ยาร่านอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง พยายามข่มตานอนมาหลายชั่วโมงแล้วแต่ก็ยังนอนไม่หลับ สุดท้ายเด็กหญิงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ร่างเล็กยันกายลุกขึ้นชะโงกหน้าลงมามองพี่เลี้ยงที่นอนหลับสนิทอยู่ที่พื้น แล้วค่อยๆ ลุกจากเตียง เขย่งปลายเท้าตรงไปที่ประตู หมุนลูกบิดช้าๆ เพื่อให้ประตูเปิดออกโดยไม่มีเสียง นัยน์ตากลมโตมองฝ่าความมืดสลัวเข้าไปในห้องโถง ขณะที่เอียงหูฟังเสียงรอบกายไปด้วย เมื่อแน่ใจว่าทางสะดวกแล้ว จึงย่องออกจากห้องและเดินไปที่ห้องนั่งเล่นทันทีร่างกลมเล็กยืนอยู่หน้าตู้เกม หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ถึงจะไม่เคยเล่นเกมแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคอเกมอย่างเธอ หลังจากเสียบปลั๊กแล้ว ก็หยิบเหรียญหนึ่งที่วางไว้บนแผงอะคลิลิคใส่เข้าไปในเครื่อง เมื่อตู้เกมเริ่มทำงาน แสงไฟจากจอแอลซีดีทำให้ห้องสว่างไสวขึ้นเล็กน้อย เด็กสาวเลือกเกมโปรดของเธอและเริ่มเล่นอย่างใจจดใจจ่อ เสียงของเกมขณะกดปุ่มดังขึ้นทั่วห้อง และเด็กน้อยก็หายไปในโลกของเกมโดยไม่สนสิ่งใดๆ รอบข้างอีกเลยยาร่าหมกมุ่นกับเกมอยู่เป็นชั่วโมง แต่ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดค่อนข้างดังมาจากทางประตูหน้าของโถงทางเดิน จึงเหลียวหลังไปจ้องมอ
องค์สุลต่านเดินกลับเรือนที่พัก ทะลุมาจากเรือนเล็กของว่าที่เจ้าสาวมาทางด้านหลัง ไม่ได้เดินผ่านเส้นทางเดินหลักหน้าตึก เพราะถ้าผ่านกำแพงกั้นฝ่ายในนี้ไป จะย่นระยะทางและใกล้ที่พักของเขาที่สุดแต่จู่ๆ ก็มีคนชุดดำเดินตัดทางโค้งด้านหน้าไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้คนผู้นั้นจะใช้ความมืดใต้ร่มเงาของต้นไม้พรางตัว แต่เขาก็ยังสามารถมองเห็นถึงความเคลื่อนไหวนั้นได้อยู่ดี ตอนนี้เรือนเล็กเกิดเรื่องใหญ่ องครักษ์จึงกระจายไปโดยรอบตามจุดต่างๆ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของการเสียชีวิตของพระราชินี จึงเป็นคืนที่วุ่นวายพอสมควร คนที่ประสงค์ร้ายอาจจะฉวยจังหวะนี้ลอบเข้ามาก็ได้ องค์สุลต่านทำสัญญาณมือให้องครักษ์ตามเขาไปสองคน ส่วนที่เหลือให้ไปตรวจพื้นที่โดยรอบ องครักษ์ทั้งหมดน้อมรับคำสั่ง พระองค์จึงรีบเดินไปยังทิศทางเดียวกันกับคนผู้นั้นทันที แต่รักษาระยะห่างเอาไว้…………………..พรืด!!พริมโรสกำลังจะเคลิ้มหลับ แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงบางอย่างจนทำให้ตื่นขึ้น ซึ่งไม่รู้ว่าแหล่งที่มาของเสียงคืออะไร หรือมาจากทางทิศไหน สัญชาตญาณกระตุ้นประสาทสัมผัสให้ตื่นตัวและรับรู้อย่างเต็มที่ ร่างบางยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง และตั้งใจรอฟังเสียงของความเคล
"หม่อมฉันก็ไม่อยากให้หยุด..แต่..""อ่าา..ซีดส์!..รัดแรงเกินไปแล้ว~..เบาหน่อย!..อย่าตื่นเต้นสิ..ใจเย็นๆ นะ~" โพรงเนื้อนุ่มที่หุบแน่นบีบตัวตอดรัดอย่างหนักหน่วง ทำให้แก่นกายสะท้านจนแทบขยับไม่ออก"ตะ..แต่ว่า" เขารู้ว่าลึกๆ แล้วหญิงสาวกำลังกังวล จึงไซ้จมูกไล้ไปไปตามแก้ม ใบหู พร้อมลูบฝ่ามือที่หน้าผากของหญิงสาวเลยไปทางกลางกระหม่อมเบาๆ "ทำใจให้สบาย~ ปล่อยให้ผมจัดการทุกอย่างเองนะ~" เสียงนุ่มทุ้มกระซิบเสียงแหบพร่าเพื่อเป็นการปลอบโยน"อื้อ.." ริมฝีปากบางเย็นเลื่อนมาประกบปิดเสียงที่กำลังอ้าปากประท้วงของหญิงสาวนิ่งนาน แล้วเบียดหนวดเคราไซ้ลงมาเสียดสีที่ซอกคอ จนผิวขาวนวลเนียนแดงไปตลอดช่วงอก ร่างบอบบางอ่อนระทวยเข้าหา เบียดกายแอ่นอกเชิญชวนให้เขาละเลงลิ้นไล้ยอดปลายด้วยความสยิว จนชายหนุ่มต้องเอื้อมมือมาปิดปากที่กำลังครางออกมาเป็นระยะๆ นั้นไว้ ไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกไปนอกห้องด้วยความลืมตัวเขายกตัวขึ้น ยันมือคร่อมกายเหนือคนใต้ร่าง มือข้างหนึ่งจับใต้เข่าให้ตั้งชันขึ้น ดันให้อ้าออกเล็กน้อยเพื่อเปิดทางสวรรค์ กดสะโพกดันท่อนเนื้อแข็งเข้าไปจนมิดด้าม แล้วขยับโยกเป็นจังหวะรัวเร็วอย่างห้ามใจไม่อยู่ หลุบสายตาลงมอ
“โซยา! ช่วยฉันด้วย! โอมาร์มันหาเรื่องใส่ร้ายฉัน!”“นี่มันอะไรกัน? เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะไม่เอาความเขาเรื่องปั่นหุ้นอะไรนั่น!”“คิดไว้อยู่แล้วว่าท่านแม่จะต้องตามมาแน่ๆ จะกางปีกปกป้องมันทุกเรื่องเลยหรือไง? เรื่องความเสียหายของบริษัท ท่านแม่เป็นประธาน อยากจะอนุญาตให้เห็บหมัดตัวไหนเข้ามาสูบเลือดสูบเนื้อก็แล้วแต่ท่าน ลูกไม่ยุ่งเกี่ยว! แต่นี่มันเรื่องในครอบครัวของลูก ขอท่านแม่อย่าได้มาก้าวก่าย!”“แล้วเขาไปข้องเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ทำไมต้องเฆี่ยนตีกันถึงขนาดนี้!”“มันกล่าวหาว่าฉันลักพาตัวเจ้าสาวมันไป แค่มันจับได้ว่าฉันลักลอบเข้ามาฝ่ายใน ก็จะมาโยนความผิดให้ฉันรับทุกเรื่องไม่ได้นะ! โอยย!” ท่านอักมัลพูดแก้ต่างให้ตัวเองทันทีเพื่อเอาตัวรอดจากการลงทัณฑ์อันเหี้ยมโหดในครั้งนี้ในขณะนั้นเองก็มีเสียงโวยวายมาจากประตูด้านนอก คล้ายกับมีกลุ่มคนที่เป็นสตรีกำลังถูกควบคุมตัวมาโดยไม่เต็มใจ“ปล่อย! จับฉันมาทำไม! ปล่อยเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงเล็กแหลม คล้ายเสียงเด็กที่แอ๊บเสียงสอง โวยวายเสียงลั่น ในขณะที่นางในคนสนิทก้มหน้านิ่ง และอีกคนที่หันมองคนนั้นทีคนนี้ทีคล้ายคอยสังเกตการณ์“นำตัวมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ คุกเข่า!” องค
พริมโรสเดินค้อมตัวตามหลังสามีไปในอุโมงค์ลับใต้ดิน ซึ่งมีเพดานที่เตี้ยและแคบสามารถเดินผ่านได้ทีละคนเท่านั้น ดูจากลักษณะการก่อสร้าง รวมถึงกลิ่นอับทึบที่บ่งบอกอายุของการทับถม ทำให้ประมาณได้ว่าอาจจะสร้างมานานพอๆ กับอายุของพระราชวังที่เกือบจะครบร้อยปีในอีกไม่นานนี้ รอบข้างมีแสงสลัวเพียงน้อยนิดจากแสงไฟที่ส่องลอดออกมาจากรูกำแพงหินขรุขระที่เป็นผนังหนาหลายฟุต จุดประสงค์ของผู้สร้างคุกใต้ดิน และอุโมงค์ลับแห่งนี้ให้แน่นหนาแข็งแรง อาจเพราะต้องการให้ทนทานต่อการโจมตีหรือการปิดล้อม หรืออาจต้องการขังนักโทษไว้อย่างแน่นหนา เพื่อให้ยากต่อการหลบหนี แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ไม่มีสิ่งใดหยุดนิ่งคงที่อยู่อย่างเดิมได้ตลอดไป สภาพที่ควรจะอยู่ยั้งยืนยงไปได้อีกหลายร้อยปี ขณะนี้เต็มไปด้วยโพรงหินและรูบนผนังกำแพงเป็นจำนวนมาก ที่ผุกร่อนไปตามกาลเวลา และเห็นได้ชัดว่าไม่มีใครได้ใช้เส้นทางอุโมงค์ลับหลังกำแพงนี้ มานานมากแล้วหญิงสาวหยุดเดิน เมื่อเจอโพรงขนาดเล็กกว่ากำปั้นนิดหนึ่ง ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงแนบใบหน้านวลเข้ากับข้างกำแพงที่เลอะไปด้วยฝุ่น เพื่อสอดส่องดูความเคลื่อนไหวที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
เจ้าชายอิสราร์มองเขม็งไปที่พี่ชายอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่าสตรีผู้นั้นจะพูดโพล่งออกมา เพื่อทำร้ายจิตใจลูกของตัวเอง ได้อย่างคล่องปาก ราวกับไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดที่ไม่เคยมีความผูกพันกันเลยทางสายเลือดช่างเป็นสตรีที่มีจิตสำนึกของความเป็นเพศแม่ ด้อยกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก!!“รายงาน!! แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ! ท่านนายพลร่วมมือกับสภาอาวุโส นำกองกำลังจำนวนหนึ่งบุกเข้าทำเนียบเพื่อยืดอำนาจในการปกครองของรัฐบาลแล้วพ่ะย่ะค่ะ!!” องครักษ์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาเพื่อถวายรายงานด่วน“อะไรนะ?? นายพลคนไหน? ใครมันกล้าเหิมเกริมไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเช่นนี้! ไปตามท่านรอดินให้เข้ามาพบเราเดี๋ยวนี้!!” พระชนนีออกคำสั่งอย่างเกรี้ยวกราด ซึ่งดูเหมือนจะมีอำนาจในการบริหารบ้านเมืองมากกว่าองค์สุลต่านเสียอีก“เอ่อ!..คนที่เป็นแกนนำปฏิวัติก็คือท่านรอดินพ่ะย่ะค่ะ!” องค์สุลต่านได้ยินดังนั้น ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างสะใจ“ฮ่าๆๆ เป็นไงล่ะ! ท่านเห็นหรือยังว่าการกระทำที่ไร้สติของท่านได้เกิดผลอะไรตามมาบ้าง! ไปฆ่าปิดปากลูกสาวเขาซึ่งเป็นถึงสตรีอันดับหนึ่งของประเทศอย่างไร้ค่า ราวกับเป็นสตรีชนชั้นสองของสังคม เขาก็มาแก้แค้นเอาคืนอย่
พระชนนีหันองค์ไปมององค์สุลต่าน เห็นเพียงด้านหลังที่เพิ่งจะเดินพ้นประตูออกไป เธอไม่เข้าใจว่าทำไมลูกชายคนเดียวของเธอ ถึงกลายเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผู้ชายคนนั้นไปได้ เพราะเธอได้เสียความบริสุทธิ์ให้ท่านสามก่อนคืนวันส่งตัวเสียอีก ผู้ชายคนนั้นก็มาเห็นตอนที่ท่านสาม กำลังจะลอบหนีออกไปในคืนสุดท้ายของวันแต่งงาน ทำให้เขาโกรธมากที่ถูกลูบคม