รุ่นพี่พาหญิงสาวไปยังห้องประชุมเล็กๆ ที่อยู่ถัดจากห้องพักเบรก ตอนนี้พี่หญิงหรือพี่ธนพรหัวหน้าบรรณารักษ์และมีผู้หญิงและผู้ชายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
สาริศายิ้มทักทายจากนั้นพี่หญิงก็แนะนำเธอให้รู้จักกับพนักงานคนใหม่ชื่อพรปวีณ์หรือลูกเกดซึ่งเพิ่งจบระดับชั้นปวส.มา ก็เท่ากับว่าเธอเป็นน้องของตนเองสองปี ส่วนอีกคนเป็นพนักงานผู้ชายชื่อธนภูมิหรือภูมิซึ่งเป็นน้องชายได้แท้ๆ ของพี่ธนพร เขาจะมาทำงานในตำแหน่งพนักงานหอสมุดหน้าที่หลักๆ ก็คือจัดเรียงหนังสือและเก็บหนังสือที่นักศึกษาอ่านแล้วเข้าที่
“เอาล่ะสามคนทำความรู้จักกันนะ พี่ให้เวลาคุยกันสิบนาทีจากนั้นก็ไปเริ่มงานของตนเอง
“พี่ชื่อสาริศาเรียกว่าเจ้าเอยหรือเอยก็ได้” สาริศาแนะนำตัวเป็นคนแรก
“หนูชื่อพรปวีณ์ค่ะเรียกว่าลูกเกดหรือเกดก็ได้ค่ะ”
“ผมชื่อธนภูมิหรือภูมิก็ได้ครับ”
“ลูกเกดจบแล้วก็มาทำงานที่นี่เลยหรือเปล่าจ๊ะ”
“ใช่ค่ะพี่เอยเกศจบแล้วก็มาทำงานที่นี่เป็นที่แรก”
“เหมือนกันเลยพี่ก็เพิ่งเริ่มงานที่นี่ที่แรกเหมือนกันแล้วภูมิล่ะ”สาริศาหันไปทำชายหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะอายุเท่ากับเธอ
“ผมเรียนรามอยู่ครับ”
“เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเหรอ”
“ครับปีนี้ก็จะจบแล้ว มีเรียนอีกไม่กี่ตัวพอดีว่าที่หอสมุดเปิดรับพนักงานพี่หญิงก็เลยชวนให้มาสมัคร แต่อย่าพึ่งมองผมยังงั้นนะครับถึงผมจะเป็นน้องชายของผู้หญิงแต่ผมก็สมัครมาตามขั้นตอนเหมือน” ธนภูมิรีบบอกกับสองสาวเมื่อเห็นว่าพวกเธอกำลังมองมาทางตนเอง
“เอยยังไม่ได้ว่าอะไรเลยที่เอยมองภูมิก็เพราะคิดว่าภูมิเป็นคนขยันเท่านั้นเอง”
“พี่ภูมิร้อนตัวไปเองเกดก็ยังไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ เกดว่าเราออกไปทำงานกันเถอะ เกดอยากรู้ว่าไม่รู้ว่ามันจะเหมือนที่เราเรียนมาหรือเปล่า”
“เอยกับเกศเรียนมาก็คงจะพอเข้าใจระบบงานแต่ผมนี่สิไม่รู้อะไรเลย”
“ไม่รู้ก็ถามสิเมื่อกี้พี่หญิงก็บอก เกดว่าวันนี้เราคงมีคำถามจนพี่ๆ ปวดหัวแน่เลย”
พรปวีณ์พูดแล้วหัวเราะก่อนจะรีบเดินนำทุกคนออกไป
เช้าๆ แบบนี้ไม่ค่อยมีนักศึกษามาใช้งานเท่าไหร่ สาริศาเลยได้ศึกษางานกับรุ่นได้ค่อนข้างมาก พี่เธอซักถามปัญหาต่างๆ ที่เคยเจอรวมถึงแนวทางการแก้ปัญหาและทบทวนให้เข้าใจอีกทั้งยังจดใส่สมุดเล่มเล็กไว้เพื่อที่จะได้เปิดดูเวลาเกิดปัญหา
ถึงแม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ถึงแม้ว่าคนรุ่นใหม่มักจะบันทึกเรื่องราวต่างๆ ลงในโทรศัพท์ แต่สาริศาเป็นคนชอบจดมากกว่า คงจะติดนิสัยมาจากเด็กๆ ที่เป็นคนชอบจด ชอบอ่านทำให้เธอมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นบรรณารักษ์ที่ได้อยู่ท่ามกลางกองหนังสือมากมาย
ซึ่งมันเป็นคลังความรู้ขนาดใหญ่ถึงแม้เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นก็ตาม บางคนก็หันไปอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แต่สำหรับสาริศาแล้ว การพลิกอ่านหนังสือทีละหน้ามันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง แล้วก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดเหมือนเธอหอสมุดแห่งนี้เลยมีทั้งหนังสือวิชาการ หนังสือนิยาย วารสารและงานวิจัยต่างๆ อยู่เต็มไปหมด
เมื่อถึงเวลาพักทานอาหารกลางวันสาริศากับพรปวีณ์ก็ไปทานอาหารด้วยกันที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยซึ่งการเดินไปกลับก็กินเวลาเกือบสิบนาทีเธอเลยคิดว่าวันต่อไปเธอจะลองไปทานอาหารที่ตึกคณะวิศวะซึ่งอยู่ใกล้กว่าหรือไม่ก็อาจจะใช้บริการแอปพลิเคชันสั่งอาหารเพราะไม่อยากจะเดินออกไปทานที่อื่นให้เวลาเนื่องจากมีเวลาพักแค่ห้าสิบนาทีเท่านั้น
