มินตาทำตาโตวาววามอยู่ในแสงสว่างที่ไม่มากนัก“แน้...พ่อทำเสียงเหมือนจะขายมินเสียแล้ว ไม่อยากให้มินอยู่ใกล้ๆ อีกแล้วหรือคะ มินยังอยากเป็นลูกพ่อ” หล่อนกอดเอวเขาเอาไว้ หล่อนยอมรับว่าสนิทสนมกับพ่อมากกว่าแม่ กล้าที่จะกอด...ที่จะฟัดเขาแรงๆ โดยไม่เกรงกลัว และกล้าบอกเล่าอะไรต่อมิอะไรที่เป็นความลับส่วนตัวมากกว่าจะบอกแม่ “จะขายมินไปให้ใครดีล่ะ มินน่ะคงจะขายไม่ออกแล้ว”“คุณป้ามาพูดกับพ่อ”ความรื่นเริงของมินตาลดลง“พูดว่าไงล่ะคะ”“อยากจะขอมินให้ตาเอ”“พ่อคะ ถ้าเป็นก่อนหน้านิ้ ที่มินจะรู้ใจคุณเอ มินคงจะดีใจจนเนื้อเต้นเพราะมินชอบเขา แต่มินจะไม่รักคนที่ไม่เคยมีจิตพิศวาสมินสักนิดหนึ่ง...มินมีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะคะ พ่อบอกปัดไปได้เลยว่ามินอยากจะขึ้นคาน”“พ่อก็คิดยังงั้น คุณดาน่ะเพียงแต่กลัวลูกชายจะไปคว้าดารามาเป็นสะใภ้”“นั่งไง มินนึกแล้ว คุณป้าไม่ชอบน้ามินนักค่ะถ้าเป็นพี่มิ่งก็ไปอย่าง”หล่อนยอมมีดวงใจที่แหลกสลาย...ยอมอกหัก ซึ่งยังบอกประกาศได้อย่างภูมิใจว่าหล่อนเคยมีรัก แม้รักนั้นจะเป็นรักคุด“แม่ว่าไงล่ะคะ”“ทำท่าจะเห็นด้วยน่ะซิ อยากจะปลูกฝังมินซะให้เรียบร้อยอีกคน”“มินมีงานทำ หาเลี้ยงชีวิตเองได้...มิ
“คุณอย่ายุ่งกับแหวนเลย”“เธอจะกลับบ้าน แล้วต้องมาอยู่ที่นี่ ฉันจะช่วยให้ได้กลับบ้าน...คุณเอคงจะไม่สบายใจถ้ารู้ว่าเธอไม่ถึงบ้าน เขาอุตส่าห์พาเธอไปส่งถึงสถานีรถ...”“อะไรนะคะ”แหวนทวนถาม เสียงหล่อนค่อนข้างดัง“ก็คุณเอ”“เพราะมันต่างหาก” เสียงแหวนกรีดแหลม ลืมตัวไปว่ามีคำสั่งห้ามจากศิลาอย่างไรบ้าง “เพราะมัน...มันเคยเป็นผัวของแหวน” แค่นี้ก็ทำให้มินตาแทบจะไม่อยากเชื่อหล่อนปล่อยมือจากแหวน และแหวนก็ไม่ได้ถอยหลบไปทางไหนทั้งสิ้น แต่ปักหลักอยู่ที่ชื่อของสาวิตต์เหมือนคุ้ยความแค้นของแหวนใกระเจิดกระเจิง “มันได้แหวนแล้วมันไม่รับผิดชอบ”“อะไรกันแหวน เป็นไปได้ยังไงกัน คุณเอน่ะไม่...”“คุณไม่รู้ ไม่มีใครรู้...มันเลวระยำหมาเลย มันบอกว่าพาแหวนหลบมาอยู่ข้างนอก...ให้พ้นคุณนาย จะหาบ้านให้อยู่ จะเลี้ยงดูแล้วมันก็พาแหวนมาที่นี่ มันขายแหวนนะ มันขายให้แหวนเป็นผู้หญิงขายตัว แหวนก็เลยเป็นมันซะเลย...ไหนๆ ก็ถูกบอกขายแล้วนี่...เข้าใจหรือยังว่าแหวนเต็มใจขาย ไม่ต้องไปแจ้งตำรวจ”“เขาบังคับให้เธอพูดใช่ไหม”“คุณนี่โง่หรือแกล้งโง่กันแน่นะ แค่นี้ก็ยังฟังไม่รู้เรื่อง มันนั่นแหละตัวการ มันเอาแหวนทำเมียไม่พอยังพามาขายกันอีก ไ
