บทที่ 22 แข่งกันอย่างลูกผู้ชายฮุ่ยเจินยืนถือผักเต็มไม้เต็มมือยืนอยู่หน้าเรือน เสี่ยวลี่เหมยเดินมาใกล้ถึงก็ต้องหยุดเดินพร้อมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อไม่แสดงให้เขาเห็นว่าตัวเองนั้นดีใจแค่ไหนที่เขามาเยือน"ฟู่! หายใจเขาลึกๆ ทำไมฉันต้องใจเต้นแรงด้วยนะ ไหนบอกว่าไม่ขอมีความรักทำไมหัวใจต้องสั่นไหวกับคุณชายฮุ่ยเจินด้วยนะ ยัยเสี่ยวลี่เหมยจำใส่ใจเอาไว้ว่าที่เธอต้องมาอยู่ที่นี่เพราะอะไร " เสี่ยวลี่เหมยตบหน้าตัวเองเบา ๆ ไปมาเพื่อเตือนสติตัวเองก่อนจะเดินมาหาฮุ่ยเจิน"คุณชายฮุ่ยเจินมาหาข้าหรือเจ้าคะ ""พอดีเมื่อคืนข้านอนไม่หลับเอาแต่เฝ้าคิดถึงใบหน้าของท่าน เลยคิดว่าเมื่อไหร่ที่ท้องฟ้าสว่างจะรีบมาหานะขอรับ" ท่าทางเขินอายใบหน้าแดงระเรื่อจนถึงใบหูของฮุ่ยเจินช่างราวกับชายที่มีรักแรก เสี่ยวลี่เหมยบีบมือตนเองไว้ไม่ให้หวั่นไหวในคำพูดคำจาหวาน ๆ นี้ นางมองไปเห็นตะกร้าที่เต็มไปด้วยผักจึงพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย"ว่าแต่ตะกร้าผักนั่นคืออันใดหรือเจ้าคะ""ข้าจะมาหาท่านด้วยมือเปล่าก็กระไรจึงนำผักที่เรือนของข้าปลูกไว้มาแบ่งให้ท่านนำไปทำอาหารขอรับ""ขอบคุณน้ำใจของคุณชายฮุ่ยเจินนะเจ้าคะ เข้ามาในเรือนก่อนเถอะเจ้าค่ะ ว่าแต่
บทที่ 23 แข่งเอาใจ"ข้ามาแล้ว เราออกเดินทางกันเถอะ" เสี่ยวลี่เหมยเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ให้ดูทะมัดทะแมงในการท่องเที่ยวนางให้สาวใช้รออยู่ที่เรือนโดยไม่ต้องตามออกไป"คุณหนูลู่เพ่ยท่านรู้หรือไม่ว่ารอยยิ้มของท่านช่างทำให้โลกสดใสน่าอยู่ยิ่งนัก หากข้าได้เห็นรอยยิ้มของท่านในทุกวันคงจะดีไม่น้อย " ฮุ่ยเจินเอ่ยขึ้นเมื่อเสี่ยวลี่เหมยเดินเข้ามาใกล้ ๆ ทำเอานางคิ้วขมวดเข้าหากันเหตุใดจู่ ๆ ถึงเอ่ยวาจาเช่นนี้"เจ้าคงไม่โชคดีทุกวันอย่างนั้นหรอกเพราะผู้ที่จะได้เห็นรอยยิ้มนี้มีเพียงข้าเท่านั้น รีบไปกันเถอะหากชักช้าจะร้อนเอาได้ " เสี่ยวลี่เหมยมึนงงในคำพูดของทั้งคู่แต่ไม่ทันได้คิดอะไรก็ถูกเจียวหั่วจับมือให้เดินตามเขาไปโดยมีฮุ่ยเจินเดินตาม"นี่มันเรื่องอันใดกัน ระหว่างที่หม่อมฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่เพคะ" เสี่ยวลี่เหมยเงยหน้าถามเจียวหั่วเขาก้มมองนางดวงตากลมโตสงสัยใบหน้าครุ่นคิด ไม่ว่าจะมองอย่างไรนางช่างงดงามเช่นนี้มันทำให้เจียวหั่วเริ่มสนใจในตัวนางขึ้นมาและไม่อยากให้ชายใดได้เข้าใกล้นาง"อยากรู้ไปทำไมรีบเดินตามมาเถิดก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจพาเจ้ากลับเข้าเรือน " เจียวหั่วหงุดหงิดใจรีบพ
บทที่ 24 เลี้ยงฉลองหลังหมู่บ้านที่ลับสายตาผู้คนเป็นจุดนัดพบของชายฉกรรจ์ชุดดำที่ใช้ผ้าปกปิดใบหน้ายืนคอยผู้เป็นนายเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ไม่นานเจ้านายของคนเหล่านี้ก็มาถึง ชายชุดดำแต่ทว่าดูดีกว่าผู้อื่นแต่งกายแตกต่างควบม้ามาหยุดอยู่กลางกลุ่มคน เมื่อม้าหยุดวิ่งเขาก้าวเท้ากระโดดลงจากหลังม้าบรรดาลูกน้องทั้งหลายต่างพากันคารวะ "คารวะนายท่าน" ท่าทางน่าเกรงขามเดินไปนั่งเก้าอี้อย่างองอาจ"มีเรื่องอันใดถึงได้ไปตามข้าออกมา" น้ำเสียงเข้มขรึมเอ่ยถามลูกน้องของตน หนึ่งในหมู่คนเสมือนจะเป็นผู้คุมได้เอ่ยบอกเรื่องราวแก่เขา"เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับนายท่าน จู่ ๆ เมื่อคืนนี้ในเวลาที่ชาวบ้านหลับไหลพวกข้าทำงานอย่างที่เคยทำแต่ทว่าไม่รู้ว่าผู้ใดที่กล้าไม่เกรงกลัวออกมาอยู่นอกเรือน " เมื่อผู้เป็นนายได้ยินถึงกับนั่งไม่ติดลุกขึ้นยืนทำเอาลูกน้องรีบคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตที่ทำงานพลาด"มันเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร แล้วพวกเจ้าจัดการผู้ที่เห็นหรือไม่? ""นายท่านพวกข้าน้อยอ่อนปัญญาทำให้คนผู้นั้นหนีไปได้แต่คนผู้นั้นไม่เห็นว่าพวกเรากำลังทำอันใดขอรับ ""จะมั่นใจได้อย่างไรว่าผู้ที่เห็นจะใช่ชาวบ้านธรรมดา ตอน
บทที่ 25 ทำอย่างไร"ท่านอา ข้าไม่ได้เมาเสียหน่อย อีกอย่างสุราของคุณชายอร่อยยิ่งนัก ข้าขออีกจอกได้หรือไม่เจ้าคะ เอิ้ก" "สุราที่ข้านำมานั้นดื่มง่ายแต่ฤทธิ์ของมันรุนแรงยิ่งนัก ข้าไม่คิดว่าคุณหนูลู่เพ่ยจะคออ่อนเช่นนี้ หากเช่นนั้นข้าขอตัวก่อนซีเหนี่ยวกับคุณหนูลู่จะได้พักผ่อน ""ข้าจะไปส่งท่านที่หน้าเรือนนะเจ้าคะ ลี่อินไปนำโคมไฟมาให้คุณชายฮุ่ยเจินที ท่านอ๋องขอฝากลู่เพ่ยด้วยนะเพคะ ""ได้ท่านไม่ต้องห่วง ไปส่งคุณชายฮุ่ยเจินเถิด" ซีเหนี่ยวถือโคมไฟมอบให้ฮุ่ยเจินพร้อมเดินไปส่งที่หน้าเรือน เจียวหั่วมองไปยังเสี่ยวลี่เหมยนางยังยิ้มระรื่นให้แก่เขาอยู่"หากเจ้าไม่เมาข้ายากจะเห็นรอยยิ้มเจ้าเช่นนี้ ""แค่รอยยิ้มเองข้าไม่ได้ขี้งกขนาดนั้น ว่าแต่ท่านทำไมช่างหล่อเหลาเช่นนี้ แต่รู้มั้ยทำไมข้าถึงไม่แต่งกับท่าน เพราะข้าเคยเสียใจกับความรักมาแล้วอย่างไรล่ะ ข้าเจ็บปวดเสียใจจนแทบบ้า เอิ้ก " เสี่ยวลี่เหมยตอนนี้ถูกฤทธิ์สุราควบคุมเริ่มเอ่ยความในใจโดยไม่รู้ตัว ดวงตาแห่งความเจ็บปวดส่งไปยังเจียวหั่วเขาคิดว่าที่นางเจ็บปวดเช่นนี้คงเป็นเพราะเขาไม่เคยสนใจนางเลย "ข้าว่าเจ้าเมาแล้วกลับห้องไปพักผ่อนเถิด" สาวใช้ทั้งสองมองหน้า
