ฮั่วเยี่ยนฉือเดาความคิดของเธอออก เขาบีบคางเธอ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังไม่ออกว่าจะดีหรือจะร้าย “ถ้าฉันอารมณ์ดี อาจจะทำงานเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่แน่ว่าอาจจะใช้เวลาไม่ถึงเดือนก็จัดการเรียบร้อยแล้วก็ได้”เฉียวสือเนี่ยนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ต้องทำยังไงคุณถึงจะอารมณ์ดี?”ฝ่ามือของฮั่วเยี่ยนฉือที่โอบอยู่
คงกลัวว่าจะทำให้เธอตื่นเลยไม่ได้ทำแรงอะไร เลยเป็นรองแดงที่สีอ่อนกว่าสตอเบอร์รี่อยู่เล็กน้อยดูท่าฟู่เถียนเถียนจะเดาได้ถูกต้อง อีตาคนน่าตายฮั่วเยี่ยนฉือนั่น แอบเอาเปรียบเธอมาตลอดตอนที่เธอหลับอยู่บนเก้าอี้เลาจน์ แล้วต่อมาไปนอนหลับอยู่บนเตียงทั้งสองครั้งนั่น เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นฝีมือของเขาแน่ ๆร่างก
โทนเสียงรุนแรงที่ระบายความโกรธของเฉียวสือเนี่ยน ทำให้ฮั่วเยี่ยนฉือทำสีหน้าระแวงเขาเลิกคิ้วขึ้น “เธอวางจะแผนฆ่าสามีงั้นหรอ?”เฉียวสือเนี่ยนสงสัยฮั่วเยี่ยนฉือไปครู่หนึ่งว่าเขาแกล้งทำเป็นไขสือหรือเปล่า ไม่อย่างงั้น เขาเป็นไข้ขนาดนี้แล้วยังคิดแบบนี้ได้อีก“ใช่ ฉันจะฆ่าคุณ ฉันจะได้สืบทอดสืบทดทรรัพย์สินข
เฉียวสือเนี่ยนก้มศีรษะลงอย่างพูดไม่ออก พบว่ากระดุมชุดนอนสองเม็ดบนของเธอหลุดออก เผยให้เห็นชุดชั้นในที่อยู่ข้างในใบหน้าของเฉียวสือเนี่ยนเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอปิดหน้าอกและถอยกลับเข้าไปในห้องเมื่อคืนตอนเธอเข้านอน ชุดนอนของเธอก็ยังอยู่สภาพดีชัด ๆ แล้วทำไมตอนตื่นถึงได้หลุดกันหล่ะ?ชุดนอนของเธอมีสไตล์ธรรมด
เมื่อจางเทียนเฉิงเห็นฮั่วเยี่ยนฉือและเฉียวสือเนี่ยนกอดกันอย่างใกล้ชิด เขาก็ตกตะลึงไปทันทีแต่วินาทีต่อมา เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว และรีบเลื่อนสายตาขึ้นมา“ใช่ เหมือนยุงจะบินเข้าตาผม ผมไม่เห็นอะไรเลย หมอน่าจะยังไปได้ไม่ไกล ท่านประธานฮั่ว ผมตามเขาไปก่อนนะครับ!”พูดจบ โมเทียนเฉิงก็รีบหนีไปหมือนกับกระต่
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เฉียวสือเนี่ยนก็ไม่แปลกใจ เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ดี” พูดจบ เฉียวสือเนี่ยนก็เข้าไปในห้องไม่นานเธอก็เดินออกมากพร้อมกับเอกสารสองฉบับอยู่ในมือฮั่วเยี่ยนฉือรู้ดีอยู่แล้วว่ามันคืออะไร เขาขมวดคิ้ว “เฉียวสือเนี่ยน เป็นเพราะฉันที่คืนนั้นพูดไม่ชัดเจน หรือว่าเธอคิดว่าไม่กี่วันมานี้ฉันละเลย
เฉียวสือเนี่ยนเลือกห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ในประเทศ M ที่นี่เป็นสวรรค์แห่งการชอปปิง ที่นี่เต็มไปด้วยเครื่องประดับและกระเป๋าแบรนด์หรูทุกแบรนด์ เฉียวสือเนี่ยนตาลายไปหมดเธอเลือกชุด รองเท้า และกระเป๋าที่ทันสมัยให้สำหรับตัวเอง และนึกขึ้นได้ว่าฟู่เทียนเทียนชื่นชอบสกินแคร์ ก็เลยหยิบให้เธออีกส
เฉียวสือเนี่ยนทนทรมานจากการที่ต้องยืนด้วยขาข้างเดียว เมื่อโม่ซิวหย่วนตบไหล่ของเธอ เธอจึงไม่สามารถยืนต่อไปได้ ก่อนที่จะได้บ่นออกมา ร่างกายของเธอก็เอนไปด้านข้างแล้วล้มลง!โชคดีที่โม่ซิวหย่วนไม่ลังเลที่จะมาทางด้านหลัง และโอบที่ไหล่ของเธอได้ทันเวลา“นั่นคุณกำลังทำอะไรน่ะ!”ในขณะที่ร่างของเฉียวสือเนี่ยนก
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั