เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่สาขากำกับการแสดงสามารถข่มสาขาการแสดงได้! ไม่! ไม่ใช่ข่มสิ! เฉินมู่เขี่ยเฉินชิงเสวี่ยสาขาการแสดงให้ตกรอบไปต่างหาก!จางหยางส่งข้อความเข้าไปในกลุ่มวีแชท “ชนะแล้ว! พวกเราชนะแล้ว! การแสดงของพวกเราผ่านเข้ารอบ!”เฉินหยวนเชิดปากเล็กจิ้มลิ้มขึ้นอย่างภาคภูมิ “เชื่อหรือยังว่าเฉินมู่ทำได้? เธอน่ะ สุดยอดที่สุดแล้ว!”ขณะนี้ ผู้คนด้านล่างเวทีล้วนจับจ้องไปที่เฉินมู่ ราวกับพบสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยาก แต่เฉินชิงเสวี่ยกลับถูกเมินทิ้งไว้อีกด้านหนึ่งเฉินมู่เดินลงจากเวทีไปหยุดข้าง ๆ เฉินชิงเสวี่ยแล้วพูดเสียงเบา “ขอบใจเธอที่ช่วยลงทะเบียนให้ฉันนะ”เฉินชิงเสวี่ยโมโหจนตัวสั่นไปทั้งตัว พร้อมจิกเล็บเข้าเนื้อที่ฝ่ามือเธอยอมทำทุกวิถีทาง ตั้งแต่การลงทะเบียนไปจนถึงการดึงตัวถังอวี่ เธอทำอย่างรอบคอบแล้วแท้ ๆ! แต่สุดท้ายสิ่งที่เธอพยายามมาทั้งหมดกลับถูกนังเฉินมู่ช่วงชิงไป!เฉินมู่สาวเท้าเดินออกไปจากหอประชุม จางหยางจึงรีบตามออกไปแล้วถามอย่างลังเล “เฉินมู่! เฉินมู่! เธอ...เธอชอบแผ่นภาพสีอะไรเหรอ? ฉันจะไปซื้อ...”เฉินมู่ “...”ทุกคนทยอยออกจากหอประชุม เฉินชิงเสวี่ยรีบหุบยิ้มทันที พลางพูดอย่
ภายในอพาร์ทเมนท์ เฉินชิงเสวี่ยอ่านความคิดเห็นในเว็บบอร์ดแล้วโมโหจนเขวี้ยงเมาส์ทิ้งจากนั้นก็ตะโกนเสียงดังลั่น “ทั้งหมดเป็นเพราะถังอวี่! ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ถูกไล่ออกจากงานเลี้ยงหรอก!”“คนพวกนี้ตาบอดไปแล้วหรือไง? คิดจะเอาฉันไปเทียบกับนังเฉินมู่เนี่ยนะ! เฉินมู่มันเป็นนังอัปลักษณ์ชัด ๆ!” เฉินชิงเสวี่ยจับจ้องไปยังผลโหวตตลอดเวลา ในใจกลัวว่าผลคะแนนของเฉินมู่จะนำผลคะแนนของตัวเองลู่ซีเจ๋อเดินออกมาจากในห้อง พลางเหลือบมองไปยังใบหน้าเล็ก ๆ ที่กำลังโกรธเคืองของเฉินชิงเสวี่ย เสียงเข้มเริ่มเอ่ย “ก็แค่งานเลี้ยงเอง มีอะไรให้โกรธขนาดนั้นกัน?”เฉินชิงเสวี่ยรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที มือเรียวดันคอมพิวเตอร์ไปให้ลู่ซีเจ๋อแล้วพูดอย่างน้อยใจ “ซีเจ๋อ คุณดูคนพวกนี้พูดถึงฉันสิคะ!”“งานเลี้ยงนี้มันสำคัญสำหรับฉันมากจริง ๆ ฉันยกให้พี่เขาเป็นสมาชิกในกองทุนเทียนสื่อไปแล้ว หากโดนตัดสิทธิ์ในงานเลี้ยงไปอีก ฉันคงจะไม่มีที่อยู่ในมหาลัยแล้วจริง ๆ แต่พี่เขาก็ดื้อจะแย่งกับฉันให้ได้ ฉันขอร้องเธออยู่ตั้งนาน แต่เธอกลับไม่ยอมหลีกทางให้ฉัน!”ลู่ซีเจ๋อรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว คราวก่อนที่ไปต่างประเทศก็สูญเสียความร่วมมือของตระกู