“พี่เอยคะพรุ่งนี้เราสั่งอาหารมากินที่ห้องพักดีไหม เกดว่าเดินไปกลับแบบนี้กลับมาถึงก็หมดแรงพอดี”
“พี่ก็คิดเหมือนเกด เอาไว้พรุ่งนี้เราสั่งมากินดีกว่านะ”
วันนี้สาริศาเลิกงานในเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาพร้อมกันลูกเกด
“เกดกลับยังไง”
“เกดไปขึ้นรถรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยค่ะ”
“อยู่หอล่ะเกดอยู่บ้านเหรอแล้วใช้เวลาเดินทางนานไหม”
“อยู่บ้านค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วพี่เอยล่ะพี่เป็นคนเชียงใหม่ใช่ไหม”
“ใช่จ้ะพี่เป็นคนเชียงใหม่”
“แต่พี่มาทำงานไกลเลยนะคะ”
“ก็หอสมุดที่นี่มันใหญ่มาก พี่ว่าคงได้ประสบการณ์ดีๆ เยอะ”
“แล้วพี่พักที่ไหนล่ะคะ”
“ที่พักที่คอนโดน่ะ ห่างจากนี่ไม่ไกลหรอก”
“แล้วกลับยังไงนั่งรถเมล์กลับเหมือนเกดหรือเปล่า”
“อีกหน่อยก็คงจะต้องนั่งรถเมล์กลับแหละ แต่ช่วงนี้พี่ให้คุณอามาส่งนะ นั่นไงรถเข้ามาแล้ว ลูกเกดจะติดรถออกไปรอหน้ามหาวิทยาลัยไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เกดเดินไปเรื่อยๆ ดีกว่าแล้วเจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
พรปวีณ์โบกมือให้กับสาริศาก่อนที่ตัวเองจะเดินไปหน้ามหาวิทยาลัย
“สวัสดีค่ะอาเสือ”
“เจอหน้ากันทั้งเช้าทั้งเย็นไม่ต้องสวัสดีหรอกเจ้าเอย”
“ก็หนูเป็นคนมีมารยาท เจอผู้ใหญ่ก็ต้องไหว้”
“ย้ำจังเลยนะคำว่าผู้ใหญ่เนี่ย”
“ก็มันจริงนี่คะคุณแม่สอนมาให้หนูมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่”
“เอาไว้ค่อยมีสัมมาคารวะต่อหน้าแม่ก็แล้วกันนะอาขี้เกียจรับไหว้” ปีขาลไม่อยากให้เธอยกมือไหว้เขาเพราะมันทำให้รู้สึกถึงความแตกต่างทางด้านอายุมาก
แม้ว่าความเป็นจริงแล้วเขากับเธอก็อายุห่างกันมากจริงๆ ปีนี้สาริศาเพิ่งจะอายุยี่สิบสองส่วนเขานั้นอายุสามสิบสี่ปีแล้ว ถ้านับแล้วก็ห่างกันถึงมากถึงสิบสองปีเลยทีเดียว
“เป็นไงบ้างทำงานวันแรก” ปีขาลถามไปตามหน้าที่เพราะรู้ว่าเย็นนี้มารดาเขาจะต้องโทรมาถามแน่ๆ ว่าสาริศาเป็นยังไงบ้าง
“ก็ดีค่ะหนูได้เพื่อนใหม่สองคน”
“คนเมื่อกี้เหรอ”
“ใช่ค่ะคนเมื่อกี้ชื่อลูกเกด ค่ะส่วนอีกคนชื่อภูมิวันนี้เขาเลิกงานสองทุ่ม”
“บรรณารักษ์มีผู้ชายด้วยเหรอ”
“จริงๆ แล้วบรรณารักษ์ก็มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายล่ะค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นผู้หญิงมากกว่า แต่ภูมิเขาไม่ได้เป็นบรรณารักษ์หรอกค่ะ เขาเป็นพนักงานทั่วไปค่อยจัดเรียงหนังสือแล้วก็ยกพวกของหนักๆ อะไรพวกนี้”
“หอสมุดที่นี่ใหญ่เหมือนกันนะมีคนทำงานเยอะไหมล่ะ”
“หลายคนเลยค่ะ”
“งานไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม คนเยอะแบบนี้คงไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่”
“ช่วงนี้ยังไม่มีปัญหาอะไรค่ะ พี่หัวหน้าบอกว่าจะมีปัญหาก็ช่วงที่สอบเพราะบางทีนักศึกษาก็จะหาหนังสือไม่ค่อยเจอ บางคนก็เอาหนังสือไปเก็บไม่ตรงหมวด เพื่อที่ว่าตัวเองจะได้กลับมาอ่านอีกครั้ง”
“แล้วทำไมเขาไม่ยืมไปล่ะจะแอบแบบนั้นทำไม”
“บางทีสิทธิ์ยืมเขาก็เต็ม แต่บางคนก็ยืมแล้วไม่ยอมคืนยอมเสียค่าปรับเพราะหนังสือดีๆ บางเล่มมันก็หาซื้อไม่ได้แล้ว”
“ฟังดูยุ่งยากเหมือนกันนะแต่ดูท่าทางเจ้าเอยจะชอบงานนี้มากๆ เลย”
“ใช่ค่ะหนูชอบมากที่ได้อยู่ท่ามกลางหนังสือแบบ”
“เป็นบรรณารักษ์ได้อ่านหนังสือฟรีด้วยใช่ไหมล่ะ”
“ก็ประมาณหนึ่งค่ะ แต่เวลางานหนูก็ไม่อ่านหรอก”
“แล้วหนังสือที่หอบมานั่นคืออะไร”
“อ๋อ..นี่เป็นหนังสือแปลค่ะ ที่หอสมุดมีหลายเล่มหนูก็เลยว่าจะเอามาอ่านฆ่าเวลา”
