ทั่วป๋าชื่อหันไปถามทหารคนเดิม "รัชทายาทไร้ประโยชน์นั่นพาคนมาเท่าใด?""ท่านหัวหน้า พวกเขามากันเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น!”“ว่ากระไรนะ แค่สิบกว่าคน?”“ขอรับ อีกทั้งคนที่ติดตามมาด้วยก็เป็นเพียงเจ้าหน้าที่จากอำเภอฉงซาน หลายคนยังเป็นหน้าเดิมที่เคยเห็นกันอยู่แล้ว”ได้ยินดังนั้น ทั่วป๋าชื่อก็หัวเราะลั่นอีกครั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า! รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดคนนั้นช่างกล้าจริง ๆ! แค่สิบกว่าคนก็กล้าบุกเข้ามาในชนเผ่าโครยอของข้า คิดว่าชนเผ่าโครยอของเรายังอ่อนแอเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนหรืออย่างไร!”ผู้นำคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ท่านหัวหน้า รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดคนนั้นกล้ามาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ คงต้องมีอะไรให้พึ่งพาอยู่เป็นแน่ เราอย่าประมาทเลย"ทั่วป๋าชื่อโบกมือไปมา เอ่ยอย่างมิเห็นด้วย “หึ ๆ เขาเป็นแค่รัชทายาทที่กำลังจะถูกปลด จะมีอะไรให้พึ่งพาได้!"“ท่านหัวหน้า ข้าได้ยินมาว่า ช่วงนี้รัชทายาทเปลี่ยนไปมาก เมื่อมินานมานี้ในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทฮองไทเฮา เขายังสามารถเอาชนะบัณฑิตของเป่ยเยี่ยนได้อย่างหมดจด แม้แต่ขุนนางอาวุโสของสำนักหอสมุดหลวงแห่งเป่ยเยี่ยนก็ยังแพ้ให้เขา"“เจ้าคิดมากไปแล้ว! เ
เมื่อบ้วนออกมา ปรากฏว่าเป็นเศษฟันหลายซี่!ทั่วป๋าชื่อโกรธจนตัวสั่น เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นยืน ฉินซูก็เอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบหน้าอกของเขาไว้!"ท่านหัวหน้า!!"หลังจากที่เหล่าผู้นำได้สติกลับมา พวกเขาทั้งหมดก็ชักดาบออกมาทันทีและจ้องมองไปยังฉินซูด้วยสายตาดุร้าย!เหล่าทหารที่เฝ้าประตูเมืองเห็นเหตุการณ์ก็ชักอาวุธเตรียมพร้อมทันทีเช่นกันเมื่อเห็นเช่นนี้ ถานเหวยก็ตะโกนด้วยเสียงเกรี้ยวกราด "บังอาจ! กล้าชักดาบต่อหน้าองค์รัชทายาท พวกเจ้าคิดจะทำอะไร ต้องการก่อกบฏรึ?"ผู้นำคนหนึ่งพูดด้วยเสียงหนักแน่น "ใต้เท้า พวกเรามิได้ตั้งใจหาเรื่อง แต่องค์รัชทายาทเป็นฝ่ายลงมือก่อน!"“ใช่แล้ว รีบปล่อยหัวหน้าของพวกเราเสีย มิเช่นนั้นอย่าหาว่าพวกเรามิเกรงใจ!"ฉินซูแสยะยิ้มเย็นชา สีหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน "พวกเจ้าจะลองดูก็ได้ว่าดาบของพวกเจ้าจะเร็ว หรือเท้าของข้าจะไวกว่า!"เมื่อพูดจบ เขาก็เพิ่มแรงกดเท้าลงไปอีกทันใดนั้นก็มีเสียง กร๊อบ ดังขึ้นจากกระดูกหน้าอกของทั่วป๋าชื่อเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ บรรดาผู้นำต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าหวาดหวั่น และรีบยอมแพ้ในทันที“องค์รัชทายาท หากมีอะไ