เฉินมู่ดูออกทั้งหมด เฉินชิงเสวี่ยแค่อยากมาอวด อวดที่เธอแย่งลู่ซีเจ๋อไปได้ และตอนนี้เขากลายเป็นทาสแฟนที่ซื่อสัตย์ของเธอไปแล้ว!แต่น่าเสียดาย เฉินมู่ในปัจจุบันนั้นไม่ได้สนใจลู่ซีเจ๋อเลยสักนิดเฉินมู่ปัดมือของเฉินชิงเสวี่ยออก มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ย “เฉินชิงเสวี่ย ไม่มีปัญญาแต่ก็อยากจะอวด เข้าใจคำนี้ใช่ไหม?“อ๊ะ!” เฉินชิงเสวี่ยถอยตามแรงปัดของเฉินมู่ไปสองก้าว พลันร้องเสียงแหลมออกมาหนึ่งครั้งเธอแสร้งทำเป็นโศกเศร้า ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำพลางกระซิบ “พี่คะ ฉันไม่รู้ว่าตัวฉันทำผิดอะไรไปตรงไหน ถึงทำให้พี่เกลียดฉันขนาดนี้...”พอลู่ซีเจ๋อเห็นเฉินชิงเสวี่ยได้รับความไม่เป็นธรรม ก็รีบเดินเข้ามากอดปกป้องเธอไว้ในอ้อมกอดเขามองเฉินมู่อย่างรังเกียจแล้วตำหนิเสียงดัง “เฉินมู่! ที่นี่ไม่ใช่ต่างประเทศและไม่มีตระกูลคอลลินคอยปกป้องคุณ เสวี่ยเอ๋ออุตส่าห์มาชวนคุณไปทานข้าวด้วยความหวังดีแท้ ๆ ยังจะมาวางมาดอะไรอีกห๊ะ!”เฉินมู่แค่นเสียงหัวเราะ “แค่จัดการกับเฉินชิงเสวี่ย คุณคิดว่าฉันถึงขั้นต้องยืมมือคนอื่นเลยเหรอ?ให้ค่าเธอมากเกินไปแล้วมั้ง”“คุณมันไม่รู้จักดีชั่ว! คนที่ได้รับการศึกษาแบบคุณ จะไปเหมาะสมก
เมื่อเฉินมู่และจางหยางมาถึงหอประชุม ในห้องนั้นก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสจะได้เห็นการแสดงของถังอวี่แบบนี้ไม่นานก็มีการถกเถียงกันมากมายในหมู่เพื่อนร่วมชั้น “เฉินมู่ไม่น่าจะชนะได้หรอกเนอะ? เพราะถังอวี่คือผู้รอบรู้ด้านดนตรี!”“ฉันก็คิดว่าไม่น่าจะชนะได้ ถ้าเฉินมู่เก่งขนาดนั้น ทำไมถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนล่ะ”“มันพูดยากนะ! ฉันไม่กล้าเดิมพันเลย เฉินมู่เป็นคนที่คาดไม่ถึงเกินไป” นักศึกษาหญิงต่างเริ่มพากันตะโกนเชียร์เสียงดัง “รุ่นพี่ถังอวี่สู้ ๆ! พี่เก่งที่สุด!”ขณะนี้ ถังอวี่กำลังนั่งอยู่บนเวทีเพื่อปรับแต่งเครื่องดนตรี ทว่าเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องด้านล่าง ใบหน้าหล่อก็เผยยิ้มให้ผู้ชม รอยยิ้มนั้นดึงดูดนักศึกษาหญิงจำนวนมากให้คลั่งไคล้ แต่พอเห็นเฉินมู่มาถึง เขาก็ลุกขึ้นยืนและตะโกนลั่น “ฉันคิดว่าเธอจะไม่กล้ามาแล้วซะอีก!”เฉินมู่มองไปที่ไวโอลิน เชลโล่ กีตาร์และเครื่องดนตรีอื่น ๆ บนเวที แล้วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “คุณอยากใช้เครื่องดนตรีเหล่านี้แข่งกับฉันงั้นเหรอ?”ถังอวี่เลิกคิ้วขึ้น “ทำไมล่ะ เธอกลัวเหรอ?” ได้ยินแบบนั้น เฉินมู่ก็ก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างเร
เขาลงทุนสั่งคนขนเครื่องดนตรีมาที่นี่อย่างฮึกเหิม แต่กลับต้องแพ้เฉินมู่อีกแล้ว! เมื่อตอนที่เฉินชิงเสวี่ยไปขอความช่วยเหลือจากเขา เธอบอกว่าเฉินมู่ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่ทว่าเฉินมู่ที่อยู่ตรงหน้าเขากลับดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ และสิ่งนั้นมันเหยียบย่ำความภาคภูมิใจตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขาอย่างง่ายดาย ถังอวี่ไม่สบอารมณ์เอามาก ๆ!