“นี่ทำงานอยู่หนึ่งกับหนังสือทั้งวันกลับมายังจะอ่านหนังสือไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่นทำเหรอเจ้าเอย”
“การอ่านหนังสือก็คืองานอดิเรกอย่างหนึ่งค่ะอาเสือ”
“ดูท่าทางจะชอบอ่านมากๆ ที่บ้านคงมีหนังสือมากใช่ไหม”“ใช่ค่ะ ที่บ้านหนูมีหนังสือมากแต่มาอยู่นี่หนูไม่ได้เอามาสักเล่มเลย ห้องอาเสือมีหนังสือไหมคะ”“ห้องอามีหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจแล้วก็หนังสือเกี่ยวกับอุปกรณ์การออกกำลังกายกับพวกเรื่องกีฬา เจ้าเอยคงไม่สนใจหรอกมั้ง”“สนใจสินค้าขอให้เป็นหนังสือหนูอ่านได้หมดแหละ ขอเข้าไปอ่านหนังสือในห้องอาเสือได้ไหม”“อาว่าไปเลือกเล่ม ที่ชอบเราเอากลับมาอ่านที่ห้องดีกว่านะ”“ทำไมล่ะห้องอาเสือมีอะไรคะทำไมหนูจะอ่านที่นั่นไม่ได้”“อาชอบดูหนังและเปิดเสียงดังถ้าเจ้าเอยคิดว่าจะนั่งอ่านได้แต่อาก็ไม่ว่าอะไร”“อาเสือชอบดูหนังประเภทไหนคะ”“ส่วนใหญ่อาจจะชอบดูหนังเก่า ของต่างประเทศน่ะจะได้ฝึกภาษาไปด้วย”“หนูก็ชอบดูหนังนะ”“เมื่อกี้บอกชอบอ่านหนังสือ แล้วตอนนี้ทำไมชอบดูหนัง”“ก็หนังส่วนใหญ่มันก็สร้างมาจากหนังสือ หนูอ่านหนังสือแล้วก็อยากจะรู้ว่าคนที่เขาเอามาทำหนังเขาตีความจากนิยายได้ดีมากแค่ไหน หนูไปดูด้วยได้ไหม”“ตกลงจะเข้าไปในห้องอาให้ได้เลยใช่ไหม”“แล้วมันได้ไหมล่ะคะ”“ถ้าอาห้ามเจ้าเอยจะไปฟ้องแม่ไหมล่ะ”“เรื่องแค่นี้หนูไม่เอาเป็นไฟฟ้องคุณป้าหรอกค่ะ อาเสือสบายใจได้แต่ถ้าอ
เย็นวันเสาร์สาริศามาทานอาหารที่บ้านของปีขาลตามคำชวนของป้านิตตรา เธอรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาบ้านหลังนี้อีกครั้งหลังจากเคยมาเมื่อหลายปีก่อน“เจ้าเอยสวยขึ้นมาก นี่ถ้าอาไปเจอที่อื่นคงจะจำไม่ได้แน่ๆ”“ขอบคุณค่ะอาใหญ่ แต่ถ้าหนูเจออาใหญ่ที่อื่นหนูก็จำอาใหญ่ได้ค่ะ อาใหญ่หน้าตาไม่เปลี่ยน” หญิงสาวเอ่ยชมใหญ่หรือปภังกรพี่ชายของปีขาลอย่างประจบเธอ และอาใหญ่เคยเจอกันครั้งสุดท้ายก็น่าจะประมาณห้าปีที่แล้วตอนนั้นเขาไปธุระที่เชียงใหม่และแวะไปเยี่ยมเธอกับบิดามารดาที่สวนส้ม“อาจะไม่เปลี่ยนได้ยังไงล่ะ เจ้าเอยโตขึ้นอาก็ต้องแก่ขึ้น”“แต่หนูว่าอาใหญ่ยังหล่ออยู่เลยนะคะ ดูเหมือนคนอายุไม่ถึงสามสิบเลยค่ะ”“ช่างประจบจริงๆ เลยนะเจ้าเอย”“หนูพุดความจริงค่ะอาใหญ่ อาใหญ่มีแฟนหรือยังคะเจ้าเอย”“ถามได้ตรงประเด็นมากเลยจ้ะ ป้าก็อยากจะถามเหมือนกันว่าอาใหญ่ของเจ้าเอยมีแฟนหรือยัง”สาริศาไม่ได้อยากถามคำถามนี้หรอกแต่ก่อนมาที่นี่มารดาของเขาทีไปหาและบอกให้เธอช่วยถามให้หน่อย เนื่องจากตนเองเคยถามแล้วลูกชายบ่ายเบี่ยงมาตลอดดเลยต้องใช้ตัวช่วยอย่างสาริศา“ทำไมอาจะต้องมีแฟนด้วยล่ะเจ้าเอย”“ก็เอาใหญ่ทั้งหล่อทั้งรวยหุ่นก็ดีแบบนี้หนูว่าต้อง
เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาค่อนข้างดึกแล้วปีขาลก็เลยขอตัวกลับเขาจะส่งสาริศาที่คอนโดจากนั้นก็จะไปกินเหล้ากับเพื่อนเหมือนเดิม“อาเสือยังไม่มีแฟนจริงๆ เหรอคะ” สาริศาระหว่างนั่งรถกลับคอนโด“อืม...ตอนนี้ยังไม่มี”“แปลกนะคะ เอาเสือก็หน้าตาหล่อแล้วทำไมยังไม่มีแฟน”“ยังไม่อยากมี”“อาเสือจะใช้ชีวิตสนุกไปวันๆ ไม่ได้นะยังไงก็ต้องมีแฟน”“นี่แม่อากรอกหูอะไรมาอีกแล้วใช่ไหม”“เปล่านะคะ” สาริศารีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว“แน่นะเจ้าเอย”“คุณป้าก็แค่บอกว่าถ้าเจอคนดีๆ คนที่เหมาะสมก็พามาแนะนำให้อาเสือรู้จักบ้าง”“ไม่ต้องคิดจะจับคู่ให้อาเลยได้ค่าจ้างมาหรือเปล่าเนี่ย”“ไม่ได้จ้างเลยอยากเห็นหน้าเสือกับอาใหญ่มีแฟนจริงๆ”“แล้วเราไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรอเจ้าเอย”“แต่ก่อนก็เคยมีค่ะแต่ตอนนี้ไม่มี”“แสดงว่าเพิ่งอกหักมาใช่ไหม”“ค่ะ”“ผู้ชายคนนั้นเขาโง่มากนะที่ทิ้งเจ้าเอย”“อาเสือคิดแบบนั้นเหรอคะ ทำไมคะ”“เจ้าเอยก็เป็นผู้หญิงที่สวยอยู่นะฐานะทางบ้านก็ดี”“แต่มันไม่พอสำหรับผู้ชายเจ้าชู้นี่ค่ะ”“โดนนอกใจมาเหรอ”“อย่าพูดถึงมันเลยค่ะ หนูไม่อยากคิดถึงมันอีก ผู้ชายเลวๆ แบบนั้นน่ะเลิกได้ก็ดี”“นี่ยังแค้นเขาอยู่ใช่ไหม เขาทำอะไรให้ล่ะลองเล่
