“ปล่อยนะ” เหรินเหมยผลักร่างสูงที่ไม่ทันระวังเซถลาไปกระทบผนังอีกด้านจือหรานถือวิสาสะเปิดม่านพุ่งเข้ามาข้างใน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก“เอ่อเกิดอะไรขึ้นในนี้คะ” เฉิงซีหยวนถอนหายใจ“ออกไปให้หมดไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น” เหรินเหมยถอนหายใจจือหรานรีบดึงมือเหรินเหมยออกจากห้องเปลี่ยนชุด“คุณจีเขาทำอะไรคุณจีไหม” เหรินเหมยส่ายหน้าเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง“ไม่” โกหก“อยู่ห่างๆ เขาดีกว่าค่ะดูเขาจะเป็นไบโพล่านะคะน่ากลัวเชียว แล้วไอ้ที่เห็นก็ไม่ได้รักเจ้าสาวสักนิดดูเหมือนทำอะไรก็ขัดใจไปเสียหมดแบบนี้จะแต่งกันทำไม”“อย่านินทาเขาคนอื่นที่มาไม่เห็นว่าจือหรานจะนินทาใคร”“ก็เขาไม่มีอะไรให้นินทานี่คะมีแต่ทำให้อิจฉา รักกันหวานฉ่ำทุกคู่ยกเว้นคู่นี้” เหรินเหมยยิ้มน้อยๆ“ทำงาน ทำงาน”เหรินเหมยแกล้งปรบมือรัวๆกระตุ้นจือหรานเฉิงซีหยวนเดินออกมาในชุดกี่เพ้าของผู้ชายที่ติดกระดุมไม่หมดเหลือไว้สองสามเม็ดซูจิงออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดมองซีหยวนเพียงแวบเดียวแล้วรีบเดินตรงเข้ามาติดกระดุมให้ทันที เหรินเหมยรีบเบือนหน้าหนีเสีย“ฝากด้วยนะจือหราน ฉันต้องไปรับลูกที่โรงเรียน แล้วจะเข้าบ้านเลยมีอะไรโทรมาได้เลยนะบางทีฉันอาจกลับ
“ดินเนอร์กันไหมค่ะ” ซูจิงพูดขึ้นหลังจากที่ถ่ายแบบพรีเวดดิ้งเรียบร้อยไปแล้ว“วันนี้ไม่ว่าง” เดินออกจากตรงนั้นมุ่งหน้าไปที่รถของหลี่ตงที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว“ไว้พบกันพรุ่งนี้อีกทีค่ะคุณ” จือหรานมาส่งซูจิงที่ยืนหันหน้าหันหลัง“กลับอย่างไรคะคุณซูจิงให้ฉันเรียกรถให้ดีไหมคะ” จือหรานอดห่วงไม่ได้“ไม่เป็นไรค่ะตั้งใจแวะเดินเล่นก่อนกลับ คุณจอหรานไปด้วยกันไหม” จือหรายยิ้มแบบเกรงใจ“วันนี้ฉันมีนัดอะค่ะ” ป้องปาก ซูจิงพยักหน้ายิ้มๆ“ไม่กวนแล้วค่ะรถที่รักมาแล้วค่ะ” เดินไปรถที่เรัยกให้มารับจือหรานส่ายหน้าไปมา“พี่ครับ แบบนี้จะอยู่กันยืดไหม ไอ้แบบนี้ผู้ชายก็รวยแล้วยังไม่สนใจใน ความรู้สึกอีกคน”“เรื่องของเขาหรือเปล่าไปกินเหล้ากันดีกว่า ฉันละเปรี้ยวปากเหนื่อยมาทั้งวันแล้วไปพักผ่อนกันฉันเลี้ยงเอง” จือหรานยมือกอดรอบไหล่ของรุ่นน้องในจีคอเปอเรชั่นยิ้มกว้างพาเดินออกจากตึก“จุนแม่ฮับบบบบ” เชียวอู่วิ่งเข้ามากอดเหรินเหมยอันอันเดินเข้ามาเมียงมองเหรินเหมยรีบอ้าแขนออกโอบรอบตัวของทั้งสองคน“จุนลุงบอกว่าจะพาไปกินไอศกรีม แต่เพื่อนๆ ของเชียวอู่บอกว่าคนที่พาไปกินไอกรีมจะต้องเป็นคุณพ่อ” ชาไช้ยิ้ม นั่งลงพูดกับเชียวอู่“คุณ
