องไห้โฮจะดูปลอมไปหรือเปล่า?”เฉินมู่ตอบเสียงเรียบ “ไม่ต้องพยายามหรอก ตอนนี้คุณก็ดูน่าเวทนาพออยู่แล้ว”เฉิงหยวน “...”ดาราสาววิ่งตามเฉินมู่ไปอีกครั้ง “คุณพูดถูก สภาพฉันตอนนี้น่าเวทนามากอยู่แล้ว”ทั้งสองเดินไปตามตรอกเก่า ๆ บนถนนหยวนชาง ไม่นานเฉินมู่ก็พูดขึ้นว่า “คุณยังต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสักพัก แต่ถ้าเรื่องเกิดรุนแรงขึ้นเมื่อไหร่
เฉิงหยวนและเฉินมู่เดินผ่านประตูเข้าไป ซุยซินยี่พลันตะโกนออกมาเสียงดัง “ไม่ต้องเปลี่ยนรองเท้าหรอก เดี๋ยวฉันก็ต้องฆ่าเชื้อหลังจากที่พวกเธอไปอยู่ดี”พูดจบ ซุยซินยี่ก็สาวเท้าเดินไปยังโซฟาที่เฟิงอี้กำลังอ่านหนังสืออยู่ซุยซินยี่ซุกเข้าไปในอ้อมอกของเฟิงอี้ พลางปรายตามองเฉิงหยวนด้วยความโอหัง “เธอมาขอโทษฉันไม่ใช่เหรอ? ขอโทษซะสิ”เฉิงหยวนยังไม่ทันได้โต้ตอบ ซุยซินยี่ก็ชี้นิ้วมือที่ทาเล็บสีแดงไปที่เฉินมู่ แล้วพูดต่อว่า “เธอด้วย เธอก็ต้องขอโทษฉัน”เฉิงหยวนไม่สบอารมณ์ในทันที “เรื่องระหว่างฉันกับเธอ เฉินมู่ไม่เกี่ยวข้องด้วย”ซุยซินยี่เบะปาก “ทำไมจะไม่เกี่ยว?”หล่อนยกเท้าขึ้นก่อนกระดกไวน์เข้าปาก และพูดเสริม “เฉินมู่ เธอคิดเหรอว่าฉันจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอระรานเรื่องชิงเสวี่ยกับคุณชายลู่ไม่พอ ยังจะมาระรานฉัน ฉันเตือนไว้ก่อนเลยนะ ฉันไม่ได้อ่อนแอเหมือนชิงเสวี่ยหรอก!”เฉินมู่ยิ้มขำ “ปากของเฉินชิงเสวี่ยนี่ใช้ได้เลยนะ แค่นี้คุณก็ถูกเธอป่วนแล้ว”ซุยซินยี่แค่นเสียงเย็นชา เธอมองการแต่งกายของเฉิงหยวนด้วยสายตาเหยียดหยามตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเอ่ย “เฉิงหยวน เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าตัวเองกำลังได้เป็นเพื่อ
เฉินหยวนพยักหน้ารับ “ถูกแล้วล่ะ! ใบหน้าที่พ่อแม่ให้มา และสวยแบบธรรมชาติของฉัน ถ้าเธอทำอะไรลงไป คงจ่ายไม่ไหวหรอก ไม่เหมือนใบหน้าพลาสติกแบบเธอ ถ้าเป็นอะไรไปก็ยังพอซ่อมแซมได้!”เฉินมู่ได้ยินดังนั้นก็กลั้นขำไม่ไหวซุนซินยี่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า พร้อมกัดฟันกรอด ๆ จ้องไปที่เฉิงหยวนราวกับจะถลกหนังเธอออก! “เฉิงหยวน เธอตายแน่! คอยดูเถอะ! ฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่นอน!” เฉิงหยวนจ้องตากลับอย่างท้าทาย “ฉันจะคอยดู ถ้าฉันยังไม่ตาย ก็เท่ากับเธอไม่แน่จริง!”“กรี๊ดดดดด!!!” ซุยซินยี่เถียงต่อไปไม่ไหว จนได้แต่กรีดร้องออกมา“ออกไป! ออกไป! ออกไปให้หมด!!” พอได้ยินเสียงกรีดร้อง ฉินมู่กับเฉิงหยวนจึงหันหลังเดินออกไป แต่แล้วความคิดหนึ่งก็แว๊บเข้ามาในหัวเฉิงหยวน เธอนึกถึงคำพูดของเฉินมู่ที่บอกว่ามาเพื่อประกาศสงครามกับซุยซินยี่เกี่ยวกับเรื่องสามปีก่อนและแล้วเธอก็หันหลัง ตะโกนกลับไปอีกครั้ง “ซุยซินยี่ ไม่ว่ายังไงเธอก็คือมือที่สาม แม้ชาวเน็ตต่างพากันด่าฉัน แต่ความจริงก็คือเธอต่างหากที่เป็นมือที่สาม! ฉันจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าฉันโดนใส่ร้าย!”ซุยซินยี่ปิดประตูลงดัง “ปัง” เฉิงหยวนจึงสงบลงได้เธอยืนหายใจเข้าออกลึ