วันนี้เป็นวันหยุดของ สาริศาหญิงสาวตื่นนอนค่อนข้างสายกว่าทุกวัน เธอเห็นว่าด้านล่างมีฟิตเนสจึงลงไปออกกำลังกายสักหน่อยเพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยได้ออกกำลังกายเลยหลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้วสาริศาก็กลับขึ้นมาบนห้องเธอ เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องของปีขาล ก็รู้สึกแปลกใจเพราะเพิ่งคุยกับปีขาลอยู่เมื่อวานเขาบอกว่าไม่มีแฟนแล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครสาริศาเก็บความสงสัยไว้กับตัวเองได้ไม่นานหลังจากอาบน้ำแต่งตัวและลงไปหาข้าวกินด้านล่างคอนโดแล้วก็ขึ้นมากดออดเรียกปีขาลเพราะอยากจะถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เพราะเธอรับปากกับมารดาของเขาแล้วว่าจะเคยหาผู้หญิงที่เหมาะสมให้ชายหนุ่มปลดล็อกจากด้านในหญิงสาวก็รีบเปิดเข้าไปตอนนี้ปีขาลยังอยู่ในชุดนอนใบหน้าของเขาเหมือนคนเพิ่งตื่น“อาเสือเพิ่งตื่นเหรอคะ นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ”“เที่ยงเราไงวันนี้วันหยุดนี่แล้วเจ้าเอยมาห้องอาทำไม ไม่พักผ่อนเหรอ”“หนูมีเรื่องจะถามอาเสือนิดหน่อย” หญิงสาวนั่งบนโซฟาเอามือสองข้างทับกันบนพนักแล้วเกยคางไว้บนนั้นเพื่อหันหน้าคุยกับปีขาลที่ยืนพิงประตูห้องนอนด้วยสีหน้าบูดเพราะถูกรบกวนการนอนในเช้าวันหยุด“เรื่องมันด่วนมากถึงขนาดมาปลุกเ
ปีขาลชายหนุ่มวัย 35 กำลังเซ็งสุดขีดเมื่อมารดาโทรมาบอกให้เขารออยู่ที่ห้องทั้งที่เย็นนี้เขานัดเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนเขาหวังว่าธุระที่มารดาจะมาพูดกับเขาจะเสร็จก่อนที่จะถึงเวลาที่นัดไว้กับเพื่อน นานๆ ปีขาลกับเพื่อนถึงจะมีเวลาว่างตรงกันเขาก็เลยอยากจะสนุกอย่างเต็มที่ชายหนุ่มไม่รู้ว่าธุระที่มารดาพูดถึงนั้นมันจะสำคัญอะไรมากมายจนทำให้เธอต้องมาหาเขาถึงคอนโดก่อนถึงวันเสาร์ซึ่งเป็นวันที่จะกลับไปทานข้าวที่บ้านกับครอบครัวเป็นประจำ ดูท่าทางท่านจะใจร้อนเอามากๆระหว่างรอให้มารดามาหาปีขาลก็เก็บนิตยสารที่กองอยู่บนโต๊ะสี่เหลี่ยมหน้าโซฟาแล้วจับมันยัดไว้ในชั้นวางหนังสืออย่างลวกๆเพราะถ้ามารดามาเห็นก็คงจะบ่นเขาแน่ๆ ว่าทำห้องรกทั้งที่เขาเองก็มีแม่บ้านมาทำงานที่นี่วันเว้นวันอยู่แล้วแต่ไม่ว่าจะทำความสะอาดหรือเก็บกวาดยังไงห้องของเขามันก็กลับมารกเหมือนเดิมทุกทีเสียงออดที่หน้าประตูทำให้ปีขาลรีบลุกขึ้นไปเปิดอย่างรวดเร็ว“สวัสดีครับ แม่คิดถึงผมมากเลยต้องมาหาใช่ไหมครับ” ปีขาลกอดมารดาก่อนจะพาเธอมานั่งที่โซฟาและเปิดตู้เย็นหยิบน้ำทับทิมของโปรดมาให้“น้ำทับทิมครับแม่”“ขอบใจจ้ะ เสือยังรู้ใจแม่อยู่
“แม่แน่ใจนะครับว่าเจ้าเอยจะมาวันนี้จริงๆ ”“แน่ใจสิเสื้อ”“แล้วทำไมเธอยังไม่ออกมาสักทีล่ะครับ ผมว่ามันเลยเวลาแล้วนะ” ปีขาลเริ่มหงุดหงิดเพราะเขาไม่ชอบการรอคอย“น้องเขาอาจจะเข้าห้องน้ำหรือติดขัดตรงไหนก็ได้เสือ ก็ใจเย็นๆ หน่อยสิวันนี้ไม่มีธุระไปไหนไม่ใช่เหรอ”“ไม่มีธุระไปไหนหรอกครับแม่ แต่ผมคิดว่าบางทีเธออาจจะไม่มาเที่ยวบินเที่ยวนี้ก็ได้”“มาเที่ยวนี้สิ ก่อนขึ้นเครื่องเจ้าเอยยังโทรหาแม่อยู่เลย นั่นไงเจ้าเอยมาแล้ว” คุณนิตตราโบกมือให้กับหญิงสาวที่กำลังเดินลากกระเป๋าออกมาปีขาลมองตามไปแล้วเขาก็นิ่งเพราะไม่คิดไม่คิดมาก่อนว่าเด็กน้อยที่เคยเดินตามเขาต้อยๆ เมื่อหลายปีก่อนตอนนี้เธอโตเป็นสาวสะพรั่งแบบนี้ หุ่นทรงนาฬิกาทราย ผิวเธอขาวดูมีออร่า ใบหน้าสวย ดวงตากลมโตเมื่อเธอยิ้มก็เห็นลักยิ้มที่ข้างแก้มซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อนหรือเพราะตอนเด็กเธอจะอ้วนจนมองไม่ชัดหรือเพราะเขาไม่เคยสังเกตเองกันแน่ เธอในวันนี้แตกต่างจากเด็กน้อยราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน“สวัสดีค่ะคุณป้า สวัสดีค่ะอาเสือ” หญิงสาวกล่าวทักทายทำให้ปีขาลยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน“คุณป้าสบายดีไหมคะ”“สบายดีจ้ะ แล้วแม่หนูเป็นยังไงบ้าง”“ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ยั
“หนูนึกว่าวันนี้ป้าจะไปซื้อของกับหนูนะคะ”“เจ้าเอยไปกับอาเสือเถอะลูก ป้าอยู่มากแล้วเดินมากก็ปวดเข่าเดี๋ยวคนขับรถของป้าก็มารับแล้ว”“ขอบคุณค่ะคุณป้า แล้วมาค้างกับหนูอีกนะคะ”“แล้วป้าจะหาโอกาสมาก็แล้วกันนะ อย่าลืมนะเจ้าเอยมีอะไรก็บอกอาเสืออยากได้อะไรก็ให้อาเขาพาไปซื้อ เย็นวันเสาร์อาเสือเขาจะเข้าไปกินข้าวที่บ้าน หนูก็ไปกับเขาด้วยนะ”“หมายถึงไปกินข้าวที่บ้านคุณป้าเหรอคะ”“ใช่จ้ะ เจ้าเอยก็เคยไปแล้วจำได้ไหม”“มันนานมากๆ แล้วค่ะหนูไม่แน่ใจเท่าไหร่” สาริศาเคยไปบ้านหลังนั้นนานมากแล้ว น่าจะเป็นตอนที่ตามมารดาลงมาทำธุระ“อีกหน่อยก็ได้ไปบ่อยๆ เองแหละเพราะอาเสือเขาต้องไปกินข้าวกับครอบครัวทุกเย็นวันเสาร์”“ขอบคุณนะคะคุณป้าที่มานอนค้างกับหนูแล้วยังช่วยหนูจัดของอีก” หญิงสาวกอดเอวผู้สูงวัยอย่างประจบ เพื่อนของมารดาก็เปรียบเสมือนมารดาของเธออีกคน“ป้าสัญญากับแม่ของหนูแล้วว่าจะดูแลหนูอย่างดี หนูก็คือเป็นลูกสาวของป้าอีกคน คนขับรถของป้ามาถึงแล้วล่ะเจ้าเอย”“หนูลงไปส่งนะคะ”“ไม่เป็นไรจ้ะ หนูเตรียมตัวเถอะเดี๋ยวก็ถึงเวลานัดแล้วอาเขาเป็นคนตรงเวลา หนูนัดอาเสือทำอะไรหรือไปที่ไหนมีเรื่องเดียวที่ต้องระวังเรื่องตรงต่
คำว่ามาซื้อของใช้ส่วนตัวก็คือของใช้ส่วนตัวจริงๆ เพราะตอนนี้ในรถเข็นที่ปีขาลกำลังเข็นอยู่นั้นมีแต่ของใช้ผู้หญิงเต็มไปหมด ที่ผ่านมาปีขาลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย ถ้าไม่เพราะรับปากมารดาไปแล้วเขาคงทิ้งเธอไว้ที่นี่แล้วไปนั่งดื่มกาแฟรอแน่ๆปีขาลเริ่มมองเห็นความวุ่นวายและความไม่สงบสุขที่รออยู่ตรงหน้า“หนูซื้อของหนูครบแล้วค่ะ อาเสืออยากซื้ออะไรไหมหนูช่วยซื้อก็ได้นะคะ จะได้ไม่ต้องรบกวนคุณแม่บ้าน”“ไม่เป็นไรแค่อาเดินเข็นรถเข็นให้เอยอาก็ปวดขาจะแย่แล้ว”“อาเสือยังไม่แก่ซะหน่อยจะมาบ่นว่าปวดขาได้ยังไง”“ก็เจ้าเอยเดินซื้อของเกือบ 2 ชั่วโมงเป็นใครก็ต้องปวดขาไหมซื้อเสร็จแล้วก็รีบกลับกันเลยนะ”“หนูเพิ่งได้ของใช้ส่วนตัวเองนะคะ ยังไม่ได้อย่างอื่นเลย”“ก็เรามาซื้อให้ของใช้ส่วนตัว”“แต่หนูอยากได้ลิปสติกเพิ่ม อาเสือไปเป็นเพื่อนหนูซื้อหน่อยได้ไหม ถ้าอยากซื้อก็รีบไปจ่ายเงินค่าของพวกนี้”“ได้ค่ะ” สาริศารีบช่วยเขาเอาของออกจากรถเข็น เมื่อชำระเงินเสร็จก็มองถุงสามใบใหญ่“เอาของไปเก็บที่รถก่อนเดี๋ยวค่อยเข้ามาซื้อลิปสติก” เขาเห็นแล้วว่าถ้าถือของพวกนี้ไปคงได้แขนหลุดกันบ้าง“แค่เอาขอไปเก็บใช่ไหมคะ ไม่ใช่ว่าอาเสือจะกลับเลย