“นอนได้แล้วครับที่รักของแม่” เหรินเหมยจุ๊บแก้มเชียวอู่แล้วกันมาจุ๊บแก้มอันอัน“จุนแม่ขาจุนแม่มีรูปของจุนพ่อไหมคะอันอันอยากจะเห็นหน้าจุนพ่อ” เชียวอู่ตัวน้อยที่เดินมาที่เขย่าแขนเหรินเหมยอีกคน“เพื่อนๆ ที่โรเรียนเขากห้บอกว่าอยากเห็นว่าจุนพ่อของเราหล่อไหมจุนแม่บอกว่าจุนพ่อตายแล้วทำไมไม่มีรูปจุนพ่อละครับ”เหรินเหมยกอดลูกไว้ในอ้อมกอดแนบแน่น“ไว้ แม่ว่างแม่จะหาให้นะคะตอนนี้ดึกแล้วนอนเสียพรุ่งนี้จะต้องไปโรงเรียน” เชียวอู่ประคองใบหน้าของเหรินเหมยไว้ในมืออ้วน“เราสองคนรอได้ฮับ ไม่กดดันจุนแม่ฮับ ไม่กดดันจริงจริ้งงงงง” เหรินเหมยยิ้ม“หลับได้แล้วคนดีของแม่” จุ๊บที่แก้มของสองแฝดอีกครั้งเฉิงซีหยวนยืนเอามือล้วงกระเป๋าฟังสามคนแม่ลูกคุยกันอยู่ด้านล่างของหน้าต่างตัวบ้านบนรถระหว่างทางซูจิงนั่งตัวแข็งข้างๆ ชาไช้ที่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถแต่เหมือนไม่ยอมเหยียบคันเร่งยังปล่อยให่รถแล่นไปช้าๆ“เด็กๆ น่ารักจังนะคะ คุณเหรินเหมยดูแลเด็กๆ ได้ดีมากๆ” ชาไช้ถอนหายใจถ้าหากซูจิงรู้ว่าเหรินเหมยคือต้นเหตุที่ทำให้ซูจ๋ายตายไปจะยังพูดแบบนี้ไหม“คุณส่งฉันแค่ปากซอยก็ได้ฉันเดินเข้าไปนิดหน่อยไม่อยากให้คุณแม่ถามว่าใครมาส่ง เพราะก
“ปกติถ้าจะให้ปล่อยผู้หญิงคนอื่นจะต้อง…อมให้ฉันก่อน” รูดซิปกางเกงจงใจแกล้ง เหรินเหมยทำตาโตตกใจกับท่าทีเหมือนคนบ้ากามของเฉิงซีหยวน“คนบ้า อย่ามาลามกนะฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น”“เคยทำไหมล่ะ” แกล้งถามหยั่งเชิง“อย่านะ ฉันไม่จำเป็นต้องตอบนี่ แล้วแต่คุณจะคิด”“ไม่เคยทำจริงๆ หรือ” เหรินเหมยแดงแดงแปร๊ดดด“อย่ามาพูดจาแบบนี้นะ ฉัน…ฉัน” เฉิงซีหยวนจ้องตาค้นหาความจริงกับใบหน้าเขินอายนั่น“เหรินเหมยหลับตาเสีย เฉิงซีหยวนจูบที่เปลือกตาอย่างอ่อนโยน เหรินเหมยสัมผัสได้ถึงริมฝีปากอุ่นที่แตะลงบนเปลือกตาเบาๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ก็พบว่าอีกคนจ้องอยู่ก่อนแล้ว“อย่าทำแบบนี้ ได้โปรดคุณกำลังทำให้ทุกอย่างแย่ลงไป”“ฉันไม่ได้ใจดีอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เมื่อก่อนตอนอยู่กับเธอต้องฝืนใจห้ามใจแกล้งเป็นคนดีแค่ไหนรู้ไหม” ก้มลงกระซิบข้างหูเสียงสั่น“ก็ดีแล้วนี่เป็นคนดี คุณก็เป็นคนดีจะตายอย่างตอนนี้คุณแอบเข้ามาในบ้านฉันแอบมาทำแบบนี้มันไม่ดี” เอาน้ำเย็นเข้าลูบทั้งที่ใจเต้นแทบทะลุออกจากอก“เป็นคนดีแล้วได้อะไร เมื่อก่อนต้องห้ามใจตอนเข้าใกล้เธอแต่ตอนนี้เราสองคน ไม่ต้องห้ามอะไรแล้วนี่” เสียงสั่น“คุณคนเดียวอย่าเหมารวมฉันเข้าไปด้วยฉ
