พอเสร็จจากมื้อเย็น หญิงสาวก็คิดว่าอีกฝ่ายจะรีบกลับไปเสียที แต่ทว่าบอสหนุ่มกลับย้ายตัวเองไปนั่งเอกเขนกที่โซฟาไถโทรศัพท์มือถือเล่นราวกับอยู่บ้านของตัวเองเสียนี่“ดึกแล้วนะคะ...” เกริ่นเตือนเผื่ออีกฝ่ายจะไม่รู้“อืม...”“พรุ่งนี้บอสต้องไปทำงานแต่เช้านะคะ” เตือนอีกนิดเผื่อเขาจะคิดได้แต่ก็เปล่า หมดมุกเลยหาวโชว์เสียเลยคนมีมารยาทย่อมต้องรู้กันบ้างว่านี่คือการไล่แบบเนียนๆ“ฮ้าววว ฉันง่วงแล้ว”“ง่วงก็ไปนอนสิ หรือจะให้ผมนอนเป็นเพื่อน...”หญิงสาวทำตาโตเท่าไข่ห่าน พลางนึกสงสัยคำว่านอนเป็นเพื่อนของเขาว่าหมายความอย่างไร จนกระทั่งดวงตาคู่คมตวัดมองมามองอย่างมีนัยยะแฝง กึ่งยิงกึ่งผ่านหากเป็นก่อนหน้า เธอคงใจสั่นกับคำชวนนี้ แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเขาก็แค่หมาหยอกไก่มาเอาวะ หยอกมาก็หยอกกลับไปสิ กลัวที่ไหน“แล้วถ้าเก้าไม่อยากให้บอสนอนเป็นเพื่อน แต่อยากให้นอนเป็นอย่างอื่นมากกว่าล่ะคะ” พร้อมคำพูดเธอก็โน้มกายลงกอดคอเขาจากด้านหลัง พร้อมกับแกล้งปัดปลายจมูกเฉียดแก้มของเขาอย่างออเซาะภาสกฤตถึงกับสะดุดลมหายใจตัวเอง เมื่อเจอลูกอ้อนของแม่เลขาสาวแบบไม่ทันตั้งตัว“ว่าไงคะบอส บอกมาสิคะว่าที่บอสมาหาเก้าที่บ้านวันนี้ เพรา
“รับทราบค่ะบอส ขอบคุณมากนะคะ”“เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป เรื่องลาออกถึงผมจะอนุมัติ แต่ตามกฎบริษัทต้องรอจนกว่าจะหาคนใหม่มาแทนและคุณต้องช่วยเทรนด์งานให้จนกว่าผมจะพอใจ คุณถึงจะไปได้”“หมายความว่ายังไงคะ”“ก็หมายความว่าคุณจะออกได้ก็ต่อเมื่อผมหาเลขาใหม่ได้ และเขาต้องทำงานได้ไม่น้อยกว่าที่คุณทำน่ะสิ”นพรดาเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังตีรวน“งั้นไม่มีปัญหาค่ะ เก้าแน่ใจว่าไม่เกินหนึ่งเดือน คนใหม่ที่มาแทนจะสามารถรับช่วงงานต่อได้แน่นอนค่ะ”“นั่นผมจะตัดสินใจเอง คุณออกไปได้แล้ว”นพรดารับคำก่อนเดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวหลัง เธอควรดีใจที่จะได้หลุดพ้นจากเจ้านายผีบ้าอย่างเขาเสียที แต่ทำไมนะหัวใจมันถึงได้วิบหวิวการที่เขาตัดสินใจเช่นนี้มันคือการบ่งบอกว่าเรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่เกิดขึ้นระหว่างเรามันไม่มีความหมายใดๆ สำหรับเขา มันก็เหมือนพวกสาวๆ ที่เขาเคยผ่านมาแล้วก็ผ่านไป จู่ๆ กระบอกตาก็พลันร้อนผ่าวขึ้นมา แต่เธอต้องสะกดมันไว้ไม่ให้น้ำตาไหลออกมาเธอเป็นเลขาคนเดียวของเขาที่ไม่เคยมีประวัติเสียน้ำตาร้องไห้หน้าห้องมาก่อน จะมาเสียสถิติด้วยเรื่องง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ก็แค่ผู้ชายตาต่ำคนเดียว ทำ
แต่ดูเหมือนโชคชะตาไม่ยอมให้ชีวิตเธอได้พบกับความสงบง่ายๆ เมื่อกลับไปถึงที่ออฟฟิศ นพรดาก็ได้พบกับแขกคนสำคัญของท่านประธานโดยไม่ทันได้ตั้งตัว“หนูเก้า...”“เอ่อ...สวัสดีค่ะท่าน” นพรดารีบยกมือไหว้มารดาของท่านประธานที่นานๆ จะมาเยือนที่บริษัทสักครั้ง แต่ครั้งก่อนๆ ที่มาอีกฝ่ายก็จะโทรมาแจ้งล่วงหน้าเสมอ ผิดกับครั้งนี้ที่มาโดยไม่ได้แจ้งก่อน ทำให้เธอไม่ทันได้เตรียมใจ“ไงจ๊ะ ไม่พบกันนานเลยนะ แล้วนี่เจ้านายของหนูล่ะจ๊ะหายไปไหน”“เอ่อ...บอสประชุมเช้ายังไม่เสร็จค่ะ ท่านมีธุระด่วนไหมคะ หรือจะให้เก้าโทรไปเรียนบอสให้ก่อนไหมคะ”“โอ๊ะๆ ไม่ต้องจ้ะไม่ต้อง ให้รายนั้นเขาทำงานไปเถอะ ฉันรอได้...” คุณภาณีหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูจึงหันไปมอง พร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเมื่อเห็นหญิงสาวสวยผู้หนึ่งเดินเข้ามาใหม่ “อ้าว นั่นหนูปลามาพอดี มาลูกมา ป้าจะแนะนำให้รู้จักเลขาคนสนิทของพี่สาม”นพรดามอง ‘หนูปลา’ ของคุณภาณีพลางนึกชมในใจ ผู้หญิงตรงหน้าใช่แต่คำว่าสวยมีเสน่ห์ แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาและบุคลิกต่างๆ ก็ดูน่ามองไปหมด หากเธอเป็นผู้ชายคงหลงรักได้ไม่ยาก“นี่คือหนูเก้า เป็นเลขาของพี่สาม ทำงานด้วยกันมาตั้งหลายปีแล้วล่ะ ส่วนคนนี
“คุณเก้าไปทานข้าวด้วยกันสิคะ ไปด้วยกันหลายๆ คนสนุกดี” ภาสกฤตหันไปมองสองสาวอย่างแปลกใจ“นี่รู้จักกันด้วยเหรอ”“ค่ะ” ปาริมาชิงตอบแทน “โลกกลมมากเลยค่ะพี่สาม ก็วันที่กลับไทย จู่ๆ คุณเก้าก็มาเป็นลมล้มกลางถนนตรงหน้ารถพอดี จนเกือบโดนรถพี่ชายปลาชนเอา ก็เลยพาไปส่งโรงพยาบาล”คำนั้นทำเอาบอสหนุ่มสะอึกไป พลางหันไปมองเลขาสาวข้างกาย แต่สีหน้าของนพรดายังคงนิ่ง ดูสุภาพ แต่อะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้นทำให้เขารู้สึกผิดในใจกับเรื่องวันนั้นที่เขาเป็นต้นเหตุให้เธอต้องเจ็บตัว“เราต้องมีวาสนาต่อกันแน่ๆ เลย ไปด้วยกันนะคะคุณเก้า”นพรดายิ้มตอบอีกฝ่าย โดยไม่หันไปมองเจ้านายของตัวเองแม้แต่น้อย ก่อนตอบ“วันนี้เก้าคงต้องขอตัวนะคะ พอดีหยุดงานไปหลายวันเลยต้องรีบเคลียร์งานที่ค้างไว้ให้เสร็จก่อนคนใหม่จะมารับช่วงต่อค่ะ”“คนใหม่?” คุณภาณีทวนคำ “หมายถึงอะไรกันจ๊ะ”ภาสกฤตรีบกระแอมส่งสัญญาณเตือน“ไม่มีอะไรครับแม่...”“พอดีเก้าจะลาออกน่ะค่ะ”ชายหนุ่มหันไปขึงตาใส่คนพูด แต่เธอกลับเมินตอบกลับมา“ตายจริง! แล้วทำไมหนูต้องลาออกด้วยล่ะจ๊ะ อึดอัดใจตรงไหน หรือว่าเพราะตาสามให้งานหนักเกินไปหรือไงจ๊ะ”“เปล่าค่ะ พอดีมีเหตุผลส่วนตัวนิดหน่อยค
“นั่นฝีมือใคร”หากบอกความจริงไปว่าใครทำ ก็ดูเป็นการโยนความผิดให้คนอื่น ทั้งที่ปาริมาอาจไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่หยิบแฟ้มมาไม่ทันดูเลยติดเอกสารตัวนี้เข้ามาโดยที่เธอยังไม่ได้ตรวจทานให้“ความผิดฉันเองค่ะ”“ผมถามว่าฝีมือใครไม่ใช่ความผิดใคร”“ฉันขอโทษและขอรับผิดชอบจะรีบแก้ไขรายงานแล้วส่งให้คุณพิจารณาภายในสิบนาทีนะคะ”“คุณออกไปเรียกคุณปลาเข้ามา”“แต่ฉันว่าไม่จำเป็น เอาเป็นว่า...” เธอยังไม่ทันพูดจบอีกฝ่ายก็จัดการยกหูเรียกปาริมาเข้ามาเสียเอง“คุณปลาเชิญในห้องผมหน่อยครับ”เพียงไม่นานปาริมาก็เดินยิ้มแย้มแจ่มใสเข้ามาในห้องโดยไม่รุ้ชะตากรรม“พี่สามเรียกปลาเหรอคะ”“คนเทรนด์งานให้คุณไม่ได้บอกเหรอว่าอยู่ที่บริษัท คุณควรเรียกผมว่าบอส หรือท่านประธาน”ปาริมาหน้าเจื่อนลงไปนิดๆ “ขอโทษค่ะบอส”นพรดาตวัดมองคนถามที่ตีวัวกระทบคราด เหมือนต่อว่าปาริมาแต่จริงๆ จงใจตำหนิเธอทางอ้อมต่างหากที่บกพร่องต่อการสอนงานคนใหม่ ร้อยวันพันปีเธอก็ไม่เห็นเขาจะมาเจ้ายศเจ้าอย่างกับคำเรียกขานตำแหน่งตัวเองเลยสักครั้งจะอะไรได้ ถ้าไม่ใช่จงใจหาเรื่องดิสเครดิตกันน่ะสิ“รายงานประชุมนี่คุณพิมพ์หรือใครพิมพ์”“ปลาพิมพ์เองค่ะ” คนพูดยืดอกยิ้มรอรับ
“ขอโทษค่ะ”“แล้วเรื่องงานเลี้ยงครบรอบบริษัทลูกค้าเย็นนี้ จัดการเรียบร้อยหรือยัง”“เรียบร้อยค่ะ เก้าสั่งกระเช้าดอกไม้ให้แล้วเขาจะมาส่งให้ตอนห้าโมงเย็น ส่วนชุดออกงานของคุณ คุณปลาเป็นคนเตรียมให้เพราะเธอน่าจะรู้ว่าคุณชอบแบบไหนดีกว่าฉัน”“แล้วคืนนี้ใครจะไปงานกับผม”“คุณปลาค่ะ”“ไม่ได้ คุณต้องไปด้วย”“คะ?”“ไปเตรียมตัวให้พร้อม อย่าให้ผมต้องขายหน้าลูกค้า”“แต่เก้าไม่ได้เตรียมชุดออกงานมา”“ก็ไปหาซื้อแล้วมาเบิกกับบริษัทสิ เรื่องแค่นี้คุณทำงานกับผมมาตั้งนานควรคิดได้นะ...”“แต่...” ยังไม่ทันได้พูด อีกฝ่ายก็ตัดสายไปแล้ว พร้อมกับที่ปาริมาเดินออกมาจากห้องทำงานของเขา“เป็นอันว่างานนี้เราโดนทั้งคู่” เลขาคนใหม่หัวเราะคิกคัก ในขณะที่นพรดาได้แต่เซ็ง งานจัดที่โรงแรมหรูเสียด้วย จะให้เธอแต่ตัวบ้านๆ ไปก็ไม่ได้ เพราะถึงยังไงเลขาก็คือหน้าตาของเจ้านาย ขืนไปโทรมๆ เขาจะได้จับเธอโยนบกน่ะสิ“กังวลเรื่องชุดออกงานเหรอคะ เดี๋ยวปลาโทรให้ที่บ้านเอามาส่งให้เพิ่มก็ได้ ขนาดตัวเราก็พอๆ กัน ส่วนเรื่องแต่งหน้าทำผมก็ไม่ต้องห่วงนะคะ ปลามีช่างแต่งหน้าทำผมประจำอยู่เก่งมากๆ เดี๋ยวแต่งให้ปลาเสร็จแล้วก็แต่งให้คุณเก้าด้วย แค่นี้เอง
พอคิดได้ดังนั้น นพรดาจึงค่อยๆ ปลีกตัวถอยห่างจากสองหนุ่มสาว เมื่อเห็นว่าปาริมานั้นคงรับมือทุกอย่างได้แล้ว เธอเลยปลีกตัวออกมาหาเครื่องดื่มและขนมในงานกิน ปล่อยให้ปาริมารับช่วงต่อเดินประกบบอสหนุ่มในฐานะคู่ควงของเขาแทน“มาคนเดียวเหรอครับ” จู่ๆ ก็มีเสียงใครบางคนดังข้างหลัง ขณะที่เธอกำลังจะหยิบขนมใส่จานหนุ่มหน้าหล่อคมคายในชุดสูทสุดเท่ผู้หนึ่งยืนส่งยิ้มโปรยเสน่ห์มาให้จนตาพร่านี่สิคุณค่าที่อีเก้าคู่ควร!“มากับเจ้านายค่ะ”“แล้วทำไมเจ้านายคุณถึงปล่อยให้คุณยืนเหงาคนเดียวตรงนี้ล่ะครับ ถ้าเป็นผม คงไม่ยอมให้คนสวยๆ อย่างคุณ...เอ่อ” คนพูดเลิกคิ้วนิดๆ ยิ่งทำให้น่ามองไปอีก“เก้าค่ะ”“ผมชื่อเต้นะครับ เป็นผู้จัดการโรงแรมนี้” ชายหนุ่มหยิบนามบัตรส่งให้“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ แล้วนี่คุณเต้มาคนเดียวหรือคะ”“ครับ มาคนเดียว หวังว่าคุณเก้าคงไม่รังเกียจที่จะรับผมไว้เป็นเพื่อนคุยสักคนนะครับ”ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจอ้อย แต่จังหวะนั้นบังเอิญหันไปเห็นสายตาขุ่นๆ ของใครบางคนมองข้ามห้องมาพอดี ทั้งที่ข้างกายเขาก็มีปาริมาอยู่“ไม่รังเกียจหรอกค่ะ” หญิงสาวจงใจส่งยิ้มหวานให้หนุ่มตรงหน้า โดยเมินสายตาที่แผดรังสีอำมหิตของใครบางค
คำถามนั้นทำเอาชายหนุ่มเผลอเหยียบเบรกกะทันหัน ดีที่ไม่มีรถตามมา หาไม่คงชนท้ายกันวินาศสันตะโร“ท้องเนี่ยนะ!” ภาสกฤตอุทานลั่น “คุณพูดเป็นเล่น”“เก้าไม่ได้พูดเล่นค่ะ ในเมื่อวันนั้นบอสเองก็ไม่ได้ป้องกัน มันก็อาจมีสิทธิ์ที่เก้าจะท้องได้ไม่ใช่เหรอคะ”“แล้วคุณไม่ได้กินยาคุมหรือไง”“ครั้งแรกกินค่ะ แต่ครั้งที่สองกินไม่ทันเพราะใครกันล่ะ ที่ปล่อยเก้าลงกลางทาง ตากฝนจนเป็นลมกลางถนนแบบนั้น รถไม่ชนตายก็บุญหัวแล้ว”ฟังคำตัดพ้อของอีกฝ่ายทำเอาภาสกฤตถึงกับสะอึก หน้าเปลี่ยนสีเมื่อคิดถึงวันนั้น และความเป็นไปได้ที่เลขาสาวจะตั้งครรภ์ลูกของเขา“นั่นบอสคิดอะไรอยู่คะ”“ผมยังไม่อยากมีลูก...”นพรดาสะดุดลมหายใจ หัวใจหนาววูบจนชาไปทั้งตัวเมื่อได้ยินคำนั้นจากปากเขา“บอสไม่อยากมีลูก หรือไม่อยากมีลูกกับเก้ากันแน่”“ก็ทั้งสองอย่าง ผมยังไม่พร้อมจะมีลูกหรือมีใครเข้ามาในชีวิตตอนนี้”นพรดาเม้มริมฝีปากแน่น ใจสั่นรัวๆ เมื่อได้ยินถ้อยคำแสลงหูจากปากคนไร้หัวใจ“หมายความว่าถ้าเกิดเก้าท้องขึ้นมา บอสจะให้เอาเด็กออกหรือคะ”คำถามนั้นทำให้ชายหนุ่มถึงกับอึ้งไป ในใจครุ่นคิดหนัก เพียงเท่านั้นก็พอจะทำให้เลขาสาวได้คำตอบที่กระจ่างชัดขึ้น เข
