“นี่คุณ เป็นอะไรมากไหมเนี่ย ทำไม? เห็นหน้าผมแล้วอยากอ้วก”
“คุณรู้ด้วยเหรอ!”
“น้อยๆ หน่อยเถอะ” คนพูดนึกมันเขี้ยวขึ้นมาตงิดๆ มีอย่างหรือผู้หญิงอื่นเห็นหน้าตาเขามีแต่อยากวิ่งเข้าหา มีแต่ยัยบ้านี่เห็นหน้าเขาแล้วจะอ้วก พิลึกคน
“ฉันไม่ได้แกล้งนะคะ แต่เวลามองหน้าคุณมันทำให้อยากอ้วกจริงๆ นี่นา”
ยัง! ยังจะมาย้ำอีก มันน่าช่วยไหมเนี่ย
“เอาล่ะ ผมไม่มีเวลามาทะเลาะเรื่องไร้สาระกับคุณหรอกนะ ถ้ายังรู้สึกไม่ดีก็นอนพักที่นี่ไปก่อนแล้วกัน ผมจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ต้องกลับขึ้นเวทีต่อ เฮ้อ...ตัวผมเหม็นอ้วกไปหมดแล้วเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นอย่างระอา แต่ตอนที่เขากำลังจะหันหลังออกไป ก็นึกขึ้นได้
“อ้อ! คุณคงไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้เมื่อสองเดือนก่อนใช่ไหม”
จารุพัชรชะงักกึก หน้าชาวาบๆ มือทั้งสองยกขึ้นมากุมที่หน้าท้องอย่างลืมตัว
“มะ...ไม่ ไม่ลืมค่ะ คุณไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ลืมสัญญาหรอก”
“งั้นก็ดี หวังว่าเราจะไม่ต้องพบกันอีกเป็นหนที่สามนะ” แค่สองหนที่เขาได้พบเธอ ชีวิ
“ยาบำรุงครรภ์ หรือว่าน้องคนเมื่อกี้จะท้อง มิน่าล่ะ ถึงได้อ้วกแตกอ้วกแตนแบบนั้น สงสัยนางจะแพ้ท้องล่ะสิ แล้วทำไมสามีถึงยังปล่อยนางมาเดินท่อมๆ คนเดียวไม่มาดูแลนะ ใช้ไม่ได้จริงๆ เลยผู้ชายสมัยนี้”ชายหนุ่มได้ฟังดังนั้นก็ถึงกับอึ้งปนแสบๆ คันๆ เหมือนโดนแทงใจดำ“แพ้ท้องงั้นเหรอ...”ยัยนั่นเนี่ยนะท้อง อย่าบอกนะว่า...พระเอกหนุ่มใจหายวาบ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันที เมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น สัมพันธ์สวาทลึกซึ้งที่เขาเพิ่งมารู้ทีหลังว่าเกิดจากเล่ห์เหลี่ยมของผู้ไม่หวังดีบางคนที่วางยากระตุ้นเซ็กซ์หวังทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง ดีที่เขาไหวตัวทันจึงหนีเอาตัวรอดมาได้หวุดหวิด แต่ไม่ดีคือมีคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาร่วมรับเคราะห์กับเขาด้วยนี่สินี่มันก็ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้ว คืนนั้นเพราะฤทธิ์ยาทำให้เขาไม่ได้ป้องกันเสียด้วย และยิ่งคิดถึงรอยเลือดที่เปื้อนบนเตียงของเขาก็พอจะยืนยันได้ว่ายัยนั่นยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นตั้งครรภ์ลูกของเขาแล้วจู่ๆ คำพูดหนึ่งของเธอคนนั้นก็ผุ