“ชักชอบแบบนี้แล้วสิ ไม่เอาดีกว่า เอากลับไปเก็บไว้หรือซุกไว้ตรงไหนสักที่ดีไหม เมียสวยๆ กับลูกน่ารัก เป็นเมียเก็บฉันมันแย่ตรงไหน” พูดเล่น“ไปให้พ้น.....อย่ามายุ่งกับลูกของฉัน พวกเขาเป็นลูกของฉันคุณมีสิทธิ์อะไรคุณอุ้มท้องมาหรือก็เปล่าแล้วคุณ …” กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ฟ้องศาลเอาลูกมาไว้ในการปกครองแล้วแม่ก็จะตามมาเอง” เหรินเหมยดิ้นออกจากอ้อมแขน แต่เฉิงซีหยวนกลับรัดไว้แน่นไม่ยอมปล่อยแล้วยังฉวยโอกาสหอมแก้มเสียฟอดใหญ่“พวกเขาเป็นลูกของฉัน ….ฉันไม่จำเป็นต้องเหตุผล ฉันไม่ให้คุณเอาลูกของฉันไปไหนทั้งนั้น” เฉิงซีหยวนคลายอ้อมกอดลุกขึ้นยืน “ฉันจะเอาเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งแม่ทั้งลูกและไม่จำเป็นว่าจะต้องสนใจอะไรไม่ได้โง่เหมือนเจ้าหมอนั่นที่เฝ้าเธออยู่ถึงห้าปีแต่ไม่ได้อะไรเลย ฉันจะเอาเธอตอนนี้ยังได้เลย…”“ไม่มีทางคุณมันก็แค่พวกที่ชอบใช้กำลัง”เค้นเสียงพูดออกจากปาก เฉิงซีหยวนถอนหายใจยาว“ดีอย่างนั้นเรามาใช้กำลังกัน” พุ่งตัวเข้าใส่เหรินเหมยหันหลังวิ่งตั้งใจไปที่ประตูอีกคนพุ่งตัวเข้าหาเหรินเหมยปาหมอนในมือใส่เฉิงซีหยวนอย่างจัง คว้าผ้าห่มกอดไว้อีกคนดึงผ้าห่มติดมือโถมตัวเข้าใส่ทับไว้ทั้งตัวกดริมฝีปากอีกครั้งครา
หลี่ตงรีบเปิดประตูรถให้เฉิงซีหยวนที่เดินมาอย่างเร่งรีบ“ไปต่อที่ไหนไหมครับ ท่าน” ถามเพราะเคยถามประจำ แม้ในใจจะคิดว่าเฉิงซีหยวนกับเหรินหมยไม่น่าจะมีอะไรกันจึงคิดเผื่อว่าคืนนี้เฉิงซีหยวนยังไม่ได้คู่นอนก็ตาม“ไปพบซูจิงที่บ้านของเขา” หลี่ตงยิ้มบางๆ คิดไปเองว่าเฉิงซีหยวนคงตั้งใจไปพบซูจิงเพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองกำลังจะแต่งงานแต่กลับมาอยู่กับผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่ผู้หญิงไซด์ไลน์หลี่ตงพารถเคลื่อนขึ้นสู่ถนนหลัก“นายว่า ฉันผิดใช่ไหมกับเรื่องทั้งหมด” ตั้งใจไประบายความโกรธที่เหรินเหมยทำให้เขาโกรธ บางทีนี่อาจเป็นวิธีแก้แค้นที่ดีที่สุด“อะ ผิดเรื่องอะไรครับท่าน”“เรื่องที่ผ่านมาห้าปีนั่นนายยังคิดว่าฉันผิดอยู่ไหมเป็นฉันใช่ไหมที่ต้องรับผิดชอบเรื่องพวกนี้”“ไม่ทราบครับ แต่ให้คิดในแบบของผม เรื่องนี้ไม่มีใครผิด ทุกอย่างมันบังเอิญ หากคนที่จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ก็คงต้องเป็นคุณหมอถงคนนั้นแต่เขาก็ได้รับผลกรรมไปแล้ว ไม่มีงานหมดอนาคตกับเรื่องนี้ไปแล้ว บางทีหากมาทบทวนดูดีดีคุณก็ควรจะคิดเสียว่าเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องของเวรกรรมทุกคนได้รับกรรมไปแล้วแม้แต่คุณจีเธอก็ต้องอุ้มท้องและเลี้ยงดูลูกของคุณเพียงลำพังทั้งๆ
“คุณจีครับ” พนักงานส่งสินค้านำดอกกุหลาบสีแดงช่อโตมายื่นให้กับจีเหรนเหมยต่อหน้าซูจิงและจือหราน“โอโห้ อะไรเนี๊ยะทำไมต้องเป็นคุณจีด้วยนะทำไมไม่เป็นฉัน” จือหรานพูดขึ้นดังๆ ยื่นหน้ามาสุดดอกกุหลาบช่อดตนั่นในอ้อมแขนของเหรินเหมย“ใครกันนี่ ทุ่มทุนน่าดูแลเลย อย่าบอกนะว่าาาา” ใจคิดไปถึงคนที่จูบเร่าร้อนกันเมื่อคืนอย่าบอกนะว่าชาไช้ส่งดอกกุหลาบมาให้จีเหรินเหมย ซูจิงรู้สึกถึงขอบตาที่ร้อนผ่าวอิจฉา หึงหวงหรืออะรกันแน่“ใครคะคุณจาง” จือหรานถามด้วยความซื่อ“ก็คุณชาไช้ที่มารับคุณ จีเมื่อวานอย่างไรเล่ากันจริง” น้ำเสียงแปร่งๆ ในตอนท้าย“ไม่มีการ์ดบ่งบอกเจ้าของว่าคือใคร” เหรินเหมยส่ายหน้าไปมา วางช่อกุหลาบลงบนโต๊ะ แต่เหลือบตาไปเห็นการ์ดโผล่ออกมาหยิบขึ้นมาอ่านดู ลายมือเรียงกันเป็นระเบียบแต่ข้อความชวนให้หัวเสีย“สวัสดี ที่ระบายความอยาก…คิดถึงกันไหม” ไม่ลงท้ายชื่อคนเขียน เหรินเหมยรีบขยำการ์ดไว้ในมือกลัวว่าจือหรานกับซูจิงจะเห็น เม้มปากแน่นคิดว่าคำพูดของตัวเองเมื่อคืนจะทำให้เขารามือแต่ดูสิ่งที่เป็นฟีดแบ็กกลับบมาแต่ละอย่างน่าหัวเสีย“ฉันพร้อมแล้วค่ะเรามาดูของที่จะให้แขกในงานกันดีกว่าคุณมีตัวอย่างให้เลือกไหม” เหร
หลี่ตงถอนหายใจยาว“ออกรถได้แล้วหลี่ตง มัวชักช้าอะไรอยู่…ฉันหิว…จะตายอยู่แล้ว” เน้นคำว่าหิวจนเหรินเหมยรู้สึกแสลงหูคนอะไรเก่งในการใช้คำพูดป่วนประสาทอมยิ้ม ปล่อยให้เหรินเหมยที่เอาแต่คอยนั่งตัวแข็งเพราะไม่อยากโดนตัวเฉิงซีหยวนอีกคนกลับค่อยๆ สอดมือไปโอบรอบเอวบางของเหรินหมย เหรินเหมย เม้มปากแล้วหยิกไปที่แขนของอีกคนอย่างจัง“โอ๊ะ”“เกิดอะไรขึ้นค่ะพี่ซีหยวน” ซูจิงถามดังๆ ด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ซีหยวนสะดุ้งโหยง“เปล่าเหมือนมีตัวอะไรมันกัด ที่หลัง”“ฉันช่วยดูให้ไหมคะ” ซีหยวนยิ้มเจื่อนๆ หันหลังไปให้ซูจิงดู“ไม่มีนี่คะ หลี่ตงต้องเอารถไปล้างได้แล้วค่ะ ต้องมีตัวอะไรแน่ๆ” เหรินเหมยนั่งนิ่งเฉิงซีหยวน ยิ้มมุมปาก“ฝากไว้ก่อน”“พี่หมายถึงอะไรคะ” ซูจิงอดสงสัยท่าทีเจ้าคิดเจ้าแค้นของซีหยวนเสียไมไ่ด้“เจ้าแมลงตัวดีนั่นแหละคนดูถ้าจับได้หรือเข้าตาจนอยู่ในกำมือของฉันเมื่อไหร่จะจัดการให้ร้องขอชีวิตทีเดียว” ซูจิงหัวเราะเห็นเป็นเรื่องตลกแต่เหรินเหมยกลับเม้มปากนิ่ง“เธอพูดเรื่องที่ชวนคุณจีมาทำงานกับอวิ๋นเฉิงหรือยัง” ซูจิงทำตาโต“ค่ะพี่ซีหยวนลองถามคุณจีดูอีกทีสิคะ”“ถาม”“หะว่าอย่างไรนะคะ”“ก็ถามว่าอยากจะไปทำงานที่
ในห้องที่มืดสนิท มีเพียงแสงจากโคมข้างเตียงส่องกระทบใบหน้าที่แสดงให้เห้นว่าดีใจอย่างที่สุดของจูดี้ ขณะที่เธอจ้องที่แถบขีดสีแดงสองเส้นบนแท่งตรวจครรภ์ในมือ หัวใจเต้นโครมคราม ริมฝีปากสั่นระริกก่อนจะค่อย ๆ ยกยิ้ม… ยิ้มที่มีทั้งความหวาดหวั่นและดีใจเจืออยู่ในคราวเดียวกัน“ในที่สุด… ฉันก็ทำได้…” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะง่ายดายขนาดนี้ดวงตาเปล่งประกายแปลกประหลาด ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่หน้าท้องของตัวเองอย่างแผ่วเบา“ลูกของเขา… ลูกของ เฉิงซีหยวน เลือดเนื้อเชื้อไขของอวิ๋นเฉิง”เธอกัดริมฝีปากแน่น ก่อนหันไปหยิบแฟ้มเอกสารที่ซ่อนไว้ใต้ลิ้นชัก