บทที่ 26 ป้อนด้วยปากรุ่งสางมาเยือน"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูตอนนี้ยามเฉิน (07.00) แล้วตื่นได้แล้วนะเจ้าค่ะ"ไป๋เซ่อเขย่าตัวของคุณหนูเพื่อปลุกให้นางได้ตื่น เสียงเจี้ยวจ้าวที่ดังอยู่ใกล้ ๆ หู ทำให้นางรู้สึกรำคาญจนต้องตื่นลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ นางกวาดตามองรอบ ๆ ราวกับว่าห้องของนางเกิดแผ่นดินไหวทุกอย่างสั่นไหวไม่นิ่งจนตาลาย"โอ๊ย!!! ทำไมข้าปวดหัวแบบนี้" เสี่ยวลี่เหมยลุกขึ้นนั่งโดยมีไป๋เซ่อคอยประคอง"คุณหนูจะน่าดื่มเยอะไปเจ้าค่ะ ทำให้เมาค้างเช่นนั้นหม่อมฉันจะไปต้มน้ำแกงสว่างเมามาให้นะเจ้าคะหากคุณหนูปวดหัวมากนอนต่ออีกสักหน่อยเถิดเจ้าคะ ส่วนผักของคุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงลี่อินไปจัดการให้คุณหนูแล้ว " เสี่ยวลี่เหมยพยักหน้าพลางจะนอนต่อแต่ก็นึกอะไรบางอย่างออก นางรีบจับแขนของไป๋เซ่อเพื่อถามทันที"เดี๋ยวอย่าพึ่งไป เมื่อคืนนี้ข้าจำไม่ได้เจ้ากับลี่อินใช่หรือไม่ที่มาส่งข้าที่ห้อง" ไป๋เซ่อจับนางนอนลงพร้อมห่มผ้าให้ยิ้มกริ่มก่อนจะตอบคุณหนู"มิใช่เจ้าค่ะ เมื่อคืนนี้ท่านอ๋องมาส่งคุณหนูที่ห้องเจ้าค่ะคุณหนูนอนต่อเถอะนะเจ้าคะ หากข้าต้มน้ำแกงเสร็จจะปลุกคุณหนูลุกขึ้นมาดื่มนะเจ้าคะ" เสี่ยวลี่เหมยไม่อาจจะเชื่อหูตนเ
บทที่ 27 ทำให้เจ้ารู้ใจตัวเองเสี่ยวลี่เหมยเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่เจียวหั่วมอบให้แต่แล้วจู่ ๆ ความรู้สึกเจ็บลึกที่เคบพบเจอก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้งทำให้นางรู้สึกตัวขึ้นมา ตื่นจากพวงนางรีบผลักเจียวหั่วออกจากตนเอง" ท่านอ๋องทำเช่นนี้กับหม่อมฉันไม่ได้นะเพคะ หม่อมฉันไม่เต็มใจสักนิด""แต่เมื่อครู่เจ้าก็ไม่ได้ปฏิเสธข้านี่ ให้โอกาสข้าอีกครั้งเถิดนะ ขอให้ข้าได้แก้ตัวกับเจ้าอีกสักครา""ตอนนี้หม่อมฉันมิอาจจะตอบคำตอบท่านอ๋องได้โปรดกลับไปก่อนเถิดเพคะ ""เจ้าไม่รักข้าแล้วจริง ๆ นะหรือ ข้าไม่เชื่อหรอกหากเจ้าไม่รู้สึกเช่นนั้นเหตุใดเจ้าต้องหลบตาข้าด้วยเล่า" เจียวหั่วไม่อาจจะยอมแพ้ เขามิอาจจะรอไปมากกว่านี้ เพราะกลัวว่าเสี่ยวลี่เหมยจะหวั่นไหวกับชายอื่นไปมากกว่านี้"ไม่รู้เพคะ หม่อมฉันไม่รู้" เสี่ยวลี่เหมยเริ่มสับสนเพราะไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เริ่มพรั่งพรูนี้เป็นความรู้สึกของนางเองหรือเป็นความรู้สึกของลู่เพ่ยกันแน่ แววตาสับสนจ้องมองไปยังเจียวหั่ว เพื่อส่งความรู้สึกให้เขาได้รู้ว่าตอนนี้นางสับสนเพียงใด"เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้ารู้ใจตนเอง ว่าเจ้ายังต้องการข้าหรือไม่"เจียวหั่วอุ้มเสี่ยวลี่เหมยลอยเข้าไปอยู่ในอ้อมกอ
บทที่ 28 สหายเมื่อมาถึงตลาดทั้งสามก็พากันเดินเล่นซื้อของกินกันอย่างสนุกสนาน เสี่ยวลี่เหมยเดินมาเรื่อย ๆ ได้พบฮุ่ยเจินอย่างที่ใจหวัง นางรีบเดินเข้าไปหาอย่างดีใจ"คุณชายฮุ่ยเจินพบกันอีกแล้ว""ลู่เพ่ยเป็นเช่นไรบ้าง เมื่อคืนนี้ท่านเมาเสียจนไม่ได้สติ" เขาถามนางอย่างเป็นห่วง "แฮะ ๆ เพราะสุราที่ท่านนำมาอร่อยมากเสียจนข้าคิดว่าตนเองดื่มน้ำชาพอรู้ตัวอีกทีข้าก็ไม่ได้สติเสียแล้ว" เสี่ยวลี่เหมยยิ้มอย่างเขินอาย"แล้วอาการท่านดีขึ้นแล้วหรือ""ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ สาวใช้ได้ต้มน้ำแกงสว่างเมาพอได้ดื่มก็หายราวปลิดทิ้ง เลย" แต่แล้วเมื่อนางคิดถึงน้ำแกงก็นึกถึงภาพใบหน้าของเจียวหั่วที่ประกบจูบอย่างดูดดื่ม แก้มขาวเนียนปรากฏชั้นสีชมพูบางๆ ขึ้นมาหนึ่งชั้น ฮุ่ยเจินที่จับจ้องอยู่คิดว่านางไม่สบายจึงใช้มือแตะลงที่หน้าผากของนางอย่างเบามือ"ไม่สบายตรงไหนหรือไม่จู่ ๆ ใบหน้าของท่านก็แดงระเรื่อราวจับไข้""ไม่ข้าไม่ได้เป็นอะไรสงสัยอากาศจะร้อนนะ" เสี่ยวลี่เหมยรีบแก้ตัวทำท่าทางโบกพัดอากาศ ฮุ่ยเจินเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะยิ้มไม่ได้"เช่นนั้นหรือ ข้ามีที่ที่จะพาท่านไปเดินเล่นที่นั้นอากาศไม่ร้อนระหว่างทางมีต้นไม้เรียงรายเต็มไปหม
บทที่ 29 ข่มขู่หลังจากที่ดวงอาทิตย์ลับลาขอบฟ้าทุกเรือนปิดไฟนอนทุกพื้นที่เงียบสงัด เสียงครวญครางโหยหวยเริ่มดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง องครักษ์ของเจียวหั่วออกทำตามคำสั่งโดยไม่เกรงกลัว เขาได้กระโดดขึ้นหลังคาเรือนของชาวบ้านตามเสียงร้องมาจนใกล้ ยิ่งใกล้เสียงก็ยิ่งดังขึ้น เขาไปถึงหลังหมู่บ้านแอบซ่อนตัวหลังต้นไม้สายตาสอดส่องดูต้นตอของเสียง จู่ ๆ เขาก็ได้พบเข้ากับเงาตะคุ่ม ๆ ในแวบแรกคิดว่าเป็นปีศาจเช่นดั่งที่ได้ยินข่าวมา แต่ทว่าเมื่อก่อนเมฆเคลื่อนตัวออกจากดวงจันทร์ แสงจันทร์สาดส่องลงมาทำให้เห็นว่านั่นมิใช่ปีศาจแต่เป็นมนุษย์กำลังเป่าร้องเสียงที่ดังอยู่ในทุกค่ำคืน องครักษ์จึงคิดจะจับปีศาจตนนี้ด้วยตัวเองจึงเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ ๆ มือคว้ามีดด้ามเล็กที่พกมาขว้างออกไปแต่แล้วเสียงร้องก็เงียบลงเพราะได้รับบาดเจ็บจากมีดเล็กของเขา เมื่อเขารู้ว่าบัดนี้มีผู้รอบทำร้ายจึงคิดหนีเพื่อไม่ให้ตนเองถูกจับได้ "เจ้าจะหนีไปไหน" องครักษ์ปรากฏตัวพยายามวิ่งไล่ตาม แต่คนผู้นั้นกลับหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว มีความสามารถเก่งกาจมิใช่น้อยแถมยังคุ้นเคยพื้นที่ทำให้องครักษ์ตามไม่ทัน "ทำไมหนีได้รวดเร็วขนาดนี้นะ น่าเสียดายจริง ๆ หากจับไ
บทที่ 40 ให้โอกาสความรักอีกครั้งหลายวันต่อมาเสี่ยวลี่เหมยยังคงไม่ฟื้นนางนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้สึกตัว ไป๋เซ่อลี่อินคอยพลัดเปลี่ยนกันมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตลอด"เมื่อไหร่เจ้าจะฟื้นเสียที รีบฟื้นมาเถิดต่อให้เจ้าจำข้าไม่ได้หรือชิงชังข้าเพียงใดข้าก็ยอม "เจียวหั่วจับมือของนางแน่นมองใบหน้าที่หลับสนิทพร้อมอ้อนวอนให้นางฟื้น ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วลมพัดเข้ามาทางหน้าต่างให้ความรู้สึกหนาวเย็น