ถังอวี่หยิบมือถือออกมาแล้วส่งข้อความบางอย่าง เขาต้องกู้เอาภาพพจน์ตัวเองกลับคืนมาให้ได้! หลังจากที่เฉินมู่ออกจากหอประชุม เธอก็ตรงไปที่ประตูหลังมหาวิทยาลัย ก่อนจะเห็นรถออดี้สีดำขับเข้ามาจอดอยู่ริมถนนอย่างรวดเร็ว เฉินมู่เปิดประตูเข้าไปนั่ง พลันถาม “ทำไมจู่ ๆ ถึงมาที่นี่ล่ะ ตอนที่คุณโทรมา ฉันกำลังเล่นเปียโนอยู่ เลยไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าน่ะ”ฮั่วหยุนเซียวหยิบถุงกระดาษจากด้านหลังยื่นให้เฉินมู่ “ไม่เห็นเป็นไร อ่ะนี่ ร้านเซียวเซียงซวนทำขนมใหม่ ผมเลยเอามาให้คุณชิมดู” เมื่อเฉินมู่ได้ยินชื่อร้านเซียวเซียงซวน ร่างบางก็ยิ้มกว้างแล้วรับของมาทันที “คุณให้ฮานเฉิงเอามาให้ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาเองเลย!”“ผมยินดี” ฮั่วหยุนเซียวเอ่ยเฉินมู่เขินอายจนเหงื่อตก บอสใหญ่อย่างคุณฮั
“ใครบอกเธอเหรอว่ามันเป็นของละเมิดลิขสิทธิ์? นี่คือเมนูใหม่ของร้านเซียวเซียงซวนในเดือนนี้ เธอจะจ่ายค่าเสียหายให้ฉันยังไง?”เถียนอวี๋ถึงกับผงะ ก่อนจะหันกลับไปที่เตียงของตนเองด้วยใบหน้าที่เย่อหยิ่ง พลางทำทีเล่นโทรศัพท์และฮัมเสียงเบา ๆ “เธอบอกว่ามันมาจากร้านเซียวเซียงซวนเหรอ ใครหลงเชื่อก็บ้าแล้ว! คนอย่างเธอ คงทำทุกอย่างได้เพื่อเงินสินะ”เฉินมู่มองดูหล่อนอย่างเย็นชา “ฉันจะถามอีกครั้ง เธอจะจ่ายค่าเสียหายไหม?”การที่เฉินมู่ถามเถียนอวี๋ต่อหน้าทุกคนในหอ ไม่ได้ทำให้ความไร้ยางอายบนใบหน้าของหล่อนลดลงเลย หล่อนลุกขึ้นและจ้องไปที่เฉินมู่ทันที “ไม่จ่าย! มันก็แค่เค้กที่เสียหาย อย่าคิดว่าคนอื่นจะอ่อนต่อโลกแบบเธอนะ!”“เฉินมู่! เธอกล้าท้าทายถังอวี่ในที่สาธารณะ ฉันคงให้เธออยู่ร่วมหอพักเดียวกันกับเราไม่ได้แล้วแหละ! เธออย่ามาทำตัวจองหองไปหน่อยเลย!”สายตาของเฉินมู่เย็นชาและน่ากลัวกว่าเดิม มือเรียวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรหาฮั่วหยุนเซียวทันควัน “คุณออกไปไกลหรือยัง?”ฮั่วหยุนเซียวโบกมือให้ฮานเฉิงหยุดรถ พลางถาม “ยัง เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”“ขนมของฉันโดนเพื่อนร่วมห้องทำลาย ช่วยส่งบิลมาให้ฉันหน่อยได้ไหม” เ
เฉินมู่เคาะโต๊ะ พลางเบือนหน้ามองไปยังดวงตาที่โกรธเคืองของเถียนอวี๋ จากนั้นก็ขบริมฝีปากของตนเอง และพูดว่า “ไม่ต้องหรอกคะ ฉันขออยู่ที่นี่ดีกว่า”“โอเคครับ งั้นผมกลับก่อนนะ แล้วเจอกันครับ” ฮานเฉิงกล่าวอำลาเฉินมู่อย่างเคารพ แล้วเดินออกจากหอพักไป ทันทีที่ฮานเฉิงจากไป คนอื่น ๆ ที่มุ่งดูเหตุการณ์เมื่อครู่ก็มารวมตัวกันทันที สาว ๆ ต่างจ้องดูกองเอกสารบนโต๊ะและซุบซิบไม่หยุด “เฉินมู่ เธอเป็นสมาชิกของเซียวเซียงซวนจริง ๆ เหรอ! ฉันไม่เคยเห็นเมนูผลิตภัณฑ์ใหม่นี้มาก่อนเลย! แล้วนี่ก็เป็นการ์ดขอโทษจริง ๆ เธอค่อนข้างมีสถานะทางสังคมที่ดีเลยนะเนี่ย!”เฉินมู่ไม่ตอบ แต่เดิมเธอโกรธเพราะเค้กที่ฮั่วหยุนเซียวมอบให้ถูกทำลายแต่ตอนนี้บิลของร้านเซียวเซียงซวนได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติของเพื่อนร่วมห้องเธออย่างมาก และเธอก็ไม่แพ้ อย่างไรก็ตาม เธอสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ของตัวเองต่อไปได้ โดยการใช้ชีวิตในหอพักอย่างเงียบ ๆ อย่างที่หวังไว้ แต่ทว่าเถียนอวี๋คงไม่คิดแบบนั้น เธอจ้องมองไปที่เพื่อนร่วมห้องของตัวเอง จากนั้นก็จ้องไปที่เฉินมู่ เธออยากเห็นภาพแบบนี้เสียที่ไหนกันล่ะ เฉินมู่ทำให้เธอละอายใจ! อีกทั้งยังอายเรื่องรุ่นพี่ถัง