วันนี้เป็นวันหยุดของ สาริศาหญิงสาวตื่นนอนค่อนข้างสายกว่าทุกวัน เธอเห็นว่าด้านล่างมีฟิตเนสจึงลงไปออกกำลังกายสักหน่อยเพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยได้ออกกำลังกายเลยหลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้วสาริศาก็กลับขึ้นมาบนห้องเธอ เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องของปีขาล ก็รู้สึกแปลกใจเพราะเพิ่งคุยกับปีขาลอยู่เมื่อวานเขาบอกว่าไม่มีแฟนแล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครสาริศาเก็บความสงสัยไว้กับตัวเองได้ไม่นานหลังจากอาบน้ำแต่งตัวและลงไปหาข้าวกินด้านล่างคอนโดแล้วก็ขึ้นมากดออดเรียกปีขาลเพราะอยากจะถามว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เพราะเธอรับปากกับมารดาของเขาแล้วว่าจะเคยหาผู้หญิงที่เหมาะสมให้ชายหนุ่มปลดล็อกจากด้านในหญิงสาวก็รีบเปิดเข้าไปตอนนี้ปีขาลยังอยู่ในชุดนอนใบหน้าของเขาเหมือนคนเพิ่งตื่น“อาเสือเพิ่งตื่นเหรอคะ นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ”“เที่ยงเราไงวันนี้วันหยุดนี่แล้วเจ้าเอยมาห้องอาทำไม ไม่พักผ่อนเหรอ”“หนูมีเรื่องจะถามอาเสือนิดหน่อย” หญิงสาวนั่งบนโซฟาเอามือสองข้างทับกันบนพนักแล้วเกยคางไว้บนนั้นเพื่อหันหน้าคุยกับปีขาลที่ยืนพิงประตูห้องนอนด้วยสีหน้าบูดเพราะถูกรบกวนการนอนในเช้าวันหยุด“เรื่องมันด่วนมากถึงขนาดมาปลุกเ
เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาค่อนข้างดึกแล้วปีขาลก็เลยขอตัวกลับเขาจะส่งสาริศาที่คอนโดจากนั้นก็จะไปกินเหล้ากับเพื่อนเหมือนเดิม“อาเสือยังไม่มีแฟนจริงๆ เหรอคะ” สาริศาระหว่างนั่งรถกลับคอนโด“อืม...ตอนนี้ยังไม่มี”“แปลกนะคะ เอาเสือก็หน้าตาหล่อแล้วทำไมยังไม่มีแฟน”“ยังไม่อยากมี”“อาเสือจะใช้ชีวิตสนุกไปวันๆ ไม่ได้นะยังไงก็ต้องมีแฟน”“นี่แม่อากรอกหูอะไรมาอีกแล้วใช่ไหม”“เปล่านะคะ” สาริศารีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว“แน่นะเจ้าเอย”“คุณป้าก็แค่บอกว่าถ้าเจอคนดีๆ คนที่เหมาะสมก็พามาแนะนำให้อาเสือรู้จักบ้าง”“ไม่ต้องคิดจะจับคู่ให้อาเลยได้ค่าจ้างมาหรือเปล่าเนี่ย”“ไม่ได้จ้างเลยอยากเห็นหน้าเสือกับอาใหญ่มีแฟนจริงๆ”“แล้วเราไม่คิดจะมีแฟนบ้างเหรอเจ้าเอย”“แต่ก่อนก็เคยมีค่ะแต่ตอนนี้ไม่มี”“แสดงว่าเพิ่งอกหักมาใช่ไหม”“ค่ะ”“ผู้ชายคนนั้นเขาโง่มากนะที่ทิ้งเจ้าเอย”“อาเสือคิดแบบนั้นเหรอคะ ทำไมคะ”“เจ้าเอยก็เป็นผู้หญิงที่สวยอยู่นะฐานะทางบ้านก็ดี”“แต่มันไม่พอสำหรับผู้ชายเจ้าชู้นี่ค่ะ”“โดนนอกใจมาเหรอ”“อย่าพูดถึงมันเลยค่ะ หนูไม่อยากคิดถึงมันอีก ผู้ชายเลวๆ แบบนั้นน่ะเลิกได้ก็ดี”“นี่ยังแค้นเขาอยู่ใช่ไหม เขาทำอะไรให้ล่ะลองเล่
เย็นวันเสาร์สาริศามาทานอาหารที่บ้านของปีขาลตามคำชวนของป้านิตตรา เธอรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาบ้านหลังนี้อีกครั้งหลังจากเคยมาเมื่อหลายปีก่อน“เจ้าเอยสวยขึ้นมาก นี่ถ้าอาไปเจอที่อื่นคงจะจำไม่ได้แน่ๆ”“ขอบคุณค่ะอาใหญ่ แต่ถ้าหนูเจออาใหญ่ที่อื่นหนูก็จำอาใหญ่ได้ค่ะ อาใหญ่หน้าตาไม่เปลี่ยน” หญิงสาวเอ่ยชมใหญ่หรือปภังกรพี่ชายของปีขาลอย่างประจบเธอ และอาใหญ่เคยเจอกันครั้งสุดท้ายก็น่าจะประมาณห้าปีที่แล้วตอนนั้นเขาไปธุระที่เชียงใหม่และแวะไปเยี่ยมเธอกับบิดามารดาที่สวนส้ม“อาจะไม่เปลี่ยนได้ยังไงล่ะ เจ้าเอยโตขึ้นอาก็ต้องแก่ขึ้น”“แต่หนูว่าอาใหญ่ยังหล่ออยู่เลยนะคะ ดูเหมือนคนอายุไม่ถึงสามสิบเลยค่ะ”“ช่างประจบจริงๆ เลยนะเจ้าเอย”“หนูพุดความจริงค่ะอาใหญ่ อาใหญ่มีแฟนหรือยังคะเจ้าเอย”“ถามได้ตรงประเด็นมากเลยจ้ะ ป้าก็อยากจะถามเหมือนกันว่าอาใหญ่ของเจ้าเอยมีแฟนหรือยัง”สาริศาไม่ได้อยากถามคำถามนี้หรอกแต่ก่อนมาที่นี่มารดาของเขาทีไปหาและบอกให้เธอช่วยถามให้หน่อย เนื่องจากตนเองเคยถามแล้วลูกชายบ่ายเบี่ยงมาตลอดดเลยต้องใช้ตัวช่วยอย่างสาริศา“ทำไมอาจะต้องมีแฟนด้วยล่ะเจ้าเอย”“ก็เอาใหญ่ทั้งหล่อทั้งรวยหุ่นก็ดีแบบนี้หนูว่าต้อง
