บ้านส่วนตัวของเจ้าสัว จักรภัทร17:00น.เวียงพิงค์.....“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครอ่ะเธอ?”“ไม่รู้สิ เห็นท่านเจ้าสัวพามาเมื่อคืนนี้น่ะ”“เมียน้อยของท่านรึป่าว?”“เธอจะบ้าเหรอย่ะ ท่านเจ้าสัวของฉันเนี่ยยังโสด ยังไม่ได้แต่งงาน”“ท่านเจ้าสัว? คือใครกันน่ะ หรือเขาจะคือผู้ชายคนนั้นเหรอ?”ฉันที่นั่งแอบอยู่ตรงบันไดขึ้นชั้นสองเอ่ยพึมพำกับตัวเองเบาฉันกำลังแอบฟังผู้หญิงสองคนที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่คุยกัน ฉันไม่กล้าออกไปพบใครทั้งนั้น ที่จริงฉันมาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เสื้อผ้าที่ฉันกำลังใส่อยู่นี้ก็ดูดีและมองมีราคามากเกินไปที่คนอย่างฉันจะได้ใส่มันซะด้วยซำ้“เสร็จรึยังอีกสิบนาทีท่านเจ้าสัวจะถึงบ้านหลังนี้!!”เสียงทรงอำนาจของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นทำให้ฉันรีบนั่งกอดเข่าตัวเองสั่นสะท้านด้วยความกลัว คนพวกนี้ต้องการอะไรจากฉันอย่างนั้นเหรอ เมื่อวานหลังจากที่ฉันกับพี่พลชนรถยนตร์คันนั้นฉันก็หลับไม่ได้สติแต่ฉันจำได้ลางๆว่าฉันมีอะไรกับผู้ชายคนนั้น คนที่ฉันเห็นเขาเดินลงมาจากรถคันสีดำและเดินเข้าไปในคาสิโน่ที่พ่อฉันเข้าไปเล่นการพนันอยู่ในนั้น“เสร็จแล้วค่ะมาดาม”ผู้หญิงคนหนึ่งในสองคนเอ่ยขึ้นและรีบพากันก้มหัวให้หญิงวัยกลางคน
“จะมองฉันอีกนานไหม?”ท่านเจ้าสัวเอ่ยขึ้นพร้อทๆกับดวงตาคู่คมค่อยๆเคลื่อนมามองมาที่ฉัน“ขอโทษค่ะ”ฉันก้มหัวขอโทษเขาอย่างไว ฉันกุมมือตัวเองทั้งสองข้างแน่นด้วยความอึดอัดและทำตัวไม่ถูกฉันไม่รู้ว่าจะวางมือยังไง“หน้าที่ของเธอเวลาที่อยู่บ้านหลังนี้ อ่ะเอาไปอ่านและคืนนี้ฉันไม่ได้กลับมานอนที่นี้ ฉันต้องไปนอนกับคุณหญิงผกามาศ”ท่านเจ้าสัวเอ่ยขึ้นพลางยื่นเอกสารแผ่นหนึ่งมาตรงหน้าฉัน ฉันจึงยื่นมือไปรับเอกสารแผ่นนั้นมาจากเขา“และที่สำคัญ เธอห้ามออกไปจากบ้านหลังนี้ก่อนได้รับคำอนุญาตจากฉันเข้าใจไหมเวียงพิงค์!”นำ้เสียงทรงอำนาจของท่านเจ้าสัวเอ่ยขึ้นทำให้ฉันรีบก้มหน้าหงึกๆๆพยักหน้าเข้าใจอย่างไว เป็นจังหวะเดียวกับที่มาดามเดินนำผู้หญิงสองคนนั้นออกมาจากครัวพร้อมกับถาดอาหารมากมายถูกจัดเรียงบนโต๊ะ อาหารดีๆที่ฉันไม่เคยได้กิน กำลังถูกนำมาวาวเรียงตรงหน้าฉัน“ทานสิ ทานเป็นรึป่าว?”ท่านเจ้าสัวเอ่ยขึ้นในจังหวะที่เขาถือช้อนกับส้อมไว้ในมือเป็นที่เรียบร้อย ฉันจึงกลืนนำ้ลายดังอึกใหญ่และหันไปมองหน้าเขาพร้อมกับชี้นิ้วไปที่จานอาหารทั้งหมดบนโต๊ะท่านเจ้าสัวเลิกคิ้วขึ้น“หนูผิงทานได้เหรอคะ?”“อืม ปากเธอว่างป่ะล่ะ ถ้าปากเธอว่างก็
บ้านส่วนตัวของเจ้าสัว10:00น.เวียงพิงค์“นี้เธอ ท่านเจ้าสัวเรียกเธอน่ะ!”ฉันที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่ก็ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่สาวคนที่ทำงานอยู่ในบ้านหลังใหญ่นี้ ที่จริงเธอให้ฉันมาช่วยเธอพับผ้าที่เอาไว้เช็ดทำความสะอาดบ้านหลังนี้น่ะ“อ๋อค่ะ เดี๋ยวหนูผิงจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ^_^”ฉันเอ่ยบอกเธอและเริ่มเก็บผ้าลงใส่ลังพลาสติกและเริ่มลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและค่อยๆเดินออกไปจากห้องเก็บของของที่นี้ มุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกที่ฉันคิดว่าท่านเจ้าสัวน่าจะอยู่ที่นั้น บ้านหลังนี้หลังใหญ่มาก มีสองชั้นแหนะ ฉันมาอยู่ที่นี้สองวันแล้วยังเดินไม่รอบบ้านเลย“ท่านเจ้าสัวเรียกหนูผิงเหรอคะ?”ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมๆกับที่เห็นว่าท่านเจ้าสัวกำลังก้มหน้าอ่านเอกสารอะไรสักอย่างอยู่ในมือของเขาเขานั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องรับแขก“ฉันบอกเธอให้เรียกฉันว่ายังไง?”ดวงตาคบตวัดขึ้นมามองฉันพร้อมๆกับเอ่ยขึ้นด้วยนำ้เสียงเยือกเย็น ฉันรีบรนรานเรียกเขาใหม่“ป๋าขาเรียกหนูผิงเหรอคะ?”ฉันเอ่ยขึ้น คำพูดของฉันทำให้ท่านเจ้าสัวอมยิ้มขึ้นมาอย่างพึงพอใจ และเขาก็กระดิกนิ้วชี้เรียกให้ฉันเข้าไปหาเขา ฉันก็พยักหน้าและค่อยๆเดินเข้าไปหาเขา“หนูอยากเ
“พ่อของเธอน่ะเหรอ อืมมมม จะตอบอะไรดีล่ะ”ท่านเจ้าสัวยกมือขึ้นมาลูบปลายคางตัวเองพลางทำหน้านึกคิด ฉันยิ่งร้อนรนเดินเข้าไปหาเขา“ก็ถ้าหนูผิงทำตัวน่ารัก พูดง่ายๆไม่ดื้อ พ่อของหนูผิงก็จะอยู่สบาย แต่ถ้าหนูผิงดื้อไม่ยอมทำตามที่ป๋าบอกและขัดใจป๋า พ่อของหนูผิงก็จะอยู่ไม่สบาย”ท่านเจ้าสัวตอบฉันกลับมา คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้ว่าชีวิตของพ่อขึ้นอยู่ที่ฉันคนนี้ ฉันจะทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด ฉันจะไม่ดื้อกับท่านเจ้าสัวจะไม่ขัดใจท่าน“นี้แสดงว่าหนูผิงยังไม่ได้กระดาษที่ป๋าให้หนูไปงั้นเหรอ?”จริงสิ ฉันยังไม่ได้อ่านเลย กระดาษแผ่นนั้นยังวางอยู่บนโต๊ะในห้องนอนของฉันอยู่เลย“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าหนูยังไม่ได้อ่าน”ท่านเจ้าสัวเอ่ยขึ้นด้วยนำ้เสียงดุๆแววตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นมาทันที “ป๋าอย่าทำหน้าแบบนั้นใส่หนูผิงสิคะ หนูผิงกลัว”ฉันเอ่ยขึ้นบีบมือตัวเองแน่น“ถ้าไม่อยากให้ป๋าทำทำหน้าแบบนั้นหนูผิงก็ไม่อ่านข้อตกลงของเราซ่ะและไปหาป๋าที่ห้องทำงานของป๋าในสิบนาทีต่อจากนี้!”ท่านเจ้าสัวพูดแค่นั้นและเดินหันหลังให้ฉันออกไปทันที ฉันเมื่อมองตามแผ่งหลังของท่านเจ้าสัวที่เดินลับหายขึ้นบันไดไปแล้ว ฉันก็รีบวิ่งขึ้นห้องนอนและวิ่งแยกไปอีกทางก