“นังเด็กบ้า พูดอะไรออกมา...”“พี่แววหึงใช่ไหม...แหวนรู้นะ พวกพี่ๆ บอกว่าพี่แววชอบเขา...พวกพี่ๆ อีกหลายคนก็เหมือนกัน พวกที่รอวันพระให้หวนย้อนกลับมา...เฮ้อ...โบราณว่าวันพระไม่ได้มีหนเดียวแต่สำหรับสาวๆ ของเขา วันพระมันหายากนะพี่แววนะ”แหวนลับกายเข้าไปแล้วทิ้งให้แววรัตน์ยืนหน้าสลดมันเป็นความจริงที่จี้ใจหล่อนให้แปลบปลาบ... วันคืนแสนหวานพวกนั้นทิ้งร่องรอยให้ถวิลหา อยากให้เกิดขึ้นอีกหนหนึ่ง...อยากดื่มกินรสชาตินั้นอีก ทั้งที่รู้ว่ามันลางเลือนเกือบจะเป็นว่างเปล่า ความกรุณาของเขาไม่เคยโปรยปรายลงมาเป็นสายฝนชโลมจิตใจห่อเหี่ยวนี้ให้ชุ่มชื่นเลยแววรัตน์ไม่ได้อยู่รอตรงหน้าห้องนี้ หล่อนเดินผ่านไปเลย ทิ้งให้แหวนเข้าไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มตามลำพังแหวนเข้ามานั่งพับเพียบกับพื้นพรม แม้เขาจะบอกให้หล่อนนั่งบนเก้าอี้แหวนก็ไม่ยอม“แหวนมารับโทษค่ะ” แหวนทำเสียงอ่อนอ่อย ช้อนตาขึ้นนิดหนึ่ง ท่าทางของหล่อนหากเอาไปใช้กับชายอื่นคงจะทำให้พวกชายเหล่านั้นหัวใจอ่อนเป็นขี้ผึ้งให้แหวนจับปั้นเล่นแต่ศิลามองดูเฉยๆ เขารู้สึกเพียงเด็กแหวนนี้ก้าวไกลแน่...หล่อนมีจริตจก้านแพรวพราย เด็กนี่คือไฟชัดๆ ไฟกำลังแรงเสียด้วย“ฉันไม่อยากให้
หล่อนเยื้องกรายออกไป กระโปรงฟิตตัวสั้นๆ อวดส่วนสัดอวบ...แต่ช่วงขาแหวนเล็ก...พอจะให้ชวนมองได้...และดวงหน้าสดสวยนั้นก็มากเกินพอจะทำให้แหวนเป็นสินค้าที่ขายคล่องนัก“อยู่โน่นนะ...”แหวนพยักหน้าเมื่อเพื่อนงานชี้บอกหล่อนไม่รู้ว่านี่คือการจัดให้พบกันจากศิลา...เขาคิดว่าถึงเวลาที่จะลองของบ้างแล้วแหวนยังเห็นหน้าไม่ถนัดตราบจนเข้าไป ใกล้แล้วชายนั้นหันมาตรงๆ หล่อนตะลึงเช่นเดียวกันกับเขาแล้วเพียงไม่ถึงนามีหลังจากนั้น แหวนก็กรีดร้องเสียงแหลม ท่าทางของหล่อนเปลี่ยนเป็นนางเสือร้าย... หล่อนปราดเข้าไปถึงตัวสาวิตต์...ข่วนหน้าเขาตบตีเขาอย่างบ้าคลั่ง กิริยาของหล่อนทำให้ผู้คนแตกตื่น“แหวน...แหวน...”เสียงเรียกชื่อหล่อน ก่อนที่แววรัตน์จะแหวกคนที่รายล้อมเข้ามาถึงตัวแหวนที่ยังไม่ยอมหยุด โดยที่สาวิตต์ไม่อาจจะทำอะไรได้ถนัดนอกเสีย จากล้มลงติดกับเก้าอี้นวมที่นั่งอยู่มีแหวนคร่อมอยู่บนร่างเขา...หล่อนไม่ได้ใส่ใจกับกระโปรงที่สั้นเต่อ เมื่อหล่อนกระโจนขึ้นคร่อมสาวิตต์จึงเท่ากับมันรั้งขึ้นไปสูงเห็นแก้มก้นของหล่อนชัดเจน…แววรัตน์กระชากแหวนจนพ้น โยนแหวนไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ชายที่เข้ามาแล้ว เห็นสาวิตต์หน้าซีดไร้สีเลือด...“มั
รถยนต์คันที่แล่นออกจากบ้านหลังนั้น กำลังจะสวนออกมาทำให้มินตาชะลอความเร็วของรถลง แล้วเห็นคนขับ...“คุณเอนี่คะ”มิ่งขวัญจ้องไปแล้วเอ่ยขึ้น “มินจอดหน่อยจ้ะ”มินตาทำตามทุกอย่าง เห็นหน้าสาวิตต์แล้วหล่อนก็ต้องมองใหม่ให้แน่ใจว่าไม่ได้มองไปผิด บนหน้าของเขามีพลาสเตอร์แบบใสปิดเอาไว้เป็นแนวยาวบนแก้มทั้งสองข้าง“ตาเอไปโดนอะไรมานั่น...”คุณมารศรีก็สงสัยไปด้วย“สองแก้มเลยด้วย...ไง...ตาเอ” เธอไขกระจกหน้าต่างลงพูดกับเขาที่ลงจากรถมาแล้ว “ไปโดนอะไรมาจ๊ะแก้มเสียโฉมเลยเชียว”ชายหนุ่มยิ้มแห้งๆ จะบอกความจริงไปได้อย่างไรกันว่าเขาถูกนังแหวนมันตะกุยข่วนหน้าเอา...เมื่อคืนนี้ยังกับฝันร้ายที่ชายหนุ่มยากจะลืมเลือนได้...แหวนทำร้ายเขาต่อหน้าคนอีกมากมาย ยังไม่รวมกับวาจาด่าทอหยาบคายที่สาวิตต์ยังเจ็บแค้นและอับอายอยู่จนกระทั่งเดี๋ยวนี้“อุบัติเหตุน่ะฮะ โดนกิ่งไม้เฉี่ยวหน้า...”“ไปโดนเข้าที่ไหน ระวังตัวนะ” ดีที่เธอไม่ได้ซักให้ละเอียดลงไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มไม่ได้ไปทำงานในวันนี้เพราะรอยใหม่ๆ ทำให้เขาไม่อาจจะแบกหน้าเข้ากรมไปเจอหน้าเพื่อนพ้องได้ เขาไม่อยากได้ยินคำล้อเลียน คงจะต้องลาหยุดสักสามวัน พอดีจะติดเสาร์อาทิตย์...ให้เ
เห็นภาพกอดกันอยู่บนโซฟา พิมสุดาก็กระแอมเบาๆ เหมือนจะบอกให้รู้การมาของเธอมิ่งขวัญหันมาเห็นแล้ว หล่อนไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ผู้หญิงที่มิ่งขวัญไม่แน่ใจในอายุที่แท้จริง รู้แต่ว่าแก่กว่าหล่อนและแก่กว่าเขาอีกด้วย...และยังเป็นหญิงที่ยังมีความสวยสดอยู่ ชุดแต่งตัวเหมือนอยู่กับบ้าน และอยู่ในบ้านหลังนี้น่ะหรือในฐานะใดกัน ก็ไหนศิลาเล่าเรื่องตัวเองให้หล่อนฟังเอาไว้ว่าไม่มีใคร...เขาตัวคนเดียว“น้าแหม่ม...” ชายหนุ่มทักทายอย่างรื่นเริง เขาเรียกว่าน้า...อาจจะญาติคนหนึ่งของเขา มิ่งขวัญยิ้มแฉล้มได้เกือบจะทันที หลังจากที่ปั้นหน้าขึงไว้เมื่อสักครู่นี้เอง “เข้ามาซิฮะ” เขาผละจากลห่อนไปอีกด้วย และตรงเข้าไปจับแขนของพิมสุดาพาเดินเข้ามาใกล้...มีอะไรในท่าทีของเขาที่ทำให้มิ่งขวัญไม่อาจจะละสายตาไปทางอื่นได้อีกเลยหล่อนเร่าร้อนขึ้นมาในอกบ้างแล้วว่าหญิงนี้ที่เรียกว่าน้าคือใครและมีความสำคัญอย่างไรกันแน่“มารู้จักกับคุณมิ่ง...”“คุณน้าหรือคะ” มิ่งขวัญยกมือไหว้ หล่อนนอบน้อมได้เมื่อบอกตัวเองว่าญาติของเขาหรอกน่า...หล่อนไม่ควรจะกลัวให้มากเกินการไป “มิ่งขวัญค่ะ...” หล่อนแนะนำตัวเองอีกด้วย “ยินดีที่ได้รู้จักคุณน้า”พิ