“คุณให้เขาประกาศหาตัวฉันในห้างใช่ไหม” พอรถเคลื่อนออกจากห้าง หญิงสาวก็หันมาถามคนที่เอาแต่เงียบตั้งแต่เธอขึ้นรถมา“ใช่”“ทำไมคะ ก็ไหนคุณบอกว่าไม่อยากเห็นหน้าฉันเป็นหนที่สามไม่ใช่หรือไง”“ก็ใช่” คำตอบนั้นทำให้หน้าคนฟังเริ่มตึงๆ จนต้องนับหนึ่งถึงสิบในใจ“คุณบอกว่าคุณเก็บกระเป๋าฉันได้ ไหนล่ะคะกระเป๋าที่ว่า”“อยู่ที่เบาะหลังนั่นไง”หญิงสาวรีบเอี้ยวตัวไปมองก็เห็นกระเป๋าตัวเองอยู่ที่นั่น จึงเอื้อมมือไปหยิบมาอย่างโล่งใจ“ขอบคุณนะคะ ว่าแต่คุณไม่ได้...” ค้นกระเป๋าฉันใช่ไหม ประโยคนั้นถูกกลืนลงไป เพราะเจ้าตัวนึกได้ว่าเหมือนเป็นการสบประมาทอีกฝ่ายแรงไปหน่อย เขาเป็นคนดังคงไม่มาค้นกระเป๋าใครสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกมั้ง เพราะถ้าค้นจริงก็คงได้เจอสิ่งนั้น และเขาคงไม่นั่งนิ่งแบบนี้แน่ๆ“ไม่ได้อะไร...”“เปล่าค่ะ ฉันขอบคุณมากนะคะ ทั้งเรื่องกระเป๋า แล้วก็เรื่องที่คุณช่วยฉันไว้ตอนเป็นลมในงานเมื่อกี้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วช่วยจอดให้ฉันลงตรงป้ายรถข้างหน้าได้ไ
คราวนี้ยิ่งกว่าโดนลากไปตบกลางสี่แยก แต่เหมือนโดนเขาสาดหน้าด้วยน้ำกรดซ้ำเข้าไปอีกถังใหญ่ จนหัวใจปวดแสบปวดร้อนไปหมด ตาบ้านี่คิดว่านอกจากเขา เธอยังไปนอนกับคนอื่นจนท้องแล้วมาโมเมว่าเป็นลูกเขาอย่างนั้นเหรอ“นี่คุณ! ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่คนดัง หรือคนรวยแบบคุณ แต่ฉันก็ไม่ได้มั่วขนาดจะไปนอนกับใครไม่เลือกหน้าได้หรอกนะ แล้วถ้าคุณคิดทบทวนให้ดีๆ คืนนั้นฉันไม่ได้ขอไปนอนกับคุณ แต่เป็นคุณต่างหากที่เป็นฝ่ายเริ่ม เอ่อ...ก่อน” หญิงสาวพูดรัวๆ ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว“ถ้าคุณไม่เชื่อว่าเด็กคนนี้เป็นลูก นั่นก็เรื่องของคุณ ฉันไม่ได้บอกให้เชื่อหรือขอให้คุณมารับผิดชอบฉันกับลูก เรื่องที่พลาดไปแล้วฉันก็ยอมรับมัน เพราะเห็นแก่ที่คุณมีน้ำใจกับยัยจิ๊บ แต่อย่ามาดูถูกกันแบบนี้ ลูกคนเดียวฉันมีปัญญาเลี้ยงได้”“แล้วถ้าลูกหรือคนอื่นถามว่าใครเป็นพ่อ คุณจะตอบเขาว่ายังไง”“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันก็จะตอบลูกฉันว่าพ่อเขาตีตั๋วเที่ยวเดียวไปทัวร์สวรรค์ก็แล้วกัน แค่นี้ก็หมดเรื่อง”ธิเบศฟังแล้วฉุนกึกจนขบกรามแน่น ยัยบ้านี่บังอาจมาแช่งให้เขาไป
“มันก็คงจะทันค่ะ ถ้าพี่รีบขับรถไปรับเองตอนนี้ หรือไม่ก็เรียกแมสเซนเจอร์เอามาส่งให้ที่นี่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ไม่ใช่เอาแต่โวยวายด่าแจนปาวๆ สักแต่โบ้ยความผิดให้คนอื่นแบบนี้” มาตาหรือพี่มดถึงกับหน้าตึงกัดฟันกรอดๆ เมื่อถูกตอกหน้ากลับจังๆ จากเด็กที่เธอเห็นเป็นแค่เบ๊ในออฟฟิศที่ไม่มีปากมีเสียงอย่างจารุพัชร“นี่! เธอกล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้ เธอเป็นใครฉันเป็นใครให้มันรู้หัวรู้ก้อยซะบ้างสิ”“ก็ถ้าพี่ไม่ตะคอกใส่กันปาวๆ และยอมรับฟังเหตุผลกันดีๆ บ้าง แจนก็จะไม่พูดแบบนี้กับพี่ ทุกครั้งที่พี่โยนงานตัวเองให้ทำ ผลงานทั้งหลายพี่ก็เอาความดีความชอบไปคนเดียวหมด แจนไม่เคยบ่นสักคำ ต่อให้ต้องกลับบ้านดึกดื่นขนาดไหนก็ทำให้ แต่นี่มันเกินไปหน่อยไหมคะ เอาแต่ด่ากันปาวๆ ไม่เกรงใจ แล้วทำไมแจนต้องเกรงใจพี่ด้วย ในเมื่อเราก็เป็นพนักงานกินเงินเดือนบริษัทเหมือนๆ กัน”“นังแจน!”มาตาตะคอกใส่อย่างเหลืออด พอมองไปรอบตัวก็เห็นเพื่อนร่วมงานคนอื่นหันไปซุบซิบ บางคนก็แอบพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่จารุพัชรพูดมาซึ่งล้วนเป็นเรื่องจริง แต่ไม่มีใครกล้าอ
ทำให้เธอโดนพิจารณาให้ไม่ผ่านโปรเวชั่น และต้องถูกเชิญให้ออกไปอย่างน่าเสียดาย แต่ยังดีอยู่บ้างที่บริษัทยังยอมจ่ายเงินชดเชยมาให้บ้างเล็กน้อยตามกฏ ทำให้เธอพอประทังชีวิตระหว่างหางานใหม่ ซึ่งก็คงหาไม่ได้ง่ายนักหรอกเมื่อมีข่าวฉาวไปทั้งประเทศออกมาแบบนี้ถ้าคิดว่านี่ถือเป็นคราวเคราะห์ใหญ่ หลังจากที่เสียน้องสาวคนเดียวไป แถมยังต้องมาท้องโดยที่พ่อของลูกไม่อยากรับ และไหนจะต้องตกงานกลางอากาศเพราะบังอาจไปหือกับขาใหญ่ในออฟฟิศอีกจารุพัชรก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมารับมือกับโชคร้ายอะไรอีก แต่ทว่าเธอก็ต้องคิดผิดอย่างแรง...“ว่าไงนะคะเจ๊หงส์! เจ๊จะไล่หนูออกจากอะพาร์ตเม้นท์งั้นเหรอคะ”“ใจเย็นๆ ก่อนนะหนูแจน จริงๆ แล้วเจ๊ก็ไม่อยากทำหรอก เพราะยังไงหนูกับน้องสาวก็อยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้ว”“ก็นั่นสิคะ ถ้าไม่อยากทำแล้วเจ๊จะไล่หนูออกทำไม”“ก็...หนูเล่นค้างค่าเช่าเดือนนี้เป็นเดือนที่สี่แล้วน่ะสิ ผัวเจ๊มันรู้เข้าก็ด่าเจ๊เปิงเลยเนี่ย มันบอกว่าถ้าหนูไม่จ่ายค่าเช่าที่ค้างไว้ทั้งหมดมา ก็ต้องให้ย้ายออกตามกฏ”“ถ้าเป็น
“ไม่นี่ครับ อร่อยดี ทำให้หายคลื่นไส้ดีด้วย มีอีกไหมครับ แบบเปรี้ยวกว่านี้อะไรก็ได้”ศุภกรหันไปสบตากับทีมงานกองถ่ายที่อยู่ใกล้ๆ เพราะต่างก็รู้ว่ามะม่วงในจานนั้นเปรี้ยวเข็ดฟันแค่ไหน ขนาดจิ้มน้ำปลาหวานก็ยังไม่ช่วย แต่คนตรงหน้ากลับดูกินได้หน้าตาเฉยน่าแปลก!ระหว่างที่กำลังเอร็ดอร่อยกับผลไม้จานโปรด จู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้า ศุภกรมองเบอร์ที่โชว์หน้าจอที่ไม่ระบุชื่อก็แปลกใจ“โทรศัพท์ของธิมน่ะ แต่เบอร์แปลกนะไม่มีชื่อด้วย ธิมจะรับเองหรือเปล่า”ธิเบศปรายตามองเบอร์ที่โชว์หน้าจอ ขณะที่ปากก็เคี้ยวมะม่วงตุ้ยๆ ก่อนพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับรับสาย และเดินเลี่ยงไปอีกทาง“ว่าไง ได้เรื่องไหม” ชายหนุ่มกรอกเสียงถาม แต่เมื่อได้ยินคำตอบจากปลายสาย ใบหน้าหล่อเหลาก็เครียดขึ้นเรื่อยๆ“ว่าไงนะ ตกงาน ถูกไล่ออกจากอะพาร์ตเม้นท์เนี่ยนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วตอนนี้ยัยนั่นไปอยู่ที่ไหน ผมรู้แล้ว จะรีบไปที่นั่นให้เร็วที่สุด คุณเฝ้าเขาไว้ก่อนอย่าให้คลาดสายตานะ ได้ๆ ผมจะรีบไปทันทีที่เสร็จงาน เท่านี้นะ”ธิเบศกดตัดสาย ด