ทั่วป๋าชื่อคิดว่าตนเองปกปิดมันไว้อย่างดีแล้ว แต่หารู้ไม่ว่า ฉินซูมองเห็นเจตนาสังหารในแววตาของเขาได้อย่างชัดเจนฉินซูหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะยกเท้าออกจากอกของทั่วป๋าชื่อเมื่อพ้นจากพันธนาการ ทั่วป๋าชื่อก็ลุกขึ้นยืนด้วยการพยุงของเหล่าผู้นำผู้นำคนหนึ่งกระซิบข้างหูทั่วป๋าชื่อ "ท่านหัวหน้า องค์รัชทายาทหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ ย่อมต้องมีบางสิ่งในมือเป็นที่พึ่งพา มิแน่ว่าทัพหลวงของราชสำนักอาจซุ่มอยู่รอบ ๆ นอกเผ่า ขอเพียงเรายอมถอยก่อน ย่อมมิเสียเปรียบ”สีหน้าของทั่วป๋าชื่อเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่สุดท้ายก็ยังพยักหน้าเบา ๆจากนั้นเขาก็นำบรรดาผู้นำเหล่านั้นคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูด้วยความเคารพนอบน้อม“ข้าน้อยขอคารวะองค์รัชทายาท”เหล่าทหารรักษาการณ์และชาวบ้านที่ผ่านไปมาก็รีบคุกเข่าตามเช่นกันฉินซูไพล่มือไว้ด้านหลังแล้วมองดูพวกเขาอย่างเย็นชา แต่มิได้สั่งให้พวกเขาลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าฉินซูจงใจทำให้ตนอับอาย ทั่วป๋าชื่อก็ก้มศีรษะต่ำลงอีกเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นบรรดาผู้นำที่อยู่ข้างหลังเขากัดฟันคำนับแก่ฉินซูถานเหวยมองเจตนาของฉินซูออก จึงพูดกับทั่วป๋าชื่ออย่างเย็นชา "ทั่วป๋าชื่อ เจ้า
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั่วป๋าชื่อก็เหลือบมองฉินซูอย่างสงสัยในใจเขาเต็มไปด้วยความฉงน มิเข้าใจว่าการกระทำของฉินซูมีจุดประสงค์อะไรกันแน่หรือเขาจะคิดว่าตนกำลังวางแผนกบฏ ดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงให้เขานำกองทหารมาปราบปราม?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทั่วป๋าชื่อก็รีบร้อนอธิบาย "องค์รัชทายาทกล่าวเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทหารของพวกเราเหล่านี้จะนับเป็นกองทหารมีฝีมือได้อย่างไร ก็แค่กลุ่มคนหนุ่มที่รวมตัวกันเองเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายในเผ่าเท่านั้น เพราะเมื่อคนมากขึ้น ความขัดแย้งก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย”“จะเป็นกองกำลังฝีมือดี หรือเป็นแค่กลุ่มที่รวมตัวกันเองก็ตามที วันนี้ตัวข้าก็อยากจะดูสักหน่อย หัวหน้าทั่วป๋าผลัดข้ออ้างไปมา หรือว่าเจ้ามีอะไรบางอย่างที่มิอยากให้ข้ารู้?”“หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะ หากองค์รัชทายาทต้องการชม เช่นนั้นก็เชิญเสด็จไปที่ลานฝึกทหารเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทั่วป๋าชื่อพูดพลางทำท่าทางเชื้อเชิญด้วยความสุภาพ แล้วจึงนำคณะของฉินซูไปยังลานฝึกทหารลานฝึกนั้นมีขนาดกว้างขวาง อุปกรณ์ฝึกซ้อมต่าง ๆ ถูกจัดเตรียมไว้อย่างครบครันในลานยังมีคนจำนวนมิน้อยกำลังฝึกซ้อมอยู่ทั่วป๋าชื่อทำใจดีสู้เสือพลางเอ่ย "เหล่าคนหน
หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็หยิบของว่างบนโต๊ะขึ้นมากินขณะที่เขากำลังจะเอามันเข้าปาก ถานเหวยก็รีบเตือน "องค์รัชทายาท เกรงว่าทั่วป๋าชื่ออาจจะเล่นตุกติกกับอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้ โปรดระวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ"“หากทั่วป๋าชื่อหาญกล้าเช่นนั้น ตอนที่ถูกข้าดูหมิ่นเมื่อครู่ เขาคงสั่งให้ทหารสองหมื่นนายของเขาลงมือไปแล้ว”ฉินซูพูดพลางเริ่มกินอย่างมิสนใจใบหน้าของถานเหวยเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ คิดในใจว่าองค์รัชทายาทประมาทเกินไป จึงรีบหันไปส่งสายตาให้กู้เสวี่ยเจี้ยนกู้เสวี่ยเจี้ยนเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ "ไม่มีพิษ สบายใจได้"เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น ถานเหวยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขารู้ดีว่ากู้เสวี่ยเจี้ยนมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ หากมีพิษในอาหาร ต้องไม่มีทางรอดพ้นสายตาอันเฉียบคมของนางไปได้แน่หลังจากนั้น ถานเหวยและคนอื่น ๆ ก็เริ่มกินตามเช่นกันพวกเขากินดื่มอยู่ข้างลานฝึกทหารพลางมองดูเหล่ากองทหารของชนเผ่าโครยอฝึกซ้อมประจำวันฉินซูเดาะลิ้นแล้วเอ่ยชมเชย "ทหารโครยอเหล่านี้ช่างมิธรรมดาจริง ๆ แต่ละคนล้วนแข็งแรงกำยำ ทั้งยังมีทักษะธนูที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย"“ใช่แล้ว ดูจากการฝึกซ้อมแบบนี้แล้ว เรียกได้ว่าเป็
ราชวงศ์ต้าเหยียน ชานเมืองหลงเฉิง เขาต้าอวี่“ตายซะ!”เสียงคำรามดังกึกก้อง ดาบคมกริบที่มีแสงเย็นเฉียบแทงเข้าหาหัวใจของฉินซูเร็วยิ่งกว่าสายฟ้า“คุ้มกันองค์รัชทายาท!”ราชองครักษ์หลายนายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉินซูตะโกนลั่นด้วยความโกรธ พลางชักดาบขึ้นสู้ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้กัน ฉินซูมีแววตาเลื่อนลอย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?‘‘เมื่อกี้ข้ายังอยู่กับเทพีสงครามผู้งดงามในห้องอยู่เลยมิใช่หรือ?’‘ไฉนจู่ ๆ ข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?‘ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดศีรษะแปลบ ความทรงจำที่มิใช่ของตัวเองไหลเข้ามาในสมองราวกับน้ำป่าไหลหลาก!ราชวงศ์ต้าเหยียน... รัชทายาท…‘(สะอึก!) นี่ข้าข้ามมิติมาแถมยังกลายเป็นองค์รัชทายาทของราชวงศ์ต้าเหยียนไปแล้วจริง ๆ หรือนี่!‘ฉินซูตื่นตัวอย่างรวดเร็ว มิคิดมิฝันว่าการข้ามมิติที่เคยอ่านในนิยายจะเกิดขึ้นจริงกับตัวเองในขณะที่เขากำลังประหลาดใจ เหล่าราชองครักษ์ก็ถูกมือสังหารฟันลงไปกองกับพื้น(เสียงชักดาบออกมาพร้อมกัน)มือสังหารสวมหน้ากากเจ็ดหรือแปดคนถือดาบล้อมรอบเขาไว้หนึ่งในนั้นตะโกนอย่างเย็นชา “ฉินซู ถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังมิยอมฆ่าตัวตายอีก รอหาอะไ
เห็นสระเลือดอยู่มิไกลเบื้องหน้า!ฉินเหยี่ยนพูดด้วยความมิเชื่อ “เลือดพวกนี้ หรือว่าเป็นของคนพี่สี่?”คนสนิทคนหนึ่งโบกมือแล้วสั่งคนที่อยู่ข้างหลังว่า “ไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ เดี๋ยวนี้!”เหล่าบรรดาองครักษ์แยกย้าย!หลังจากนั้นมินานพวกเขาก็รีบวิ่งกลับ แต่ละคนส่ายหัวแล้วพูดว่า “องค์ชาย นอกจากที่นี่แล้วไม่มีร่องรอยเลือดที่อื่นเลยพ่ะย่ะค่ะ”ฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วและพึมพำ “เป็นไปได้อย่างไร? หรือว่าพวกเขาทั้งหมดถูกไอ้สารเลวฉินซูนั่นฆ่าตายหมดแล้ว?”“องค์ชาย พวกที่ท่านอ๋องซิ่นส่งมาล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น องค์รัชทายาทมัวเมาในสุราเคล้านารีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่มีกำลังพอที่จะฆ่าคนพวกนั้นได้ กระหม่อมจึงมั่นใจว่า ต้องมียอดฝีมือคอยแอบช่วยเหลืออยู่เป็นแน่ มิเช่นนั้น องค์รัชทายาทย่อมมิอาจอยู่รอดปล่อยภัยได้แน่พ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากได้ยินสิ่งนี้ฉินเหยี่ยนก็พยักหน้าช้า ๆ “ตัวข้าก็สงสัยอยู่ว่า เหตุใดฉินซูถึงกล้าฆ่าเฉินฉวิน ที่แท้เขาอาศัยความช่วยเหลือจากยอดฝีมือในเงามืด เดิมทีข้าวางแผนที่จะรอให้คนของอ๋องซิ่นฆ่าฉินซูแล้วคอยจับมือสังหารเหล่านั้น ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!”“เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดีหรือพ่ะย่ะค่ะ
ในพระตำหนักจินหลวนอันอันสง่างามและโอ่อ่าฉินอู๋ต้าว จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ต้าเหยียน สวมฉลองพระองค์ลายมังกร นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรพระพักตร์ดูสง่างาม มิมีแววโกรธแต่ยังดูทรงอำนาจมิว่าจะเป็นขมับที่ขาวโพลน หรือรอยย่นสามเส้นบนหน้าผาก ล้วนแต่บอกเล่าถึงความเหนื่อยล้าจากการทรงงานราชการตลอดทั้งวันใต้บันไดหยก มีเก้าอี้ไม้หนานมู่เนื้อทองสองตัวอยู่ทางซ้ายและขวา มีชายชราสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้เหล่านั้นคนทางซ้ายสวมชุดขุนนางสีม่วง และเข็มขัดสีทองลายดอกไม้เลื้อยรอบเอวแม้ว่าเขาจะอายุเกินเจ็ดสิบปีแล้วแต่เขาก็เต็มไปด้วยพลังและกระปรี้กระเปร่า!มิใช่ใครอื่นนอกจากผู้อาวุโสแห่งสำนักขุนนางใหญ่!คนทางขวามีอายุเท่าเว่ยเจิงสวมชุดนักปราชญ์ บนคางมีหนวดเคราสีเทายาวประมาณสามนิ้ว ในมือถือเข็มทิศหยกขาวไว้เสื้อคลุมสีเทาของเขาปักลวดลายของกลุ่มดาวหมีใหญ่ทั้งเจ็ดดวง!แววตาของเขาดูลึกซึ้งและสงบ แต่การเคลื่อนไหวเฉียบคมราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่งในใต้หล้าได้ในพริบตามิใช่ใครอื่นนอกจากเหลยเจิ้น หัวหน้าโหรหลวงแห่งสำนักหอดูดาวหลวง!ชายสองคนนี้เป็นทั้งขุนนางที่มีอิทธิพลอย่างมากในราชวงศ์ต้าเหยียน และได้รับความไว้วา
หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็หยิบของว่างบนโต๊ะขึ้นมากินขณะที่เขากำลังจะเอามันเข้าปาก ถานเหวยก็รีบเตือน "องค์รัชทายาท เกรงว่าทั่วป๋าชื่ออาจจะเล่นตุกติกกับอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้ โปรดระวังด้วยพ่ะย่ะค่ะ"“หากทั่วป๋าชื่อหาญกล้าเช่นนั้น ตอนที่ถูกข้าดูหมิ่นเมื่อครู่ เขาคงสั่งให้ทหารสองหมื่นนายของเขาลงมือไปแล้ว”ฉินซูพูดพลางเริ่มกินอย่างมิสนใจใบหน้าของถานเหวยเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ คิดในใจว่าองค์รัชทายาทประมาทเกินไป จึงรีบหันไปส่งสายตาให้กู้เสวี่ยเจี้ยนกู้เสวี่ยเจี้ยนเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ "ไม่มีพิษ สบายใจได้"เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น ถานเหวยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขารู้ดีว่ากู้เสวี่ยเจี้ยนมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ หากมีพิษในอาหาร ต้องไม่มีทางรอดพ้นสายตาอันเฉียบคมของนางไปได้แน่หลังจากนั้น ถานเหวยและคนอื่น ๆ ก็เริ่มกินตามเช่นกันพวกเขากินดื่มอยู่ข้างลานฝึกทหารพลางมองดูเหล่ากองทหารของชนเผ่าโครยอฝึกซ้อมประจำวันฉินซูเดาะลิ้นแล้วเอ่ยชมเชย "ทหารโครยอเหล่านี้ช่างมิธรรมดาจริง ๆ แต่ละคนล้วนแข็งแรงกำยำ ทั้งยังมีทักษะธนูที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย"“ใช่แล้ว ดูจากการฝึกซ้อมแบบนี้แล้ว เรียกได้ว่าเป็
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั่วป๋าชื่อก็เหลือบมองฉินซูอย่างสงสัยในใจเขาเต็มไปด้วยความฉงน มิเข้าใจว่าการกระทำของฉินซูมีจุดประสงค์อะไรกันแน่หรือเขาจะคิดว่าตนกำลังวางแผนกบฏ ดังนั้นองค์จักรพรรดิจึงให้เขานำกองทหารมาปราบปราม?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทั่วป๋าชื่อก็รีบร้อนอธิบาย "องค์รัชทายาทกล่าวเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทหารของพวกเราเหล่านี้จะนับเป็นกองทหารมีฝีมือได้อย่างไร ก็แค่กลุ่มคนหนุ่มที่รวมตัวกันเองเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายในเผ่าเท่านั้น เพราะเมื่อคนมากขึ้น ความขัดแย้งก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย”“จะเป็นกองกำลังฝีมือดี หรือเป็นแค่กลุ่มที่รวมตัวกันเองก็ตามที วันนี้ตัวข้าก็อยากจะดูสักหน่อย หัวหน้าทั่วป๋าผลัดข้ออ้างไปมา หรือว่าเจ้ามีอะไรบางอย่างที่มิอยากให้ข้ารู้?”“หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะ หากองค์รัชทายาทต้องการชม เช่นนั้นก็เชิญเสด็จไปที่ลานฝึกทหารเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทั่วป๋าชื่อพูดพลางทำท่าทางเชื้อเชิญด้วยความสุภาพ แล้วจึงนำคณะของฉินซูไปยังลานฝึกทหารลานฝึกนั้นมีขนาดกว้างขวาง อุปกรณ์ฝึกซ้อมต่าง ๆ ถูกจัดเตรียมไว้อย่างครบครันในลานยังมีคนจำนวนมิน้อยกำลังฝึกซ้อมอยู่ทั่วป๋าชื่อทำใจดีสู้เสือพลางเอ่ย "เหล่าคนหน