เฉิงหยวนเปลี่ยนเป็นจับมือเฉินมู่แทน แล้วเอ่ยถามกลับ “หมายถึงคนวันนี้ที่ชื่อลู่ซีเจ๋ออะไรนั่นใช่ไหม?”เฉินมู่พยักหน้าตอบ “ใช่ พวกเขาจะหมั้นกันเดือนหน้า”เฉิงหยวนถลึงตากว้าง “ฉันคิดว่าบนโลกนี้มีแต่ซุนซินยี่ที่ไร้ยางอายสะอีก คิดไม่ถึงว่า…”เธอครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็โพล่งออกมา “สองคนนี้เป็นคนประเภทเดียวกันจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกหล่อนทั้งสองถึงเป็นเพื่อนกัน!”เรื่องนี้สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของเฉิงหยวนไปไม่มากก็น้อย เธอมัวแต่สาปแช่งผู้ชายเลว ๆ ตลอดทาง หลังจากนี้เธอคงจะไม่เศร้าอีกต่อไปแล้วเฉินมู่ไปส่งเฉิงหยวนกลับบ้าน พร้อมเอ่ยกำชับไปว่า “หลังจากประกาศสงครามนี้ไปแล้ว คุณจะกลับมาปรากฏตัวในสายตาของสาธารณชนอีกครั้ง ตอนเริ่มต้นมันจะยากหน่อยนะ คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม”เฉินมู่เอ่ยอย่างเอาจริงจังเอา แต่นั่นกลับทำให้เฉิงหยวนมีความสุขมาก ดาราสาวเบิกตาคู่สวยและสดใส พลางแย้มยิ้ม “ฉันไม่กลัว เพราะฉันมีคุณคอยช่วยเหลือ”เฉินมู่พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ แล้วเอ่ยตอบ “อืม อย่างน้อยฉันก็จะไม่ทำร้ายคุณเหมือนคนอื่น” หลังจากเฉิงหยวนกล่าวอำลาเสร็จ เฉินมู่ก็ลงไปชั้นล่างเพื่อนั่งแท็กซี่กลับไปที่อ
เฉินมู่ส่ายหัว “ไม่ได้ ถ้าเป็นซุยซินยี่ที่มาสร้างปัญหาให้กับคุณ พวกเขาจะหนีไปทันทีที่รถตำรวจมาถึง และปัญหาจะไม่มีวันจบสิ้น”เฉิงหยวนเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เสียที่ไหนกันล่ะ เธอกลัวสุด ๆ “งั้น…งั้นถ้าพวกเขาบุกรุกเข้ามาจะทำยังไง?”ในที่สุดเฉินมู่ก็สวมเสื้อผ้าเสร็จ เธอหยิบกระเป๋ามาสะพายหลัง เปลี่ยนรองเท้า แล้วตอบไปว่า “ตอนนี้ฉันจะรีบขับรถไป คุณอย่าเพิ่งทำอะไรนะ นอกจากฉันแล้ว ก็ห้ามเปิดประตูให้ใครเป็นอันขาด”เฉิงหยวนรู้แล้วว่าเฉินมู่กำลังเดินทางมา เธอจึงค่อยจะโล่งใจขึ้นมาหน่อยแม้ว่าอาคารที่ปรักหักพังเล็ก ๆ ของเธอจะเป็นห้องหลังเก่า แต่ประตูกันขโมยได้รับปรับปรุงใหม่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเปิดเข้ามาได้ในชั่วขณะหนึ่งทันทีที่เฉินมู่เดินออกจากอะพาร์ตเมนต์ ท้องฟ้าข้างนอกก็ยังมืดอยู่เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาตีสามก่อนฟ้าสาง ไม่น่าแปลกใจที่เฉิงหยวนบอกว่าเธอตื่นเต็มตาเฉินมู่โทรหาถังอวี่ ผู้ที่อนุญาตให้เธอเอารถสปอร์ตมาขับ เพราะเขายุ่งจนเท้าแทบไม่ได้สัมผัสพื้นดิน ทันทีที่เชื่อมต่อโทรศัพท์ อีกฝ่ายก็ตวาดลั่น “ประสาทไปแล้วเหรอ ถึงไม่ยอมให้คนอื่นเขาหลับนอนเนี่ย!”เฉินมู่ทำ
ชายร่างใหญ่หลายคนมองไปที่เฉินมู่ เธอสวมเสื้อหนาวสีขาวแขนสั้น และสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า ดวงตายังคงฉายแววง่วงงุน อีกทั้งบนปกเสื้อยังเรียงรายไปด้วยขนห่านตัวใหญ่ แลดูน่ารักน่าชังเฉินมู่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง พลางเหยียบรองเท้าบูทมาร์ตินธรรมดา ๆ เดินเข้าไป ผมยาวที่ยุ่งเหยิง มองดูแล้วเหมือนกับว่าเธอคนนี้ตื่นนอนมาแล้วไม่ได้หวีผมอย่างใดอย่างนั้นชายร่างใหญ่มองหน้ากัน เวลาก่อนฟ้าสางตีสาม จะมีสาวน้อยที่ไหนมาเดินทอดน่องอยู่แบบนี้กัน? ชายหัวโตยืนขึ้น แล้วพูดอย่างดุดัน “มาทางไหนกลับไปทางนั้น! อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน!”เฉินมู่ถูหน้ากากของตนเองที่มีน้ำมูกไหลอยู่ภายในเบา ๆ พลางเอ่ย “แต่ประตูที่พวกนายกำลังทุบอยู่นั่น คือบ้านของเพื่อนฉันนะ”ชายคนนั้นได้ยินก็หัวเราะเยาะเย้ยเขาโยนค้อนในมือทิ้ง แล้วเดินเข้าไปใกล้ร่างบาง พร้อมพูดอย่างเริงร่า “โอ้ ฉันเคยเห็นฮีโร่ผู้กอบกู้อเมริกา แต่ยังไม่เคยเห็นใครพาตัวเองมาตายแบบนี้เลย!”“สาวน้อย เธอรู้จักฐานะทางสังคมของวงศ์ตระกูลซุยไหม? พวกที่ยั่วยุตระกูลซุยจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตที่ดีหรอก!” เฉินมู่พยักหน้า ชายร่างใหญ่จึงคิดว่าตนเองนั้นเกลี้ยกล่อมให้เธอออกไปได
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง