บทที่21ชางเจี้ยรับร่างของจางลี่แล้วรีบใช้วรยุทธถีบตัวเองออกไปให้ไกลที่สุดท่าที่จะทำได้ กว่าจะพ้นระยะได้ก็เล่นเอาหอบ แต่กระนั้นร่างกายก็แสบร้อนไปหมด สตรีที่เขารับมาจากแรงพลักของรัชทายาทสลบไปแล้วสองร่างที่ตระกองกอดกันในเปลวเพลิง องครักษ์ยืนมองอยู่ เขาก็ตกใจไม่น้อยที่พบว่าทุกคนในตระกูลมู่หรงเหลือเพียงกระดูก มีซากศพเน่าเปื่อยที่กองรวมกันเกือบสิบร่าง คงถูกต้อนให้มารวมกันตรงจุดนั้นแล้วสังหารหมู่ ทุกร่างมีกระบี่ปักบริเวณหน้าอก เป็นสัญลักษณ์ของพวกเผ่ามาร ร่างหนาโอบกอดนางเอาไว้ท่ามกลางเสียงกรี้ดร้องของร่างบาง แม้จะปวดร้าวไปทั้งร่างเขาก็ไม่คิดจะปล่อยนาง ปราณของนางตื่นช่วงเวลาเดียวกับที่นางระเบิดความเสียใจออกมา นางกำลังแตกสลายทั้งร่างกายและจิตใจ จ้าวหยุ่นหลงใช้พลังปราณของตนเพื่อดับความร้อนจากไฟกัลป์ “ชู่ ถงเออร์ไม่เป็นไรเด็กดี ไม่ว่าผู้ใดทำสิ่งนี้ ข้าจะจัดการให้เจ้าเอง ตอนนี้เจ้าพยายามคืนสติให้ได้ก่อนที่เจ้าจะกลับมาไม่ได้” จ้าวหยุ่นหลงกระชับอ้อมแขนแกร่งแน่นขึ้น ยิ่งเปลวไฟลุกมากขึ้นเท่าไรแสดงว่านางยิ่งควบคุมมันไม่ได้ ร่างแกร่งกอดนางไว้เอาราวกลัวนางจะไม่กลับมาหาเขา ตาคมสั่นไหว“ขะ ข้าไม่เหลือใ
บทที่22“ถงเออร์!”“องค์หญิงอยู่ห้องข้างๆ จางลี่ดูแลอยู่”จ้าวหยุ่นหลงดีตัวออกจากเตียงวิ่งไปห้องข้างๆทันที จางลี่รีบถอยกรูดออกจากข้างเตียงร่างหนานั่งลงบนเตียงยกมือบางขึ้นมากอบกุมเอาไว้“นางเป็นอย่างไรบ้าง”“อ่อ คุณหนู องค์หญิงเหมือนกำลังหลับอยู่เท่านั้น”“พระองค์ควรเป็นห่วงตัวเองก่อน” ชางเจี้ยกลอกตา กวักมือให้หมอหลวงเข้ามาพันแผลที่แขนของรัชทายาทใหม่อีกครั้ง เมื่อครู่จ้าวหยุ่นหลงรีบลุกมาจนผ้าหลุดรุ่ย กว่าเขาจะพาทั้งคู่ในสภาพที่หมดสติลงจากเขามาได้ โชคดีที่พาองครักษ์เงามาหลายคน หากลงเขามาช้ากว่านี้ได้ตัดแขนข้างนั้นทิ้งแน่“กี่วัน”“เกือบสามวันแล้ว”“อืม! วันที่ปราณข้าตื่นข้าหลับไปเจ็ดวัน” นิ้วมือหยาบเกี่ยวปรอยผมออกจากดวงหน้ามาทัดใบหูเล็กจางลี่ก้มหน้างุด เหล่มองด้วยหางตา รัชทายาทมองคุณหนูของนางด้วยแววตาอบอุ่นถึงเพียงนี้เหตุใดถึงมีสตรีอื่นกันเล่า จะว่าด้วยเหตุผลทางการเมืองก็ไม่น่าจะใช่ รัชทายาททำอะไรตามใจตนมาหลายสิบปีแล้ว“มีใครรู้หรือไม่ว่าข้าบาดเจ็บ”“ข้าส่งคนที่ไว้ใจไปแจ้งไป๋อี้ผิงแล้ว ส่วนเรื่องอาวุธที่สังหารคนในหุบเขาเป็นของไป๋เมิ่งเหยียน”หมับจ้าวหยุ่นหลงสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกคว้าแขน