เฉินมู่มองไปที่เฉินชิงเสวี่ยซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางโซฟา ใบหน้างดงามนั่นเหยียดยิ้มให้เฉินมู่เฉินมู่รู้ว่านี่ไม่ใช่งานปาร์ตี้ธรรมดา แต่เป็นเฉินชิงเสวี่ยที่จัดงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ขึ้นเพื่อลอบกัดเธอ! ครอบครัวของเถียนอวี๋เป็นเพียงชนชั้นกลางธรรมดา ไม่สามารถจัดงานเลี้ยงใหญ่ขนาดนี้ได้ แต่เฉินชิงเสวี่ยทำได้ หากเฉินชิงเสวี่ยไม่อยู่ที่นั่น เถียนอวี๋จะไม่กล้าท้าทายเฉินมู่ในที่สาธารณะเช่นนี้เฉินมู่ยิ้มแล้วถามกลับ “เฉินชิงเสวี่ย พูดมาสิ เมื่อไหร่จะปล่อยเฉินหยวนไป”เฉินชิงเสวี่ยยืดผมของตนเองให้ตรง พลางเอ่ย “ใครคือเฉินหยวนเหรอ ฉันไม่รู้จัก แล้วฉันจะปล่อยหล่อนไปได้ยังไงล่ะ?”เฉินหยวนบีบมือเฉินมู่ในทันที “เฉินมู่! เรารีบไปกันเถอะ! อย่าเอาชีวิตเธอมาแลกกับฉันเลย!"เฉินมู่ยิ้มตอบ “เมื่อกี้ยังกลัวจนตัวสั่นไม่ใช่เหรอ?”เฉินหยวนกัดฟันแน่น “ใช่ ตอนนี้ฉันกลัวมาก! แต่ฉันทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียวไม่ได้หรอก!”เฉินมู่ใช้บีบมือเพื่อนกลับอย่างปลอบโยน “ไม่ต้องกังวลนะ มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”ทันทีที่เสียงเงียบไป เถียนอวี๋ก็โยนถ้วยลูกเต๋าออกมา “หยุดพูดเรื่องไร้สาระ มาเริ่มกันเถอะ ต้องดื่มให้หมดแก้ว ใครอ้วกก่อนคนนั
ฮั่วหยุนเซียวไม่รู้ว่าควรจะสงสารสาวน้อยตรงหน้าดี หรือควรจะภูมิใจในความหนักแน่นในสถานการณ์ที่อันตรายของเธอดีเขายกมือพร้อมขมวดคิ้ว “ฮานเฉิง จัดการให้เรียบร้อย”“ครับ บอส”ฮานเฉิงยกโทรศัพย์อยู่หลายสาย และแล้วนักข่าวที่สมควรจะอยู่ที่นี่ต่อ กลับแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็วเฉิงหยวนกระพริบตา “ทำไมพวกเขาไปกันหมดแล้วล่ะ?”เมื่อฝูงชนสลายตัว สายตาเฉินมู่ก็สะดุดเข้ากับรถเบนท์ลีย์หรูที่จอดอยู่ข้างทาง“ปีศาจร้ายปรากฎตัวแล้ว” เธอกล่าวเฉิงหยวนถือถุงขนมของตัวเองตามไปและถามต่อ “อะไรนะ?”เฉินมู่ช่วยถือของในมือเธอ แล้วพูดว่า “ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนแล้วกัน”ใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูหนาว สองสาวพูดคุยถึงเรื่องในอนาคต และรถหรูระดับโลกอย่างเบนท์ลีย์คันนั้นก็ขับตามหลังมาอย่างช้า ๆฮานเฉิงถามอย่างสุขุม “บอสครับ พวกเราจะขับช้าขนาดนี้จริงเหรอครับ?”ฮั่วหยุนเซียวมองแผ่นหลังหญิงสาวตรงหน้าอย่างสนใจ แล้วพยักหน้า “ขับช้ากว่านี้”ฮานเฉิง “...”เมื่อเดินมาถึงใต้อาคาร เฉินมู่ก็พูดว่า “คุณไปเก็บของให้เรียบร้อยแล้วเราไปโรงพยาบาลกัน”เฉิงหยวนปัดมือไปมา “ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน พวกเขาแค่ขว้างปาผักมาขู่ฉัน