ทั่วป๋าชื่อคิดว่าตนเองปกปิดมันไว้อย่างดีแล้ว แต่หารู้ไม่ว่า ฉินซูมองเห็นเจตนาสังหารในแววตาของเขาได้อย่างชัดเจนฉินซูหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะยกเท้าออกจากอกของทั่วป๋าชื่อเมื่อพ้นจากพันธนาการ ทั่วป๋าชื่อก็ลุกขึ้นยืนด้วยการพยุงของเหล่าผู้นำผู้นำคนหนึ่งกระซิบข้างหูทั่วป๋าชื่อ "ท่านหัวหน้า องค์รัชทายาทหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ ย่อมต้องมีบางสิ่งในมือเป็นที่พึ่งพา มิแน่ว่าทัพหลวงของราชสำนักอาจซุ่มอยู่รอบ ๆ นอกเผ่า ขอเพียงเรายอมถอยก่อน ย่อมมิเสียเปรียบ”สีหน้าของทั่วป๋าชื่อเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่สุดท้ายก็ยังพยักหน้าเบา ๆจากนั้นเขาก็นำบรรดาผู้นำเหล่านั้นคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูด้วยความเคารพนอบน้อม“ข้าน้อยขอคารวะองค์รัชทายาท”เหล่าทหารรักษาการณ์และชาวบ้านที่ผ่านไปมาก็รีบคุกเข่าตามเช่นกันฉินซูไพล่มือไว้ด้านหลังแล้วมองดูพวกเขาอย่างเย็นชา แต่มิได้สั่งให้พวกเขาลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าฉินซูจงใจทำให้ตนอับอาย ทั่วป๋าชื่อก็ก้มศีรษะต่ำลงอีกเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นบรรดาผู้นำที่อยู่ข้างหลังเขากัดฟันคำนับแก่ฉินซูถานเหวยมองเจตนาของฉินซูออก จึงพูดกับทั่วป๋าชื่ออย่างเย็นชา "ทั่วป๋าชื่อ เจ้า
เมื่อบ้วนออกมา ปรากฏว่าเป็นเศษฟันหลายซี่!ทั่วป๋าชื่อโกรธจนตัวสั่น เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นยืน ฉินซูก็เอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบหน้าอกของเขาไว้!"ท่านหัวหน้า!!"หลังจากที่เหล่าผู้นำได้สติกลับมา พวกเขาทั้งหมดก็ชักดาบออกมาทันทีและจ้องมองไปยังฉินซูด้วยสายตาดุร้าย!เหล่าทหารที่เฝ้าประตูเมืองเห็นเหตุการณ์ก็ชักอาวุธเตรียมพร้อมทันทีเช่นกันเมื่อเห็นเช่นนี้ ถานเหวยก็ตะโกนด้วยเสียงเกรี้ยวกราด "บังอาจ! กล้าชักดาบต่อหน้าองค์รัชทายาท พวกเจ้าคิดจะทำอะไร ต้องการก่อกบฏรึ?"ผู้นำคนหนึ่งพูดด้วยเสียงหนักแน่น "ใต้เท้า พวกเรามิได้ตั้งใจหาเรื่อง แต่องค์รัชทายาทเป็นฝ่ายลงมือก่อน!"“ใช่แล้ว รีบปล่อยหัวหน้าของพวกเราเสีย มิเช่นนั้นอย่าหาว่าพวกเรามิเกรงใจ!"ฉินซูแสยะยิ้มเย็นชา สีหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน "พวกเจ้าจะลองดูก็ได้ว่าดาบของพวกเจ้าจะเร็ว หรือเท้าของข้าจะไวกว่า!"เมื่อพูดจบ เขาก็เพิ่มแรงกดเท้าลงไปอีกทันใดนั้นก็มีเสียง กร๊อบ ดังขึ้นจากกระดูกหน้าอกของทั่วป๋าชื่อเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ บรรดาผู้นำต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าหวาดหวั่น และรีบยอมแพ้ในทันที“องค์รัชทายาท หากมีอะไ