คำตอบซื่อๆ ที่ทำให้มินตาส่ายหน้า “นั่นไม่ใกล้เคียงสักเท่าไหร่เลยนะ รู้เอาไว้เพิ่มเติมดีกว่าค่ะ” หล่อนบอกในสิ่งได้รู้ “รู้เอาไว้เพิ่มเติมดีกว่าค่ะ” หล่อนบอกในสิ่งที่ได้รู้... “แม่อาจจะโกรธที่มินพูดในเรื่องของเขา แต่มินอยากให้พี่มิ่งรู้เอาไว้ก่อน มินห่วง...กลัวพี่มิ่งจะก้าวผิดพลาดไป กลัวเขาจะหลอกพี่มิ่งไปทำงานให้กับเขา ผู้หญิงสวยๆ มากมายที่นั่น ผู้หญิงที่เขาขายเขาอยู่ได้มั่งมีศรีสุขกับเงินพวกนี้นะ พี่มิ่ง...เขาป้อนให้พี่มิ่งเท่าไหร่ก็รู้เอาไว้ด้วยแล้วกันว่ามันมาจากหยาดเหงื่อของผู้หญิงพวกนั้น”มิ่งขวัญส่ายหน้า หล่อนทำท่าเหมือนจะไม่ยอมเชื่อถือเป็นอันขาด“ไปถามเขาดูก็ได้ บ้านเขาสาวๆ สวยๆ ก็เดินเข้าออกกันให้ไขว่”“แล้วผู้หญิงคนนั้น คนที่มีอายุสักหน่อย ที่เขาเรียกน้า...เป็นอะไรกับเขา มินรู้ไหม”“เขาเรียกว่าน้า...แต่จริงๆ แล้วจะเป็นน้าหลานกันจริงหรือจะเป็นอย่างอื่นก็สุดจะรู้ แต่เขาอยู่บ้านเดียวกันแล้วเขาเป็นมือขวาให้...พี่มิ่งเชื่อมินสักหนว่าเขาน่ะแค่แมงดาบรรดาศักดิ์คนหนึ่ง แล้วที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เขาคือคนกันเองของเราด้วยนะคะ...พี่มิ่งจำคุณต่อได้ไหม”“ต่อไหน”“คุณต่อที่เคยมาอยู่บ้านคุณเอ..
“ศิลา...อย่าทำแบบนี้กับมิ่งซิคะ มิ่งแค่อยากรู้ยายมินพูดให้มิ่งเข้าเข้าใจแบบนั้น” หล่อนโทษน้องสาว “มิ่งรักคุณ ไม่อยากให้คุณเสื่อมเสีย การที่คุณอยู่บ้านเดียวกับผู้หญิงแก่กว่าคุณ...ในฐานะที่ไม่ใช่หลานชายแท้ๆ อีกด้วย...ทำให้มิ่งคิดมากได้นะคะนี่...เข้าใจมิ่งด้วยเถิด เพียงแต่บอกว่าเป็นน้าหลานกันแท้ๆ มิ่งก็จะเบาใจไปได้แยะทีเดียว”เขานิ่งกับการกอดรัดของหล่อน แขนตกอยู่ข้างกายแล้วอึดใจหนึ่งก็ขยับตัวแรงๆ จนมิ่งขวัญต้องคลายมือออกได้แต่มองดูเขาลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าที่ถอดออกในนาทีอันเร่งร้อนของความพิศวาสเมื่อสักครู่ แล้วหายเข้าในในห้องน้ำได้ยินเสียงอาบน้ำ...ในขณะที่หล่อนนั่งหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจหล่อนระแวงพิมสุดา...อาจจะมีอะไรมากกว่าเรียกขานกันว่า ‘น้า’ ไม่ใช่น้าร่วมสายเลือดแต่เป็นน้าร่วมโลกแค่คิดหล่อนก็จี๊ดขึ้นในอกเหมือนความแหนหวงกำลังกางปีกสยายออกครอบงำหล่อนเอาไว้ อยากจะไปถามกับพิมสุดานักว่าอยู่ในฐานะใดกันแน่ตราบจนเขาก้าวออกมาจากห้องน้ำแต่งตัวมาด้วยแล้วเรียบร้อย ด้วยดวงหน้าเรียบสนิท...มองไปแล้วหล่อนก็รู้สึกระย่ออยู่ไม่น้อยเขาทำตัวได้สมกับที่ปากว่าผู้หญิงคนนั้นแตะต้องไม่ได้เสียจริงๆ“คุณโกรธมิ่ง