เอาเถอะ นาทีนี้ชีวิตคนต้องมาก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง หญิงสาวหลับตาเพื่อเลี่ยงภาพบาดใจ แต่ทว่า...“ผมผายปอดไม่เป็น!”หญิงสาวลืมตามองคนพูดทันใด“ขอโทษครับ ใครผายปอดแบบเม้าท์ทูเม้าท์ได้บ้าง” ธิเบศหันไปถามเหล่าไทยมุงหน้าตาเฉย และไม่นานก็มีพลเมืองดีอาสา“ผมทำได้ครับ ผมเคยฝึกมา” คนพูดคือชายวัยกลางคนตัวใหญ่ผิวคล้ำ แม้ท่าทีจะดูน่ากลัวไปนิด แต่ถือว่าเขามีน้ำใจ“งั้นช่วยกันหน่อยนะครับ ถือว่าเอาบุญ” ธิเบศลงเสียงหนักในประโยคสุดท้าย ก่อนรีบขยับหลีกทางให้พลเมืองดีเข้ามาทำหน้าที่แทน ส่วนเขาก็รีบยืนข้างๆ ภรรยาที่ตอนนี้ทำหน้าเหวอ ก่อนกระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ“รอดูฉากเด็ดนะ”ฉากเด็ด! ฉากเด็ดอะไรล่ะ หญิงสาวได้แต่มองหน้าสามีสุดหล่ออย่างงุนงง ก่อนหันไปจ้องมองนาทีชีวิตของเมลดาตาแทบไม่กะพริบพลเมืองดีคนนั้นท่าทางจะมีความรู้ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นคนจมน้ำจริงอย่างที่พูด เขาจัดการลงมือช่วยหญิงสาวอย่างคล่องแคล่ว หากทว่าตอนที่เขากำลังจะทำการเป่าปากแบบเม้าท์ทูเม้าท์นั้นเอง จู่ๆ คนที่นอนนิ่งก็ล
จารุพัชรเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาที่ดุขึ้งจากอารมณ์ขุ่นมัวที่ค้างมาจากอดีตแฟนเก่า มืออุ่นๆ ของเขายังกุมมือเธอไว้แน่น และวงแขนแข็งแรงก็โอบอุ้มยอดดวงใจตัวน้อยไว้ไม่ปล่อยเธอไม่เคยเห็นเขาโมโหมากเท่านี้มาก่อน หากสิ่งที่เมลดาทำนั้นก็สมควรที่จะทำให้เขาไม่พอใจ“คุณธิมคะ” อดไม่ได้เลยเรียกเขาเบาๆ“หืม...คุณมีอะไรเหรอ เมื่อกี้เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”“แจนไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ส่วนลูกก็คงตกใจแต่ยังไม่ทันโดนทำร้ายอะไร”ธิเบศถอนหายใจ พลางหยุดเดินแล้วหันมาสบตา“ผมขอโทษนะ”“ขอโทษเรื่องอะไรคะ แจนกับลูกต้องขอบคุณคุณต่างหากที่เข้ามาปกป้องเราสองคน ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้ ทำให้สีหน้าดุๆ คลายลง“ขอบคุณเฉยๆ เหรอ แล้วรางวัลของผู้กล้าล่ะ”จารุพัชรมองคนพูดอย่างหมั่นใส้ แต่ทว่าเธอก็ยอมเขย่งปลายเท้าขึ้นและบรรจงจูบที่แก้มของเขาเบาๆ ไปทีหนึ่ง แต่เจ้าตัวกลับยื่นปากให้ หญิงสาวยิ้มเขินๆ“พอแล้วค่ะ อายลูกบ้าง”“อายทำไมเนอะลูกเนอะ หนูชอบให้พ่อกับแม่ส
“นี่แก!” เมลดามองศัตรูหัวใจราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เจ็บใจที่ผิดแผน ต้องโทษที่ยัยเด็กบ้านี่ทำให้เธอเสียอาการจนดูแย่ในสายตาบุรุษที่หมายปอง“ธิมคะ...เมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ...”“ไม่ตั้งใจงั้นเหรอ...คนที่คุณควรขอโทษคือลูกและเมียผมต่างหาก อ้อ! แล้วที่คุณว่าลูกผมว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนน่ะ ผมว่าคงไม่ใช่ลูกผมหรอกที่ควรโดนว่า แต่เป็นคุณต่างหาก...” เมลดาสะอึก หน้าเสีย ดวงตาคู่งามมีน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปากร้ายขนาดนี้“ธิมคะ ทำไมคุณว่าเมหนักแบบนี้ เมบอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ แล้วเมก็ยังไม่ได้ทำร้ายลูกคุณเลยนะคะ”“พอเถอะนะเม ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรของคุณ เอาเป็นว่า เราต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะ คุณจะทำเป็นไม่รู้จักผมเลยก็ได้ ผมไม่สน แต่อย่ามายุ่งกับลูกเมียผมอีก จะให้ดีคุณช่วยหายไปเหมือนวันนั้นได้ไหม ผมจะขอบคุณมาก”โอ้...จารุพัชรนิ่วหน้านิดๆ แอบเจ็บแทนคนฟัง ธิเบศเวอร์ชั่นปราบมารนี้อาจดูใจร้ายไปสักหน่อยสำหรับเมลดา แต่กลับกร้าวใจคนเป็นภรรยาเหลือเกิน พ่อคนหวงลูกหวงเมีย พ่อพระเอกนอกจอโอ๊ย...พ่อทูนหั
“จะรีบไปไหนล่ะคะ”เมลดาก้าวเข้ามาหาสองแม่ลูก วันนี้เธอสวมชุดว่ายน้ำทูพีชมีเสื้อคลุมเนื้อบางเบาสวมทับไว้อย่างสวยเก๋และดูเซ็กซี่ เรือนร่างของนางแบบสาวตรงหน้างดงามอย่างไม่มีที่ติ“คุณนั่นเอง มาเดินเล่นเหรอคะ”จารุพัชรยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน“เมมาดูพระอาทิตย์ขึ้นน่ะค่ะ พอดีเห็นคุณกับ...ลูกเสียก่อน” เมลดาส่งยิ้มหวานให้ “นี่ลูกคุณเหรอคะ หนูชื่ออะไรเอ่ย”“ชื่อน้องทับทิมค่ะ”ชื่อนั้นทำให้คนฟังหน้าเสียไปนิดๆตั้งชื่อพ้องกับชื่อพ่อขนาดนี้ กลัวใครไม่รู้หรือไงว่าสามีชื่ออะไร เมลดาค่อนขอดคนตรงหน้าในใจอย่างหมั่นไส้ แต่ใบหน้าสวยยังคงยิ้มหวาน“แหม...ถ้าไม่บอกคงไม่รู้นะคะว่าเป็นลูกธิม”คนฟังชักทะแม่งหู ใครๆ ก็บอกว่าลูกสาวเธอหน้าเหมือนพ่ออย่างกับแกะจากพิมพ์เดียวกัน คำพูดของคนตรงหน้ามีนัยยะใดแอบแฝงหรือเปล่านะ“ขอโทษนะคะที่ฉันพูดตรงไปหน่อย แต่จริงๆ ฉันอยากบอกว่าหนูทับทิมหน้าเหมือนคุณมากกว่า ไม่ค่อยมีเค้าธิ
เมลดากัดฟันแน่น เมื่อเห็นอดีตคนที่เธอเคยทิ้งไปอย่างไม่ไยดีคอยเอาใจผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ คนนั้นอย่างหวานชื่น ทั้งที่ยัยนั่นไม่มีอะไรคู่ควรกับเขาสักอย่าง คนที่ไม่อาจเทียบกับเมลดานางแบบสาวสวยไฮโซคนนี้แม้ปลายเล็บด้วยซ้ำคิดไปแล้วก็แสนจะเจ็บใจ ค่าที่วันนั้นเธอไม่น่าใจเร็วด่วนได้หลงไปกับเปลือกนอกจอมปลอมของสามีไฮโซคนปัจจุบันอ้อ! ไม่ใช่สิ เขาคนนั้นกำลังจะกลายเป็นอดีตสามีต่างหาก ในเมื่อเธอกำลังจะฟ้องหย่าเร็วๆ นี้แล้วดวงตาสวยเฉี่ยวมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของอดีตแฟนเก่า ธิเบศในวันนี้หล่อเหลาและมีออร่าจับ ต่างจากธิเบศคนเก่าที่เธอทิ้งไปอย่างไม่ลังเลในวันนั้น ก็ใครจะรู้เล่าว่าเขาจะกลายเป็นพระเอกซุปเปอร์สตาร์เหมือนอย่างวันนี้ เพราะถ้ารู้คนที่นั่งตรงหน้าเขาต้องเป็นเธอไม่ใช่ผู้หญิงกระจอกๆ คนนั้นยิ่งเห็นเขาเอาอกเอาใจภรรยา ดูเหมือนว่าเขาจะรักเธอคนนั้นมากเท่าไหร่ หัวใจเธอก็ยิ่งร้อนรนราวกับไฟเผาผลาญ นึกอยากย้อนวันเวลากลับไปในวันที่เคยรักกันอีกครั้ง เธอยังจำได้ว่าธิเบศทั้งรักและเอาอกเอาใจเธอมากแค่ไหน ความเร่าร้อนของเขาทำให้เธอติดใจไม่หาย แม้สามีคนปัจจุบันก็ยังไม่ทำให้เธอพอใจเท่า
“กุ้งผัดกระเทียมพริกไทยดำนี่อร่อยดี เดี๋ยวผมแกะให้นะ” ธิเบศ เอ่ยหน้าตาเฉย พลางแกะกุ้งตัวโตในจานตนก่อนตักให้เธอราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นโอ๊ย...อีพี่ธิมเวอร์ชั่นเลือดเย็น!!!นี่เธอควรดีใจหรือสงสารผู้หญิงคนนั้นดีล่ะเนี่ย“ทำแบบนั้นกับเธอจะดีเหรอคะ”“หรือคุณอยากให้ผมบอกเบอร์ตัวเองล่ะ” คนถูกถามชะงักไป“ถ้าคุณอยากบอก แจนจะไปห้ามอะไรได้”“ได้สิ แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมรู้ดีว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ผมไม่อยากให้เราต้องมีปัญหากันทีหลัง” คนฟังชะงักไป พลางคิดตามมันก็จริงแฮะ เธอเคยเห็นในละครบ่อยๆ ฉากที่นางร้ายพยายามเข้ามายุแหย่ทำให้พระเอกกับนางเอกเข้าใจผิด แล้วส่วนใหญ่มันก็สำเร็จสมใจนางร้าย 99% เสียด้วย ใครจะไปนึกว่าเธอต้องมาเจอเหตุการณ์แบบในละครน้ำเน่าพวกนั้น ยังดีที่ไม่ต้องมีฉากลุกขึ้นตบธิเบศถอนหายใจเบาๆ พลางยื่นมือมากุมมือภรรยาสาวไว้“ผมชอบอยู่กับปัจจุบันมากกว่าอดีตนะ อะไรที่ผ่านมาแล้วน่าจดจำก็จำ แต่ถ้ามันไม่น่าจำ ผมก็ไม่อยากเก็บไว้ให้รกสมอง”“แ
“นี่คุณแจน ภรรยาของผม แจนครับ นี่คือคุณเมลดา เขาเป็น ‘อดีตคนเคยรู้จัก’...” เมลดาชะงักกึก“แค่คนรู้จักเท่านั้นเองหรือคะ แต่เท่าที่เมจำได้ตอนนั้นเรารักกันมาก มากเสียจนคุณเคยบอกว่าอยากแต่งงานกับเมด้วยซ้ำนะคะ”จารุพัชรถึงกับสะอึก อึ้งไปชั่วขณะ พอหันไปมองสามีก็เห็นสีหน้านิ่ง แต่แววตาดุขึ้ง ดูท่าเรื่องที่ว่าคงมีมูลอยู่มากทีเดียว“เมยังไม่เคยลืมช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เมคิดถึงธิมมากเลยนะคะ”หืม...คิดจะเปิดเกมส์บุกกันแบบนี้เลยเหรอแม่คุณ“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเมลดา” จารุพัชรส่งยิ้มให้ ราวกับไม่ถือสา แต่ตามองคนตรงหน้าอย่างประเมินผลเงียบๆผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสวยทั้งรูปร่างดีราวกับดารานางแบบ การแต่งกาย หรือบุคลิกภาพก็ไม่ได้ต่ำทรามอะไร ดูไปแล้วก็เหมาะสมกับธิเบศไม่น้อย ยกเว้นก็แต่แววตาของเจ้าหล่อนที่เผยความปรารถนาออกมาชัดเจนโจ่งแจ้งไปหน่อย แต่ทุกอย่างไม่สำคัญสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคนข้างกายเธอต่างหากที่คิดอย่างไร ยังอาวรณ์กับอดีต หรือไม่คิดอะไรด้วยแล้ว นี่ต่างหากที่สำคัญ และเท่
“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อย่าไปยึดติดอะไรมากเลยค่ะ นั่นลูกหลับแล้ว” ธิเบศหันไปมองเจ้าตัวน้อยที่เอียงคอซบไหล่พ่อหลับปุ๋ยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้“ถ้าถึงวันนั้น วันที่ผมไม่ได้เป็นดาราชื่อดัง ไม่ใช่ธิม-ธิเบศที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ แต่กลายเป็นนายธิเบศผู้ชายธรรมดา คุณจะว่าไง”“จะไปว่าอะไร ก็แค่หาสามีใหม่สิคะ” คำนั้นทำให้ชายหนุ่มหันขวับ“ว่าไงนะ”“ฮ่าๆ ฉันล้อเล่นค่ะ ดูคุณทำหน้าเข้าสิ” จารุพัชรหัวเราะคิก ก่อนที่จะหันไปมองสบตาเขา“คุณจะเป็นดาราดัง หรือเป็นคนธรรมดาแล้วไง ตราบใดที่คุณเป็นพ่อของลูกและเป็นสามีที่ดีของแจนแบบนี้ ก็พอแล้วนี่คะ”“ไดอะล็อกนี้คุ้นๆ จัง แต่ผมชอบแฮะ”“แจนก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่มีคุณกับลูก แจนก็มีความสุขแล้ว” หญิงสาวเงยหน้าสบตาเขาอย่างจริงใจ ก่อนที่จะเผยอริมฝีปากรับจุมพิตแสนหวานของสามีที่โน้มลงมาทาบทับอย่างนุ่มนวลชวนฝันสองหนุ่มสาวและลูกน้อยโอบกอดกันท่ามกลางบรรยากาศยามเย็นที่ตะวันใกล้ลับขอบ
“ไงธิม...ที่พักโอเคไหม”เสียงทักทายมาตามสายของผู้จัดการคู่ใจทำให้พระเอกหนุ่มที่กำลังทอดสายตามองไปที่ชายหาดซึ่งมีร่างเพรียวบางนั่งอยู่บนผืนทรายสีขาวละเอียดราวกับแป้ง ข้างกายมีลูกสาวตัวน้อยนั่งจุมปุ๊ก ทั้งสองกำลังเล่นของเล่นกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะใสๆ คลอกับเสียงคลื่นทะเลทำให้เขาพลอยเพลิดเพลินไปด้วย“ธิม...ฟังพี่อยู่หรือเปล่า”“ครับ ฟังอยู่ครับ”“แล้วเรื่องละครเรื่องใหม่ที่พี่ส่งไปธิมจะว่ายังไงรับหรือเปล่า บทพระเอกพ่อลูกอ่อนน่ะ”ธิเบศยิ้มกับตัวเอง เมื่อได้ยินคำนั้น“ถ้าพี่บีอ่านแล้วโอเค ก็ตอบรับไปได้เลยครับ อ้อ! แจ้งทางกองไปด้วยว่า...”“ไม่จูบจริงทุกกรณี เลิฟซีนต้องไม่ถึงเนื้อถึงตัวมาก” ศุภกรดักคอพระเอกในสังกัดอย่างรู้แกว เพราะหลังๆ ชายหนุ่มค่อนข้างเคร่งเรื่องนี้มาก จะบทไหนเขาก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น หากตกลง เขาก็รับเล่น“เท่านี้ใช่ไหมครับ”“เดี๋ยวๆ จะรีบไปไหนกัน พี่ยังพูดไม่จบ มีอีกงานเพิ่งเข้ามาวันนี้ เป็นงานถ่ายโฆษณาสินค้าพวกสเปรย์