“เอานี่ รับไปสิ”“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยื่นมือไปรับแก้วน้ำดื่มจากใครบางคนที่ยื่นให้ น้ำเย็นฉ่ำชื่นใจทำให้อาการผะอืดผะอมคลายลงไปได้บ้าง“ยาดมหน่อยไหมจะรู้สึกได้ดีขึ้น”จารุพัชรรับหลอดยาดมมาสูดฟืดเต็มปอด นาทีนี้อะไรว่าดีทำให้เธอหายจากอาการที่เป็นอยู่ เธอเอาหมด“ขอบคุณนะคะ นี่ค่ะยาดมของคุณ...เอ๊ะ!”ว่าที่คุณแม่กะพริบตาถี่ๆ พลางส่ายหน้าไปมา นี่เธอหิวจนตาฝาด หรือเมาอ้วกจนหน้ามืดเห็นภาพหลอนกันแน่ ที่หันไปเห็นคนที่กำลังแอบแช่งมายืนตรงหน้า“คะ...คุณมาได้ยังไงเนี่ย”ธิเบศมองคนถามที่ทำหน้าเหวอน้ำลายยืดอย่างน่าตลกก็อดขำในใจไม่ได้“ในรถผมมีมะม่วงเปรี้ยวจี๊ดด้วย ถ้าคุณสนใจก็ตามมาได้นะ”หืม? ตาบ้านี่ประสาทกลับหรือไงถึงได้เอาของกินมาล่อกันแบบนี้ แต่ว่าสิ่งที่เขาบอกมันก็ทำให้เธออดเปรี้ยวปากไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ“คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”“ขึ้นรถก่อน แล้วค่อยถาม วันนี้ผมไม่ได้พรางตัว ถ้าคุณไม่อยากเป็นข่าวหรือถูกแฟนคลับผมตามรุมทึ้งล่ะ
หญิงสาวฟังนิ่ง ในใจครุ่นคิดว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหนกันแน่ แต่เมื่อมานั่งคิดอีกที ทางออกที่เขาเสนอมันก็ไม่เลวแฮะ เธอไม่ได้ไปเกาะเขากิน แต่ทำงานให้เขา มีที่กินที่อยู่ฟรี แถมได้เงินเดือนอีกด้วย“แล้วงานที่ว่านี่ฉันต้องทำอะไรบ้างคะ”“ก็ทั่วๆ ไป ทำพวกงานบ้านดูแลเก็บกวาดบ้าง ทำอาหารบ้าง แต่ผมไม่ค่อยกินข้าวที่บ้านหรอก ฉะนั้นคุณก็ทำกินของคุณไปจนกว่าจะทำไม่ไหวหรือใกล้คลอดแล้วกัน งานง่ายๆ แค่นี้ทำได้ไหม”ธิเบศเอ่ยตามที่เขาคิดวางแผนมาตลอดทาง การปล่อยให้ผู้หญิงตัวคนเดียวแถมยังตั้งครรภ์อ่อนๆ อย่างจารุพัชรออกไปตะลอนคนเดียว เขาก็ไม่อาจนิ่งดูดายได้ อย่างน้อยทำแบบนี้เธอก็จะได้อยู่ในสายตาเขา ถึงแม้ว่าเขาจะรักความเป็นส่วนตัวสูงก็เถอะ“แล้วหากฉันคลอดเสร็จคุณก็จะเฉดหัวฉันไป แล้วยึดลูกไว้คนเดียวเหมือนในละครที่คุณเคยแสดงล่ะสิ” หญิงสาวดักคอ“นี่คุณ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า นั่นมันบทตัวร้ายต่างหาก”“คุณก็ตัวร้ายดีๆ นี่เองแหละน่า”“เมื่อกี้คุณว่าไงนะ ผมได้ยินไม่ถนัด”“เปล่าค่ะ&rdq