เจียวหั่ววางมือของนางไว้แนบกายนางก่อนจะเดินไปปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้ลมเข้ามาได้ ก่อนจะเดินมาที่เตียงพร้อมดึงผ้าห่มมาห่มกายให้นาง"เจ้ารีบฟื้นมาเสียที ต่อให้เจ้าอวบอ้วนเช่นดั่งเมื่อก่อน ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่เฉยชาเมินเฉยต่อเจ้า เจ้ารอคอยให้ข้าสนใจเจ้ามาตลอดมิใช่หรือ? และข้าก็มีเรื่องอีกเรื่องที่ยังไม่ได้บอกเจ้าเลย ว่าตอนนี้ข้ารักเจ้าเพียงใด แม้ว่าข้าจะรู้ตัวช้าแต่ตอนนี้ทั้งหัวใจของข้ามีเพียงเจ้า เจ้าได้ยินหรือไม่พระชายาของข้า""จริงหรือ แล้วรักหม่อมฉันเมื่อไหร่กันเพคะ" น้ำเสียงแหบพร่าได้เอ่ยขึ้นเสี่ยวลี่เหมยนางรู้สึกตัวในตอนแรกนางคิดว่าตนเองจะตายไปแล้วเสียอีกแต่ทว่านางได้ไปพบกับลู่เพ่ยตั
บทที่ 39 เสี่ยวลี่เหมยได้รับบาดเจ็บฝั่งด้านซีเหนี่ยวกับสาวใช้ที่ร้อนรนหัวใจเป็นห่วงเสี่ยวลี่เหมยนานมากแล้วที่นางกับท่านอ๋องหายตัวไปไม่กลับมาเสียที ซีเหนี่ยวไม่อาจจะนั่งติดเก้าอี้เดินไปมาอย่างร้อนใจ ไม่นานนักเสียงฝีเท้าของม้าได้วิ่งเข้ามาในเรือนทุกคนรีบเดินออกไปดูก็พบว่าบัดนี้ท่านอ๋องได้อุ้มร่างของเสี่ยวลี่เหมยที่หมดสติเสื้อผ้าเปื้อนไปด้วยเลือด ซีเหนี่ยวทรุดตัวลงเป็นลมที่เห็นหลานสาวของตนเองได้รับบาดเจ็บ"ซีเหนี่ยว ซีเหนี่ยวเจ้าคะลี่อินรีบพาซีเหยี่ยวไปนั่งก่อนข้าจะรีบไปดูคุณหนู" แม้ว่าพวกนางแตกตื่นแต่ตอนนี้นายหญิงของตนต่างดูแลตนเองไม่ได้ไป๋เซ่อรีบตั้งสติเรียกลี่อินที่ยืนตัวสั่นเทาดวงตาเริ่มสั่นคลอนคล้ายจะร้องให้ตั้งสติ"คุณหนู คุณหนูของข้า ฮื้อ ๆ""นี่ลี่อินเจ้าจั้งสติพาซีเหนี่ยวเข้าไปด้านในก่อนเร็วเข้า ""อื้อ ๆ " ลี่อินปาดน้าตาประคองร่างซีเหนี่ยวเข้าไปด้านในส่วนไป๋เซ่อรีบวิ่งมาหาเสี่ยวลี่เหมย"ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเพคะ""ลู่เพ่ยได้รับบาดเจ็บ เจ้ารีบไปเตรียมน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดเลือดมาให้ข้าโดยเร็ว " เจียวหั่วอุ้มร่างของเสี่ยวลี่ไปที่ห้องพักของนาง ไป๋เซ่อรีบไปทำตามที่ท่านอ๋องบอกอ
บทที่ 38 ข้าไม่ได้ตั้งใจทั้งสองต่อสู้ฟาดฟันเพลงดาบกันอย่างดุเดือดฝุ่นคละคลุ้งเต็มอากาศ เจียวหั่วแม้จะมีฝีมือเก่งกาจแต่ทว่าฮุ่ยเจินมีแรงเหลือมากกว่า ทำให้เขาได้พลาดท่าโดนฟันเข้าที่แขนข้างขวาจนล้มลงกับพื้น ดาบกระเด็นออกไปไกลห่างตัว"แฮ่ก ๆ! " เสียงเหนื่อยหอบของทั้งสองดังระงม"ฮุ่ยเจินต่อให้เจ้าจะฆ่าพวกข้าได้แต่เจ้าเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไม่ได้หรอกนะ ตอนนี้ทางการได้จับกุมท่านพ่อของเจ้ายึดของที่เจ้าได้ขโมยจากชาวบ้านเพื่อเป็นหลักฐานแล้ว อีกไม่นานทหารของข้ากำลังตาม เจ้าหนีไม่พ้นหรอกนะ" เพราะเห็นว่ามีเพียงฮุ่ยเจินเพียงคนเดียวเจียวหั่วจึงสั่งให้องครักษ์พร้อมกำลังทหารไปที่เรือนของท่านพ่อฮุ่ยเจินเพราะเกรงกลัวว่าเขาจะหนีไปเสียก่อน"หยุดปากไปซ่ะ หากข้าถูกจับอย่างไรก็ต้องตายสู้ฆ่าพวกท่านทั้งสองให้ตายไปพร้อมกับข้าไม่ดีกว่าหรือ?? " เสี่ยวลี่เหมยเห็นเจียวหั่วได้รับบาดเจ็บรีบวิ่งเข้ามาห้ามฮุ่ยเจินทันที"คุณชายฮุ่ยเจิน!! หยุดเถอะนะข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านเป็นคนไม่ดี ข้ารู้ว่าที่ผ่านมาท่านไม่ได้แสร้งเป็นคนดีความรู้สึกที่ท่านมีต่อพวกเรานั้นเป็นความรู้สึกของท่านจริง ๆ ไหนท่านเคยบอกรักข้า ความรู้สึกที่ท่านมีต่อ
บทที่ 37 ผู้อยู่เบื้องหลังแต่ทันใดนั้นเองก่อนที่ดาบจะฟาดลงมาที่บ่าของเสี่ยวลี่เหมยมีดาบอีกด้ามมาขวางเสียก่อน เจียวหั่วดีใจที่เสี่ยวลี่เหมยปลอดภัยแม้ไม่รู้ว่าบุรุษที่โผล่เข้ามาช่วยนั้นคือผู้ใด เขาสวมชุดสีดำคล้าย ๆ คนกลุ่มนี้ปกปิดใบหน้าด้วยเช่นกันแต่ก็มองออกเพราะชุดเนื้อผ้าคนละแบบ"ทำไมต้องมาขวางด้วย ข้าจจะจัดการสตรีนางนี้" ชายที่จะฆ่าเสี่ยวลี่เหมยเอ่ยถามชายที่ปรากฏตัว แต่ทว่าเขาไม่ตอบอันใดฟาดดาบไม่ยั้งจนชายชุดดำล้มลงพลาดท่า เขารีบคว้าตัวเสี่ยวลี่เหมยขึ้นมาจะพาหนี เสี่ยวลี่เหมยลืมตาเพราะได้ยินเสียงต่อสู้กันนางมองอย่างแน่ชัดผู้ที่มาช่วยคือคุณชายฮุ่ยเจินไม่ผิดแน่ เมื่อเขาคว้าตัวของนางมาประคองจะให้นางขึ้นหลังจะได้หลบหนีทัน เสี่ยวลี่เหมยยอมขึ้นหลังเขาแต่โดยดี เจียวหั่วจึงตะโกนมาบอกเขา"ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใครแต่ท่านหวังดีกับนางข้าฝากให้ท่านดูแลนางอย่าให้ได้รับบาดเจ็บ" เขาจับเสี่ยวลี่เหมยขึ้นหลังพยักหน้าให้เจียวหั่วก่อนจะวิ่งหนี้ไปโดยเร็ว ส่วนเจียวหั่วก็ยังคงต่อสู้กับชายที่เหลืออีกคน จนในที่สุดเจียวหั่วก็ได้จัดการจนไม่เหลือสักคนไม่นานกลุ่มขององครักษ์พร้อมทหารที่ตามมาจากวังหลวงได้เดินทางมาอ
บทที่ 36 ตามคนร้ายเสี่ยวลี่เหมยวิ่งสุดแรงจนตามไปพบกลุ่มชายที่ปกปิดใบหน้าพูดคุยกันเพื่อแยกย้ายเพราะตอนนี้ถูกจับได้เสียแล้ว"ตอนนี้พวกเราต้องแยกย้ายก่อน เมื่อครู่ข้าถูกคุณหนูของเรือนนั้นจับได้""ทำไมเจ้าถึงทำงานพลาดเช่นนี้งั้นเอาตามนี้แยกย้ายก่อนจะถูกจับได้อีก" เสี่ยวลี่เหมยจะออกไปยืนกรานแต่ก็ต้องถูกองครักษ์ของเจียวหั่วเข้ามาห้ามเสียก่อน"คุณหนูอย่าทำอันใดบุ่มบ่ามคนพวกนี้มีมากกว่าที่เราเห็นขอรับ จะเกิดอันตรายได้""แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเช่นใดจะให้ปล่อยไปอย่างนั้นหรือแล้วก็ไปทำเช่นนี้กับชาวบ้านอีกอย่างนั้นหรือ""ลู่เพ่ยเจ้าใจเย็นก่อน องครักษ์ของข้าได้ตรวจตราดูคนพวกนี้มีมากกว่าเรา ข้าว่าเรากลับเรือนไปตั้งหลักเสียก่อน ตอนนี้ท่านอาของเจ้าเป็นห่วงเจ้ามากเลยรู้หรือไม่!! " เจียวหั่วที่ตามมาถึงคว้ามือของเสี่ยวลี่เหมยให้หยุดตามคนพวกนั้น"ไม่เพคะ หากท่านอ๋องเกรงกลัวคนพวกนั้นก็ทรงปล่อยหม่อมฉัน เพราะหม่อมฉันไม่กลัวเลยสักนิดการตายเจ็บเพียงตอนที่เรายังไม่หมดลม แต่เมื่อเราหมดสติเมื่อไหร่ก็ไม่เจ็บปวดอันใดแล้วเพคะ " สายตาดุดันน้ำเสียงแข็งกร้าวของเสี่ยวลี่เหมยเปล่งออกมาจนเจียวหั่วต้องตกใจ เขาไม่เคยเห็นสีหน้
บทที่ 35 แปลงผักถูกทำลายมาถึงเรือนท่านอารีบปิดประตูเรือนอย่างเร่งรีบ ก่อนจะจับเสี่ยวลี่เหมยให้นั่งที่เก้าอี้เพื่อพูดให้หลานสาวตนเองเปลี่ยนใจ"ลู่เพ่ยเจ้าเห็นหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าว่าเจ้าเปลี่ยนใจเก็บผักไปขายที่ตลาดหมู่บ้านเราเถอะนะ แม้จะได้ไม่มากแต่ยังดีกว่าไม่ได้ข้ากลัวว่าเจ้าจะเจอเช่นดั่งท่านลุง" ซีเหนี่ยวอ้อนวอนขอให้เสี่ยวลี่เหมยเปลี่ยนใจแต่มีหรือที่นางจะกลัวและยอมเปลี่ยนใจอย่างที่ท่านอาขอ"ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่เปลี่ยนใจข้าไม่เชื่อหรอกนะเจ้าคะว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของปีศาจบ้าบออะไรนั่น คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในเรื่องนี้คือเฒ่าแก่เจ้าของร้านรับซื้อผักมิใช่หรือเจ้าคะ ไม่แน่นี่อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้ ข้าจะทำให้ชาวบ้านได้เห็นเองว่าหากข้าไปขายที่อื่นจะไม่มีอันใดเกิดขึ้น" เสี่ยวลีเหมยโมโหแทนชายชราที่ถูกทำลายแปลงผัก และนางก็ไม่กลัวที่ท่านผู้เฒ่าข่มขู่อีกด้วย "ไม่ได้นะ!!! หากเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าข้าจะเอาหน้าที่ไหนไปพบท่านพี่""ซีเหนี่ยวท่านเบาใจเถิด หากนางอยากจะนำผักไปขายที่หมู่บ้านอื่นข้าจะไปเป็นเพื่อนนางเองท่านไม่ต้องห่วง หากมีข้าอยู่เคียงข้างข้าไม่ให้นางได้รับอันตรายแน่นอน " เสี่ยว
บทที่ 34 เพราะไม่เชื่อฟังเจียวหั่วเดินมาถึงห้องโถงเห็นเสี่ยวลี่เหมยจัดโต๊ะรินน้ำสำหรับทุกคนเขารอยยิ้มบนใบหน้าช่างทำให้เขามีความสุขเป็นอย่างมากที่เห็นรอยยิ้มของนางเช่นนี้ "วันนี้มีเรื่องอันใดดี ๆ หรือไม่เจ้าถึงได้จัดเตรียมทุกอย่างด้วยตนเองเช่นนี้" "ท่านอ๋องมาแล้วหรือเพคะ เชิญนั่งที่เก้าอี้ก่อนนะเพคะ""เจ้าไม่สบายหรืออย่างไรถึงได้เอ่ยวาจาดี ๆกับข้าเช่นนี้ข้าชักไม่ชินแล้วสิ" "เฮ้อ!! นี่ท่านอ๋องวันนี้หม่อมฉันอารมณ์ดี แถมยังดีมากท่านอ๋องช่วยอย่าเอ่ยวาจากวนใจให้หม่อมฉันมีอารมณ์ขุ่นมัวได้มั้ยเพคะ""ก็ได้ ๆ ข้าชักอยากรู้แล้วสิว่าเจ้าอารมณ์ดีเรื่องอะไรกัน""รอท่านอามาก่อนเพคะหม่อมฉันจะได้เล่าครั้งเดียว"พูดจบท่านอาได้เดินมาพอดี "ข้ามาแล้ว เจ้ามีเรื่องอันใดดี ๆ รีบเล่ามาเถิดข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน"ซีเหนี่ยวนั่งลงที่เก้าอี้ของตนเอง เสี่ยวลี่เหมยตักข้าวใส่ถ้วยให้ทุกคนนั่งลงที่ตนเองพร้อมเอ่ยปากเล่าให้ทุกคนฟัง"เช่นนั้นกินไปด้วยเล่าไปด้วยแล้วกัน วันนี้ข้าได้ออกหาร้านรับซื้อผักมาเจ้าค่ะ มีร้านที่ให้ราคาดีกว่าที่ตลาดของหมู่บ้านเราเสียอีกนะเจ้าคะท่านอา ข้าว่าจะนำไปขายที่นั่นเจ้าค่ะ""ดี! นับว่าเป็