เธอลงจากรถแล้วเห็นเฉิงหยวนที่ถูกฝูงชนล้อมเอาไว้ เหมือนแมวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ และไม่มีที่ซ่อนตัวเธอวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไป แล้วดึงเฉิงหยวนเข้ามายังอ้อมอก พร้อมถามอย่างกังวลว่า “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”เมื่อเฉิงหยวนเห็นเฉินมู่ ก็ถึงกลับปล่อยโฮออกมาเธอยื่นมือไปปัดเศษผักบนตัวของเฉินมู่ออกให้ พร้อมส่ายหัว “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”เฉินมู่ประคองเธอให้ลุกขึ้น และแล้วไข่ไก่ฟองหนึ่งก็ลอยมา แต่เฉินมู่ยกมือขึ้นรับไว้ได้อย่างแม่นยํา“แกร๊ก” ไข่ไก่ในมือถูกบดขยี้จนแหลก และไข่ไก่เหลว ๆ ก็ไหลลงมาตามข้อมือของเธอ แววตาอันโหดเหี้ยมของเฉินมู่ทำให้ฝูงชนและนักข่าวต่างค่อย ๆ สงบลงเธอพูดกับหน้ากล้องที่ใกล้ที่สุด ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “จรรยาบรรณของนักข่าวคือการนำเสนอความเป็นจริง หวังว่าสื่อมวลชนทุกคนจะตระหนักข้อนี้ไว้หน่อย”พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ความจริงก็คือเฉิงหยวนเป็นมือที่สาม! คนทั้งโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!”“ใช่ ๆ คุณเป็นใคร! ทำไมถึงได้แก้ตัวแทนเฉิงหยวน!”เฉินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น “เธอไม่ใช่มือที่สาม หวังว่าหลังจากวันที่ความจริงกระจ่างแล้ว ทุกคนในที่นี้ต้องขอโทษต่อการกระทำที่ทำต่อเฉิงหยวน”จ
เฉินมู่ซบอยู่ในอ้อมกอดลู่ซีเจ๋อพร้อมเช็ดน้ำตาด้วยท่าทีน้อยใจ “พี่คะ พี่เชื่อฉันสักครั้งเถอะ…”ลู่ซีเจ๋อหมดความอดทนกับเฉินมู่อย่างสิ้นเชิง เขาตะโกนอย่างเหลืออดว่า “ออกไป! ไสหัวออกไป!”เฉินมู่มองท่าทีที่ปวดใจของลู่ซีเจ๋อ แล้วถอนหายใจ “ลู่ซีเจ๋อ คุณ…”ลู่ซีเจ๋อมองหน้าเธอด้วยความโกรธเคืองเฉินมู่จึงได้เงียบลง พลางคิดว่าทำไมต้องปริปากพูดคำนี้ทั้ง ๆ ที่่ก่อนหน้านี้เธองัดหลักฐานเป็นร้อย ๆ อย่างเพื่อให้เห็นถึงจิตใจอันโหดเหี้ยมของเฉินชิงเสวี่ย แต่ลู่ซีเจ๋อก็มองไม่เห็นเธอจะเกลี้ยกล่อมเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แถมยังต้องถูกเฉินชิงเสวี่ยตอกกลับว่าเธออิจฉา“คุณคิดจะพูดอะไรอีก?” ลู่ซีเจ๋อมองเธอด้วยโกรธเคืองเฉินมู่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว แต่มีอะไรอยากจะบอกคู่หมั้นสุดที่รักของคุณหน่อย”เฉินชิงเสวี่ยมองเฉินมู่ด้วยสายตาที่หวาดกลัว “พี่มีอะไรอยากให้ฉันช่วยคะ...”เฉินมู่หัวเราะ แล้วพูดว่า “รบกวนเธอฝากบอกซุยซินยี่กับเฉินชิงโหรวด้วยนะ ว่าเฉิงหยวนจะกลับเข้าสู่วงการบันเทิงเร็ว ๆ นี้”เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองเฉินมู่อย่างปวดใจ พลันเอ่ย “พี่คะ เฉิงหยวนเป็นมือที่สาม ทำไมพี่ยังจะคบหากับคนแบบนั้นอยู่อีก?”
