คืนนั้น ตอนที่เฉียวสือเนี่ยนกลับมาถึงยังคอนโดหมิงเยว่ เธอก็ได้พบกับฮั่วเยี่ยนฉือที่ลานจอดรถพอดีทั้งสองคนเดินไปที่ลิฟต์ด้วยกันขณะเดินเข้าลิฟท์ เฉียวสือเนี่ยนก็ได้กลิ่นน้ำหอมอันคุ้นเคยจากเสื้อนอกของฮั่วเยี่ยนฉือได้อย่างชัดเจน เพราะเธอเป็นคนปรุงกลิ่นนั้นให้หลีซูเหยียนด้วยตัวเองดังนั้นเมื่อตอนบ่ายฮั่
เฉียวสือเนี่ยนจ้องหน้าซ่งม่าน “ไม่ได้ เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกกระอักกระอ่วนมาก”ซ่งม่านกอดหัวไหล่ของตัวเองเอาไว้แน่น “ได้ ๆ ฉันไม่จับคู่พวกเธอแล้วก็ได้ เธอรีบปล่อยฉันเถอะ เธอทำแบบนี้ฉันตกใจนะ”“...” เฉียวสือเนี่ยนปล่อยซ่งม่านซ่งม่านยังคงรู้สึกว่ายอมรับความวางอำนาจอย่างกะทันหันของเฉียวสือเนี่ยนไม่ค่อย
เฉียวสือเนี่ยนก็ยิ้มเช่นกัน “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่คิดว่าหากมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นที่งานปาร์ตี้ค็อกเทล คุณสามารถช่วยฉันพูดสักหน่อย เพราะฉันกลัวว่าถ้าฉันตัวคนเดียว ก็อาจจะไม่มีใครเชื่อฉัน”ซ่งชิงชวนพูดปลอบใจเธออีกครั้ง “สือเนี่ยน อย่าคิดว่าเรื่องราวมันจะเลวร้ายขนาดนั้นสิครับ และไม่
“เรื่องความสำเร็จของหล่อน ฉันไม่ค่อยรู้หรอก แต่ใบหน้านี้ก็สวยได้มาตรฐานจริง ๆ” คนที่ถูกเรียกว่าพี่หัวแสดงความคิดเห็นออกมาเช่นนี้“ผู้หญิงสมัยนี้ช่างเก่งกล้าสามารถกันเหลือเกิน พวกเธอล้วนรู้จักหาจุดเด่นของตัวเอง และใช้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่ คนรุ่นเราเทียบไม่ได้เลยล่ะ” คุณนายอีกคนหนึ่งพูดด้วยท่าทาง
แม้ว่าตอนนี้ฮั่วเยี่ยนฉือจะถูกสั่งให้ “ประจำการ” อยู่ที่ป๋อโจว แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาอย่างไรเสียเขาก็เป็นลูกหลานของตระกูลฮั่ว และเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของฮั่ว กรุ๊ป ต่อให้เขาต้องมาทำงานที่ป๋อโจว ก็จะถูกคนมองว่านี่เป็นเพียงการทดสอบเท่านั้นทุกคนต่างรู้กันดีว่าต่อไปฮั่ว กรุ๊ปก็จะตกเป็นของฮั่วเย
เหล่าผู้บริหารระดับสูงจึงพากันก้มศีรษะขอโทษด้วยเหตุนี้เฉียวสือเนี่ยนจึงเผยรอยยิ้มอันเย้ยหยันที่มุมปากออกมาหลีซูเหยียนจงใจสั่งให้ลูกน้องกล่าวถึงเรื่องนี้ เป็นไปได้สูงว่าเธออยากใช้โอกาสนี้ทำให้ทุกคนได้รู้ว่าฮั่วเยี่ยนฉือกับเธอหลีซูเหยียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาแต่ตอนนี้เธอได้เห็นแล้วว่าฮั่วเยี่ยน
เฉียวสือเนี่ยนล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น บนใบหน้าและเนื้อตัวก็เปื้อนเปรอะไปด้วยไวน์แดงหยดไวน์แดงไหลลงไปตามแก้มของเธอจรดชุดราตรีของเธอ และยังมีไวน์จำนวนไม่น้อยที่กระเด็นไปถูกปอยผมของเธอ ผมหน้าม้าที่เปียกโชกแนบติดกับหน้าผากของเธอ ทำให้เธอดูอ่อนแอและบอบบางเหลือคณาและดูเหมือนว่าเฉียวสือเนี่ยนจะตกใจมาก ดวงตา
“คุณท่านหลี ฉันพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เพราะฉันกับคุณหลีพูดกันคนละอย่าง ไม่มีใครช่วยตัดสินความได้หรอกค่ะ”เฉียวสือเนี่ยนเงยหน้ามองห้องโถงใหญ่เล็กน้อย “ที่นี่มีกล้องวงจรปิดอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ ไม่งั้นคุณให้คนไปเปิดดูกล้องวงจรปิดก็ได้นะคะ แบบนี้เรื่องราวจะได้กระจ่างในทันทีด้วยค่ะ”เมื่อได้ยินดั
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั