“สำส่อน!” ภาสกฤตทวนคำหน้าหงิกที่ถูกลูกน้องสาวบริภาษด้วยข้อหารุนแรง“ใช่ค่ะ การที่ผู้ชายเปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้าไปเรื่อยๆ ไม่เรียกสำส่อนแล้วจะให้เรียกว่าไงมิทราบ”“ผมป้องกันหรอกน่า แล้วก็ตรวจสุขภาพเป็นประจำ คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอ ในเมื่อคุณเป็นคนโทรนัดหมอให้ผมเองนี่” ชายหนุ่มโต้กลับ ถึงเขาจะเป็นผู้ชายรักสนุกไม่ผูกพัน แต่ก็รักสะอาดไม่ได้กินมั่วซั่วอย่างที่ถูกอีกฝ่ายตราหน้าพอพูดถึงการป้องกัน หญิงสาวก็ชะงักกึกอย่างนึกขึ้นได้“แล้วเมื่อคืนบอสได้ เอ่อ...ป้องกันหรือเปล่าคะ”คำถามนั้นทำเอาคนถูกถามอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อคืนเขาโดนวางยา ไม่ได้ตั้งใจจะมีเซ็กซ์กับใคร แต่ก็นะ...“เปล่า ผมไม่ได้ป้องกัน”นพรดาถึงกับเม้มปาก สูดหายใจแรง มองดูเสาธงยักษ์ที่ยังตั้งโด่ท้าทายสายตาแล้วนึกอยากจะหาอะไรมาเฉือนมันทิ้งเสียเดี๋ยวนั้น“ทำหน้าแบบนั้นคืออะไร ผมไม่ได้เป็นโรคน่ารังเกียจอะไรที่คุณคิดสักหน่อย”“แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไง โอ๊ย...อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนบอส...ปล่อยในทุกรอบด้วย”“อืม...” คนโดนวางยาพยักหน้ารับโดยดี ก็ตอนนั้นใครมันจะไปทันมีสติคิดวะ“แล้วนี่ถ้าเกิดเก้าท้องขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง” หญิงสาวแหวใส่พลางกุมขมับ“สาม
ติ๊ง!นพรดาคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูข้อความเตือนจากแอปพลิเคชั่นธนาคารออนไลน์ว่ามีเงินโอนเข้ามาให้ถึงหกหลัก ยังไม่ทันต้องสืบว่าใครที่ใจดีโอนเงินมา เพียงแค่เห็นเลขที่บัญชีเธอก็จำได้แม่นว่าเป็นของใครหากเป็นยามปกติเธอคงดีใจจนเนื้อเต้นที่เจ้านายเมตตาเอ็นดูให้โบนัสก้อนใหญ่ก่อนเวลาอันควรได้ แต่ตอนนี้ดวงตาคู่งามกลับคุกรุ่น“สามแสนงั้นเหรอ...”อีตาบอสบ้านั่นตีราคาค่าตัวเธอด้วยเงินแค่สามแสนเนี่ยนะ ถึงมันจะมากกว่าเรตปกติที่เขาเคยจ่ายให้เด็กในสังกัดทุกคนที่เคยผ่านมาก็เถอะ คิดจะใช้เงินฟาดหัวกันแก้ปัญหาง่ายๆตาบอสนั่นเห็นเธอเป็นตัวอะไรเนี่ยหญิงสาวถอนหายใจฟึดฟัดอย่างหัวเสีย นึกอยากจะเดินกลับเข้าไปหยุมหัวคนอวดรวยผิดเวลาในห้องอีกหนให้หนำใจ เสียดายวันเวลาที่ทุ่มเททำงานเป็นควายเปลี่ยวให้กับคนแบบนี้ชะมัด คิดไม่ทันขาดคำก็มีเสียงโทรศัพท์เข้า จะใครถ้าไม่ใช่เจ้าของเงินแต่ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะรับสายหรือคุยกับเขาเลยกดตัดสายทิ้ง พอเขาโทรเข้าอีกก็ตัดอีก หากเป็นยังปกติ ถ้าเธอทำแบบนี้คงโดนด่า ไม่ก็โดนใบเตือนไปแล้ว เพราะตามกฎของเขา เลขาทุกคนต้องพร้อมสแตนบายรับสายจากเจ้านายตลอด 24 ชั่วโมง ไม่รับไม่ได้ เธอเองก็ท
พลอยพราวยิ้มแหย เธอก็แค่ปากดีไปอย่างนั้น ถึงจะหัวสมัยใหม่เปิดกว้าง และยอมรับว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ใครก็มีความต้องการทางเพศได้ไม่ว่าหญิงหรือชาย แต่เธอก็ไม่ได้ใจกว้างพอจะแบ่งปันผู้ชายของตัวเองให้ผู้หญิงอื่นร่วมใช้ด้วย“งั้นก็ลาออกเถอะว่ะ หางานใหม่ดีกว่า”“ฉันก็หาอยู่ แต่มันยังหาไม่ได้สักทีนี่สิ ถ้าออกตอนนี้ก็ตกงาน ลำพังเงินเก็บที่มีก็คงพอให้อยู่ได้สักปีหากไม่ฟุ่มเฟือย หรือได้งานใหม่เร็วก็ดีไป ฉันต้องส่งคอนโดอีกตั้งหลายเดือนแกอย่าลืม”“เฮ้อ ทำไมแกไม่เรียกค่าเสียหายตาบอสของแกสักหลายๆ ล้านหน่อยวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงอยู่แล้ว ออกจะรวยขนาดนั้น”“ฉันไม่ได้ขายตัวนะแก แล้วก็ไม่คิดจะหาเงินด้วยการเอาตัวเข้าแลกแบบนี้ด้วย อีกอย่าง...” จู่ๆ คนพูดก็นิ่งไป เพราะความรู้สึกที่ซ่อนภายในหัวใจมาเนิ่นนานกำลังตีตื้นขึ้นมาในอกจนตีบตันพูดไม่ออก“อีกอย่างอะไร”“เปล่าแก ช่างมันเถอะ”“อืม...งั้นมาทำงานกับบอสฉันไหมล่ะ คุณเวธิศคนที่เจอที่ผับเมื่อคืนไง ฉันเห็นเขาก็สนใจแกมากนี่ เห็นแลกไลน์กับให้นามบัตรแกไว้ด้วยไม่ใช่หรือ ปกติเขาถือตัวจะตาย ไม่ให้ไลน์หรือช่องทางติดต่อใครง่ายๆ ด้วย ฉันยังแปลก
ทั้งที่ปกติผู้หญิงตรงหน้าไม่เคยอยู่ในสายตาสักนิด นั่นเพราะหนึ่งเธอเป็นเลขาคนสนิท สองคือเสื้อผ้าหน้าผมที่แสนจะธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่นสะดุดตาสักอย่าง ไหนจะแว่นตาเชยๆ ที่เธอชอบสวมประจำนั่นอีก ตอนนี้ก็หายไปเผยให้เห็นใบหน้ารูปไข่สวยมีเสน่ห์ชัดๆ มันพาให้เขาคิดไปถึงตอนที่อยู่บนเตียงด้วยกันในค่ำคืนแสนเร่าร้อนนั้น เพียงคิดใจก็เต้นแรงเสียแล้ว“บอสคะ” เสียงหวานกระชากสติเขากลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง“เอ่อ...เช้านี้มีเอกสารด่วนต้องเซ็นไหม ผมจะได้รีบเซ็นก่อนเข้าประชุม อ้อ แล้วกาแฟผมล่ะ”“ทุกอย่างอยู่ในห้องทำงานแล้วค่ะ รวมถึงแฟ้มเอกสารที่ต้องเซ็น อ้อ! แล้ววันนี้เก้าขอลากิจครึ่งวันนะคะ”ประโยคหลังทำให้คนฟังชะงัก เพราะร้อยวันพันปีคนตรงหน้าไม่เคยใช้สิทธิ์ลากิจหรือลาป่วยสักครั้ง แม้แต่ลาพักร้อนบางทีเธอก็ขอเปลี่ยนเป็นรับเงินแลกกับวันลาที่ไม่เคยใช้นั่นแทนก็มี“ลา...คุณจะลาไปไหน”“พอดีเก้ามีนัดสำคัญค่ะ” นพรดาตอบพลางคลี่ยิ้มหวานราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น“นัดสำคัญ...”ชายหนุ่มหรี่ตาทวนคำ อย่าบอกนะว่าที่แต่งตัวสวยนี่ เพราะนัดสำคัญที่ว่า คำถามคือเธอนัดกับใครกัน สำคัญแค่ไหนกันเชียวถึงต้องเบียดเบียนเวลางานประจำ