เจ้าสัว จักรภัทร....“โอ้วววว อิหนู”ผมพูดขึ้นแววตาของผมจ้องมองเรือนร่างบางที่นั่งคร่อมอยู่บนตักผมด้วยสายตาแห่งความพึงพอใจ หนูผิงเป็นเด็กหัวอ่อนมาก หลอกอะไรนิดอะไรหน่อยก็เชื่อซะไปหมด มีวิธีอื่นตั้งเยอะแยะที่จะยอมให้ผมอนุญาตให้เธอเรียนหมอน่ะ“ป๋าขา”เสียงหวานเอ่ยเรียกผม ทำให้ผมละสายตาจากหน้าอกที่เด้งดึงผ่านเสื้อเชิ้ตตัวบางขึ้นไปมองหน้าที่สวยหวานริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของเธอทำให้ผมอยากจะดูดดึงหยอกเย้า แต่วันนี้เวลาของผมช่างน้อย“เรียกป๋าทำไมครับ?”ผมเลิกคิ้วเอ่ยถามเธอ ดวงตาสีนำ้ตาอ่อนจ้องมองมาในตาสีดำของผม“ป๋าให้หนูผิงเรียนหมอนะคะ อีกสามวันเขาจะเปิดให้สอบแล้ว แต่”เสียงหวานเงียบลงทำให้ผมแปลกใจว่าทำไมเธอถึงพูดไม่จบ ผมหรี่ตามองเธอใบหน้าหวานเอียงหน้าหลบสายตาของผม มือหนาของผมทั้งสองข้างก็กอดเอวบางของเธอ อยากจะกลืนกินอิหนูนี้ทั้งวันแต่ทำไม่ได้น่ะสิครับ“แต่อะไรหนูผิง?”“มหาลัยที่หนูผิงอยากจะเข้าเรียนหมอที่นั้นค่าเทอมแพงมากค่ะ”เสียงหวานเอ่ยขึ้นนำ้เสียงและสีหน้าของเธอดูกังวล จะกังวลทำไมครับ ป๋ารวยป๋าเลี้ยงหนูผิงคนเดียวได้สบายๆอยู่แล้ว ผมอมยิ้มมองหน้าหวานและกระชับมือรัดเอวเธอเข้ามาหาผมทำให้หน้าอกหน้
“ผมกลัว กลัวว่าผมจะเป็นคนทำร้ายเธอ”ผมพูดขึ้นด้วยความเป็นกังวล ที่มาดามถามผมว่าผมยังกลัวอยู่เหรอ ท่านคงจะหมายถึงเรื่องเมื่อสิบปีที่แล้ว ที่ผมสูญเสียผู้หญิงที่ผมรักไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมเป็นคนทำร้ายเธอเอง ความเป็นเด็กของผมเที่ยวป่าวประกาศว่าเธอเป็นแฟนผมทำให้เรื่องนี้รู้ไปถึงหูแก๊งศัตรูคู่อริของพ่อผม พวกมันคิดจะเก็บผู้หญิงที่เปรียบเสมือนยอดดวงใจของเราทิ้งทุกคน ดีที่แม่ผมมีมาดามเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวท่านจึงอยู่รอดปลอยภัยถึงทุกวันนี้ และสาเหตุการเสียชีวิตของพ่อผมยังคงเป็นปริศนาอยู่ว่าใครกันที่อยู่เบื้องหลังการตายของพ่อผม และผมจะเป็นคนไปเก็บมันกับมือของผมเอง“ชีวิตของเราทุกคนถูกกำหนดมาแล้วคะท่าน ในเมื่อเธอคือเนื้อคู่ของท่าน และท่านอาจจะคู่กับเธอคู่กันแล้วยังไงก็ไม่แคล้วกันค่ะ ยังไงๆท่านก็ยังคงต้องตกหลุมรักเธอเข้าสักวัน”มาดามพูดขึ้น ผมจึงมองหน้าท่านด้วยแววตาที่หดหู่และเต็มไปด้วยความกลัวความกังวลถ้าผมตกหลุมรักหนูผิงขึ้นมาจริงๆและเกศล่ะ ผมจะทำยังไงกับเกศ“ตอนนี้ท่านอายุมากแล้วอาจจะเก่งกว่าตอนนั้น ทำไมท่านไม่ลองเปิดใจรับเธอเข้ามาล่ะคะ บางทีเธออาจจะมาช่วยผสานใจของท่านที่มันเคยแตกสะลายให้กลับกลายม