“ดูท่าทางจะชอบอ่านมากๆ ที่บ้านคงมีหนังสือมากใช่ไหม”“ใช่ค่ะ ที่บ้านหนูมีหนังสือมากแต่มาอยู่นี่หนูไม่ได้เอามาสักเล่มเลย ห้องอาเสือมีหนังสือไหมคะ”“ห้องอามีหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจแล้วก็หนังสือเกี่ยวกับอุปกรณ์การออกกำลังกายกับพวกเรื่องกีฬา เจ้าเอยคงไม่สนใจหรอกมั้ง”“สนใจสินค้าขอให้เป็นหนังสือหนูอ่านได้หมดแหละ ขอเข้าไปอ่านหนังสือในห้องอาเสือได้ไหม”“อาว่าไปเลือกเล่ม ที่ชอบเราเอากลับมาอ่านที่ห้องดีกว่านะ”“ทำไมล่ะห้องอาเสือมีอะไรคะทำไมหนูจะอ่านที่นั่นไม่ได้”“อาชอบดูหนังและเปิดเสียงดังถ้าเจ้าเอยคิดว่าจะนั่งอ่านได้แต่อาก็ไม่ว่าอะไร”“อาเสือชอบดูหนังประเภทไหนคะ”“ส่วนใหญ่อาจจะชอบดูหนังเก่า ของต่างประเทศน่ะจะได้ฝึกภาษาไปด้วย”“หนูก็ชอบดูหนังนะ”“เมื่อกี้บอกชอบอ่านหนังสือ แล้วตอนนี้ทำไมชอบดูหนัง”“ก็หนังส่วนใหญ่มันก็สร้างมาจากหนังสือ หนูอ่านหนังสือแล้วก็อยากจะรู้ว่าคนที่เขาเอามาทำหนังเขาตีความจากนิยายได้ดีมากแค่ไหน หนูไปดูด้วยได้ไหม”“ตกลงจะเข้าไปในห้องอาให้ได้เลยใช่ไหม”“แล้วมันได้ไหมล่ะคะ”“ถ้าอาห้ามเจ้าเอยจะไปฟ้องแม่ไหมล่ะ”“เรื่องแค่นี้หนูไม่เอาเป็นไฟฟ้องคุณป้าหรอกค่ะ อาเสือสบายใจได้แต่ถ้าอ
รุ่นพี่พาหญิงสาวไปยังห้องประชุมเล็กๆ ที่อยู่ถัดจากห้องพักเบรก ตอนนี้พี่หญิงหรือพี่ธนพรหัวหน้าบรรณารักษ์และมีผู้หญิงและผู้ชายนั่งรออยู่ก่อนแล้วสาริศายิ้มทักทายจากนั้นพี่หญิงก็แนะนำเธอให้รู้จักกับพนักงานคนใหม่ชื่อพรปวีณ์หรือลูกเกดซึ่งเพิ่งจบระดับชั้นปวส.มา ก็เท่ากับว่าเธอเป็นน้องของตนเองสองปี ส่วนอีกคนเป็นพนักงานผู้ชายชื่อธนภูมิหรือภูมิซึ่งเป็นน้องชายได้แท้ๆ ของพี่ธนพร เขาจะมาทำงานในตำแหน่งพนักงานหอสมุดหน้าที่หลักๆ ก็คือจัดเรียงหนังสือและเก็บหนังสือที่นักศึกษาอ่านแล้วเข้าที่“เอาล่ะสามคนทำความรู้จักกันนะ พี่ให้เวลาคุยกันสิบนาทีจากนั้นก็ไปเริ่มงานของตนเอง“พี่ชื่อสาริศาเรียกว่าเจ้าเอยหรือเอยก็ได้” สาริศาแนะนำตัวเป็นคนแรก“หนูชื่อพรปวีณ์ค่ะเรียกว่าลูกเกดหรือเกดก็ได้ค่ะ”“ผมชื่อธนภูมิหรือภูมิก็ได้ครับ”“ลูกเกดจบแล้วก็มาทำงานที่นี่เลยหรือเปล่าจ๊ะ”“ใช่ค่ะพี่เอยเกศจบแล้วก็มาทำงานที่นี่เป็นที่แรก”“เหมือนกันเลยพี่ก็เพิ่งเริ่มงานที่นี่ที่แรกเหมือนกันแล้วภูมิล่ะ”สาริศาหันไปทำชายหนุ่มที่ดูแล้วน่าจะอายุเท่ากับเธอ“ผมเรียนรามอยู่ครับ”“เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเหรอ”“ครับปีนี้ก็จะจบแล้ว มีเรียนอีกไม
วันนี้เป็นวันทำงานอย่างจริงจังวันแรกหลังจากที่สองวันก่อนหน้านี้สาริศาเข้าไปรายงานตัวกับหัวหน้าสำนักงานหอสมุดมาแล้วเธอก็พอจะทราบเครือข่ายงานคร่าวๆ ว่าเธอต้องทำงานที่หอสมุดเป็นหลักแต่ก็อาจจะมีหมุนเวียนไปตามห้องสมุดคณะต่างๆ ถ้าหากว่าช่วงนั้นบรรณารักษ์ประจำคณะไม่อยู่สาริศาค่อนข้างตื่นเต้นหญิงสาวแต่งตัวเสร็จตั้งแต่เจ็ดนาฬิกาและรอให้ถึงเวลาแปดนาฬิกาเพราะเธอนัดกับปีขาลไว้พอถึงเวลาแปดนาฬิกาตรงหญิงสาวเปิดประตูออกมากำลังลังเลว่าจะกดออดเรียกปีขาลดีหรือเปล่าแต่มือเล็กๆ ที่กำลังจะเอื้อมก็หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเขาเปิดประตู“ทำไมอาเสือยังใส่ชุดนี้อยู่คะ หนูต้องรีบไปทำงานแล้วนะ” หญิงสาวโวยวายเมื่อเห็นปีขาลสวมกางเกงวอร์มกับเสื้อยืดดูยังไงก็ไม่เหมือนกับคนพร้อมจะไปทำงานเลย“อาก็กำลังจะไปส่งเจ้าเอยอยู่นี่ไง ถ้าไม่อยากสายก็เดินตามมา” ปีขาลก้าวเท้ายาวๆ เดินนำหน้าสาริศาวิ่งตาม“แล้วทำไมเอาเสือยังใส่ชุดนี้ล่ะคะ”“อาไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัทแต่เช้าหรือเข้าบริษัททุกวันหรอกนะเจ้าเอย”“หนูลืมไปค่ะว่าอาเสือเป็นเจ้าของบริษัท แล้วแบบนี้ลูกน้องจะไม่ว่าอะไรเหรอคะ เจ้านายไปทำงานสาย” หญิงสาวถามขณะที่เขากำลังกดปิดประ