และพูดอย่างเย้ยหยันด้วยความเมามายว่า ‘เขารู้แล้วว่าทำไมพ่อตาทั้งขู่ทั้งบังคับให้เขารีบมีลูกให้ได้ คงเพราะกลัวเขาจะรู้ความลับของลูกสาวนี่เอง’ หลังจากนั้น เขาก็ใช้กำลังบังคับขืนใจเธอ ในคืนส่งตัวคืนนั้น เธอพยายามดิ้นรนต่อสู้และไม่ยอมจำนน แต่การต่อต้านของเธอกลับยิ่งไปกระตุ้นสัญชาตญาณนักล่าของเขาให้ตื่นขึ้นมา อย่างไรก็ตาม นั่นคือครั้งสุดท้ายในชีวิตสมรสที่เขากล้าเข้ามาใกล้เธอในระยะประชิด และเป็นเพียงครั้งเดียวที่เขาล่วงละเมิดร่างกายของเธอ ทำให้เธอเชื่อมั่นมาตลอดว่า เธอไม่มีทางท้องกับเขาแน่นอนเธอเคยได้ยินข่าวลือ ที่แพร่สะพัดอย่างหนาหู เกี่ยวกับท่านสาม ทั้งเรื่องบุคลิกภาพ หน้าตา และเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงความเจ้าชู้ของเขา ที่ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ และแม่หม้
::สหพันธ์เฮชบุล::"พวกนายทำงานกันยังไง มารายงานฉันว่าอิสราร์หายตัวไปตามรอยไม่เจอ แต่ทำไมมันถึงไปโผล่หัวที่ทีแลนด์ได้ล่ะ? นี่ถ้าองค์กรลับฯไม่ส่งข่าวมา ฉันก็ยังคงโง่งมต่อไปสินะ!" ท่านอัชรอฟ(สุลต่านองค์ก่อน เป็นท่านลุงของสุลต่านโอมาร์) ตวาดออกมาด้วยความเดือดดาล เต็มไปด้วยโทสะที่ผู้ใต้บังคับบัญชาทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า พระองค์ทรงรู้สึกว่าบรรดาคนพวกนี้ ทำงานไม่ได้ดั่งใจเลยสักคน"พระทัยเย็นไว้ก่อนกระหม่อม ฝ่าบาทก็รู้ว่าอิสราร์เขามีทีมเทคโนโลยีที่เก่งมากแค่ไหน การที่จะหลุดรอดจากสายตาของพวกเราย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากสำหรับเขา" เลขาส่วนพระองค์ค้อมตัวลงมากกว่าเดิม รีบทูลประจบประแจงเพื่อเอาตัวรอดจากโทสะของเจ้านาย ที่เหมือนภูเขาไฟใกล้จะระเบิดอยู่แล้วรอมร่อ"อันนั้นก็พอจะเข้าใจได้ แต่ตอนที่มันเดินทางกลับมานี่ มันก็อยู่ในสายตาพวกนายตลอดไม่ใช่หรือไง! แล้วทำไมพวกนายถึงปล่อยให้มันลงเหยียบพื้นดินได้อีก! เห็นไหมว่าพอเท้าแตะพื้นก็หาตัวมันไม่เจอแล้ว!! เป็นเพราะอาวุธยุทโธปกรณ์ของเรามันล้าสมัยจนทำให้ลูกน้องนายยิงพลาดเป้า หรือว่ากำลังพลไม่มีความสามารถกันแน่! ทำงานกันห่วยขนาดนี้ จะเอาอะไรมาเป็นข้ออ้างไ
ค่ำคืนแห่งพระเกียรติ ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ ณ พระราชวังขององค์สุลต่าน งานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพถูกเนรมิตขึ้น อย่างวิจิตรตระการตา ทุกซอกทุกมุมของพระราชวังส่องประกายด้วยโคมไฟแก้วเจียระไนระยิบระยับ พรมแดงทอดยาวจากบันไดสู่โถงต้อนรับ โต๊ะอาหารเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ พร้อมเครื่องเงินแท้ที่ขัดเงาจนแวววาว เมนูรสเลิศจากเชฟมิชลิน ถูกเสิร์ฟแบบคอร์ส เคียงคู่กับเครื่องดื่มชั้นสูงจากทั่วทุกมุมโลก ขับกล่อมด้วยเสียงดนตรีออร์เคสตร้า ที่บรรเลงอย่างไพเราะ ทำให้ค่ำคืนนี้ สมพระเกียรติขององค์สุลต่านอย่างถึงที่สุด บรรดาผู้นำจากนานาประเทศ และทูตานุทูต ต่างตบเท้าเข้าร่วมงาน แขกเหรื่อล้วนเอ่ยปากชื่นชม ถึงบรรยากาศที่ได้รับการจัดเตรียมมาอย่างไร้ที่ติ และผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เจ้าหญิงไลลา สตรีหมายเลขหนึ่ง พระชายาของเจ้าชายอิดรีส ผู้ลงมาดูแลทุกอย่างด้วยตนเอง อย่างละเอียดถี่ถ้วน บางคนถึงกับกล่าวชมต่อหน้าเจ้าชายอิดรีส ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้เขาจะยังคงยืนสงบนิ่งในท่าทีสุขุมเช่นเคย แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ตนเลือกคู่ครองไม่ผิด สายตาของอิดรีส
แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่รินรดา พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้ และไกลในเวลาเดียวกัน“ถึงเวลาแล้ว...จงทำตามสัญญา!”รินรดารู้สึกเหมือนร่างกายของเธอกำลังล่องลอย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ตกลงไปในความเวิ้งว้างอันไร้จุดสิ้นสุด เธอพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ไม่พบใครเธอหลับตาลงแล้วทันใดนั้น ภาพอดีตของเธอเมื่ออายุสิบห้าปีก็ย้อนกลับมา เธอเห็นตัวเองยืนอยู่หน้าหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในห้องลับใต้พระราชวัง ความศักดิ์สิทธิ์ของมันทำให้เธอรู้สึกได้ ถึงพลังลี้ลับที่ซ่อนอยู่ภายใน เธอท่องบทสวดที่แอบจดจำไว้ พร้อมกับอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิต นั่นคือ..การตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็เริ่มฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งถึงปัจจุบันเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่าตัวเองยืนอยู่ในอุโมงค์ที่ทอดยาวไปสู่แสงสว่างที่อยู่เบื้องหน้า เธอรู้ว่านี่คือจุดที่ผู้ตายต้องเดินผ่านไปยังภพหน้า แต่แล้วเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง“รินรดา เธอยังมีสิทธิ์เลือกเส้นทางของตนเองอยู่นะ”เบื้องหน้าของเ
ค่ำคืนแห่งความสุขมาถึง... ท้องฟ้ายามราตรีของอาณาจักรเปเรซประดับไปด้วยแสงจันทร์และดวงดาวระยิบระยับ ขณะที่ปราสาทหลวง ถูกประดับด้วยผ้าม่านสีขาว และทอง ลวดลายอาหรับอันวิจิตร เจิดจรัสด้วยแสงไฟนวลอบอุ่น ของไฟระย้าคริสตัลสะท้อนแสง จนดูงดงามราวสรวงสวรรค์ ดอกไม้หายากจากทั่วทั้งอาณาจักร ถูกจัดวางประดับประดาไปทั่วบริเวณ สร้างบรรยากาศที่งดงาม ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย ภายในห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง พรมเนื้อละเอียดทอดยาวตั้งแต่ประตูไปจนถึงแท่นพิธี โต๊ะเลี้ยงอาหารค่ำประดับด้วยผ้าปักทอง ดอกกุหลาบและลิลลี่ขาวบริสุทธิ์ให้กลิ่นหอมอ่อนๆ ตัดกับแสงเทียนที่กระพริบไหว ม่านบางเบาปลิวไสวไปตามสายลมเย็นของค่ำคืน พระราชพิธีอภิเษกสมรส ถูกจัดขึ้นตามขนบธรรมเนียม