“เราต้องไปแล้ว เดี๋ยวเรามาหาใหม่น่ะ บายย^_^”ผมพูดขึ้นและลุกขึ้นยืนและค่อยๆเดินหันหลังจากหลุมฝังศพของเกศรา และหลับตาลงรับลมที่พัดเข้าประทะใบหน้าของผม พอผมหลับตาใบหน้าหวานริมฝีปากบางดวงตากลมโตราวกับตุ๊กตาของเวียงพิงค์ก็ลอยเข้ามารบกวนผมอยู่ตลอดเวลา ผมจะทำใจไม่ชอบเธอได้จริงๆเหรอ?มหาลัยDL14:30น.เวียงพิงค์“มาดามคะ^_^”ฉันวิ่งออกจากห้องสอบเข้าไปหามาดามที่ยืนรอฉันอยู่หน้าห้องสอบนานนับสามชั่วโมง สอบหมอนี้หนักมากและยากมากเช่นกัน ฉันใช้เวลาสามวันก่อนสอบทุ้มให้การอ่านหนังสืออย่างขมักเขม่น ที่จริงตอนที่ฉันอยู่บ้านหลังเก่าฉันก็จะไปนั่งอ่านหนังสือตามร้านหนังสือเเถวๆบ้านที่เขาปล่อยให้เช่าหนังสืออละสามารถนั่งอ่านที่ร้านได้ ฉันสนิทกับเจ้าของร้านน่ะ เขาเลยให้ฉันนั่ง“เป็นยังไงบ้างค่ะ ยากไหม?”มาดามหยิบแว่นกันแดดลงและมองมาที่ฉัน เราสบตากันและฉันก็ยิ้มกว้างขึ้นมา มาดามก็ยิ้มตามฉัน ตอนแรกฉันนึกว่าท่านจะดุและเจ้าระเบียบจนน่ากลัว แต่ที่จริงแล้วท่านเป็นคนใจดีมาก“ยากนิดหน่อยค่ะ”ฉันตอบมาดามไปตามความจริง แต่โชคดีที่ฉันอาจและเจอเรื่องที่สอบวันนี้เลยทำให้ข้อสอบง่ายนิดนึง“ผลสอบออกเมื่อไรคะ?”มาดามเอ่ยถามฉันในขณะ
บ้านส่วนตัวของเจ้าสัว19:30น.“อื้อออ ปวดไปทั้งตัวเลยค่ะมาดาม”ฉันพูดขึ้นและนั่งลงเหยียดขาทั้งสองข้างยาวไปกับพื้นปูนกระเบื้องราคาแพงในห้องนั่งเล่น เอามือทุบๆไปตามขาเรียวขาวของฉัน มาดามที่นั่งอยู่ลนโซฟานั่งอ่านเขียนอะไรสักอย่างอยู่ก็มองมาที่ฉันและยิ้มขึ้นอย่างใจดี“อดทนนะจ๊ะหนูผิง หนูต้องเข้มแข็ง การเรียนเทควันโตต้องใช้สมาธิเป็นหลัก เธอต้องมีสมาธิมองคู่ต่อสู้ให้ออกและเธอจะสามารถล้มเขาได้อย่างง่ายดาย”มาดามพูดไปพลางยิ้มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มแหยๆส่งไปให้ท่านและหยิบหนังสือคู่มือหมอมือใหม่ขึ้นมาอ่านไปด้วยอีกมือก็ทุบขาทุบแขนไปด้วย มันปวดไปทั้งตัวเลย พรุ่งนี้ฉันต้องระบมทั้งตัวแน่ๆ“นี่ หนูผิง”มาดามเอ่ยขึ้น ฉันจึงเอาที่คั้นหนังสือมาคุ้นหน้าที่ฉันอ่านค้างไว้และเงยหน้าขึ้นไปมองมาดาม“คะ?”“พ่อเธอท่านลำบากใช่ไหม?”“ใช่ค่ะ พ่อต้องทำงานเลี้ยงหนูผิงและแม่เลี้ยงของหนูผิง พ่อทำงานหนักมากค่ะ หาเช้ากินคำ่หนูผิงสงสารพ่อเหลือเกิน”ฉันพูดไปพลางนึกถึงพ่อของฉันไปด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อนัยจะเป็นยังไงบ้างน่ะ กินข้าวครบทุกมื้อหรือป่าว มีเงินซื้อกับข้าวไหม มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านรึป่าว มีเงินให้พี่แพรวาไปเรียนหนังสือไหม
“ค่อยๆไต่ครับ”พี่พลเอ่ยขึ้นในขณะที่ตอนนี้เขาขึ้นไปบนเรือเรียบร้อยแล้ว โดยมีฉันที่กำลังเดินขึ้นบันไดเพื่อจะขึ้นเรืออยู่“สวยจังเลยนะคะ^_^”ฉันพูดขึ้นเมื่อเดินขึ้นมาถึงบนเรือแล้ว เรือนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่มีสองชั้น ชั้นล่างสำหรับนักตกหมึก ส่วนชั้นบนสำหรับนักที่ต้องการดื่มดำ่กับธรรมชาติของทะเลและวิวยามคำ่คืน “ครับ สวยมาก สวยเหมือนนางฟ้า”พี่พลเอ่ยขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาที่ตอนนี้เอากำลังมองฉันอยู่“ผิงรู้ใช่ไหมว่าพี่คิดยังไงกับผิง?”