เอาเถอะ นาทีนี้ชีวิตคนต้องมาก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง หญิงสาวหลับตาเพื่อเลี่ยงภาพบาดใจ แต่ทว่า...“ผมผายปอดไม่เป็น!”หญิงสาวลืมตามองคนพูดทันใด“ขอโทษครับ ใครผายปอดแบบเม้าท์ทูเม้าท์ได้บ้าง” ธิเบศหันไปถามเหล่าไทยมุงหน้าตาเฉย และไม่นานก็มีพลเมืองดีอาสา“ผมทำได้ครับ ผมเคยฝึกมา” คนพูดคือชายวัยกลางคนตัวใหญ่ผิวคล้ำ แม้ท่าทีจะดูน่ากลัวไปนิด แต่ถือว่าเขามีน้ำใจ“งั้นช่วยกันหน่อยนะครับ ถือว่าเอาบุญ” ธิเบศลงเสียงหนักในประโยคสุดท้าย ก่อนรีบขยับหลีกทางให้พลเมืองดีเข้ามาทำหน้าที่แทน ส่วนเขาก็รีบยืนข้างๆ ภรรยาที่ตอนนี้ทำหน้าเหวอ ก่อนกระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ“รอดูฉากเด็ดนะ”ฉากเด็ด! ฉากเด็ดอะไรล่ะ หญิงสาวได้แต่มองหน้าสามีสุดหล่ออย่างงุนงง ก่อนหันไปจ้องมองนาทีชีวิตของเมลดาตาแทบไม่กะพริบพลเมืองดีคนนั้นท่าทางจะมีความรู้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นคนจมน้ำจริงอย่างที่พูด เขาจัดการลงมือช่วยหญิงสาวอย่างคล่องแคล่ว หากทว่าตอนที่เขากำลังจะทำการเป่าปากแบบเม้าท์ทูเม้าท์นั้นเอง จู่ๆ คนที่นอนนิ่งก็ล
จารุพัชรเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดุขึ้งจากอารมณ์ขุ่นมัวที่ค้างมาจากอดีตแฟนเก่า มืออุ่นๆ ของเขายังกุมมือเธอไว้แน่น และวงแขนแข็งแรงก็โอบอุ้มยอดดวงใจตัวน้อยไว้ไม่ปล่อยเธอไม่เคยเห็นเขาโมโหมากเท่านี้มาก่อน หากสิ่งที่เมลดาทำนั้นก็สมควรที่จะทำให้เขาไม่พอใจ“คุณธิมคะ” อดไม่ได้เลยเรียกเขาเบาๆ“หืม...คุณมีอะไรเหรอ เมื่อกี้เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”“แจนไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ส่วนลูกก็คงตกใจแต่ยังไม่ทันโดนทำร้ายอะไร”ธิเบศถอนหายใจ พลางหยุดเดินแล้วหันมาสบตา“ผมขอโทษนะ”“ขอโทษเรื่องอะไรคะ แจนกับลูกต้องขอบคุณคุณต่างหากที่เข้ามาปกป้องเราสองคน ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้ ทำให้สีหน้าดุๆ คลายลง“ขอบคุณเฉยๆ เหรอ แล้วรางวัลของผู้กล้าล่ะ”จารุพัชรมองคนพูดอย่างหมั่นใส้ แต่ทว่าเธอก็ยอมเขย่งปลายเท้าขึ้นและบรรจงจูบที่แก้มของเขาเบาๆ ไปทีหนึ่ง แต่เจ้าตัวกลับยื่นปากให้ หญิงสาวยิ้มเขินๆ“พอแล้วค่ะ อายลูกบ้าง”“อายทำไมเนอะลูกเนอะ หนูชอบให้พ่อกับแม่ส