แผลเป็นที่หน้าเกลียดน่ากลัวเหมือนตัวหนอนเกาะอยู่บนใบหน้า แถมยังมีรอยแดง ๆ อยู่รอบ ๆ เฉินชิงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งใจ แผลเป็นยังอยู่!ตอนที่กำลังลองชุดคราวก่อน เธอได้ข่าวว่าเฉินมู่กำลังรักษารอยแผลพวกนี้ มันทำเธอทุรนทุรายไปหลายวันเธอกลัวว่าเฉินมู่จะรักษาร่อยรอยแผลบนใบหน้าจนหายดี เพราะหากใบหน้านี้หายดีแล้ว มันจะกลับมาทำให้ชาวเมืองปินไห่ตกตะลึงอีกครั้ง เฉินชิงเสวี่ยหัวเราะอย่างโล่งใจ แถมยังเย้ยหยันเฉินมู่ต่อว่า “ได้ยินว่าเธอไปรักษาใบหน้า ทำไมยังเป็นแบบนี้อยู่ล่ะ?”เธอชี้ไปยังใบหน้าของเฉินมู่ พร้อมหัวเราะเยาะเย้ย “เธอดูไม่ออกเหรอว่ามันอาการหนักกว่าเมื่อก่อนอีกน่ะ?”“เฉินมู่ อย่าพยายามต่อไปเลย หน้าของเธอยังไงก็รักษาไม่หายหรอก เธอต้องแบกหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลแบบนี้ไปตลอดชีวิต เธอจะถูกผู้คนหัวเราะเยาะตลอดเวลา และถูกทอดทิ้งตลอดไป”เฉินมู่ง้างมือขึ้นแล้วกระแทกไปที่ใบหน้าของคนเจ็บอย่างแรง ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยหันไปตามเสียงดัง “เพี๊ยะ”เฉินชิงเสวี่ยโดนตบจนโกรธมาก เธอจ้องมองเฉินมู่ด้วยความเคียดแค้น “สมควร ใครให้เธออยู่เป็นหนามยอกอกในตระกูลเฉิน เธอควรตายไปพร้อมกับแม่ของเธอตั้งนานแล้ว!”