เป็นพิธีนิกะห์อันศักดิ์สิทธิ์ของโมเสลม ภายใต้กฎหมายชารีอะห์ และธรรมเนียมของราชวงศ์ ซึ่งแสดงถึงความงดงาม และเปี่ยมไปด้วยความหมาย นักวิชาการศาสนา(อุละมาอ์) ผู้ประกอบพิธี นั่งอยู่บนแท่นหินอ่อน ด้านข้างมีพยานฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว พร้อมด้วยบุคคลสำคัญจากราชวงศ์และข้าราชบริพาร เจ้าชายอิสราร์ ประทับยืนในชุดทางการขององค์มกุฏราชกุมาร เสด็จเข้ามายังแท่นพิธี พระอ
บรรยากาศภายในพระราชวังเปเรซวันนี้ เต็มไปด้วยความสงบและเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ครบหนึ่งร้อยวันแห่งการจากไปของเจ้าหญิงรินรดา องค์สุลต่านทรงมีพระราชดำริให้จัด ‘โรงทานขนาดใหญ่’ เพื่อแจกจ่ายอาหาร และสิ่งของจำเป็นแก่ประชาชนผู้ยากไร้ ถือเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับ ภายในโรงทานถูกจัดขึ้นอย่างเป็นระเบียบ เต็นท์ขนาดใหญ่ถูกกางเรียงรายภายในลานกว้างของลานพิธีหน้าพระราชวัง โต๊ะยาวหลายตัวถูกตั้งไว้ สำหรับแจกจ่ายอาหารร้อนที่ปรุงสำเร็จ และขนมหวานอาหรับ เช่น บาสบูซาและกุนาฟา รวมถึงน้ำดื่มเย็นๆ สำหรับประชาชนที่มาร่วมรับแจกอาหาร บรรดาข้าราชบริพาร และอาสาสมัครจากประชาชน ต่างช่วยกันแจกจ่ายด้วยรอยยิ้ม แม้จะเป็นวันแห่งความอาลัย แต่ทุกคนก็เต็มใจทำความดี เพื่อเป็นบุญกุศล ให้แก่เจ้าหญิงผู้ล่วงลับ นอกจากอาหารแล้ว ยังมีจุดแจกอาหารแห้ง และของใช้จำเป็น เช่น อินทผลัม ข้าวสาร น้ำมันพืช เครื่องปรุงรส สบู่ และยาสามัญ เพื่อให้ผู้ยากไร้สามารถนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ ภายในงานยังมีแพทย์อาสา คอยตรวจสุขภาพเบื้องต้นให้กับประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการช่วยเหลือสังคม ที่เจ้าหญิงรินรดาเคยผลักดั
เสียงไซเรนรถพยาบาลแผดก้องไปทั่วท้องถนน แต่รามิลไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น หูของเขาอื้อไปหมด มีเพียงเสียงลมหายใจบางเบาของรินรดา ที่กำลังแผ่วลงทุกขณะ เป็นสิ่งเดียวที่เขากำลังโฟกัส เลือดของเธอเปรอะเปื้อนเต็มมือเขา ลามไปตามแขนเสื้อ แผ่นอก และหยดลงเป็นทางบนเปลพยาบาล ร่างเล็กที่เคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา บัดนี้กลับนอนแน่นิ่ง แต่ถึงอย่างนั้น เธอยังคงยิ้มให้เขา “คุณ..รามิล…” เสียงของเธอเบาหวิวแทบไม่ได้ยิน “รดา! เดี๋ยวเราก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว… แค่ทนไว้ก่อนนะรดา อย่าหลับนะ ได้ยินผมไหม!?” รามิลกุมมือหญิงสาวแน่น น้ำเสียงสั่นเครือ ความกลัวถาโถมเข้าใส่จนเขาหายใจแทบไม่ออก รินรดาไอออกมาเป็นเลือด ก่อนจะระบายลมหายใจบางเบา “ท่านพี่… ปลอดภัยไหม?” หัวใจของรามิลเหมือนถูกบีบจนแหลกสลาย เธอกำลังอาการสาหัส แต่ยังเป็นห่วงพี่ชายมากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก “ปลอดภัย! เขาปลอดภัย..” รามิลเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นสะอื้น “ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมต้องเสี่ยงขนาดนี้ด้วยฮึ!?” “เพราะเขาคือ… พี่ชายของฉัน” รินรดายิ้มจางๆ เสียงเธอขาดหายเป็นช่วงๆ เปลือกตาของเธอหนักอึ้งลงทุกที “รดา! อย่าหลับนะ! มองผมสิ มองผม!” มือของเธอใน