“นี่แก!” เมลดามองศัตรูหัวใจราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เจ็บใจที่ผิดแผน ต้องโทษที่ยัยเด็กบ้านี่ทำให้เธอเสียอาการจนดูแย่ในสายตาบุรุษที่หมายปอง“ธิมคะ...เมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ...”“ไม่ตั้งใจงั้นเหรอ...คนที่คุณควรขอโทษคือลูกและเมียผมต่างหาก อ้อ! แล้วที่คุณว่าลูกผมว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนน่ะ ผมว่าคงไม่ใช่ลูกผมหรอกที่ควรโดนว่า แต่เป็นคุณต่างหาก...” เมลดาสะอึก หน้าเสีย ดวงตาคู่งามมีน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปากร้ายขนาดนี้“ธิมคะ ทำไมคุณว่าเมหนักแบบนี้ เมบอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ แล้วเมก็ยังไม่ได้ทำร้ายลูกคุณเลยนะคะ”“พอเถอะนะเม ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรของคุณ เอาเป็นว่า เราต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะ คุณจะทำเป็นไม่รู้จักผมเลยก็ได้ ผมไม่สน แต่อย่ามายุ่งกับลูกเมียผมอีก จะให้ดีคุณช่วยหายไปเหมือนวันนั้นได้ไหม ผมจะขอบคุณมาก”โอ้...จารุพัชรนิ่วหน้านิดๆ แอบเจ็บแทนคนฟัง ธิเบศเวอร์ชั่นปราบมารนี้อาจดูใจร้ายไปสักหน่อยสำหรับเมลดา แต่กลับกร้าวใจคนเป็นภรรยาเหลือเกิน พ่อคนหวงลูกหวงเมีย พ่อพระเอกนอกจอโอ๊ย...พ่อทูนหั
“จะรีบไปไหนล่ะคะ”เมลดาก้าวเข้ามาหาสองแม่ลูก วันนี้เธอสวมชุดว่ายน้ำทูพีชมีเสื้อคลุมเนื้อบางเบาสวมทับไว้อย่างสวยเก๋และดูเซ็กซี่ เรือนร่างของนางแบบสาวตรงหน้างดงามอย่างไม่มีที่ติ“คุณนั่นเอง มาเดินเล่นเหรอคะ”จารุพัชรยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน“เมมาดูพระอาทิตย์ขึ้นน่ะค่ะ พอดีเห็นคุณกับ...ลูกเสียก่อน” เมลดาส่งยิ้มหวานให้ “นี่ลูกคุณเหรอคะ หนูชื่ออะไรเอ่ย”“ชื่อน้องทับทิมค่ะ”ชื่อนั้นทำให้คนฟังหน้าเสียไปนิดๆตั้งชื่อพ้องกับชื่อพ่อขนาดนี้ กลัวใครไม่รู้หรือไงว่าสามีชื่ออะไร เมลดาค่อนขอดคนตรงหน้าในใจอย่างหมั่นไส้ แต่ใบหน้าสวยยังคงยิ้มหวาน“แหม...ถ้าไม่บอกคงไม่รู้นะคะว่าเป็นลูกธิม”คนฟังชักทะแม่งหู ใครๆ ก็บอกว่าลูกสาวเธอหน้าเหมือนพ่ออย่างกับแกะจากพิมพ์เดียวกัน คำพูดของคนตรงหน้ามีนัยยะใดแอบแฝงหรือเปล่านะ“ขอโทษนะคะที่ฉันพูดตรงไปหน่อย แต่จริงๆ ฉันอยากบอกว่าหนูทับทิมหน้าเหมือนคุณมากกว่า ไม่ค่อยมีเค้าธิ
เมลดากัดฟันแน่น เมื่อเห็นอดีตคนที่เธอเคยทิ้งไปอย่างไม่ไยดีคอยเอาใจผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ คนนั้นอย่างหวานชื่น ทั้งที่ยัยนั่นไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาสักอย่าง คนที่ไม่อาจเทียบกับเมลดานางแบบสาวสวยไฮโซคนนี้แม้ปลายเล็บด้วยซ้ำคิดไปแล้วก็แสนจะเจ็บใจ ค่าที่วันนั้นเธอไม่น่าใจเร็วด่วนได้หลงไปกับเปลือกนอกจอมปลอมของสามีไฮโซคนปัจจุบันอ้อ! ไม่ใช่สิ เขาคนนั้นกำลังจะกลายเป็นอดีตสามีต่างหาก ในเมื่อเธอกำลังจะฟ้องหย่าเร็วๆ นี้แล้วดวงตาสวยเฉี่ยวมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของอดีตแฟนเก่า