ทั่วป๋าชื่อหันไปถามทหารคนเดิม "รัชทายาทไร้ประโยชน์นั่นพาคนมาเท่าใด?""ท่านหัวหน้า พวกเขามากันเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น!”“ว่ากระไรนะ แค่สิบกว่าคน?”“ขอรับ อีกทั้งคนที่ติดตามมาด้วยก็เป็นเพียงเจ้าหน้าที่จากอำเภอฉงซาน หลายคนยังเป็นหน้าเดิมที่เคยเห็นกันอยู่แล้ว”ได้ยินดังนั้น ทั่วป๋าชื่อก็หัวเราะลั่นอีกครั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า! รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดคนนั้นช่างกล้าจริง ๆ! แค่สิบกว่าคนก็กล้าบุกเข้ามาในชนเผ่าโครยอของข้า คิดว่าชนเผ่าโครยอของเรายังอ่อนแอเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนหรืออย่างไร!”ผู้นำคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ท่านหัวหน้า รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดคนนั้นกล้ามาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ คงต้องมีอะไรให้พึ่งพาอยู่เป็นแน่ เราอย่าประมาทเลย"ทั่วป๋าชื่อโบกมือไปมา เอ่ยอย่างมิเห็นด้วย “หึ ๆ เขาเป็นแค่รัชทายาทที่กำลังจะถูกปลด จะมีอะไรให้พึ่งพาได้!"“ท่านหัวหน้า ข้าได้ยินมาว่า ช่วงนี้รัชทายาทเปลี่ยนไปมาก เมื่อมินานมานี้ในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทฮองไทเฮา เขายังสามารถเอาชนะบัณฑิตของเป่ยเยี่ยนได้อย่างหมดจด แม้แต่ขุนนางอาวุโสของสำนักหอสมุดหลวงแห่งเป่ยเยี่ยนก็ยังแพ้ให้เขา"“เจ้าคิดมากไปแล้ว! เ
"ยังเหลืออีกสองลูก""นั่นก็เพียงพอแล้ว"หลังจากที่กู้เสวี่ยเจี้ยนพูดจบก็กอดกระบี่ยาวเอนตัวพิงประตูหลับตาพักผ่อนเซี่ยหลานพูดอย่างมิสบายใจ "องค์รัชทายาท ในเมื่อชนเผ่าโครยอกล้าตัดเส้นทางน้ำของแม่น้ำกุ้ยฮวาเจียงได้ แสดงว่าพวกเขาอาจมีเจตนาร้าย หากเกิดการต่อสู้ขึ้น พวกเราที่มีเพียงสิบกว่าคนจะเอาชนะได้อย่างไรเพคะ?"ฉินซูยิ้มอย่างมิใส่ใจ "วางใจได้ ต่อให้เกิดการต่อสู้ ก็มิได้หมายความว่าจะแพ้เสียหน่อย อีกทั้งข้าคือองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ หากพวกเขากล้าล่วงเกินเช่นนั้น มิกลัวหรือว่าราชสำนักจะส่งทหารมาเหยียบพวกเขาให้ราบเป็นหน้ากลองหรือไร?”“มิว่าอย่างไร ท่านก็ต้องระวังตัวด้วยเพคะ หม่อมฉันจะรอท่านกลับมา”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ออกเดินทางพร้อมกู้เสวี่ยเจี้ยนและถานเหวยก่อนที่กู้เสวี่ยเจี้ยนจะออกไป นางจ้องมองไปยังเซี่ยหลานพร้อมกับรอยยิ้มเย็นแฝงเลศนัยที่ชวนให้ครุ่นคิดเมื่อเห็นเช่นนี้ เซี่ยหลานก็อดขมวดคิ้วมิได้ มองมิออกว่าแววตาของกู้เสวี่ยเจี้ยนต้องการสื่อถึงสิ่งใดด้านนอกที่ว่าการอำเภอกานรุ่ยมาพร้อมกับทหารสิบนายและเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วฉินซูมิพูดพร่ำทำเพลง พลันโบกมือสั่งการ "ไปก