บทที่23จ้าวหยุ่นหลงพรูลมหายใจออกมาหนักๆ เรื่องในอดีตที่ผ่านมานานแล้วตัวเขาเองก็อยากลืมมัน แต่เมื่อรับปากนางแล้วว่าจากจะไม่มีความลับกับนาง“ไป๋เมิ่งเหยียนคือท่านป้าของไป๋อี้ผิง”“เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้ามาจากตระกูลที่สืบทอดปราณคนล่ะสาย มันเป็นเรื่องก่อนหน้านั้นอีก”“ไม่ว่าจะมีวรยุทธเก่งกาจ ไม่ว่าจากการฝึก พรสวรรค์ พรแสวง แต่สุดท้ายก็แพ้คนที่มีพลังปราณอยู่ดี มีนักพรตทำนายเอาไว้ว่าเมื่อปราณทั้งสี่หลอมรวมกันจะเกิดสันติสุข ท่านตาของไป๋อี้ ประมุขยุทธภพไป๋ในตอนนี้นั้นอาสาเป็นคนกลาง ทั้งสี่ตระกูลจึงให้ทายาทไปอาศัยอยู่ที่สำนักไป๋ เป็นที่ที่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่พบรักกัน เสด็จแม่ตั้งครรภ์ข้า เสด็จพ่อจึงต้องพากลับมาแคว้นจ้าว แต่ไป๋เมิ่งเหยียนไม่พอใจจึงลงมือวางยาพิษเสด็จแม่ เรื่องราวปานปลายเกิดการต่อสู้กัน จนท้ายที่สุดนางก็เกิดธาตุไฟเข้าแทรกจนกลายเป็นนางมาร นางจับบุรุษที่มีพลังปราณ ให้เสพสังวาสกับนางเพื่อที่จะมีบุตรแบบเสด็จแม่ของข้า ตอนนั้นยุทธภพระส่ำผู้ที่มีวรยุทธและปราณถูกนางไม่จับไปทดลองว่าจะสามารถถ่ายทอดพลังได้เช่นสี่ตระกูลหรือไม่ ประมุขยุทธภพจึงสั่งตามล่านางตัดขาดพ่อลูก ไป
บทที่24รถม้าคันใหญ่ใช้ม้าเทียมลากถึงสิบตัวเคลื่อนผ่านประตูเมืองหลวงเข้ามา ชาวเมืองแคว้นเว่ยต่างพากันมายืนเบียดเสียดสองข้างทางเพื่อดูว่าเป็นรถม้าของผู้ใด ด้านหลังรถม้ายังมีกองทหารติดตามอีกสามพันนาย“โอ้โห” ชาวเมืองบางคนถึงกับห่อปากอุทานในความใหญ่โตของรถม้า ไม่ช้าผ้าม่านพื้นใหญ่ก็เปิดออก เผยดวงหน้าสตรีและบุรุษนั่งอยู่ภายในนั้น“นั่นมันรัชทายาทแคว้นจ้าว” ชาวเมืองผู้หนึ่งจำบุรุษหนุ่มในรถม้าได้ถ้านั้นคิดรัชทายาทแคว้นจ้าว แล้วสตรีนั้นคือผู้ใด“องค์หญิงแปด!” กวนเสี่ยวถงปรายตาตามเสียงที่ขานยศตำแหน่งเดิมของนาง สายตาผู้คนพอได้ยินชื่อนี้ก็หันมามองสตรีในรถม้ากันเป็นตาเดียว พวกเขาแทบจะจำนางไม่ได้แล้ว หลังจากวันนั้นฮองเต้และราชวงศ์ก็ถูกถอดยศ วังหลังถูกปิดตาย แคว้นจ้าวส่งขุนนางมาบริหารบ้านเมืองแทนร่างบางโปรยยิ้มให้ชาวเมือง นางแต่งตัวหรูหรา สวมเครื่องประดับล่ำค่ามากมาย ผิดจากวันที่ขึ้นกี้ยวแดงหน้าประตูเมืองวันนั้นจ้าวหยุ่นหลงนั่งเท้าคางมองรอยยิ้มพิมพ์ใจของนาง พอนางบอกอยากกลับบ้าน เขาก็สั่งให้คนประกอบรถม้าคันนี้ขึ้นมาให้ สั่งให้ร้านเครื่องประดับส่งของล้ำค่าที่สุดมาให้นางสวมใส่ ภาพเดิมของกวนเสี่ย
บทที่25“ที่ข้ามาไม่ได้มาเยี่ยมธรรมดา ข้ามีธุระสำคัญจะคุยกับท่านพ่อ” เมื่อดื่มชาเสร็จแล้ว กวนเสี่ยวถงคิดว่าคงถึงเวลาเข้าเรื่อง นางปั้นสีหน้าไม่เก่ง“ข้าก็มีเรื่องจะคุยกับเจ้า เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าไม่ได้รับราชการ ดูจากการแต่งตัวของเจ้าตอนนี้คงเป็นที่โปรดปรานของรัชทายาท” “พระชายาของข้าต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว” จ้าวหยุ่นหลงพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ดวงหน้าหยกมองกวนเสี่ยวหยงตลอดเวลา ไม่ได้สนใจผู้ใดที่อยู่ในห้องรับรอง“เสี่ยวถง พ่อเจ้าก็แก่แล้วตอนนี้ก็ไม่มีงานทำ เจ้าได้ดิบได้ดีเพราะบิดายกเจ้าให้ฮองเต้ ถ้าอย่างไรเจ้าพอจะจุนเจือบิดาของเจ้าได้หรือไม่” กวนฮูหยินเห็นช่องก็รีบเสนอ คลังสมบัติจวนเหลือใช้ได้อีกไม่กี่ปี“แน่นอนเจ้าคะ ข้ากลับมาเพื่อตอบแทนบุญคุณของตระกูลกวน” รอยยิ้มเผยออกมา แต่แววตาของนางวาววับราวเปลวไฟ“ถ้าอย่างไง เจ้าขอตำแหน่งในราชสำนักให้ข้าด้วยได้หรือไม่” พอนางพูดแบบนนั้นมีเหรอคนอย่างกวนหยงเหอจะพลาด“ข้าจะให้ทุกอย่างที่ท่านพ่อต้องการ ต่อให้ท่านอยากได้ตำแหน่งเดิมข้าก็จะขอจ้าวหยุ่นหลงให้ แต่ก่อนจะทำแบบนั้นท่านช่วยตอบคำถามข้าก่อน”“ได้สิ เจ้าถามมาเลย” ชายชราดีใจที่จะได้กลับคืนตำแหน่
บทที่26“เด็กน้อย เจ้าจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ” เสียงเย็นเฉียบดังออกมาจากด้านหลังไป๋เมิ่งเหยียนนางเฝ้ารอเวลานี้มาเนิ่นนานเหลือเกินแม้ว่าเบื้องหน้าจะมีแค่ ปราณสามสาย แต่ก็ยังดีกว่าไร้ค่า พอรู้เรื่องกวนเสี่ยวถง นางให้คนคว้านหาทั้งหุบเขาอู่ไถในที่สุดก็เจอคนตระกูลมู่หรง แต่ไม่เจอทายาทที่สามารถกำเนิดบุตรสายต่อไปได้ ในเมื่อไม่มีประโยนช์และไม่คิดที่จะเข้ามาเป็นสาวกของนาง จะเก็บไว้เป็นหอกข้างแคร่ทำไมกัน ไม่นึกว่าการปักหลักรอที่แคว้นเว่ย กวนเสี่ยวถงจะกลับมาให้จับเองถึงมือ“ท่านป้า ไม่เจอกันนาน” จ้าวหยุ่นหลงรีบเอาตัวมาบังสตรีของตนไว้“ไม่เจอกันานเลยนะจ้าวหยุ่นหลง เมื่อไรเจ้าจะยอมมีทายาทให้ข้า”“ต่อให้ข้ามีทายาทก็ไม่เคยคิดจะมอบให้ท่าน”“ไป๋ลู่หลานข้าเจ้าไม่สนใจนางสักหน่อยหรือ นางชอบเจ้ามาตั้งแต่เล็ก” ไป๋เมิ่งเหยียนเดินเข้าไปใกล้จ้าวหยุนหลง เบื้องหลังของนางมีคนที่ใช้ปราณได้เกือบห้าสิบชีวิต ต่อให้เขาเก่งเพียงใดก็ไม่มีทางสู้นางได้“ข้าไม่เคยมองหลานสาวท่านแบบนั้น” หากนางไม่ใช้น้องสาวไป๋อี้ผิง เขาหรือจะเสวนากับคุณหนูเอาแต่ใจตน เสียเวลา อย่าไปคิดถึงขั้นมีลูกด้วยกันเลยไม่มีวัน“เจ้าคือกวนเสี่ยวถงสินะ” น
บทที่27จ้าวหยุ่นหลงอุ้มร่างบางแนบอก กวาดสายตาไปทั่วบริเวณหาว่าที่ใดพอที่จะสามารถวางนางลงและรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้ ตัวนางร้อนเป็นไฟจนเขากลัว อกแกร่งบีบรัดจนน้ำตาแทบจะร่วงลงมา เรียกให้องครักษ์ชางตามหมอเป็นการด่วน“เสี่ยวถง เจ้าต้องไม่เป็นไร” เมื่อพบบริเวณที่ไม่ติดไฟก็รีบวางนางลง มือหนาคลำหาชีพจรของนาง คว้าหาจุดที่นางบาดเจ็บแต่ก็ ‘ไม่พบ’ มือยังคงกุมนางไม่ไว้แน่น เขาไม่กล้าปล่อยมือนี้ หากปล่อยเขาอาจต้องเสียใจไปจนวันตาย มุมปากของนางมีเลือดไหลอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากจมูก ลมหายใจของนางแผ่วเบามากลงเรื่อยๆ ร่างบางนั้นนอนแน่นิ่ง แทบไม่เหมือนคนที่ยังหายใจอยู่เลยด้วยซ้ำ บรรยากาศรอบๆตรึงเครียด แทบไม่มีเสียงใดๆแม้กระทั้งเสียงลมพัดผ่านไม่นานหมอหลวงที่รักษาอาการของเขาตั้งแต่ลงเขาอู่ไถก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมองครักษ์ชาง“รัชทายาท ขอหม่อมฉันตรวจดูอาการพระชายา ขอพระองค์หลบออกมาก่อน”ชางเจี้ยเห็นจ้าวหยุ่นหลงยังคงนิ่งเฉย กระชากแขนแกร่งให้ลุกออกมา“นาง…ชีพจรของนางไม่มี” จ้าวหยุ่นหลงครางเสียงแผ่ว “พระองค์ได้โปรดใจเย็นก่อน พระชายาถึงมือหมอแล้ว พระนางต้องปลอดภัย” ชางเจี้ยตบบ่าแกร่งไปหลาย
บทที่28เปลวไฟถอดยาว ร่างบางเดินตามเส้นทางนั้นไปเรื่อยๆ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ใดนางมิอาจรู้ได้ รู้แต่ว่าเปลวไฟช่วยให้หัวใจที่เคยหนาวเหน็บอบอุ่น ไม่ว่านางจะเคยถูกผู้ใดกระทำ ไม่ว่านางจะไม่เคยอยู่ในสายตาของใครต่อใคร แต่นางยังมีเปลวไฟอยู่เคียงข้างเสมอกวนเสี่ยวถงเดินตามเปลวไฟไป มองเห็นสุดปลายทาง นางใกล้ถึงจุดหมายแล้ว“คุณหนูช้าก่อน”ร่างบางหยุดชะงัก เสียงนี้นางจำได้ไม่เคยลืม น้ำตาเรื้อนเต็มดวงจากลม กวนเสี่ยวถงมองสตรีที่ปรากฏกายที่สุดปลายของเปลวไฟ“แม่นม” เสียงของรางสั่นเครือ“คุณหนูเดินกลับไปเจ้าค่ะ อย่าเดินมาทางนี้”“ไม่ข้าจะไปหาท่าน” กวนเสี่ยวถงส่ายหน้า ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า“คุณหนูรับปากกับข้าเอาไว้อย่างไร คุณหนูลืมแล้วหรือเจ้าค่ะ”ร่างบางหยุดเดิน “มีชีวิตอยู่ต่อไป” นางตอบเสียงแผ่วเบา“เจ้าคะ มีชีวิตอยู่ต่อไป”“แต่ข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว ข้าเผาทำลายทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้ว” กวนเสี่ยวถงส่ายหน้าทั้งน้ำตา นางจะอยู่คนเดียวไปเพื่ออะไร“มีคนที่รอคุณหนูอยู่”“เขาคนนั้นหวังแค่พลังของข้า”“คุณหนูเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านเชื่อสิ่งที่จ้าวหยุ่นหลงพูด เพียงแต่ท่านกลัวว่าเขาจะหักหลังท่าน ทำท่าน
พิเศษสุดๆหนึ่งบุรุษผู้ครอบครองพลังปราณแห่งปฐพี ควบคุมพื้นดินทั้งใต้หล้าเอาไว้ในฝ่ามือ แต่ไม่ว่าจะมีพลังมากเท่าใดกลับยิ่งกลายเป็นดาบสองคมมากเท่านั้น เขาต้องหลบซ่อนตัวตนจากคนของพรรคมาร มีชีวิตรอดด้วยนามของผู้อื่นอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตั้งแต่จำความได้ แต่แล้ววันหนึ่งหัวใจของเขานั้นกลับกลับสยบลงแทบเท้าสตรีอ่อนแอนางหนึ่งเท่านั้น เขาและนางฐานะแตกต่างกัน แต่เขาก็ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่เคียงข้างนางสตรีนางหนึ่งนางเติบโตมาด้วยไฟแค้น จิตใจของนางหล่อหลอมและเติมเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ภายใจของนางนั้นเต็มไปด้วยโทสะที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ นางคือผู้ครอบครองพลังปราณแห่งไฟกัลป์ แต่ไม่ว่าเปลวไฟนั้นจะร้อนเพียงใดหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางกลับถูกความเย็นฉ่ำจากสายน้ำของบุรุษผู้หนึ่งชโลมล่อเลี้ยงจิตใจบุรุษอีกคน ผู้ที่ครอบครองพลังปราณวายุและปราณวารี บุรุษผู้เดียวในรอบหลายพันปีที่สามารถใช้พลังปราณได้ถึงสองสาย ผู้ที่คนทั้งใต้หล้าหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่ว่าเขาย่างกายไปที่ใด แคว้นนั้นมักจะมีสงครามเสมอ เขาก่อสงครามไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เพื่อรวบรวมหมายจะครอบครองทุกดินแดนให้เป็นหนึ่งเดียว เขามีปณิธานแรงกล้าที่จะรวม
บทที่29 ตอนพิเศษ“แอ๊ะ”“แอ๊ะ”สองทารกน้อยหมุนควงติ้วลอยอยู่บนอากาศ มีร่างสูงใหญ่ชูสองมือรอรับอยู่ไม่ห่าง“แอ๊ะ” ทารกหญิงนิ้ว บอกให้ตามมา“แอ๊ะ” ทารกชายตอบ กำลังตามไปทารกน้อยสองคนลอยไปทางซ้ายที ขวาที วนเวียนอยู่ในวังรัชทายาท ร่างสูงใหญ่ถลาตัวตาม เป็นอยู่แบบทั้งวัน จนเขาเหนื่อยหอบ“เด็กๆลงมาได้แล้ว พ่อวิ่งตามไม่ไหวแล้ว” ร่างสูงใหญ่พูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบปานจะขาดใจ“คิกๆ” ได้ยินเสียงหวานหัวเราะจ้าวหยุ่นหลงหันมาค้อนขวับ“น้องหญิงเจ้าไม่คิดจะช่วยพี่บ้างเลยเหรอ”“ไม่ล่ะ” กวนเสี่ยวถงหยักไหล่ นั่งเปิดหนังสือดนตรีอ่านเนื้อเพลงต่อ นางกำลังฝึกเล่นบทเพลงใหม่ จ้าวหยุ่นหลงภาวนาให้นางตั้งครรภ์ทันทีหลังพิธีเสกสมรสระหว่างเขากับนาง พิธีถูกจัดขึ้นทันทีที่นางและจ้าวหยุ่นหลงกลับมาถึงแคว้นจ้าว เขาคะยั้นคะยอให้นางร่วมหอกับเขาทุกคืน ไม่มีเว้นว่างแม้แต่วันเดียว ในเมื่ออยากมีทายาท นางก็อุ้มท้องให้แล้ว “มีทายาททีเดียวพร้อมกันสองคน พระธิดามีพลังปราณลมและน้ำ พระโอรสได้พลังปราณลมและไฟ สมใจท่านพี่แล้วไม่ใช่หรือ ข้าอุ้มท้องให้แล้ว ท่านอยากมีก็เลี้ยงเอง บ่าวรับใช้มีใครเลี้ยงลูกท่านได้บ้างล่ะ ไม่ถูกจับลอยขึ้นฟ้าก
บทที่28เปลวไฟถอดยาว ร่างบางเดินตามเส้นทางนั้นไปเรื่อยๆ จุดหมายปลายทางอยู่ที่ใดนางมิอาจรู้ได้ รู้แต่ว่าเปลวไฟช่วยให้หัวใจที่เคยหนาวเหน็บอบอุ่น ไม่ว่านางจะเคยถูกผู้ใดกระทำ ไม่ว่านางจะไม่เคยอยู่ในสายตาของใครต่อใคร แต่นางยังมีเปลวไฟอยู่เคียงข้างเสมอกวนเสี่ยวถงเดินตามเปลวไฟไป มองเห็นสุดปลายทาง นางใกล้ถึงจุดหมายแล้ว“คุณหนูช้าก่อน”ร่างบางหยุดชะงัก เสียงนี้นางจำได้ไม่เคยลืม น้ำตาเรื้อนเต็มดวงจากลม กวนเสี่ยวถงมองสตรีที่ปรากฏกายที่สุดปลายของเปลวไฟ“แม่นม” เสียงของรางสั่นเครือ“คุณหนูเดินกลับไปเจ้าค่ะ อย่าเดินมาทางนี้”“ไม่ข้าจะไปหาท่าน” กวนเสี่ยวถงส่ายหน้า ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า“คุณหนูรับปากกับข้าเอาไว้อย่างไร