คำว่ามาซื้อของใช้ส่วนตัวก็คือของใช้ส่วนตัวจริงๆ เพราะตอนนี้ในรถเข็นที่ปีขาลกำลังเข็นอยู่นั้นมีแต่ของใช้ผู้หญิงเต็มไปหมด ที่ผ่านมาปีขาลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย ถ้าไม่เพราะรับปากมารดาไปแล้วเขาคงทิ้งเธอไว้ที่นี่แล้วไปนั่งดื่มกาแฟรอแน่ๆปีขาลเริ่มมองเห็นความวุ่นวายและความไม่สงบสุขที่รออยู่ตรงหน้า“หนูซื้อของหนูครบแล้วค่ะ อาเสืออยากซื้ออะไรไหมหนูช่วยซื้อก็ได้นะคะ จะได้ไม่ต้องรบกวนคุณแม่บ้าน”“ไม่เป็นไรแค่อาเดินเข็นรถเข็นให้เอยอาก็ปวดขาจะแย่แล้ว”“อาเสือยังไม่แก่ซะหน่อยจะมาบ่นว่าปวดขาได้ยังไง”“ก็เจ้าเอยเดินซื้อของเกือบ 2 ชั่วโมงเป็นใครก็ต้องปวดขาไหมซื้อเสร็จแล้วก็รีบกลับกันเลยนะ”“หนูเพิ่งได้ของใช้ส่วนตัวเองนะคะ ยังไม่ได้อย่างอื่นเลย”“ก็เรามาซื้อให้ของใช้ส่วนตัว”“แต่หนูอยากได้ลิปสติกเพิ่ม อาเสือไปเป็นเพื่อนหนูซื้อหน่อยได้ไหม ถ้าอยากซื้อก็รีบไปจ่ายเงินค่าของพวกนี้”“ได้ค่ะ” สาริศารีบช่วยเขาเอาของออกจากรถเข็น เมื่อชำระเงินเสร็จก็มองถุงสามใบใหญ่“เอาของไปเก็บที่รถก่อนเดี๋ยวค่อยเข้ามาซื้อลิปสติก” เขาเห็นแล้วว่าถ้าถือของพวกนี้ไปคงได้แขนหลุดกันบ้าง“แค่เอาขอไปเก็บใช่ไหมคะ ไม่ใช่ว่าอาเสือจะกลับเลย
“หนูนึกว่าวันนี้ป้าจะไปซื้อของกับหนูนะคะ”“เจ้าเอยไปกับอาเสือเถอะลูก ป้าอยู่มากแล้วเดินมากก็ปวดเข่าเดี๋ยวคนขับรถของป้าก็มารับแล้ว”“ขอบคุณค่ะคุณป้า แล้วมาค้างกับหนูอีกนะคะ”“แล้วป้าจะหาโอกาสมาก็แล้วกันนะ อย่าลืมนะเจ้าเอยมีอะไรก็บอกอาเสืออยากได้อะไรก็ให้อาเขาพาไปซื้อ เย็นวันเสาร์อาเสือเขาจะเข้าไปกินข้าวที่บ้าน หนูก็ไปกับเขาด้วยนะ”“หมายถึงไปกินข้าวที่บ้านคุณป้าเหรอคะ”“ใช่จ้ะ เจ้าเอยก็เคยไปแล้วจำได้ไหม”“มันนานมากๆ แล้วค่ะหนูไม่แน่ใจเท่าไหร่” สาริศาเคยไปบ้านหลังนั้นนานมากแล้ว น่าจะเป็นตอนที่ตามมารดาลงมาทำธุระ“อีกหน่อยก็ได้ไปบ่อยๆ เองแหละเพราะอาเสือเขาต้องไปกินข้าวกับครอบครัวทุกเย็นวันเสาร์”“ขอบคุณนะคะคุณป้าที่มานอนค้างกับหนูแล้วยังช่วยหนูจัดของอีก” หญิงสาวกอดเอวผู้สูงวัยอย่างประจบ เพื่อนของมารดาก็เปรียบเสมือนมารดาของเธออีกคน“ป้าสัญญากับแม่ของหนูแล้วว่าจะดูแลหนูอย่างดี หนูก็คือเป็นลูกสาวของป้าอีกคน คนขับรถของป้ามาถึงแล้วล่ะเจ้าเอย”“หนูลงไปส่งนะคะ”“ไม่เป็นไรจ้ะ หนูเตรียมตัวเถอะเดี๋ยวก็ถึงเวลานัดแล้วอาเขาเป็นคนตรงเวลา หนูนัดอาเสือทำอะไรหรือไปที่ไหนมีเรื่องเดียวที่ต้องระวังเรื่องตรงต่
“แม่แน่ใจนะครับว่าเจ้าเอยจะมาวันนี้จริงๆ ”“แน่ใจสิเสื้อ”“แล้วทำไมเธอยังไม่ออกมาสักทีล่ะครับ ผมว่ามันเลยเวลาแล้วนะ” ปีขาลเริ่มหงุดหงิดเพราะเขาไม่ชอบการรอคอย“น้องเขาอาจจะเข้าห้องน้ำหรือติดขัดตรงไหนก็ได้เสือ ก็ใจเย็นๆ หน่อยสิวันนี้ไม่มีธุระไปไหนไม่ใช่เหรอ”“ไม่มีธุระไปไหนหรอกครับแม่ แต่ผมคิดว่าบางทีเธออาจจะไม่มาเที่ยวบินเที่ยวนี้ก็ได้”“มาเที่ยวนี้สิ ก่อนขึ้นเครื่องเจ้าเอยยังโทรหาแม่อยู่เลย นั่นไงเจ้าเอยมาแล้ว” คุณนิตตราโบกมือให้กับหญิงสาวที่กำลังเดินลากกระเป๋าออกมาปีขาลมองตามไปแล้วเขาก็นิ่งเพราะไม่คิดไม่คิดมาก่อนว่าเด็กน้อยที่เคยเดินตามเขาต้อยๆ เมื่อหลายปีก่อนตอนนี้เธอโตเป็นสาวสะพรั่งแบบนี้ หุ่นทรงนาฬิกาทราย ผิวเธอขาวดูมีออร่า ใบหน้าสวย ดวงตากลมโตเมื่อเธอยิ้มก็เห็นลักยิ้มที่ข้างแก้มซึ่งเขาไม่เคยเห็นมาก่อนหรือเพราะตอนเด็กเธอจะอ้วนจนมองไม่ชัดหรือเพราะเขาไม่เคยสังเกตเองกันแน่ เธอในวันนี้แตกต่างจากเด็กน้อยราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน“สวัสดีค่ะคุณป้า สวัสดีค่ะอาเสือ” หญิงสาวกล่าวทักทายทำให้ปีขาลยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน“คุณป้าสบายดีไหมคะ”“สบายดีจ้ะ แล้วแม่หนูเป็นยังไงบ้าง”“ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ยั