“นี่คุณ!” ลู่ซีเจ๋อถูกเฉินมู่ปั่นหัวจนออกอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่ทั้งป่าเถื่อนและชั่วร้ายอย่างเธอมาก่อนเฉินชิงเสวี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอก พี่สาวก็แค่ล้อเล่น คุณไปเถอะ”เฉินชิงเสวี่ยออดอ้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอยากจะทานของหวานหน้าโรงพยาบาล ลู่ซีเจ๋อจึงได้แต่ทำตามคู่หมั้น แต่ก่อนเดินออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่เฉินมู่อีกหนึ่งทีทันทีที่เขาเดินออกไป เฉินมู่ก็ขมวดคิ้วมองไปทางร่างบนเตียงอย่างเร็ว “เหลือเราแค่สองคนแล้ว มีอะไรอยากพูดไม่ใช่เหรอ?”ครั้งแรกเฉินลี่ซานสั่งให้เธอมาที่นี่ ครั้งที่สองลู่ซีเจ๋อก็พาเธอมาด้วยตัวเองอีกหนึ่งครั้ง เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนทั้งหมดให้เฉินมู่มาที่นี่ ไม่รู้ว่าเธอจะมีแผนการอะไรอีกเฉินชิงเสวี่ยเปลี่ยนสีหน้าในทันที ใบหน้าอ่อนหวานเมื่อสักครู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเธอมองหน้าเฉินมู่อย่างหงุดหงิด พร้อมพูดว่า “เธออย่ายุ่งเรื่องของตระกูลซุย!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนถามว่า “ทำไมเหรอ? ตระกูลซุยทำไมเหรอ?”เฉินชิงเสวี่ยพูดตรง ๆ ว่า “ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี ตระกูลซุยกับตระกูลเราทำธุรกิจร่วมกันมา ถ้าเธอทำงานแต่งซินยี่
เฉินมู่ยักไหล่เล็กน้อย “ถึงฉันจะทำร้ายเธอจนตาย ฉันก็จะไม่รู้สึกผิด”ลู่ซีเจ๋อขมวดคิ้ว “เฉินมู่ คุณทำร้ายเสวี่ยเอ๋อถึงขั้นนั้น เธอยังไม่ถือโทษโกรธ แค่บอกให้คุณอย่าเข้าไปยุ่งกับตระกูลซุย แค่คุณไปเยี่ยมเธอบ้าง มันยากนักหรือไง?”เธอหัวเราะเยาะเล็กน้อย “แค่เธอบอกว่าไม่ถือโทษโกรธฉัน คุณก็เชื่อเหรอ? ลู่ซีเจ๋อ ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าในสมองคุณมันมีรอยหยักบ้างไหม”ลู่ซีเจ๋ออึ้งไปสักพัก เขาไม่ใช่คนที่ทะเลาะวิวาทกับใครบ่อย ๆ ร่างสูงลากเฉินมู่ไปเรื่อย ๆ แล้วพูดว่า “ไปโรงพยาบาลกับผม!”ช่วงเวลาเลิกเรียนนักศึกษาทุกคนเดินลงจากอาคาร ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตรงนั้น และแล้วทั้งสองก็เริ่มตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนเฉินมู่ไม่อยากตกเป็นประเด็นของคนทั้งมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ จึงสะบัดมือออกอย่างจำใจและตอบว่า “ปล่อย ฉันเดินเองได้”ลู่ซีเจ๋อปล่อยมือเธอ เฉินหยวนจึงรีบวิ่งมาดึงแขนเฉินมู่ไว้ “ฉันไปเป็นเพื่อนนะ”เฉินมู่แตะมือเธอเบา ๆ “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก เธอกลับหอพักไปก่อนเถอะ”เฉินหยวนพูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง “งั้นเธอต้องระวังตัวนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นต้องรีบโทรหาฉันนะ หรือไม่ก็… โทรหาตัวรวจเลย!”เฉินหยวนหัวเ
เช้าวันถัดมา เฉินมู่ไปมหาวิทยาลัยตามปกติเรื่องของเฉิงหยวนยังเป็นที่กล่าวถึงบนโลกโซเชียล ซุยซินยี่ยอมจ่ายให้กับคอมเมนท์พวกนี้ไม่น้อยเลยจริง ๆแต่เฉินมู่ยังต้องกลับไปเรียน ถึงแม้ว่าชาวเน็ตจะยังพากันด่าทอดาราในสังกัดของเธอก็ตามทันทีที่เดินเข้าห้องเรียน เฉินหยวนก็โบกมือเรียก “เฉินมู่ ฉันจองที่ตรงนี้ไว้ให้เธอ”เฉินมู่สาวเท้าเข้าไปพร้อมกระเป๋านักเรียน พลางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”จางหยางที่นั่งโต๊ะด้านหน้าก็ยื่นกาแฟกับพร้อมแซนด์วิชให้ “อาหารเช้าของเธอ”เฉินมู่พูดด้วยความปลาบปลื้มใจ “ทำไมพวกเธอดีกับฉันจังเลย?”