พี่พลเอ่ยขึ้น แววตาและนำ้เสียงของเขาฟังดูนุ่มนวลและจริงจัง ฉันจึงยิ้มบางๆไปให้เขา“พี่พลเป็นคนที่ใจดีกับผิงมากที่สุด และอาจจะรู้จักผิงดีกว่าทุกคน ผิงไม่อยากเสียพี่พลไปหากวันหนึ่ง เราไม่เข้าใจกัน”ฉันเอ่ยบอกเขาไปตามความจริง ตอนแรกฉันก็คิดว่าฉันอาจจะเข้าข้างตัวเอง แต่ยิ่งนานวันเข้าความสนิทหรือความเอาใจใส่ที่พี่พลมีให้ฉันมันเริ่มชัดเจนขึ้น และคนอย่างฉันต่างหากล่ะที่ไม่คู่ควรกับเขาเลยสักนิด ผู้หญิงจนๆคนหนึ่งคนนี้ไม่มีอะไรเทียบเท่าพี่พลได้เลยสักนิด และฉันเองก็ไม่เหลือสิ่งสำคัญที่ผู้หญิงควรจะเก็บไว้ให้ผู้ชายที่เธอรักได้เป็นเจ้าของ เพราะมันได้ขาดออกไปแล้ว นั้นยิ่งตอ
“ใช่เลยแก ท่านเจ้าสัวนี้คืองานดีมากอ่ะแกงื้ออออ”เสียงของนักศึกษาคณะเดียวกับฉันสองคนที่เดินจับมือฉันเดินผ่านหน้าพวกเราเข้าไปในห้องทานอาหาร โดยพวกเธอพูดคุยกัน โรงแรมที่นี้เป็นของท่านเจ้าสัวอย่างนั้นเหรอ “แหวะ บ้าผู้ชาย”เสียงฝุ่นพูดขึ้นพลางทำท่าหมั้นไส้พวกนั้น ฉันจึงยื่นมือไปลูบไหล่เธอเพื่อบอกให้เธอใจเย็นๆ “แหม่ แม่นางฟ้งเวียงพิงค์อ่ะ”ฝุ่นทำหน้างอใส่ฉัน ฉันจึงย่นจมูกใส่เธอ เธอก็ยิ้มและลูบมือฉัน “เราดีใจจังที่ได้รู้จักเธอหนูผิง” “เราก็ดีใจที่เรามีฝุ่นเป็นเพื่อน^_^” “น้องผิงครับ” “น้องผิงของพี่” “ไอพวกหน้าหม้อมากันอีกแหละ!!!”ฝุ่นพูดขึ้นและจับมือฉันจูงเข้าไปในห้องโถงขนาดใหญ่ทันที ฉันจึงยิ้มขำกับท่าทางของเธอ ฉันดีใจน่ะที่ได้มีเพื่อนคนแรกแบบฝุ่น เราจะสนิทกันมากไหมน่ะเวียงพิงค์“วันนี้พอแค่นี้ครับ พรุ่งนี้เราค่อยมาเจอกันใหม่”พี่พลเอ่ยขึ้นพลางยิ้มให้พวกเราที่นั่งอยู่บนพื้นทรายกลางทะเลตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว เราลงมาเล่นเกมส์รับน้องปีหนึ่งที่หน้าชายหาดตั้งแต่บ่ายโมง เราแบ่งทีมเล่นบาสเกตบอลชายหาดกันโดยแบ่งข้างให้พวกเราหาคู่กับพวกพี่ๆปีสองซึ่งฉันจับได้พี่คอปเตอร์ ทีมเราสองคนชนะมาและพรุ่งน
“หนูผิงพูดจริงๆค่ะพี่พล ว่าเเต่พี่พลมาที่นี้ได้ยังไงคะ?”ฉันเอ่ยถามพี่พลไปด้วยความสงสัย พี่พลจึงยิ้มกว้างขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นไปเกาท้ายทอยตัวเอง“พี่ลืมบอกหนูผิงไปน่ะ ว่าพี่ก็เรียนหมออยู่ที่มหาลัยDLเหมือนกัน พี่ภูมิใจในตัวหนูผิงมากที่หนูผิงทำตามความฝันที่ตั้งไว้ได้สำเร็จแล้ว^_^”พี่พลพูดขึ้นพลางยิ้มและมองหน้าฉันไปด้วย ฉันก็ยิ้มให้เขา จนฉันมีความรู้สึกว่ามีคนเดินมายืนข้างหลังฉันในระยะเกือบประชิด ฉันจึงค่อยๆหันไปมองคนข้างหลังฉัน ทำให้สายตาของเราสบกันเข้าอย่างจัง ท่านเจ้าสัวนั้นเอง