“เรื่องสำคัญ ผมไม่อยากให้ใครเข้ามาขัดจังหวะ”นพรดายักไหล่ ก่อนกดล็อกประตู แล้วเดินตรงเข้าไปหาร่างสูงสง่าที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับนั่น ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา และวางเอกสารสำคัญไว้บนตักเงียบๆดวงตาคมเข้มเหลือบขึ้นมองเล็กน้อยแต่ไม่ได้ว่าอะไร หากภายใต้ความเงียบก่อให้เกิดบรรยากาศมาคุที่น่าอึดอัด ราวกลับอยู่ในสงครามเย็นก็ไม่ปาน ทว่านพรดาผู้เคยชินกับความกดดันอันน่าสะพรึงนี้เสียแล้วจึงไม่ได้หวาดหวั่นหรือหวาดกลัวอะไรเธอเพียงนั่งเฉย มองไปทางอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าอันหล่อเหลาที่กำลังทำหน้าบอกบุญไม่รับใส่เหมือนโกรธใครมา แต่ช่างประไร ใครแคร์รอจนกระทั่งเขารามือจากแฟ้มเอกสารสุดท้าย และเงยหน้าขึ้นมองมาด้วยสายตาเฉียบคมข่มขวัญในที“งานที่ผมสั่งเมื่อกี้เรียบร้อยไหม”“ค่ะ เก้าโทรยกเลิกประชุมเช้าให้แล้ว และยกเลิกนัดช่วงบ่ายให้บอสเรียบร้อยแล้วค่ะ”“แล้ว...คุณล่ะมีอะไรจะบอกผมไหม” เขาถามเสียงเย็นเฉียบ“เรื่องอะไรล่ะคะ”“ก็...ทุกเรื่องเช่น...เรื่องนัดสำคัญของคุณบ่ายนี้ไง” นพรดามองสบตาเขาก่อนที่จะไหวไหล่นิดๆ“อ้อ ก็ไม่มีอะไรมากนี่คะ ฉันแค่ถูกเรียกสัมภาษณ์งานใหม่ก็เท่านั้น”ดวงตาคมเข้มตวัดมองใบหน้าสวยที่
“ใช่ หนึ่งปีหรือไม่ก็จนกว่าผมจะมั่นใจว่าเขาจะทำงานแทนคุณได้”นี่มันแกล้งกันชัดๆ ทำไมเธอต้องเอาชีวิตมาผูกติดกับอีตาบอสโรคจิตนี่ตั้งเป็นปีด้วย แทนที่จะได้โบยบินไปเฉิดฉายได้งานใหม่ เจอเจ้านายหล่อๆ เริ่ดๆ คนใหม่“หนึ่งปีนานไปค่ะ เก้าไม่โอเค แค่เดือนเดียว ไม่สิ ขอแค่สิบวันเก้าคิดว่าน่าจะพอสำหรับการเทรนด์งานให้คนใหม่”“สิบวัน คุณคิดว่าจะเทรนด์ยังไงให้เท่าประสบการณ์สี่ปีของคุณงั้นเหรอ” ชายหนุ่มถามพลางมองตรงมาด้วยแววตาที่เธออ่านไม่ออก“ผมต้องการเลขาที่ทำงานให้ผมได้มากกว่าชงกาแฟกับถ่ายเอกสารไปวันๆ นะ” นพรดาฟังแล้วอยากจะข่วนหน้าคนพูด หญิงสาวคลี่ยิ้มยั่วประสาท“อย่าบอกนะคะว่าบอส...หวงเก้า”“ฝันเถอะคุณ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย บอกแล้วไงว่าระหว่างคุณกับผม มันเป็นได้แค่เจ้านายกับเลขาเท่านั้น ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้”คำตอบนั้นทำให้คนฟังฉุนกึกที่โดนตอกย้ำไม่หวง ไม่รัก แต่ไม่ยอมปล่อย มันคืออะไรกันยังไม่ทันได้คำตอบ อีกฝ่ายก็หันไปกดโทรศัพท์ภายในเสียดื้อๆ“คุณอากรเหรอ” ชื่อนั้นทำให้เลขาสาวชะงัก เพราะเป็นชื่อของผู้จัดการฝ่ายบุคคลของบริษัท“คุณช่วยยกเลิกใบลาของคุณนพรดาด้วย ใช่ที่ยื่นลาไปวันนี้ยกเลิกให้