“ไม่ใช่ห้องนี้”มินตาตัวแข็ง เมื่อเขาเปิดประตูห้องที่หล่อนเป็นคนตกแต่งเพื่อเป็นห้องหอของเขากับมิ่งขวัญหล่อนพยายามจะถอยกลับ แต่ศิลาผลักหล่อนออกเดินไปข้างหน้า“ฉันยอมมาที่นี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้ห้องนี้” หล่อนยังเสียงแข็งและมีท่าทีปฏิเสธ ไม่ยอมรับ“คุณแต่งมันเอง...ก็ใช้เสียเองซิ” เขาบอกนุ่มๆ “ที่ทางของคุณเอง“ฉันทำเพื่อพี่มิ่ง” หล่อนยืนยัน หล่อนรักมิ่งขวัญไม่เคยเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น“แต่มันเป็นสิ่งที่คุณชอบ” เขาดักคอ “ผมรู้ว่ารสนิยมของมิ่งขวัญเกิดจากตัวคุณเป็นหลัก...ลืมซะว่าผมเคยสั่งว่าอย่างไร นั่นเป็นข้ออ้างจะเอาตัวคุณมาทำงานต่างหากเล่า ถ้าผมไม่บอกว่าเป็นห้องหอมีหรือที่คุณจะยอมมาทำ ตอนนั้นคุณชังน้ำหน้าผมจะแย่”“ตอนนี้ก็ใช่”“ผมไม่เชื่อ ไม่มีวันเชื่อ...”เขาปิดประตูไว้ข้างหลังแล้วยืนพิงอยู่อย่างนั้น ตอบหล่อนด้วยถ้อยคำหนักแน่นเขาจะไม่ยอมเสียหล่อนไปศิลาบอกตัวเองว่าเขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสมปรารถนาให้จงได้ ต่อให้ยากเท่ายากก็ตามที“เราจะต้องคุยกันตามลำพังสองต่อสองแล้วละ มินตา”เขาบอกด้วยเสียงนุ่มทุ้ม และแน่นอนว่ามีกังวานของความรักอยู่มากมาย เขาไม้ปฏิเสธใจตัวเอง“ไม่...” หล่อนป
พิมสุดามาแล้วกลับไปแล้ว ปล่อยให้มินตาได้ครุ่นคิดตามลำพัง แม้จะมีปรางคอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ แต่มินตาก็เหมือนอยู่คนเดียว...หล่อนคิดถึงอนาคตวันข้างหน้าเมื่อไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อ ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือให้คว้าติดอีกหล่อนจะทำอย่างไรดีนั่นคือสิ่งที่มินตาต้องคิด...มันไม่ใช่เรื่องเล็กเสียด้วย เพราะเท่ากับต้องเอาอนาคตมาเป็นเดิมพัน...อนาคตที่มินตาไม่แน่ใจ และหล่อนก็รู้ว่าเพราะตัวเขานั่นแหละที่ทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกเช่นนั้นขึ้นมา/////////////////////////////ผู้ชายสองคนต่างวัยแต่มีสายเลือดส่วนหนึ่งเหมือนกันได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง คนแก่ดูจะยิ่งแก่ ในขณะที่คนหนุ่มก็มิได้ทำท่าลำพองว่าตัวเองเป็นผู้ชนะ ต่างคนต่างมองกันชั่วอึดใจในความเงียบงันแล้วศิลาก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน “สาวิตต์เป็นอย่างไรบ้าง”“ก็ยังเหมือนเดิม...เก็บตัวเอง...และไม่พูดไม่จากับใครเลย”“เขาคงจะหายสักวันหนึ่ง“นั่นคือความหวัง”“ผมจะเอาใจช่วยแล้วกัน”คุณทรงศักดิ์ทำท่าเหมือนไม่คาดคิดเมื่อได้ยินเช่นนั้น“ต่อ...ให้อภัยพ่อกับพี่แล้วใช่ไหม”ชายหนุ่มส่ายหน้า นั่นคือความจริง เขายังไม่อาจจะให้อภัย เพียงแต่เขาคิดว่าเขาจะวางมือในส่วนนี้...หลายปีที่เ
“ไล่ปรางหรือคะ...” มินตาแสนจะตกใจ “ทำไมล่ะคะ ปรางทำผิดตรงไหน”“มันเป็นพวกแกนี่ รับเอาไปซิ นังนั่นมันเลี้ยงไม่เชื่อง หวังว่าที่พูดมานี่แกคงจะเข้าใจนะ”“ค่ะ มินตารับคำ ดวงหน้าสลด ครอบครัวของหล่อนคือซาก...มันคืออดีตที่เหมือนจะเนิ่นนานผ่านมาแล้ว ดวงตาของหล่อนซุ่มไปด้วนน้ำตา ป่วยการจะพูดมากไปกว่านี้อีกเมื่อคุณมารศรีและมิ่งขวัญปั้นปึ่งใส่ มินตามาไหว้พ่อ นั่งพับเพียบอยู่นานจนศิลาต้องเป็นฝ่ายสะกิดหล่อน“กลับดีกว่ามั้ง มินตา...เขาประคองหล่อนลุกขึ้น ท่าทีถนอมเป็นนักหนาบาดตาของมิ่งขวัญสุดขีด หล่อนไม่อาจจะยอมรับออกมาดังๆ ว่าลึกลงไปนั้นหล่อนเจ็บปวดกับการที่ถูกทิ้ง...ทั้งที่หล่อนเคยทระนงในตัวเองมาตลอด ผู้ชายคนนั้นคือชายที่หล่อนรักและเมื่อความจริงเปิดเผยออกมารักกลายเป็นร้าง และขมขื่นที่สุดจะหารสชาติใดมากกว่านี้ ในชีวิตคงจะไม่มีอีกแล้วแน่นอน“แม่คะ...มิ่งตัดสินใจแน่นอนแล้ว พอเสร็จงานพ่อ มิ่งจะไปอยู่เมืองนอก เราไปด้วยกันไหนคะ แม่...เอาบ้านนี้ให้เช่า...ถ้าไม่คิดจะขาย เราคงจะพอมีเงินสักก้อนไปเที่ยวเล่นด้วยกัน พอให้มิ่งหายช้ำใจแล้วค่อยกลับมาใหม่...หรือบางทีเราอยู่ทางโน้นกันเลยก็ได้ มิ่งก็พอจะมีเพื่อนที
ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง และมินตาก็นิ่งงันปราศจากเสียงกรีดร้องจนเขาใจเต้นแรง ไม่รู้ว่าหล่อนเสียใจแค่ไหนกันการรับรู้ในการสูญเสียหนนี้ มือของเขาลูบไล้เส้นผม“มินตา ได้ยินผมหรือเปล่า”“ก็ดีเหมือนกัน” หล่อนพึมพำออกมา “จะได้จบสิ้นกันแท้จริงๆ”“ไม่....” เขาปฏิเสธเสียงลั่น“เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”“อย่าพูดแบบนี้...ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง แล้วเราเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ที่ผ่านมาผมรู้ว่าผมผิด จะไม่ให้อภัยคนที่รู้สำนึกหรอกหรือ มินตา...ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจหรือไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เพียงแต่ ตอนนั้นความแค้นทำให้ผมบ้าเลือดและลากคุณเข้ามาพัวพันด้วย”“ฉันให้อภัย แล้วก็โยนมันทิ้งเอาไว้ตรงนั้นแหละ...”ศิลากำลังจะพูดอีก แต่เสียงเคาะประตูห้องขัดจังหวะเสียงก่อนและประตูเปิดเข้ามาหลังจากนั้นครรชิตเดินนำหน้าธันวาเข้ามาพร้อมกับกระเช้าดอกไม้ใหญ่ที่บรรจุดอกไม้สวยงามสีสันสดใสชายหนุ่มขยับห่างออกจากเตียงนิดหนึ่ง ครรชิตทักทายและแสดงความห่วงใย ต่อสภาพบาดเจ็บของเขาสักห้านาทีก่อนจะหันไปหามินตา“ไง...มิน หน้าตาเหมือนคนเจ็บหนัก”“เกือบจะตายแต่ไม่ยักจะตาย...”“ประชดใครล่ะนั่น”ถูกดักคอแบบนี้มินตาทำตาวาว “มินไม่มี