ฉันจำได้ว่าข้อตกลงของเราคืออยู่ข้างนอกบ้านต้องทำเป็นคนที่ไม่รู้จักกัน ฉันจึงก้มหัวเชิงทักทายให้ท่าน ท่านก็มองหน้าฉันไม่วางตา“อ้อ น้านี้เวียงพิงค์ เด็กอยู่ซอยเดียวกับหมู่บ้านเราน่ะ”พี่พลพูดขึ้นด้วยนำ้เสียงร่าเริง เขายื่นมือมาจับไหล่ทั้งสองข้างของฉันหันไปเผชิญหน้ากับท่านเจ้าสัว “ส่วนนี้น้าพี่แท้ๆของพี่เอง ชื่อเจ้าสัว ผิงเรียกน้าเหมือนพี่ก็ได้^_^”พี่พลพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มให้ฉันและท่านเจ้าสัว ฉันจึงยกมือขึ้น“สวัสดีค่ะคุณน้า”ฉันยกมือไหว้ท่านเจ้าสัวพลางเอ่ยทักทายท่าน เขาก็ยกมือรับไหว้ฉันท่าทางและสายตาของท่านเจ้าสัวไ
เวียงพิงค์ “หนูผิง”เสียงของฝุ่นเอ่ยเรียกฉันที่ห่วงชื่นชมดอกไม้ของโรงแรมของที่พักของพวกเราที่นี้อยู่ติดทะเล ห่างไกลผู้คน มีเพียงตึกใหญ่ตั้งตะง่านสวยงามอยู่ตรงกลางและแยกไปทางซ้ายและขวาจะมีบ้านพักเป็นหลังเล็กๆคล้ายๆรีสอร์ทไปในตัว สถานที่ที่นี้สวยมาก วิวสวยร่มเย็นสบาย และที่สำคัญเจ้าของที่นี้ไม่มีแขกอื่นมาพักเลยเพราะทางมหาลัยของฉันได้ทำเรื่องขอเช่าที่นี้สามวันขอให้มีเพียงพวกนักศึกษาเท่านั้น และฉันก็เสียเงินในการเข้ารับน้องครั้งนี้ไปหลายหมื่นเหมือนกันจะว่าเงินของฉันก็ไม่ใช่ เป็นเงินของท่านเจ้าสัวตั้งหากล่ะ ฉันยังไม่เจอท่านอีกเลยตั้งแต่วันนั้นที่ท่านให้บัตรเครดิตฉันมาสามใบโดยแต่ละใบยอดวงเงินให้ใช้ไม่อั้นจะกดเป็นเงินสดก็ได้เหมือนกัน แต่ฉันใช้แค่เรื่องเรียนเท่านั้นไม่ใช้ออกนอกลู่นอกทาง เรื่องเสื้อผ้าที่ฉันใส่ท่านเจ้าสัวก็เป็นคนสั่งให้คนเอามาให้ฉันเองที่บ้าน มีเสื้อผ้าเยอะมาก มากจนฉันไม่กล้าที่จะใส่เลยเพราะแต่ละตัวน่าจะมีราคาที่สูง แชะ“ฝุ่น”ฉันหันขวับกลับมามองฝุ่นทันทีที่เธอแอบถ่ายรูปฉัน เธอเป่าฟองลูกโป่งสีใสเต็มหน้าฉันไปหมดและเธอก็ถ่ายรูปฉัน “เพื่อนใครเนี่ยสวยน่ารักแถมเรียนก็เก่ง^_^”ฝุ่นไ
“มาแล้วก็จัดแถวครับ แถวตรงยาว!!!”เสียงของพี่หน้าตี๋โคตรจะแสบแก้วหูเลย ทำไมพี่เขาต้องตะโกนด้วยเนี่ย พูดธรรมดาๆก็ได้“ดุเหมือนDOG!!!”ฝุ่นพูดขึ้นและรอยหน้ารอยตาไปมา ทำให้พี่คนที่โดนฝุ่นว่าหันขวับมองหน้าฝุ่นอย่างเอาเรื่อง“น้องครับ!!!เมื่อกี้พูดว่าอะไรน่ะ??!!”พี่เขาเดินเข้ามาหาฝุ่นอย่างไวและตะโกนถามด้วยนำ้เสียงและเเววตาที่บ่งบอกว่าเขากำลังไม่พอใจ ฉันจึงรีบเดินเข้าไปยืนขวางหน้าฝุ่นทันที พร้อมกางแขนเพื่อปกป้องเธอ“เอ่อพี่คะ พอดีเพื่อนหนูเขาพูดกับหนูนะคะ”ฉันพูดขึ้น พี่เขาจึงมองมาที่ฉันและสีหน้าและแววตาของเขาก็เปลี่ยนทันที“หึ หน้าหม้อ!”ฝุ่นพูดขึ้นและเบะปากมองบนใส่รุ่นพี่ ฉันจึงหันไปหาเธอ“ฝุ่่นถือว่าผิงขอน่ะ”ฉันเอ่ยบอกฝุ่นไปและทำสีหน้าอ้อนๆเธอ เธอก็มองหน้าฉันและพยักหน้าให้ฉัน“ก็ได้ถือว่าเห็นแก่หนูผิง”ฝุ่นพูดขึ้นและเดินออกไปเข้าแถวรวมกับเพื่อนๆในคณะ ฉันจึงหันกลับมามองหน้าพี่เขา“ขอโทษรุ่นพี่อีกครั้งนะคะที่ทำให้เข้าใจผิด”ฉันยกมือไหว้ขอโทษเขา เขาก็ตกใจรีบจะยื่นมือมาจับมือฉันแต่ทักษะความว่องไวในการป้องกันตัวที่อาจารย์เคนสอนมาทำให้ฉันถอยหลังหนีและปล่อยมือลงอย่างไวจนรุ่นพี่คนนั้นตกใจ ฉันจึงรีบก้ม
“พี่พายุคนที่หล่อๆอ่ะดัดฟัน เขาเป็นพี่ชายเราเอง^_^”ฝุ่นหันมาบอกฉันพลางหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูของเธอมาเปิดรูปของพี่ชายเธอกับเธอที่ถ่ายคู่กันให้ฉันดู“พี่พายุมองรักเธอเนอะ^_^”ฉันเห็นรูปของฝุ่นกับพี่พายุก็เอ่ยขึ้น พี่น้องคู่นี้น่ารักมากเลย ฉันเองก็อยากจะมีพี่สาวที่รักฉัน แต่พี่แพรวาเธอเกลียดฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเกลียดฉันหนักหนาทั้งที่ฉันเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้เธอไม่พอใจเลยสักนิด“รักอะไรล่ะ ขี้แกล้งเราจะตายไป”ฝุ่นเบะปากมองบนและเอ่ยบอกฉันเธอก็กดโทรศัพท์ของเธอดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยและอยู่ดีๆเธอก็หันมาถามฉัน“และเธอล่ะมีพี่ชายไหม?”“ไม่มี เรามีแต่พี่สาวน่ะ”ฉันตอบเธอไป เธอก็พยักหน้าเข้าใจ“พวกพี่ๆเมื่อกี้เขาเป็นเพื่อนพี่ชายเราเอง เดี๋ยวไว้ไปถึงที่โน้นฉันจะแนะนำพวกเขาให้เธอรู้จัก”ฉันก็พยักหน้ารับรู้และเราสองคนก็นั่งคุยกันสารพัด เธอจบมอปลายจากโรงเรียนชื่อดังเลยน่ะ บ้านเธอรวยมาก ฉันก็บอกเธอว่าบ้านฉันน่ะจนพ่อทำงานก่อสร้างแต่ฝุ่นก็ไม่ได้นึกรังเกียจฉันหรือปฏิเสธที่ฉันเป็นเพื่อนกับฉันเลย“เอาล่ะครับน้องๆพี่ชื่อพี่ไฟน่ะครับ อยู่ปีสองเป็นรุ่นพี่ของพวกเรา”พี่ผู้ชายคนหนึ่งถือไมค์ลอยและพูดขึ้น พวกเราทุ
มหาลัยDL 07:30น.เวียงพิงค์...“ชื่ออะไรครับน้อง?”เสียงของพี่ผู้ชายหน้าตาตี๋ๆตัวสูงๆขาวๆสวมแว่นตาหนาเตอะเอ่ยถามฉันพลางชี้มือมาที่ฉัน ฉันจึงค่อยๆเดินเข้าไปหาพี่เขา“สวัสดีค่ะพี่^_^”ฉันยกมือไหว้สวัสดีเขา เขาก็ยกมือรับไหว้ฉัน “ชื่ออะไรอ่ะเรา พี่จะได้เขียนป้ายชื่อให้”เขาเอ่ยบอกฉันพลางชูปลายชื่อสีชมพูให้ฉันดู ฉันจึงพยักหน้าเข้าใจ“ชื่อเวียงพิงค์ค่ะ^_^”ฉันตอบพี่เขาไป เขาก็ยิ้มให้ฉันและเริ่มเขียนชื่อฉันลงไปในปลายชื่อ ด้วยลายมือสวยบรรจงตัวใหญ่เท่ากันเลยพร้อมกับรูปหัวใจดวงเล็กๆหนึ่งดวง และเขาก็ยื่นป้ายชื่อมาให้ฉัน“ขอบคุณค่ะ^_^”ฉันยกมือไหว้ขอบคุณเขาและรับป้ายชื่อมา เขาก็ยิ้มให้ฉันพลางโบกมือบ้ายบายให้ฉัน ฉันจึงยิ้มแหยๆส่งไปให้เขาและค่อยๆหันหลังเดินไปรวมกลุ่มกับพวกเพื่อนๆที่ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่กันมามีเพียงฉันที่สะพายกระเป๋าเป้หนึ่งใบไว้ข้างหลังแค่นั้น“เธอ หวัดดี เราชื่อฝุ่น^_^”ฉันที่กำลังยืนห่างๆจากพเพื่อนๆเพราะความกลัวแต่ละคนดูเป็นลูกคนมีเงินผิดกับฉันที่ไม่ได้มีเงินเหมือนพวกเธอ ฉันจึงไม่กล้าเข้าใจพวกเธอ แต่เสียงหวานและเป็นมิตรก็เอ่ยทักทายฉันพร้อมๆกับเเรงสะกิดเบาๆที่หัวไหล่ฉัน ฉันจึงรีบหัน