คุณหนูลืมแล้วหรือเจ้าค่ะ”ร่างบางหยุดเดิน “มีชีวิตอยู่ต่อไป” นางตอบเสียงแผ่วเบา“เจ้าคะ มีชีวิตอยู่ต่อไป”“แต่ข้าไม่เหลือใครแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว ข้าเผาทำลายทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้ว” กวนเสี่ยวถงส่ายหน้าทั้งน้ำตา นางจะอยู่คนเดียวไปเพื่ออะไร“มีคนที่รอคุณหนูอยู่”“เขาคนนั้นหวังแค่พลังของข้า”“คุณหนูเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านเชื่อสิ่งที่จ้าวหยุ่นหลงพูด เพียงแต่ท่านกลัวว่าเขาจะหักหลังท่าน ทำท่าน
บทที่27จ้าวหยุ่นหลงอุ้มร่างบางแนบอก กวาดสายตาไปทั่วบริเวณหาว่าที่ใดพอที่จะสามารถวางนางลงและรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้ ตัวนางร้อนเป็นไฟจนเขากลัว อกแกร่งบีบรัดจนน้ำตาแทบจะร่วงลงมา เรียกให้องครักษ์ชางตามหมอเป็นการด่วน“เสี่ยวถง เจ้าต้องไม่เป็นไร” เมื่อพบบริเวณที่ไม่ติดไฟก็รีบวางนางลง มือหนาคลำหาชีพจรของนาง คว้าหาจุดที่นางบาดเจ็บแต่ก็ ‘ไม่พบ’ มือยังคงกุมนางไม่ไว้แน่น เขาไม่กล้าปล่อยมือนี้ หากปล่อยเขาอาจต้องเสียใจไปจนวันตาย มุมปากของนางมีเลือดไหลอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากจมูก ลมหายใจของนางแผ่วเบามากลงเรื่อยๆ ร่างบางนั้นนอนแน่นิ่ง แทบไม่เหมือนคนที่ยังหายใจอยู่เลยด้วยซ้ำ บรรยากาศรอบๆตรึงเครียด แทบไม่มีเสียงใดๆแม้กระทั้งเสียงลมพัดผ่านไม่นานหมอหลวงที่รักษาอาการของเขาตั้งแต่ลงเขาอู่ไถก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมองครักษ์ชาง“รัชทายาท ขอหม่อมฉันตรวจดูอาการพระชายา ขอพระองค์หลบออกมาก่อน”ชางเจี้ยเห็นจ้าวหยุ่นหลงยังคงนิ่งเฉย กระชากแขนแกร่งให้ลุกออกมา“นาง…ชีพจรของนางไม่มี” จ้าวหยุ่นหลงครางเสียงแผ่ว “พระองค์ได้โปรดใจเย็นก่อน พระชายาถึงมือหมอแล้ว พระนางต้องปลอดภัย” ชางเจี้ยตบบ่าแกร่งไปหลาย
บทที่26“เด็กน้อย เจ้าจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ” เสียงเย็นเฉียบดังออกมาจากด้านหลังไป๋เมิ่งเหยียนนางเฝ้ารอเวลานี้มาเนิ่นนานเหลือเกินแม้ว่าเบื้องหน้าจะมีแค่ ปราณสามสาย แต่ก็ยังดีกว่าไร้ค่า พอรู้เรื่องกวนเสี่ยวถง นางให้คนคว้านหาทั้งหุบเขาอู่ไถในที่สุดก็เจอคนตระกูลมู่หรง แต่ไม่เจอทายาทที่สามารถกำเนิดบุตรสายต่อไปได้ ในเมื่อไม่มีประโยนช์และไม่คิดที่จะเข้ามาเป็นสาวกของนาง จะเก็บไว้เป็นหอกข้างแคร่ทำไมกัน ไม่นึกว่าการปักหลักรอที่แคว้นเว่ย กวนเสี่ยวถงจะกลับมาให้จับเองถึงมือ“ท่านป้า ไม่เจอกันนาน” จ้าวหยุ่นหลงรีบเอาตัวมาบังสตรีของตนไว้“ไม่เจอกันานเลยนะจ้าวหยุ่นหลง เมื่อไรเจ้าจะยอมมีทายาทให้ข้า”“ต่อให้ข้ามีทายาทก็ไม่เคยคิดจะมอบให้ท่าน”“ไป๋ลู่หลานข้าเจ้าไม่สนใจนางสักหน่อยหรือ นางชอบเจ้ามาตั้งแต่เล็ก” ไป๋เมิ่งเหยียนเดินเข้าไปใกล้จ้าวหยุนหลง เบื้องหลังของนางมีคนที่ใช้ปราณได้เกือบห้าสิบชีวิต ต่อให้เขาเก่งเพียงใดก็ไม่มีทางสู้นางได้“ข้าไม่เคยมองหลานสาวท่านแบบนั้น” หากนางไม่ใช้น้องสาวไป๋อี้ผิง เขาหรือจะเสวนากับคุณหนูเอาแต่ใจตน เสียเวลา อย่าไปคิดถึงขั้นมีลูกด้วยกันเลยไม่มีวัน“เจ้าคือกวนเสี่ยวถงสินะ” น
บทที่25“ที่ข้ามาไม่ได้มาเยี่ยมธรรมดา ข้ามีธุระสำคัญจะคุยกับท่านพ่อ” เมื่อดื่มชาเสร็จแล้ว กวนเสี่ยวถงคิดว่าคงถึงเวลาเข้าเรื่อง นางปั้นสีหน้าไม่เก่ง“ข้าก็มีเรื่องจะคุยกับเจ้า เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าไม่ได้รับราชการ ดูจากการแต่งตัวของเจ้าตอนนี้คงเป็นที่โปรดปรานของรัชทายาท” “พระชายาของข้าต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว” จ้าวหยุ่นหลงพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ ดวงหน้าหยกมองกวนเสี่ยวหยงตลอดเวลา ไม่ได้สนใจผู้ใดที่อยู่ในห้องรับรอง“เสี่ยวถง พ่อเจ้าก็แก่แล้วตอนนี้ก็ไม่มีงานทำ เจ้าได้ดิบได้ดีเพราะบิดายกเจ้าให้ฮองเต้ ถ้าอย่างไรเจ้าพอจะจุนเจือบิดาของเจ้าได้หรือไม่” กวนฮูหยินเห็นช่องก็รีบเสนอ คลังสมบัติจวนเหลือใช้ได้อีกไม่กี่ปี“แน่นอนเจ้าคะ ข้ากลับมาเพื่อตอบแทนบุญคุณของตระกูลกวน” รอยยิ้มเผยออกมา แต่แววตาของนางวาววับราวเปลวไฟ“ถ้าอย่างไง เจ้าขอตำแหน่งในราชสำนักให้ข้าด้วยได้หรือไม่” พอนางพูดแบบนนั้นมีเหรอคนอย่างกวนหยงเหอจะพลาด“ข้าจะให้ทุกอย่างที่ท่านพ่อต้องการ ต่อให้ท่านอยากได้ตำแหน่งเดิมข้าก็จะขอจ้าวหยุ่นหลงให้ แต่ก่อนจะทำแบบนั้นท่านช่วยตอบคำถามข้าก่อน”“ได้สิ เจ้าถามมาเลย” ชายชราดีใจที่จะได้กลับคืนตำแหน่
บทที่24รถม้าคันใหญ่ใช้ม้าเทียมลากถึงสิบตัวเคลื่อนผ่านประตูเมืองหลวงเข้ามา ชาวเมืองแคว้นเว่ยต่างพากันมายืนเบียดเสียดสองข้างทางเพื่อดูว่าเป็นรถม้าของผู้ใด ด้านหลังรถม้ายังมีกองทหารติดตามอีกสามพันนาย“โอ้โห” ชาวเมืองบางคนถึงกับห่อปากอุทานในความใหญ่โตของรถม้า ไม่ช้าผ้าม่านพื้นใหญ่ก็เปิดออก เผยดวงหน้าสตรีและบุรุษนั่งอยู่ภายในนั้น“นั่นมันรัชทายาทแคว้นจ้าว” ชาวเมืองผู้หนึ่งจำบุรุษหนุ่มในรถม้าได้ถ้านั้นคิดรัชทายาทแคว้นจ้าว แล้วสตรีนั้นคือผู้ใด“องค์หญิงแปด!” กวนเสี่ยวถงปรายตาตามเสียงที่ขานยศตำแหน่งเดิมของนาง สายตาผู้คนพอได้ยินชื่อนี้ก็หันมามองสตรีในรถม้ากันเป็นตาเดียว พวกเขาแทบจะจำนางไม่ได้แล้ว หลังจากวันนั้นฮองเต้และราชวงศ์ก็ถูกถอดยศ วังหลังถูกปิดตาย แคว้นจ้าวส่งขุนนางมาบริหารบ้านเมืองแทนร่างบางโปรยยิ้มให้ชาวเมือง นางแต่งตัวหรูหรา สวมเครื่องประดับล่ำค่ามากมาย ผิดจากวันที่ขึ้นกี้ยวแดงหน้าประตูเมืองวันนั้นจ้าวหยุ่นหลงนั่งเท้าคางมองรอยยิ้มพิมพ์ใจของนาง พอนางบอกอยากกลับบ้าน เขาก็สั่งให้คนประกอบรถม้าคันนี้ขึ้นมาให้ สั่งให้ร้านเครื่องประดับส่งของล้ำค่าที่สุดมาให้นางสวมใส่ ภาพเดิมของกวนเสี่ย
บทที่23จ้าวหยุ่นหลงพรูลมหายใจออกมาหนักๆ เรื่องในอดีตที่ผ่านมานานแล้วตัวเขาเองก็อยากลืมมัน แต่เมื่อรับปากนางแล้วว่าจากจะไม่มีความลับกับนาง“ไป๋เมิ่งเหยียนคือท่านป้าของไป๋อี้ผิง”“เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้ามาจากตระกูลที่สืบทอดปราณคนล่ะสาย มันเป็นเรื่องก่อนหน้านั้นอีก”“ไม่ว่าจะมีวรยุทธเก่งกาจ ไม่ว่าจากการฝึก พรสวรรค์ พรแสวง แต่สุดท้ายก็แพ้คนที่มีพลังปราณอยู่ดี มีนักพรตทำนายเอาไว้ว่าเมื่อปราณทั้งสี่หลอมรวมกันจะเกิดสันติสุข ท่านตาของไป๋อี้ ประมุขยุทธภพไป๋ในตอนนี้นั้นอาสาเป็นคนกลาง ทั้งสี่ตระกูลจึงให้ทายาทไปอาศัยอยู่ที่สำนักไป๋ เป็นที่ที่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่พบรักกัน เสด็จแม่ตั้งครรภ์ข้า เสด็จพ่อจึงต้องพากลับมาแคว้นจ้าว แต่ไป๋เมิ่งเหยียนไม่พอใจจึงลงมือวางยาพิษเสด็จแม่ เรื่องราวปานปลายเกิดการต่อสู้กัน จนท้ายที่สุดนางก็เกิดธาตุไฟเข้าแทรกจนกลายเป็นนางมาร นางจับบุรุษที่มีพลังปราณ ให้เสพสังวาสกับนางเพื่อที่จะมีบุตรแบบเสด็จแม่ของข้า ตอนนั้นยุทธภพระส่ำผู้ที่มีวรยุทธและปราณถูกนางไม่จับไปทดลองว่าจะสามารถถ่ายทอดพลังได้เช่นสี่ตระกูลหรือไม่ ประมุขยุทธภพจึงสั่งตามล่านางตัดขาดพ่อลูก ไป
บทที่22“ถงเออร์!”“องค์หญิงอยู่ห้องข้างๆ จางลี่ดูแลอยู่”จ้าวหยุ่นหลงดีตัวออกจากเตียงวิ่งไปห้องข้างๆทันที จางลี่รีบถอยกรูดออกจากข้างเตียงร่างหนานั่งลงบนเตียงยกมือบางขึ้นมากอบกุมเอาไว้“นางเป็นอย่างไรบ้าง”“อ่อ คุณหนู องค์หญิงเหมือนกำลังหลับอยู่เท่านั้น”“พระองค์ควรเป็นห่วงตัวเองก่อน” ชางเจี้ยกลอกตา กวักมือให้หมอหลวงเข้ามาพันแผลที่แขนของรัชทายาทใหม่อีกครั้ง เมื่อครู่จ้าวหยุ่นหลงรีบลุกมาจนผ้าหลุดรุ่ย กว่าเขาจะพาทั้งคู่ในสภาพที่หมดสติลงจากเขามาได้ โชคดีที่พาองครักษ์เงามาหลายคน หากลงเขามาช้ากว่านี้ได้ตัดแขนข้างนั้นทิ้งแน่“กี่วัน”“เกือบสามวันแล้ว”“อืม! วันที่ปราณข้าตื่นข้าหลับไปเจ็ดวัน” นิ้วมือหยาบเกี่ยวปรอยผมออกจากดวงหน้ามาทัดใบหูเล็กจางลี่ก้มหน้างุด เหล่มองด้วยหางตา รัชทายาทมองคุณหนูของนางด้วยแววตาอบอุ่นถึงเพียงนี้เหตุใดถึงมีสตรีอื่นกันเล่า จะว่าด้วยเหตุผลทางการเมืองก็ไม่น่าจะใช่ รัชทายาททำอะไรตามใจตนมาหลายสิบปีแล้ว“มีใครรู้หรือไม่ว่าข้าบาดเจ็บ”“ข้าส่งคนที่ไว้ใจไปแจ้งไป๋อี้ผิงแล้ว ส่วนเรื่องอาวุธที่สังหารคนในหุบเขาเป็นของไป๋เมิ่งเหยียน”หมับจ้าวหยุ่นหลงสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกคว้าแขน