“อ๊ะ!”ร่างอรชรสะดุ้งเยือก เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสอันตรายของเขา จึงรีบหนีบเรียวขาขาวเข้าหากันทันใด แต่ก็ไม่สำเร็จเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมให้เธอหนีได้“บอส! นี่ห้องทำงานนะคะ” เลขาสาวรีบเตือนสติเสียงสั่นสะท้าน“แล้วไงล่ะ คุณก็ล็อกประตูดีแล้วไม่ใช่เหรอ”ดวงตาคู่งามถลึงใส่ ก่อนเอ่ย“ฉันฟ้องคุณได้นะคะ ข้อหาคุกคามทางเพศในที่ทำงาน อ๊ะ...อื้อ...”ภาสกฤตมองใบหน้าสวยหวานที่เหยเกด้วยความเสียวซ่านที่เขามอบให้ สะโพกงามงอนขยับรับปลายนิ้วของเขาอย่างลืมตัว นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาชอบใจ“คุณปากไม่ตรงกับใจ...”“เอ๊ะ!”“คุณพร้อมขนาดนี้ จะหาว่าผมคุกคามได้ยังไง” ชายหนุ่มกระซิบบอกพลางโจนจ้วงปลายนิ้วเข้าไปในร่องอุ่นที่มีน้ำหวานผุดพรายออกมาจนชุ่มฉ่ำ พลางบดขยี้ติ่งไตเกสรสาวถี่ๆ ยิ่งทำให้เธอเสียวซ่านทุรนทุรายจนเผลอกอดคอเขาไว้ จึงถูกเขาจูบอย่างลึกล้ำซ้ำอีกหนเลขาสาวรู้สึกปั่นป่วนไปทั้งตัวและหัวใจ อยากจะขัดขืน แต่ร่างกายกลับทรยศยินยอมให้เขาปรนเปรอให้อย่างหน้าไม่อาย“บอสคะ...”“คะ...” เสียงนุ่มหูขานรับเมื่อรู้ถึงความรัญจวนภายในร่องอูมที่แสนจะฟิตแน่นหนึบของอีกฝ่ายว่ามันกำลังจะง่วนงวดเข้ามาทุกที และเขาเองก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน
“ผมยังไม่อิ่ม”“แต่เก้ามีงานต้องทำ”“งานเดียวของคุณวันนี้คือทำให้ผมมีความสุขด้วยร่างกายของคุณ...”พอขาดคำ เขาก็จัดการเปลี่ยนโต๊ะทำงานกว้างให้กลายเป็นสมรภูมิเสน่หาอีกครั้ง ห้องทำงานของท่านประธานฯ ตอนนี้เดือดพล่านและร้อนระอุยิ่งกว่าอยู่กลางท่ามกลางเปลวไฟ เมื่อสองหนุ่มสาวสาดอารมณ์หวามเข้าใส่กันแบบไม่มีใครยอมใคร...กว่าที่เขาจะยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระจากงานเดียวที่กินแรงกันจนแทบไม่เหลือหลอ เวลาก็ล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ก็สุดรู้ และทุกอย่างก็ไปจบลงที่เตียงในห้องพักส่วนตัวของห้องทำงานท่านประธานนั่นเองนพรดารู้สึกตัวอีกทีในอ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดเธอไว้แนบกายแกร่งที่เปลือยเปล่า เธอลืมตามองใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่กำลังหลับอยู่บนหมอนใบเดียวกันด้วยความรู้สึกที่แปลกพิลึก4 ปีที่ทำงานด้วยกันมา เธอรู้ดีว่าเขาทำงานเก่งพอตัวแต่ที่ไม่เคยรู้เลยคือเจ้านายตัวเองจะอึดถึกทนเรื่องบนเตียงไม่ด้อยไปกว่าการทำงานเลย บทรักของเขาเล่นเอาเธอขาสั่น ในช่องทางรักยังคงรู้สึกเหมือนมีเขาอยู่ในกายตลอดเวลาด้วยซ้ำมันคงดีถ้าเขายอมเป็นของเธอแบบนี้คนเดียวตลอดไป การได้นอนในอ้อมแขนเขา ได้มีความสัมพันธ์เร่าร้อนร่วมกัน และได้เป็น...ที่ร
เอาเถอะ นาทีนี้ชีวิตคนต้องมาก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง หญิงสาวหลับตาเพื่อเลี่ยงภาพบาดใจ แต่ทว่า...“ผมผายปอดไม่เป็น!”หญิงสาวลืมตามองคนพูดทันใด“ขอโทษครับ ใครผายปอดแบบเม้าท์ทูเม้าท์ได้บ้าง” ธิเบศหันไปถามเหล่าไทยมุงหน้าตาเฉย และไม่นานก็มีพลเมืองดีอาสา“ผมทำได้ครับ ผมเคยฝึกมา” คนพูดคือชายวัยกลางคนตัวใหญ่ผิวคล้ำ แม้ท่าทีจะดูน่ากลัวไปนิด แต่ถือว่าเขามีน้ำใจ“งั้นช่วยกันหน่อยนะครับ ถือว่าเอาบุญ” ธิเบศลงเสียงหนักในประโยคสุดท้าย ก่อนรีบขยับหลีกทางให้พลเมืองดีเข้ามาทำหน้าที่แทน ส่วนเขาก็รีบยืนข้างๆ ภรรยาที่ตอนนี้ทำหน้าเหวอ ก่อนกระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ“รอดูฉากเด็ดนะ”ฉากเด็ด! ฉากเด็ดอะไรล่ะ หญิงสาวได้แต่มองหน้าสามีสุดหล่ออย่างงุนงง ก่อนหันไปจ้องมองนาทีชีวิตของเมลดาตาแทบไม่กะพริบพลเมืองดีคนนั้นท่าทางจะมีความรู้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นคนจมน้ำจริงอย่างที่พูด เขาจัดการลงมือช่วยหญิงสาวอย่างคล่องแคล่ว หากทว่าตอนที่เขากำลังจะทำการเป่าปากแบบเม้าท์ทูเม้าท์นั้นเอง จู่ๆ คนที่นอนนิ่งก็ล
จารุพัชรเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดุขึ้งจากอารมณ์ขุ่นมัวที่ค้างมาจากอดีตแฟนเก่า มืออุ่นๆ ของเขายังกุมมือเธอไว้แน่น และวงแขนแข็งแรงก็โอบอุ้มยอดดวงใจตัวน้อยไว้ไม่ปล่อยเธอไม่เคยเห็นเขาโมโหมากเท่านี้มาก่อน หากสิ่งที่เมลดาทำนั้นก็สมควรที่จะทำให้เขาไม่พอใจ“คุณธิมคะ” อดไม่ได้เลยเรียกเขาเบาๆ“หืม...คุณมีอะไรเหรอ เมื่อกี้เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”“แจนไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ส่วนลูกก็คงตกใจแต่ยังไม่ทันโดนทำร้ายอะไร”ธิเบศถอนหายใจ พลางหยุดเดินแล้วหันมาสบตา“ผมขอโทษนะ”“ขอโทษเรื่องอะไรคะ แจนกับลูกต้องขอบคุณคุณต่างหากที่เข้ามาปกป้องเราสองคน ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้ ทำให้สีหน้าดุๆ คลายลง“ขอบคุณเฉยๆ เหรอ แล้วรางวัลของผู้กล้าล่ะ”จารุพัชรมองคนพูดอย่างหมั่นใส้ แต่ทว่าเธอก็ยอมเขย่งปลายเท้าขึ้นและบรรจงจูบที่แก้มของเขาเบาๆ ไปทีหนึ่ง แต่เจ้าตัวกลับยื่นปากให้ หญิงสาวยิ้มเขินๆ“พอแล้วค่ะ อายลูกบ้าง”“อายทำไมเนอะลูกเนอะ หนูชอบให้พ่อกับแม่ส
“นี่แก!” เมลดามองศัตรูหัวใจราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เจ็บใจที่ผิดแผน ต้องโทษที่ยัยเด็กบ้านี่ทำให้เธอเสียอาการจนดูแย่ในสายตาบุรุษที่หมายปอง“ธิมคะ...เมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ...”“ไม่ตั้งใจงั้นเหรอ...คนที่คุณควรขอโทษคือลูกและเมียผมต่างหาก อ้อ! แล้วที่คุณว่าลูกผมว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนน่ะ ผมว่าคงไม่ใช่ลูกผมหรอกที่ควรโดนว่า แต่เป็นคุณต่างหาก...” เมลดาสะอึก หน้าเสีย ดวงตาคู่งามมีน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปากร้ายขนาดนี้“ธิมคะ ทำไมคุณว่าเมหนักแบบนี้ เมบอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ แล้วเมก็ยังไม่ได้ทำร้ายลูกคุณเลยนะคะ”“พอเถอะนะเม ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรของคุณ เอาเป็นว่า เราต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะ คุณจะทำเป็นไม่รู้จักผมเลยก็ได้ ผมไม่สน แต่อย่ามายุ่งกับลูกเมียผมอีก จะให้ดีคุณช่วยหายไปเหมือนวันนั้นได้ไหม ผมจะขอบคุณมาก”โอ้...จารุพัชรนิ่วหน้านิดๆ แอบเจ็บแทนคนฟัง ธิเบศเวอร์ชั่นปราบมารนี้อาจดูใจร้ายไปสักหน่อยสำหรับเมลดา แต่กลับกร้าวใจคนเป็นภรรยาเหลือเกิน พ่อคนหวงลูกหวงเมีย พ่อพระเอกนอกจอโอ๊ย...พ่อทูนหั
“จะรีบไปไหนล่ะคะ”เมลดาก้าวเข้ามาหาสองแม่ลูก วันนี้เธอสวมชุดว่ายน้ำทูพีชมีเสื้อคลุมเนื้อบางเบาสวมทับไว้อย่างสวยเก๋และดูเซ็กซี่ เรือนร่างของนางแบบสาวตรงหน้างดงามอย่างไม่มีที่ติ“คุณนั่นเอง มาเดินเล่นเหรอคะ”จารุพัชรยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน“เมมาดูพระอาทิตย์ขึ้นน่ะค่ะ พอดีเห็นคุณกับ...ลูกเสียก่อน” เมลดาส่งยิ้มหวานให้ “นี่ลูกคุณเหรอคะ หนูชื่ออะไรเอ่ย”“ชื่อน้องทับทิมค่ะ”ชื่อนั้นทำให้คนฟังหน้าเสียไปนิดๆตั้งชื่อพ้องกับชื่อพ่อขนาดนี้ กลัวใครไม่รู้หรือไงว่าสามีชื่ออะไร เมลดาค่อนขอดคนตรงหน้าในใจอย่างหมั่นไส้ แต่ใบหน้าสวยยังคงยิ้มหวาน“แหม...ถ้าไม่บอกคงไม่รู้นะคะว่าเป็นลูกธิม”คนฟังชักทะแม่งหู ใครๆ ก็บอกว่าลูกสาวเธอหน้าเหมือนพ่ออย่างกับแกะจากพิมพ์เดียวกัน คำพูดของคนตรงหน้ามีนัยยะใดแอบแฝงหรือเปล่านะ“ขอโทษนะคะที่ฉันพูดตรงไปหน่อย แต่จริงๆ ฉันอยากบอกว่าหนูทับทิมหน้าเหมือนคุณมากกว่า ไม่ค่อยมีเค้าธิ
เมลดากัดฟันแน่น เมื่อเห็นอดีตคนที่เธอเคยทิ้งไปอย่างไม่ไยดีคอยเอาใจผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ คนนั้นอย่างหวานชื่น ทั้งที่ยัยนั่นไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาสักอย่าง คนที่ไม่อาจเทียบกับเมลดานางแบบสาวสวยไฮโซคนนี้แม้ปลายเล็บด้วยซ้ำคิดไปแล้วก็แสนจะเจ็บใจ ค่าที่วันนั้นเธอไม่น่าใจเร็วด่วนได้หลงไปกับเปลือกนอกจอมปลอมของสามีไฮโซคนปัจจุบันอ้อ! ไม่ใช่สิ เขาคนนั้นกำลังจะกลายเป็นอดีตสามีต่างหาก ในเมื่อเธอกำลังจะฟ้องหย่าเร็วๆ นี้แล้วดวงตาสวยเฉี่ยวมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของอดีตแฟนเก่า ธิเบศในวันนี้หล่อเหลาและมีออร่าจับ ต่างจากธิเบศคนเก่าที่เธอทิ้งไปอย่างไม่ลังเลในวันนั้น ก็ใครจะรู้เล่าว่าเขาจะกลายเป็นพระเอกซุปเปอร์สตาร์เหมือนอย่างวันนี้ เพราะถ้ารู้คนที่นั่งตรงหน้าเขาต้องเป็นเธอไม่ใช่ผู้หญิงกระจอกๆ คนนั้นยิ่งเห็นเขาเอาอกเอาใจภรรยา ดูเหมือนว่าเขาจะรักเธอคนนั้นมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งร้อนรนราวกับไฟเผาผลาญ นึกอยากย้อนวันเวลากลับไปในวันที่เคยรักกันอีกครั้ง เธอยังจำได้ว่าธิเบศทั้งรักและเอาอกเอาใจเธอมากแค่ไหน ความเร่าร้อนของเขาทำให้เธอติดใจไม่หาย แม้สามีคนปัจจุบันก็ยังไม่ทำให้เธอพอใจเท่า
“กุ้งผัดกระเทียมพริกไทยดำนี่อร่อยดี เดี๋ยวผมแกะให้นะ” ธิเบศ เอ่ยหน้าตาเฉย พลางแกะกุ้งตัวโตในจานตนก่อนตักให้เธอราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นโอ๊ย...อีพี่ธิมเวอร์ชั่นเลือดเย็น!!!นี่เธอควรดีใจหรือสงสารผู้หญิงคนนั้นดีล่ะเนี่ย“ทำแบบนั้นกับเธอจะดีเหรอคะ”“หรือคุณอยากให้ผมบอกเบอร์ตัวเองล่ะ” คนถูกถามชะงักไป“ถ้าคุณอยากบอก แจนจะไปห้ามอะไรได้”“ได้สิ แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมรู้ดีว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ผมไม่อยากให้เราต้องมีปัญหากันทีหลัง” คนฟังชะงักไป พลางคิดตามมันก็จริงแฮะ เธอเคยเห็นในละครบ่อยๆ ฉากที่นางร้ายพยายามเข้ามายุแหย่ทำให้พระเอกกับนางเอกเข้าใจผิด แล้วส่วนใหญ่มันก็สำเร็จสมใจนางร้าย 99% เสียด้วย ใครจะไปนึกว่าเธอต้องมาเจอเหตุการณ์แบบในละครน้ำเน่าพวกนั้น ยังดีที่ไม่ต้องมีฉากลุกขึ้นตบธิเบศถอนหายใจเบาๆ พลางยื่นมือมากุมมือภรรยาสาวไว้“ผมชอบอยู่กับปัจจุบันมากกว่าอดีตนะ อะไรที่ผ่านมาแล้วน่าจดจำก็จำ แต่ถ้ามันไม่น่าจำ ผมก็ไม่อยากเก็บไว้ให้รกสมอง”“แ
“นี่คุณแจน ภรรยาของผม แจนครับ นี่คือคุณเมลดา เขาเป็น ‘อดีตคนเคยรู้จัก’...” เมลดาชะงักกึก“แค่คนรู้จักเท่านั้นเองหรือคะ แต่เท่าที่เมจำได้ตอนนั้นเรารักกันมาก มากเสียจนคุณเคยบอกว่าอยากแต่งงานกับเมด้วยซ้ำนะคะ”จารุพัชรถึงกับสะอึก อึ้งไปชั่วขณะ พอหันไปมองสามีก็เห็นสีหน้านิ่ง แต่แววตาดุขึ้ง ดูท่าเรื่องที่ว่าคงมีมูลอยู่มากทีเดียว“เมยังไม่เคยลืมช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เมคิดถึงธิมมากเลยนะคะ”หืม...