“ยกแขนขึ้นตั้งท่าและเล็งไปยังเป้าหมายที่เราจะต้องยิง พสานใจให้เป็นหนึ่งมองไปที่ปลายกระบอกปืน”มาดามพูดขึ้นพลางมองมาที่ฉันเพื่อให้ฉันทำตามท่าของท่าน ฉันจึงทำท่าให้เหมือนท่านและยกปืนที่มีนำ้หนักพอตัวยกสูงขึ้น พสานใจให้เป็นหนึ่งมองไปยังปลายกระบอกปืนและเล็งไปยังเป้าหมายที่เราจะยิง“พร้อม”มาดามเอ่ยถามฉัน “พร้อมค่ะ!!”ฉันตอบเสียงดังฟังชัด มาดามยกยิ้มขึ้นอย่างพอใจ“เล็งเป้าหมาย”มาดามพูดขึ้นและยกแขนยืนตรงเล็งปลายกระบอกปืนไปยังเป้าหมาย ฉันจึงทำตามท่านเเละมองไปยังหุ่นรูปตัวคนที่เป็นกระดาษเเผ่นใหญ่“เล็งเป้าหมายแล้วค่ะ!!”ฉันตอบท่านอีกและยื่นนิ้วชี้ไปที่ไกลปืนเพื่อพร้อมลั่นไกลทันที ท่านก็ยกยิ้มขึ้นอีก“อย่าหลับตา สมาธิเป็นตั้ง อย่าเสียสมาธิเด็ดขาด”“ค่ะ สมาธิเป็นที่หนึ่ง!!”“1 2 3 ยิง!!”ปัง ปัง ปัง ปัง“ดี ถือว่าดี ครั้งแรกของเธอ”มาดามวางปืนลงและหันมาบอกฉันที่วางปืนลงแล้วเช่นกัน ฉันยกมือขึ้นถอดที่ครอบหูออกและหันไปยิ้มให้มาดาม ถึงฉันจะไม่เข้าว่ามาดามจะให้ฉันฝึกยิงปืนและเรียนเทควันโดไปทำไมก็เถอะแต่พอฉันเห็นความตั้งใจของมาดามฉันก็ขัดใจท่านไม่ได้จริงๆ“พอแค่นี้ เสื้อผ้าที่เตรียมจะไปรับน้องต่างจังหวัด
บ้านส่วนตัวของเจ้าสัว19:30น.“อื้อออ ปวดไปทั้งตัวเลยค่ะมาดาม”ฉันพูดขึ้นและนั่งลงเหยียดขาทั้งสองข้างยาวไปกับพื้นปูนกระเบื้องราคาแพงในห้องนั่งเล่น เอามือทุบๆไปตามขาเรียวขาวของฉัน มาดามที่นั่งอยู่ลนโซฟานั่งอ่านเขียนอะไรสักอย่างอยู่ก็มองมาที่ฉันและยิ้มขึ้นอย่างใจดี“อดทนนะจ๊ะหนูผิง หนูต้องเข้มแข็ง การเรียนเทควันโตต้องใช้สมาธิเป็นหลัก เธอต้องมีสมาธิมองคู่ต่อสู้ให้ออกและเธอจะสามารถล้มเขาได้อย่างง่ายดาย”มาดามพูดไปพลางยิ้มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มแหยๆส่งไปให้ท่านและหยิบหนังสือคู่มือหมอมือใหม่ขึ้นมาอ่านไปด้วยอีกมือก็ทุบขาทุบแขนไปด้วย มันปวดไปทั้งตัวเลย พรุ่งนี้ฉันต้องระบมทั้งตัวแน่ๆ“นี่ หนูผิง”มาดามเอ่ยขึ้น ฉันจึงเอาที่คั้นหนังสือมาคุ้นหน้าที่ฉันอ่านค้างไว้และเงยหน้าขึ้นไปมองมาดาม“คะ?”“พ่อเธอท่านลำบากใช่ไหม?”“ใช่ค่ะ พ่อต้องทำงานเลี้ยงหนูผิงและแม่เลี้ยงของหนูผิง พ่อทำงานหนักมากค่ะ หาเช้ากินคำ่หนูผิงสงสารพ่อเหลือเกิน”ฉันพูดไปพลางนึกถึงพ่อของฉันไปด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อนัยจะเป็นยังไงบ้างน่ะ กินข้าวครบทุกมื้อหรือป่าว มีเงินซื้อกับข้าวไหม มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านรึป่าว มีเงินให้พี่แพรวาไปเรียนหนังสือไหม