เสียงโกลาหลของฝูงชนยังคงดังก้องทั่วลานพิธี แต่แล้วจู่ๆ ผู้คนก็เริ่มแหวกออกเป็นสองทาง ราวกับคลื่นน้ำที่ถูกแบ่งออกโดยพลังที่มองไม่เห็น ท่ามกลางช่องว่างที่เปิดออก ปรากฏร่างของชายคนหนึ่ง เขายืนอยู่ในเงามืด แฝงตัวอยู่ในกลุ่มประชาชนที่กำลังแตกตื่น ในมือของเขากำปืนไรเฟิล ที่บรรจุกระสุนเจาะเกราะแน่น สายตาคมกริบกวาดไปรอบบริเวณอย่างระแวดระวัง ก่อนจะกลับมาตรึงอยู่ที่เป้าหมาย บุรุษผู้ตายยากที่สุดเท่าที่เขาเคยสังหารมา ร่างสูงสง่าของเจ้าชายอิสราร์ ยืนเด่นอยู่บนลานพิธียกพื้น ราวกับถูกจัดวางให้อยู่ในระยะยิงอย่างเหมาะเจาะ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างจะต้องเกิดขึ้นเร็วที่สุด และต้องสร้างผลกระทบที่รุนแรงที่สุด ถ้าจะต้องถูกจับหลังจากเหนี่ยวไก อย่างน้อยก็ขอให้มันได้ตาย..เพื่อสังเวยผู้ที่ข้ารักและเคารพเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่สมควรได้รับทุกสิ่งที่ปรารถนาบนโลกใบนี้!! “ตอนนี้แหละ!!” อาซีฟพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบยกปืนขึ้น ปึ่ก! แรงกระชากอย่างรุนแรง ทำให้ปืนในมือของอาซีฟหายไปในพริบตา เขาตวัดสายตาไปด้านข้าง แววตาเปลี่ยนเป็นโทสะสีเข้มจัด แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่ชิงอาวุธไปจากมือเขา
ท้องฟ้าเหนือลานพิธี ถูกย้อมด้วยแสงสีทองของอาทิตย์ยามสายัณห์ แต่ภายใต้ความสว่างนั้น กลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศอันหนักอึ้ง เสียงกระซิบกระซาบแผ่วเบา ของประชาชนเริ่มดังขึ้นเป็นระลอก เมื่อหญิงสูงศักดิ์ผู้หนึ่งก้าวเข้ามาในบริเวณลานพิธีอย่างสง่างาม พระชนนีแห่งเปเรซ ทรงฉลองพระองค์อย่างวิจิตร แต่ละย่างก้าวของพระนางแผ่รัศมีแห่งอำนาจ ทรงเชิดพระพักตร์เล็กน้อย ดวงเนตรเจิดจ้า เต็มไปด้วยความแน่วแน่และภาคภูมิ เสียงกระซิบเริ่มดังขึ้นทีละน้อย จากวงนอก ค่อยๆ แพร่กระจายออกไป “พระชนนีเสด็จ!” “พระนางมาเพื่อกอบกู้เปเรซ!” “พระมารดาของพวกเรา!” เสียงเรียกขานพระนามดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ มีเสียงโห่ร้องต้อนรับทุกที่ที่พระนางก้าวย่างผ่านไป ราวกับคลื่นมหาชนที่กำลังโหมกระหน่ำ พระชนนีทอดพระเนตรภาพตรงหน้าแล้ว ไม่อาจห้ามรอยแย้มสรวลที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ พระนางประสบความสำเร็จแล้ว ประชาชนกำลังเทิดทูนพระองค์ และนี่คือโอกาส ที่พระองค์จะประกาศตน ในฐานะผู้นำที่จะกอบกู้เอกราชของชาวเปเรซ จากเงื้อมมือแห่งความอยุติธรรม ขององค์สุลต่าน แต่แล้ว... เสียงอื้ออึงของฝูงชนก็เปลี่ยนไป จากเสียงเชียร์เป็น
“ดูเหมือนพวกเราจะมาผิดงานแล้วล่ะ?” พริมโรสพูดพลางกวาดตามองรอบตัว พวกนักโทษที่ตามมาหยุดเดินทันที มองหน้ากันเลิ่กลั่ก เห็นได้ชัดว่าการกระโจนเข้ากลางวงล้อม ของมือสังหารกับตำรวจที่ติดอาวุธครบมือไม่ใช่แผนที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา “เอ่อ..พวกเรา… ฉันว่าเราควรจะให้พวกเขาจัดการกันเองไหม?” นักโทษคนหนึ่งกระซิบกับพรรคพวก “ใช่ๆ เรามันแค่คนผ่านทางมา อย่าไปขวางมือขวางเท้าพวกเขาเลย” อีกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่คนอื่นๆ จะค่อยๆ ถอยออกห่างกลุ่มลูกพี่ ไปรอดูอยู่รอบนอก พริมโรสเดินนำเตวิชกับจักรินข้ามถนนมา แล้วเดินทะลุเข้าไปกลางวงล้อมที่กำลังตึงเครียดอย่างไม่รู้สึกรู้สา รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต้มอยู่บนริมฝีปาก ก่อนจะปรายตามองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างรินรดา “โอ๊ะ!” พริมโรสยกมือเท้าสะเอว “นี่รุ่นพี่กลายเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปแล้วหรอ?” รามิลเลิกคิ้ว หัวเราะเบาๆ“แล้วทำไมสภาพเธอ ถึงเหมือนคนหลงทางอย่างนี้ล่ะ?” พริมโรสหัวเราะออกมา “ฉันเดินมาไกลมากเลยนะ จากพระราชวังมาถึงโรงพยาบาลนู่นน่ะ” “นี่!..เอาไว้ค่อยทักทายกันทีหลังได้ไหม พวกเรายังติดอยู่ในวงล้อมอยู่นะ!” เตวิชพูดเสียงเครียด สายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มคนร
“ยังมีเรื่องด่วนอีกเรื่องนึงค่ะ หน่วยข่าวกรองแจ้งมาว่ามีสายลับคนหนึ่ง ต้องการพบบอสเป็นการส่วนตัวด่วน เขาอ้างว่ามีรายงานลับจากองค์สุลต่าน ส่งถึงบอสโดยตรงค่ะ”“องค์สุลต่าน?” รินรดาค่อนข้างแปลกใจ ร้อยวันพันปีไม่เคยมีเรื่องมีราวให้ต้องติดต่อกัน แต่ครั้งนี้กลับส่งสารมาถึงเธอโดยตรง “นี่ค่ะ สถานที่นัดพบ” เลขาปัดแท็บเล็ตบนมือนายสาว เพื่อให้ดูพิกัดของจุดนัดพบ รามิลเดินมาหยุดยืนข้างหลัง สายตาเหลือบมองในแท็บเล็ต ก่อนเอ่ยเสียงเครียด“คุณจะไปหรือไง?” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย“คงต้องไปค่ะ เขาอาจจะติดต่อท่านพี่ไม่ได้ จึงต้องส่งผ่านมาทางฉัน” “แน่ใจได้ยังไงว่าไม่มีอะไรที่ซับซ้อน? รามิลจ้องหญิงสาวเขม็ง จนเธอถอนหายใจเบาๆ “บอกตามตรงว่าไม่แน่ใจเลย เขาเป็นมนุษย์ที่เซ้นส์ผู้หญิงอย่างฉัน ไม่เคยตรวจจับอะไรได้เลย”“งั้นผมจะไปด้วย ผมเป็นห่วงคุณ”“ฉันก็เป็นห่วงคุณเหมือนกันนะคะ คุณเป็นชาวต่างชาติ ฉันไม่อยากให้มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับคุณ ฉันเติบโตที่นี่ รู้ทางหนีทีไล่ดีกว่า ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลหรอกค่ะ คุณรอท่านพี่อิดรีสอยู่ที่นี่เถอะนะคะ”“ไม่กังวลได้ยังไง เครือข่ายในเมืองถูกทำลาย แล้วผมจะติดต่อกับคุณยั