จางหยางส่ายหัวอย่างเคอะเขิน แล้วตอบว่า “แต่ก่อนฉันไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอ เพราะฉะนั้นตอนนี้ฉันจะแก้ตัว” ตั้งแต่ที่เธอทำให้ผู้คนเกิดความประทับใจในคืนงานเลี้ยงปีใหม่ ทุกคนในชั้นเรียนก็หันมาดีกับเธอเฉินหยวนรีบวิ่งเข้ามาซุบซิบ “เธอเห็นหรือยังว่าข่าวเฉิงหยวนในเน็ตกลับมาฉาวอีกแล้วนะ?”เฉินมู่รับอาหารเข้ากัดไปหนึ่งคำ ก่อนพยักหน้าตอบ “เห็นแล้ว”เฉินหยวนรีบโต้ตอบทันที “เฉินมู่ ฉันเห็นเธอสนิทกับหล่อน หล่อนไม่ใช่คนดีนะ!”เฉินมู่หัวเราะ ก่อนตอบว่า “หล่อนเป็นคนดีมาก แล้วต่อไปเธอจะรู้เอง
แค่คําเดียว ทำให้มุมปากของฮั่วหยุนเซียวกระตุกยกโค้งราวไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มไว้ได้เขาแตะมือไปที่ใบหน้าของเฉินมู่ พลางเรียกอย่างอ่อนโยนว่า “มู่มู่”เฉินมู่ลุกขึ้นนั่งอย่างสะลึมสะลือ แล้วถาม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ ตอนนี้กี่โมงแล้ว แล้วคุณทานข้าวหรือยัง?”แม้ว่าเธอไม่ได้งดงามเหมือนเหล่าคนมีชื่อเสียง แต่ก็แฝงด้วยความอ่อนหวานอยู่บ้างฮั่วหยุนเซียวไม่เคยรู้สึกว่า คําว่าเฉินมู่คํานี้จะอบอุ่นและน่าหลงใหลเช่นนี้มาก่อนหญิงสาวที่เขาสนใจนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีกำลังงัวเงียผมเผ้ายุ่งเหยิงสามคำถามต่อเนื่องนั้นดึงเขาออกจากภวังค์และเข้าสู่ความเป็นจริง แต่เขาไม่มีทางเลือก และทำตามอย่างเต็มใจเฉินมู่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น ดวงตาค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ถ้าอยู่ในความสงบเมื่อไหร่เธอพร้อมจะหลับทันที“อืม…” จู่ ๆ ความเย็นก็เข้ามากระทบริมฝีปาก สมองเฉินมู่รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันทีสมองของเธอเริ่มประมวลผล พลันฝืนลืมตาขึ้น และเลียริมฝีปากตามสัญชาตญาณเธอมองเข้าไปในสายตาลึกลับของชายตรงหน้า ก่อนถามอย่างงุนงงว่า “อะไรเหรอ?”ปลายลิ้นของฮั่วหยุนเซียวไล่เลียตรงริมฝีปากล่างของตน รา
เมื่อทุกคนออกไป เฉิงหยวนก็ยังคงเกาะแขนของเฉินมู่ด้วยร่างกายอันสั่นอยู่อย่างนั้นเฉินมู่แตะมือเธอ พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะ ฉันจะคอยปกป้องคุณเอง”เฉิงหยวนพยักหน้า “ฉันเชื่อคุณ แต่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมคนร้ายแบบพวกนั้น ถึงได้กล้ากล่าวหาเหยื่อแบบนี้”ผู้อำนวยการหยางวิ่งเข้ามาถามอย่างรีบร้อน “ผู้อำนวยการเฉินบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ? ผมพยายามห้ามคุณหนูซุยแล้ว แต่…”เฉินมู่ปัดมือไปมา พลางบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ผู้อำนวยการหยางไม่ต้องกังวล นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา”เธอมองร่องรอยความเสียหายของข้าวของบนพื้น แล้วพูดต่อ “พวกเธอทำอะไรเสียหายบ้าง ลิสต์ให้ฉันด้วยนะ”ผู้อำนวยการหยางรีบยกปัดไม้ปัดมือปฎิเสธอย่างเร็ว “ไม่ได้ ๆ จะให้ผู้อำนวยการเฉินชดใช้ได้อย่างไร?” เฉินมู่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ใครบอกว่าฉันจะเป็นคนชดใช้ค่าเสียหาย? คุณหยางจัดการลิสต์รายการของที่เสียหายมาก็พอค่ะ”ผู้อำนวยการหยางก็ไม่รู้ว่าเฉินมู่คิดจะมาไม้ไหน จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้นเฉิงหยวนกระแอมเล็กน้อย แล้วถามด้วยความระมัดระวังว่า “คงไม่ใช่ให้ฉันชดใช้ค่าเสียหายหรอกนะ?”“หึหึ” เฉินมู่ยิ้ม “ไม่ใช่ คนที่ลงมือทำลายข้าวของต่าง