ธิเบศในวันนี้หล่อเหลาและมีออร่าจับ ต่างจากธิเบศคนเก่าที่เธอทิ้งไปอย่างไม่ลังเลในวันนั้น ก็ใครจะรู้เล่าว่าเขาจะกลายเป็นพระเอกซุปเปอร์สตาร์เหมือนอย่างวันนี้ เพราะถ้ารู้คนที่นั่งตรงหน้าเขาต้องเป็นเธอไม่ใช่ผู้หญิงกระจอกๆ คนนั้นยิ่งเห็นเขาเอาอกเอาใจภรรยา ดูเหมือนว่าเขาจะรักเธอคนนั้นมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งร้อนรนราวกับไฟเผาผลาญ นึกอยากย้อนวันเวลากลับไปในวันที่เคยรักกันอีกครั้ง เธอยังจำได้ว่าธิเบศทั้งรักและเอาอกเอาใจเธอมากแค่ไหน ความเร่าร้อนของเขาทำให้เธอติดใจไม่หาย แม้สามีคนปัจจุบันก็ยังไม่ทำให้เธอพอใจเท่า
“กุ้งผัดกระเทียมพริกไทยดำนี่อร่อยดี เดี๋ยวผมแกะให้นะ” ธิเบศ เอ่ยหน้าตาเฉย พลางแกะกุ้งตัวโตในจานตนก่อนตักให้เธอราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นโอ๊ย...อีพี่ธิมเวอร์ชั่นเลือดเย็น!!!นี่เธอควรดีใจหรือสงสารผู้หญิงคนนั้นดีล่ะเนี่ย“ทำแบบนั้นกับเธอจะดีเหรอคะ”“หรือคุณอยากให้ผมบอกเบอร์ตัวเองล่ะ” คนถูกถามชะงักไป“ถ้าคุณอยากบอก แจนจะไปห้ามอะไรได้”“ได้สิ แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมรู้ดีว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ผมไม่อยากให้เราต้องมีปัญหากันทีหลัง” คนฟังชะงักไป พลางคิดตามมันก็จริงแฮะ เธอเคยเห็นในละครบ่อยๆ ฉากที่นางร้ายพยายามเข้ามายุแหย่ทำให้พระเอกกับนางเอกเข้าใจผิด แล้วส่วนใหญ่มันก็สำเร็จสมใจนางร้าย 99% เสียด้วย ใครจะไปนึกว่าเธอต้องมาเจอเหตุการณ์แบบในละครน้ำเน่าพวกนั้น ยังดีที่ไม่ต้องมีฉากลุกขึ้นตบธิเบศถอนหายใจเบาๆ พลางยื่นมือมากุมมือภรรยาสาวไว้“ผมชอบอยู่กับปัจจุบันมากกว่าอดีตนะ อะไรที่ผ่านมาแล้วน่าจดจำก็จำ แต่ถ้ามันไม่น่าจำ ผมก็ไม่อยากเก็บไว้ให้รกสมอง”“แ
“นี่คุณแจน ภรรยาของผม แจนครับ นี่คือคุณเมลดา เขาเป็น ‘อดีตคนเคยรู้จัก’...” เมลดาชะงักกึก“แค่คนรู้จักเท่านั้นเองหรือคะ แต่เท่าที่เมจำได้ตอนนั้นเรารักกันมาก มากเสียจนคุณเคยบอกว่าอยากแต่งงานกับเมด้วยซ้ำนะคะ”จารุพัชรถึงกับสะอึก อึ้งไปชั่วขณะ พอหันไปมองสามีก็เห็นสีหน้านิ่ง แต่แววตาดุขึ้ง ดูท่าเรื่องที่ว่าคงมีมูลอยู่มากทีเดียว“เมยังไม่เคยลืมช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เมคิดถึงธิมมากเลยนะคะ”หืม...คิดจะเปิดเกมส์บุกกันแบบนี้เลยเหรอแม่คุณ“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเมลดา” จารุพัชรส่งยิ้มให้ ราวกับไม่ถือสา แต่ตามองคนตรงหน้าอย่างประเมินผลเงียบๆผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสวยทั้งรูปร่างดีราวกับดารานางแบบ การแต่งกาย หรือบุคลิกภาพก็ไม่ได้ต่ำทรามอะไร ดูไปแล้วก็เหมาะสมกับธิเบศไม่น้อย ยกเว้นก็แต่แววตาของเจ้าหล่อนที่เผยความปรารถนาออกมาชัดเจนโจ่งแจ้งไปหน่อย แต่ทุกอย่างไม่สำคัญสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนข้างกายเธอต่างหากที่คิดอย่างไร ยังอาวรณ์กับอดีต หรือไม่คิดอะไรด้วยแล้ว นี่ต่างหากที่สำคัญ และเท่