คิดจะเปิดเกมส์บุกกันแบบนี้เลยเหรอแม่คุณ“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเมลดา” จารุพัชรส่งยิ้มให้ ราวกับไม่ถือสา แต่ตามองคนตรงหน้าอย่างประเมินผลเงียบๆผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสวยทั้งรูปร่างดีราวกับดารานางแบบ การแต่งกาย หรือบุคลิกภาพก็ไม่ได้ต่ำทรามอะไร ดูไปแล้วก็เหมาะสมกับธิเบศไม่น้อย ยกเว้นก็แต่แววตาของเจ้าหล่อนที่เผยความปรารถนาออกมาชัดเจนโจ่งแจ้งไปหน่อย แต่ทุกอย่างไม่สำคัญสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนข้างกายเธอต่างหากที่คิดอย่างไร ยังอาวรณ์กับอดีต หรือไม่คิดอะไรด้วยแล้ว นี่ต่างหากที่สำคัญ และเท่
“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อย่าไปยึดติดอะไรมากเลยค่ะ นั่นลูกหลับแล้ว” ธิเบศหันไปมองเจ้าตัวน้อยที่เอียงคอซบไหล่พ่อหลับปุ๋ยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้“ถ้าถึงวันนั้น วันที่ผมไม่ได้เป็นดาราชื่อดัง ไม่ใช่ธิม-ธิเบศที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ แต่กลายเป็นนายธิเบศผู้ชายธรรมดา คุณจะว่าไง”“จะไปว่าอะไร ก็แค่หาสามีใหม่สิคะ” คำนั้นทำให้ชายหนุ่มหันขวับ“ว่าไงนะ”“ฮ่าๆ ฉันล้อเล่นค่ะ ดูคุณทำหน้าเข้าสิ” จารุพัชรหัวเราะคิก ก่อนที่จะหันไปมองสบตาเขา“คุณจะเป็นดาราดัง หรือเป็นคนธรรมดาแล้วไง ตราบใดที่คุณเป็นพ่อของลูกและเป็นสามีที่ดีของแจนแบบนี้ ก็พอแล้วนี่คะ”“ไดอะล็อกนี้คุ้นๆ จัง แต่ผมชอบแฮะ”“แจนก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่มีคุณกับลูก แจนก็มีความสุขแล้ว” หญิงสาวเงยหน้าสบตาเขาอย่างจริงใจ ก่อนที่จะเผยอริมฝีปากรับจุมพิตแสนหวานของสามีที่โน้มลงมาทาบทับอย่างนุ่มนวลชวนฝันสองหนุ่มสาวและลูกน้อยโอบกอดกันท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นที่ตะวันใกล้ลับขอบ
“ไงธิม...ที่พักโอเคไหม”เสียงทักทายมาตามสายของผู้จัดการคู่ใจทำให้พระเอกหนุ่มที่กำลังทอดสายตามองไปที่ชายหาดซึ่งมีร่างเพรียวบางนั่งอยู่บนผืนทรายสีขาวละเอียดราวกับแป้ง ข้างกายมีลูกสาวตัวน้อยนั่งจุมปุ๊ก ทั้งสองกำลังเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะใสๆ คลอกับเสียงคลื่นทะเลทำให้เขาพลอยเพลิดเพลินไปด้วย“ธิม...ฟังพี่อยู่หรือเปล่า”“ครับ ฟังอยู่ครับ”“แล้วเรื่องละครเรื่องใหม่ที่พี่ส่งไปธิมจะว่ายังไงรับหรือเปล่า บทพระเอกพ่อลูกอ่อนน่ะ”ธิเบศยิ้มกับตัวเอง เมื่อได้ยินคำนั้น“ถ้าพี่บีอ่านแล้วโอเค ก็ตอบรับไปได้เลยครับ อ้อ! แจ้งทางกองไปด้วยว่า...”“ไม่จูบจริงทุกกรณี เลิฟซีนต้องไม่ถึงเนื้อถึงตัวมาก” ศุภกรดักคอพระเอกในสังกัดอย่างรู้แกว เพราะหลังๆ ชายหนุ่มค่อนข้างเคร่งเรื่องนี้มาก จะบทไหนเขาก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น หากตกลง เขาก็รับเล่น“เท่านี้ใช่ไหมครับ”“เดี๋ยวๆ จะรีบไปไหนกัน พี่ยังพูดไม่จบ มีอีกงานเพิ่งเข้ามาวันนี้ เป็นงานถ่ายโฆษณาสินค้าพวกสเปรย์