บทที่ 33 หาตลาดสองวันผ่านมา เสี่ยวลี่เหมยเดินหาตลาดจนทั่วแต่ในหมู่บ้านนี้มีเพียงที่เดียวที่รับซื้อคือร้านที่นางไปซื้อเมล็ดพันธุ์นั้นเอง แต่ทว่าราคาเอาเปรียบคนปลูกเหลือเกิน "เฮ้อ ! สงสัยวันรุ่งขึ้นข้าคงต้องเดินทางไปที่หมู่บ้านข้าง ๆแล้วล่ะ""ทำไมเจ้าคะ " ลี่อินสงสัยได้เอ่ยถามขึ้นมา"เจ้าไม่เห็นหรือไงว่าเฒ่าแก่ให้ราคาเราเพียงเล็กน้อย การที่เราจะขายของเราต้องหาตลาดร้านที่รับซื้อในราคาที่สูงกว่าเราถึงจะคุ้มค่าได้กำไร ""อืม คุณหนูของข้าช่างรอบรู้เรื่องกำไรด้วยหรือเจ้าคะ""ของเช่นนี้ต้องรู้อยู่แล้วสิ" "คุยเรื่องอันใดกันอยู่หรือใบหน้าของท่านถึงได้ดูเคร่งเครียดเช่นนี้" ฮุ่ยเจินเดินเข้ามาหาเสี่ยวลี่เหมยที่นั่งอยู่ศาลารับลมในเรือนในมือเต็มไปด้วยผักมากมาย "โอ๊ะ ! คุณชายฮุ่ยเจินมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันแล้วในมือนั้นคืออะไรหรือเจ้าคะ""ที่เรือนของข้าตอนนี้มีผักมากมายจึงนำมาฝากท่านนะขอรับ"พูดจบเขาก็ยื่นตะกร้าผักให้กับลี่อิน "ต้องขอบน้ำใจคุณชาย เชิญนั่งก่อนเถอะเจ้าคะไป๋เซ่อเจ้าเข้าไปที่ห้องครัวนำน้ำชามาต้อนรับคุณชายสิ" "เจ้าค่ะ " ทั้งลี่อินกับไป๋เซ่อเดินไปทางห้องครัวฮุ่ยเจินนั่งลงที่เก้าอี้พร้อ
บทที่ 32 ข้าเป็นห่วงเจ้าฝั่งด้านเสี่ยวลี่เหมยกำลังชื่นชมผักของนางที่ตอนนี้เติบโตจนใกล้จะเก็บเกี่ยว "ไป๋เซ่อเจ้าดูสิตอนนี้ผักของข้าเติบโตมากพอที่จะเก็บเกี่ยวแล้ว อื้มเช่นนั้นวันพรุ้งนี้เราออกไปที่ตลาดเพื่อหาที่ขายผักกันเถิด ""ได้เจ้าค่ะ " ไป๋เซ่อดีใจกับคุณหนูจริง ๆ ที่นางปลูกผักสำเร็จและงดงามขนาดนี้แต่แล้วสายตาของนางก็มองไปเห็นเจียวหั่วที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ "คุณหนูท่านอ๋องมาเจ้าค่ะ""มาทำไมกันนะ คนกำลังอารมณ์ดี" เสี่ยวลี่เหมยหุบยิ้มทันทีพร้อมลุกขึ้นเดินไปหาเจียวหั่ว"ท่านอ๋องมาที่นี่ทำไมกันเพคะ ""ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้าไป๋เซ่อเจ้ากลับไปรอที่เรือนก่อน ""เพคะท่านอ๋อง" ไป๋เซ่อน้อมรับคำสั่งโค้งคำนับลงพร้อมเดินจากไปปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน "ท่านอ๋องมีเรื่องสำคัญอันใดจะเอ่ยกับหม่อมฉันหรือเพคะ""เมื่อคืนนี้เจ้าออกไปที่ใดมา เป็นเพียงสตรีร่างเล็กอย่างเจ้าไม่รู้จักเกรงกลัวเลยอย่างนั้นหรือ" เสี่ยวลี่เหมยชะงักในคำพูดของเจียวหั่วเล็กน้อยเขารู้ได้อย่างไรว่านางออกจากเรือนไป นางเริ่มเอะใจเดินเข้ามาใกล้จ้องใบหน้าของเจียวหั่วมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ใช้มือวัดความสูงจนเขาแปลกใจการกระทำของน