“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อย่าไปยึดติดอะไรมากเลยค่ะ นั่นลูกหลับแล้ว” ธิเบศหันไปมองเจ้าตัวน้อยที่เอียงคอซบไหล่พ่อหลับปุ๋ยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้“ถ้าถึงวันนั้น วันที่ผมไม่ได้เป็นดาราชื่อดัง ไม่ใช่ธิม-ธิเบศที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ แต่กลายเป็นนายธิเบศผู้ชายธรรมดา คุณจะว่าไง”“จะไปว่าอะไร ก็แค่หาสามีใหม่สิคะ” คำนั้นทำให้ชายหนุ่มหันขวับ“ว่าไงนะ”“ฮ่าๆ ฉันล้อเล่นค่ะ ดูคุณทำหน้าเข้าสิ” จารุพัชรหัวเราะคิก ก่อนที่จะหันไปมองสบตาเขา“คุณจะเป็นดาราดัง หรือเป็นคนธรรมดาแล้วไง ตราบใดที่คุณเป็นพ่อของลูกและเป็นสามีที่ดีของแจนแบบนี้ ก็พอแล้วนี่คะ”“ไดอะล็อกนี้คุ้นๆ จัง แต่ผมชอบแฮะ”“แจนก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่มีคุณกับลูก แจนก็มีความสุขแล้ว” หญิงสาวเงยหน้าสบตาเขาอย่างจริงใจ ก่อนที่จะเผยอริมฝีปากรับจุมพิตแสนหวานของสามีที่โน้มลงมาทาบทับอย่างนุ่มนวลชวนฝันสองหนุ่มสาวและลูกน้อยโอบกอดกันท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นที่ตะวันใกล้ลับขอบ
“ไงธิม...ที่พักโอเคไหม”เสียงทักทายมาตามสายของผู้จัดการคู่ใจทำให้พระเอกหนุ่มที่กำลังทอดสายตามองไปที่ชายหาดซึ่งมีร่างเพรียวบางนั่งอยู่บนผืนทรายสีขาวละเอียดราวกับแป้ง ข้างกายมีลูกสาวตัวน้อยนั่งจุมปุ๊ก ทั้งสองกำลังเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะใสๆ คลอกับเสียงคลื่นทะเลทำให้เขาพลอยเพลิดเพลินไปด้วย“ธิม...ฟังพี่อยู่หรือเปล่า”“ครับ ฟังอยู่ครับ”“แล้วเรื่องละครเรื่องใหม่ที่พี่ส่งไปธิมจะว่ายังไงรับหรือเปล่า บทพระเอกพ่อลูกอ่อนน่ะ”ธิเบศยิ้มกับตัวเอง เมื่อได้ยินคำนั้น“ถ้าพี่บีอ่านแล้วโอเค ก็ตอบรับไปได้เลยครับ อ้อ! แจ้งทางกองไปด้วยว่า...”“ไม่จูบจริงทุกกรณี เลิฟซีนต้องไม่ถึงเนื้อถึงตัวมาก” ศุภกรดักคอพระเอกในสังกัดอย่างรู้แกว เพราะหลังๆ ชายหนุ่มค่อนข้างเคร่งเรื่องนี้มาก จะบทไหนเขาก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น หากตกลง เขาก็รับเล่น“เท่านี้ใช่ไหมครับ”“เดี๋ยวๆ จะรีบไปไหนกัน พี่ยังพูดไม่จบ มีอีกงานเพิ่งเข้ามาวันนี้ เป็นงานถ่ายโฆษณาสินค้าพวกสเปรย์