สาวิตต์นอนอยู่บนเตียง...ขาของเขาข้างหนึ่งที่ถกขากางเกงขึ้นไปถูกพันด้วยผ้าขาวหนาเปอะ แล้วหน้าตาของเขาก็เหมือนไม่ใช่ลูกชายคนเดิมของเธอ มีรอยช้ำปูดโปนนั่นยังทำใจได้ว่ามันจะหาย แต่ดูซิ...ดูสีหน้าและแววตาของเขามันดูเลื่อนลอย...และมองมาทางเธอย่างว่างเปล่า“เอ...”เธอถลาเข้าไปหาเขา แล้วก็หยุดอีกหนหนึ่ง เมื่อสาวิตต์ทำเหมือนไม่รับรู้ด้วย เขายังมองเบิ่งไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าเธอ คุณสีดาหันขวับมาหาสามี ถามเสียงสั่น“อะไรกันคะนี่ ตาเอเป็นอะไร...ทำไมเขาทำหน้าตาแบบนั้น”คุณทรงศักดิ์โอบบ่าของภรรยาเอาไว้ ร่างแบบบางของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น“หมอบอกว่าเหมือนเขาจะช็อก พูดกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เป็นพักๆ เหมือนคนสะเทือนใจมากเกินไป”“แล้วแกจะหายไหม”“ต้องอาศัยเวลา แต่ตอนนี้เขาต้องรักษาตัว บางทีอาจจะต้องลางาน...หรืออาจจะต้องถึงขั้นลาออกก็ได้”“ไม่!”เธอร้อง หันมาซบหน้ากับบ่าของสามี นานแล้วที่คนสองคนไม่เคยหันหน้าเข้าหากันอีก ต่างมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความบาดหมางในเรื่องเล็กน้อยถูกทำให้ใหญ่มากขึ้น และไม่อาจจะเชื่อมต่อติดกันได้อีกเลยแต่ตอนนี้หัวอกของความเป็นพ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอ
ปืน...มินตาบอกเมื่อเห็นสาวิตต์หยิบมันออกมาวางไว้บนโต๊ะกลมเล็กข้างๆ เก้าอี้ที่เขานั่งลง แววตาที่เขามองดูศิลาทำให้มินตายะเยือกไปตลอดตัว มันบ่งบอกว่าหากเขาจะลั่นไกปืน เขาก็จะทำได้โดยไม่ต้องหยุดคิดชั่งใจอีกเลย มินตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อพูดกับสาวิตต์ดีๆ“คุณเอ ขอให้มินนะ...อย่าถึงกับฆ่ากันเลย...”“บอกแล้วว่าอย่ายุ่ง ไม่ฆ่าเธอด้วยก็บุญเท่าไหร่รึว่าอยากตายตามผัว”“คุณเอจะทำไมได้นะคะ”“ทำไมพี่จะทำไม่ได้ นึกถึงที่มันทำกับพี่ซิ เพราะมัน...” สาวิตต์ชี้มือไปยังศิลาอย่างคั่งแค้น นั่นคือชายที่ร่วมสายเลือดเดียวกัน แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็กึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน เขาไม่เคยเชื่อใครพูดอย่างไร เขาก็มักจะหัวเราะขบขันเสียเสมอว่าทุกคนที่พูดนั้น ล้วนแล้วแต่มีอาการทางจิตที่คิดมากเกินการไปเองทั้งนั้น แต่แล้วเขากลับมารู้เป็นคนสุดท้าย รู้เพื่อทำให้โลกที่เคยสวยงามสำหรับเขามันพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตาเขาจึงมองหาทางออกใดไม่พบนอกจากทางนี้ ฆ่าศิลาเสีย ก็เท่ากับฆ่าไอ้เด็กเวรคนนั้นด้วย เมื่อหนนั้นมันเลือกรอดได้อาจจะเพราะดวงมันแข็ง แต่คราวนี้ไม่มีวันที่ดวงมันจะแข็งเท่าครั้งนั้นอีก มันจะต้องตายนั่นคือทางที่เขาเลือกให้มั
สาวิตต์เดินปังๆ จากไปแล้ว ก่อนที่เขาจะกระแทกประตูบ้านด้านหน้าปิดลั่นกุญแจ ปรางก็เสนอหน้าเข้ามา“จะช่วยคุณมินทำแผลให้กับเขา”ปรางบอก หล่อนยืนให้ห่างจากสาวิตต์เข้าไว้ ด้วยไม่แน่ใจในความบ้าของเขาและเขาก็ยอมปล่อยปรางเข้ามาโดยดี ปรางมาคุกเข่าดูศิลาอยู่อีกด้านหนึ่งของเขา“เลือดทั้งนั้นเลย...” ปรางพึมพำ “ทำแผลก่อนนะคะ คุณมินจะเอาอะไรบ้าง”“ต้มน้ำร้อนให้ฉันสักกระติก แล้วหาผ้าสะอาดๆ มา...มีพวกผ้าเช็ดหน้าของฉันเหลืออยู่บ้างมั้งในตู้...แล้วก็พวกผ้าขนหนูผืนเล็กๆ นั่นด้วยก็ได้ คุณเอขังเราเอาไว้ในบ้านแล้วนี่ หยูกยาที่นี่ไม่มีสักอย่าง”“ปรางมีทิงเจอร์กับยาแดง...แล้วก็ยาล้างแผล...” ปรางบอกล้วงมือเข้าไปในกางเกงสามส่วนหยิบยาที่บอกออกมา “เอามาได้แค่นี้ค่ะ จะเอาสำลีกับผ้าพันแผลมาด้วย กลัวคุณมิ่งจะเห็น จะเอาอะไรมาไม่ได้สักอย่าง”“ขอบใจมา ปราง”มินตาคว้าขวดยาพวกนั้นมาด้วยมืออันสั่นเทา ตัวหล่อนเองนั้นสภาพก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนที่ยังนอนทอดร่างนิ่งๆ นี่สักเท่าไหร่ หล่อนรู้ตัวว่าตัวเองก็แย่ เจ็บในช่องท้องจี๊ดๆ เตือนเป็นระยะอย่างไม่เคยเป็น แล้วหล่อนก็อยากล้มตัวลงนอน แล้วหลับให้นานโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมารับรู้ใดๆ อีกเ
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่
“คุณมินเป็นอะไร...”แตะตัวมินตาแล้วก็พอว่าไม่ขยับสักนิด ปรางเงยหน้าหล่อนได้เห็นสาวิตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวอย่างไม่เห็นมาก่อนเลยหันกลับมามองมิ่งขวัญก็เห็นสีหน้าแย้มเยาะประหลาดนัก“คุณมินสลบนะคะ”“ฉันให้แกมาดู ไม่ได้ให้มาพูดมาก แกมีหน้าที่คอยพยาบาลเอาไว้ แต่แกห้ามยุ่งมากไปกว่านี้อีก”“ค่ะ”“พาเข้าไปในห้องนอนซะ”มิ่งขวัญออกคำสั่ง แล้วหล่อนจึงเดินเข้ามาหาสาวิตต์...จับมือของเขาไปบีบเหมือนจะให้กำลังใจแก่เขา“มิ่งเข้าใจว่าคุณเอกำลังเฮิร์ทมาก อีกไม่นานค่ะทุกอย่างจะเรียบร้อยมันจะกลายเป็นปุ๋ยจมดินไปเลย จะไม่มีใครเห็นซากของมันอีก...อย่างนั้นใช่ไหมคะ...ที่นี่มีที่มากมายให้ฝังมัน...”“เมื่อไหร่มันจะมา” คำถามของสาวิตต์เลื่อนลอย“ใจเย็นหน่อยค่ะ ยังไงซะมันก็จะต้องมา”“มันทำกับพี่เจ็บปวดนัก...” เขาหลับตาลง “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”“จะไม่มีใครรู้...” หล่อนลูบบ่าของเขาเบาๆ ด้วยมือที่เหลืออยู่ปลอบโยนเขา “มิ่งสัญญาว่าจะเอาตัวมันมาให้”“แล้วยายมินล่ะ...”“ขายมันซิ คุณเอ...หลังจากจัดการหมอนั่นแล้ว เอายายมินไปขาย” น้ำเสียงของมิ่งขวัญเหี้ยมเกรียม เขาแหงนหน้ามอง “มิ่งพูดจริงๆ นะ ไม่