โต๊ะข้างเตียง บรรจุผลแล็บที่แอบทำไว้ ใบรับรองการใช้สเปิร์มจากคลินิกในช่วงเวลาที่เฉิงซีหยวนมอบไว้เพื่อฝากอุ้มบุญ ได้มาง่ายดายเพราะเข้าออกโรงพยาบาลBBBได้ง่ายดาย“ถ้าฉันไม่พูด… ไม่มีใครรู้อย่างนั้นก็ทำลายมันเสียก็แค่อ้างว่าวันนั้นซีหยวนเมามากพอนอนกับฉันเลยแตกในดีไหมนะ ไม่สิลืมสวมถุงฮะฮะฮ่าาาา” ใบหน้าสวยเฉียวพูดด้วยท่าทีมั่นหน้าเหลือเกิน “ดูสิว่าฉันมีลูกของเขาในท้องลูกที่ไม่ได้ผสมเทียมไม่ได้ฝากไข่แต่เป็นการเย้กันจริงๆ เขาจะทำหน้าอย่างไร แล้วก็
เสียงกองไฟในเตาผิงแตกดังเปาะแปะ กลิ่นขนมปังที่เหรินเหมยอบไว้ยังอุ่นกรุ่นบนโต๊ะ เด็กแฝดสองคนในชุดนอนตัวโตกำลังนั่งวาดรูปอยู่บนพรมสีขาวสะอาดกลางห้องอันอันเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเฉิงซีหยวนเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ มือใหญ่ของเขาลูบผมลูกสาวตัวน้อยที่บรรจงแต่งแต้มสัสันลงบนภาพวาด เบา ๆ“จุนพ่อ…คะนี่คือพ่อกับแม่ กับอันอันกับเชียวอู่ พวกเราอยู่ด้วยกัน…” เธอกะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มแก้มป่อง แล้วชี้ภาพวาดที่เธอระบายสี เชียวอู่ชะโงกหน้ามามอง“พี่อันอันเก่งจังเลยครับวาดรูปให้เราอยู่ด้วยกันได้ด้วย”“เพราะว่าอันอันกับเชียวอู่อยากให้พวกเราอยู่ด้วยกัน”เฉิงซีหยวนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วโน้มตัวลงกอดทั้งสองวาดไว้แนบอก“ต่อไปนี้... พ่อจะอยู่ตรงนี้กับพวกหนูตลอดไป”เชียวอู่ กอดจากอีกด้าน มือเล็ก ๆ ดึงเสื้อของเขาแน่น “สัญญานะครับ…จุนพ่อ”“พ่อสัญญาเลย” เขาพยักหน้า แล้วหันไปมอง เหรินเหมย ที่ยืนพิงประตูอยู่อย่างเงียบ ๆสายตาทั้งสองมองสบกัน เฉิงซีหยวนลุกขึ้นเดินไปหาเธออย่างช้า ๆ แล้วจับมือเธอไว้“ผมขอโทษ…ที่เคยปล่อยมือคุณไป และครั้งนี้…ผมจะไม่มีวันปล่อยอีก”เหรินเหมยพยายามกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา ดวงตาเปล่งป
เสียงเครื่องยนต์ดับลงหน้าบ้านไม้หลังเล็กกลางหุบเขา เหรินเหมย ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่เงยหน้าขึ้น เห็นรถของเฉิงซีหยวนที่คุ้นตา แต่กลับเปิดประตูออกมาเป็น ชาไช้ กับ ซูจิงเธอชะงัก มือที่จับสายยางสั่นเล็กน้อย ในมเื่อเหรินเมหยคิดว่าตัวเองทำผิดกับซูจิงที่แอบมาอยู่ที่นี่กับเฉิงซีหยวนทั้งๆ ที่ซูจิงดีกับเหรินเหมยขนาดนั้นเฉิงซีหยวนเดินออกมาตามเสียงรถ หยุดลงข้างเหรินเหมย เขามองเห็นทั้งสองที่เดินเข้ามา ไม่มีถ้อยคำทักทาย ไม่มีคำอธิบาย มีเพียงสายตาของทั้งสี่ที่สื่อสารกันอย่างเงียบงัน“ขอโทษที่มารบกวน” ซูจิงเอ่ยเสียงเบา แววตาซ่อนความสั่นไหว แม้จะบอกว่าไมไ่ด้รุ้สึกอะไรกับพี่เขยอย่างเฉิงซีหยวนแต่กลับรู้สึกว่าเขามองว่าซูจิงโง่“นายกับซูจิงไม่สิสองคนมาด้วยกันได้อย่างไร” เฉิงซีหยวนถามตรง สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์เขาไม่มีทางหวั่นเกรงอะไรเพราะตอนนี้คนที่เขาจะต้องปกป้องคือเหรินเหมยกับลูกถ้าหากว่าซูจิงจะไม่พอใจที่เหรินเหมยกับเขาอยู่ด้วยกันเหมือนกับซูจิงถูกหักหลังและชาไช้จะโกรธเขา ที่แอบเอาเหรินเหมยมากกที่นี่“เพราะผมอยากจะคุยกับพี่ให้เข้าใจ” ซูจิงเหลือบตามองเหรินเหมย “กับเธอ…ด้วย เหรินเหมย” ชาไช้พูดตรงๆเหริ
ห้องพักในรีสอร์ตเสียงฝนพรำกระทบกระจกหน้าต่างไม่ช่วยให้หัวใจของ ซูจิง สงบลงได้เลย เธอยืนพิงขอบหน้าต่าง มองออกไปยังคลื่นที่ซัดสาดไปที่ทะเล ร่างในเสื้อยืดบางมองเห็นทรวดทรงชัดเจน แววตาเต็มไปด้วยความสับสนชาไช้ เดินออกมาจากห้องน้ำเช็ดผม เขามองซูจิงเงียบ ๆ ก่อนจะวางผ้าลงบนเก้าอี้ “คุณ ยังไม่นอนหรือ คุณหลับได้เลยนะกว่าเราจะกลับก็คงเย็นๆ”“พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอคุณแม่…เสียที เราสองคนหนีความจริงไม่พ้น” เสียงซูจิงแผ่วเบา …ต้องไปเจอคุณแม่อยู่ดีจะช้าหรือเร็ว…” ชาไช้ยิ้มอ่อนโยนเดินเข้าไปใกล้ ชะงักเล็กน้อยแล้วถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่เธอ “ผมสัญญา จะไปเผชิญปัญหาด้วยกันกับคุณ ไม่ต้องกลัว”“กลัว?” ซูจิงหันมามองเขา ดวงตาสั่นไหว “ไม่ใช่แค่กลัว… แต่ฉันไม่รู้จะพูดยังไงด้วยซ้ำ ฉันทำลายทุกอย่างเองกับมือ... ทั้งงานแต่ง... ทั้งชื่อเสียงของพ่อแม่... และ คุณแม่คาดหวังในตัวฉันมาก มากจนฉันไม่กล้าที่จะทำให้คุณแม่ผิดหวัง”"พี่ซีหยวนไม่ใช่คนที่ปล่อยอะไรไว้ค้างคา" ชาไช้พูดเสียงขรึม “เขาจะต้องพูดอะไรออกมาแน่ๆ และเรา... ต้องยอมรับมัน ไม่สิผมจะยอมรับผิดเพียงคนเดียวคุณไม่ต้องพูดอะไรทุกอย่างเป็นความผิดของผม”ซูจิง
ห้องนอนที่เงียบงันบนเตียงนั้นมีเพียงเสียงลมหายใจ...เฉิงซีหยวนที่ไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เด็กแฝดสองคนอยู่ที่ดรงเรียนสินะและในเมื่อเหรินเหมยไม่ได้ปฏิเสธความรักจากเขา เขาจัดการร่างอุ่นใต้ร่างเขาจนอยู่หมัดในผ้าห่มสีอ่อน เหรินเหมยนอนหอบหายใจ หยาดเหงื่อเกาะเรียวคอ เสื้อคลุมหลุดลุ่ยจนเห็นผิวเนียนละเอียดแทบทั้งแผ่นหลัง“หยุด… พอแล้ว…ได้โปรด” เสียงเธอแผ่วเบาราวกับฝนที่กระทบหน้าต่าง “ฉันกำลังจะตายฉัน….ฉัน”เฉิงซีหยวนที่โน้มตัวคร่อมเธออยู่ยกยิ้มบาง จูบริมหน้าผากที่ชื้นเหงื่อของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะกระซิบชิดหู“แค่นอนเฉยๆ ... ปล่อยให้ผมได้แสดงความรักกับคุณก็พอ”มือของเขายังลูบไล้เบา ๆ ไปที่เอวเปลือยคอดกิ่ว สัมผัสของเขาราวกับรู้ว่าตรงไหนที่เธออ่อนไหวที่สุดกดเอวลงซ้ำๆ จังหวะของเขานุ่มนวล แต่แน่วแน่… และเต็มไปด้วยความเย้ายวนจนเหรินเหมยหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้านขัดขืนทำไมเก่งจังทำไมเขาทำได้เก่งขนาดนี้เหรินเหมยเบนหน้าหนี ริมฝีปากพ่นลมหายใจหอบเหนื่อย เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง... แต่ไม่ทันได้เปล่งเสียง ริมฝีปากของเขาก็กดทับลงมาอีกแล้วจูบนั้นทั้งหนักแน่นและลึกซึ้ง... เขาบอกรักเธอด้วยการจูบ
สายวันนั้นเสียงฝนสาดกระทบกระจกหน้าต่างดังเปาะแปะ เฉิงซีหยวนยืนอยู่กลางห้องรับแขก สีหน้าเรียบเย็นเยือก เขาสวมเสื้อเข้ารูปสีเข้มอย่างไม่เป็นทางการ แต่ดวงตานั้นทอประกายมุ่งมั่นยิ่งกว่าสายฟ้านอกหน้าต่างคุณเสวียเตอ นั่งอยู่บนโซฟาอย่างสงบข้างเขา สายตาเฉียบขาดไม่แพ้กันไม่กี่นาทีถัดมา คุณนายจางก็เดินเข้ามา สีหน้ากังวลแต่พยายามยิ้มรับ“อา...คุณเสวียเตอ คุณเฉิงขอโทษที่ให้รอ” เดินอ้อมมาเพื่อนั่งลงตรงหน้าคนททั้งสองที่โซฟาหลุยส์เฉิงซีหยวนลุกขึ้นนิดๆ แสดงความเคารพก่อนจะนั่งลงหลังจากที่คุณซีหยินนั่งลงก่อนแล้วคุณเสวียเตอเอ่ยอย่างนุ่มนวล“ผมกับคุณแม่ตั้งใจมาที่นี่ จึงไม่กังวลว่าจะต้องรอหากคุณจางจะออกมาคุยกับเราสักนิด” เสียงเฉิงซีหยวนดังขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบประโยค ไม่เหลือความลังเล “เอ่อ ขอโทษจริงๆ ที่ซูจิงมาพบพวกคุณไม่ได้ ทั้งๆ ที่คู่หมั้นมาถึงบ้าน” สีหน้ากังวลจนไม่อาจปกปิดได้อีก“เราสองคนที่นี่เพื่อเรื่องสำคัญ” คุณเสวียเตอช่วยเสริมทั้งอึดอัดและเหมือนถูกกดดัน คุณจางยิ้มแห้งๆ“เรื่องสำคัญอะไรหรือคะหรือว่าพวกคุณ เองก็มีเรื่องที่อยากจะพูดและตกลงกัน”คุณเสวียเตอมองสบตากับเฉิงซีหยวน“ฉันจำต้อ
ทันทีที่ประตูปิดลง เสียง คลิก ของกลอนประตูเหมือนตัดโลกภายนอกออกไป เหลือแค่สองคนในห้องเงียบสงบ เหริยเหมยกลับรู้สึกว่าหายใจไม่ออกอึดอัดและมือชื้นเหงื่อเฉิงซีหยวนหันกลับมามองเหรินเหมยที่ยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเฉิงซีหยวนก้าวเข้ามาใกล้ช้าๆ ...จนหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ จับมือเหรินเหมยมากุมไว้“กลัวหรือ”เสียงเขาเบานุ่มเหมือนสายลมยามค่ำเหรินเหมยก้มหน้า“ไม่ต้องกลัว...” เขาพูด น้ำเสียงแฝงความสั่นไหวแต่หนักแน่น “ผมจะปกป้องคุณเอง... ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”เหรินเหมยไม่ได้ตอบอะไร เธอยังยืนนิ่งเหมือนกำลังประมวลผล แต่ภายในใจกลับร้อนวูบขึ้นมาทีละน้อย ความเจ็บ ความอัดอั้น และความรู้สึกที่เธอเคยพยายามกลั้นไว้เหมือนถูกคลายล็อกทั้งหมดเงยหน้าขึ้นช้าๆ สบตาเฉิงซีหยวน“คุณ จะโกรธไหมถ้าฉันจะบอกว่าก่อนที่จะอุ้มท้องเด็กแฝดทั้งสองฉัน..ฉันเคยโพสน์แอบปลื้มคุณในโซเซียล.” น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ“อย่างนั้นหรือ เคยชอบฉันแล้วอย่างไร”“เคยชอบแล้ว คราวนี้คู่ขาของคุณผู้หญิงของคุณหรืออะไรก็แล้วแต่ฉันหมายถึงผู้หญิงคนนั้นเขาเลยจะใช้ความผิดพลาดนี้ของฉันเพื่อที่จะทำให้คุณโกรธ ว่าฉันชอบคุณเลยตั้งใจรับงานนี้เพื่อ
ชาไช้…“หนีออกมาเดินเล่นคนเดียวแบบนี้ ถ้าหลงฉันจะหาเธอเจอได้ยังไง”เสียงเขาแหย่เบาๆ แต่แววตาที่มองเธอนั้นกลับไม่ได้ขำซูจิงหัวเราะในลำคอ หันกลับไปสบตาเขา “นายก็หาจนเจอนี่”“ฉันหาเธอเจอตลอดแหละ...ความจริงแล้วตั้งใจเที่ยวรอบโลกเสียก่อนค่อยหลับมาทำงานแต่ได้ยินว่าซูจิงกลับมาบ้านเฉิงเพื่อดูแลพี่สสะใภ้ฉันเลยรีบกลับบ้านเฉิงบ้างอย่างไรเล่า เฮ้อแต่เธอไม่เคยหันมามอง”ประโยคที่ออกจากปากเขาทำให้หัวใจเธอสะดุดไปชั่ววูบลมทะเลพัดแรงขึ้นจนเธอขยับตัวเข้าหาเขาโดยอัตโนมัติ เขายื่นมือออกมา กางแขนโอบเธอไว้แน่นในอ้อมอก“รู้ไหม...ฉันเคยคิดว่าถ้าได้จูบเธอตรงนี้ บนหาดทรายที่มีแค่เรา ฉันคงไม่มีอะไรต้องเสียดายในชีวิตนี้อีกเลย”ซูจิงเงยหน้ามองเขาช้าๆ ดวงตาเธอสะท้อนแสงจันทร์และแววตาอ่อนโยนที่เขามีให้“งั้นจูบฉันสิ...ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”คำพูดของเธอเหมือนหยุดเวลาไว้ทั้งโลก ชาไช้ไม่รอให้เธอพูดซ้ำ มือเขาประคองใบหน้าเธอเบาๆ ก่อนจะโน้มตัวลงริมฝีปากของเขาสัมผัสเธออย่างแผ่วเบาในตอนแรก เหมือนกำลังถามว่า ‘เธอแน่ใจนะ’ แต่เมื่อเธอตอบกลับด้วยจูบเดียวกัน จูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอัดแน่นที่ไม่เคยพูด มันก็ลึกซึ้งขึ้น ช
รถเคลื่อนผ่านถนนสายเลียบทะเล แสงของพระอาทิตย์ที่กำลังตกค่อยๆ ซัดผ่านกระจกรถเป็นสีส้มแดง เปลวแดดอุ่นสาดกระทบใบหน้าของซูจิงที่นั่งพิงเบาะในท่าสบายผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด เหม่อมองคลื่นทะเลซัดฝั่งไม่หยุดเหมือนกับสนุกเสียเต็มที่ มือเธอแตะกับขอบกระจกอย่างเหม่อลอย ขณะที่หัวใจเต้นสับสนในความเงียบที่ล้อมรอบชาไช้ขับรถเงียบๆ มาตลอดทาง เขาไม่ใช่คนพูดมากนัก โดยเฉพาะเวลาที่หัวใจยังสั่นไหวเหมือนตอนนี้ …สงสาร“คุณยังไม่หายเสียใจเหรอ?” เสียงเขาเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางเสียงคลื่น กับเพลงเบาๆ ที่คลออยู่ในรถซูจิงหันมาหาเขา “ไม่รู้สิ...อาจจะยังไม่หาย...ไม่รู้สิฉันสับสนความจริงกว่าว่าต้องเผชิญปัญหาต่างๆ ที่จะตามมามากกว่า”เธอยิ้มบาง แต่เป็นยิ้มเศร้าพูดเบาๆ“มันเหมือนกับว่า...ฉันเสียเวลากับคนที่ไม่เคยมองเห็นฉัน ความจริงแล้วพี่ซีหยวนก้ไม่เคยมองเห็นฉันอยู่แล้วฉันก็แค่คำสัญญาและคำขอร้องของพี่ซูจ๋ายที่พี่ซีหยวนต้องยอมจำนน”ชาไช้ถอนหายใจ“ซูจิง” เขาเรียกชื่อซูจิงเบาๆ เป็นครั้งแรกที่เอ่ยโดยไม่มีคำล้อหรือเล่นสนุกซูจิงเองก็ใจเต้นตึกตักแต่ก็รอฟังว่าอีกคนจะพูดอะไร“เมื่อห้าปีก่อน...วันนั้นที่คุณทำขนมช็อกโกแลตลาวามาให้