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาฉินซูดูแลจัดการเรื่องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอำเภอฉงซานด้วยการสนับสนุนเสบียงข้าวที่เพียงพอ ชาวบ้านกว่าสองแสนคนในอำเภอฉงซานจึงมิต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไปอย่างไรก็ตาม ปัญหาการขาดแคลนน้ำเนื่องจากแม่น้ำกุ้ยฮวาเจียงแห้งขอดนั้นยังมิได้รับการแก้ไขวันนี้ที่ห้องประชุมใหญ่ของที่ว่าการอำเภอฉินซูสอบถามผู้ว่าการอำเภอ “ใต้เท้ากาน แม่น้ำกุ้ยฮวาเจียงของพวกท่านมีต้นน้ำอยู่ที่ใด?”กานรุ่ยตอบด้วยความเคารพ "กราบทูลองค์รัชทายาท แม่น้ำกุ้ยฮวาเจียงเป็นเพียงสาขาหนึ่งของแม่น้ำเหลียนเจียง โดยจุดที่ไหลมาบรรจบกันอยู่ที่ทางด้านเหนือห่างไปสามสิบลี้ที่เนินเขาสูง"“ในเมื่อแม่น้ำกุ้ยฮวาเจียงเป็นเพียงแม่น้ำสาขา แล้วมันจะแห้งแล้งได้อย่างไร? หรือว่าแม่น้ำเหลียนเจียงเองก็แห้งไปด้วย?”“มิใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ แม่น้ำเหลียนเจียงยังคงมีน้ำไหลอย่างอุดมสมบูรณ์ แต่เป็นเพราะชนเผ่าโครยอได้ทำการปิดกั้นทางน้ำสาขาที่แม่น้ำเชื่อมต่อเอาไว้ ข้าน้อยเคยส่งคนไปเจรจาหลายครั้งแล้วแต่ก็มิเป็นผลสำเร็จเลยสักครั้ง”ฉินซูแค่นเสียงอย่างเย็นชา "หึ! แค่ชนเผ่าตัวเล็ก ๆ ก็กล้าปิดกั้นแม่น้ำสาขาของต้าเหยียน ข้าเก
ก่อนที่คูมู่จะพูดจบ ผู้เฒ่าก็เตือนเขาว่า "คูมู่ ผู้ออกบวชมิพูดจาเท็จ รีบพูดความจริงมาเสียดี ๆ"น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบขึ้นกว่าเดิมคูมู่อธิบายด้วยสีหน้าขมขื่น "อาจารย์อา คนผู้นั้นเตือนศิษย์ไว้โดยเฉพาะว่า หากศิษย์เปิดเผยตัวตนของเขาออกไป เขาจะมิช่วยแก้ไขสิ่งที่เขาทำไว้"“ถ้าเช่นนั้น เจ้าจะมาหาอาตมาด้วยเหตุใด? รอให้คนผู้นั้นช่วยแก้ไขก็พอแล้วมิใช่หรือ”“อาจารย์อา คนผู้นั้นใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ศิษย์ แต่ศิษย์มิต้องการสมรู้ร่วมคิดกับเขา จึงต้องมารบกวนท่าน”ผู้เฒ่าส่ายหัวเล็กน้อย "เจ้าตั้งใจปิดบังอาตมา ข้อนี้อาตมามิถือโทษ แต่ถึงเจ้าจะพูดความจริง พลังนี้อาตมาก็มิอาจทำอะไรได้อยู่ดี"เมื่อได้ยินเช่นนั้น คูมู่ก็เผยสีหน้าหมดหวังเย่ชางสิงอดมิได้ที่จะพึมพำว่า "นึกว่าจะเป็นพระอริยะเสียอีก ที่แท้ก็แค่นี้เองรึ?"ยังมิทันที่เขาจะพูดจบ บรรยากาศรอบ ๆ ก็เย็นยะเยือกลงอย่างฉับพลันจนเขาต้องสั่นสะท้านเขาเหลือบมองไปทางผู้เฒ่า เห็นเพียงสายตาเย็นเยียบของอีกฝ่ายจ้องเขม็งมาที่ตนอย่างแน่วแน่หัวใจของเย่ชางสิงสั่นสะท้าน ความกลัวแผ่ซ่านไปจนถึงกระดูกเขารีบพูดออกมาด้วยความตกใจ "ท่านผู้อาวุโส อย่าเข้าใจผิด ข้
หลังจากตรวจนับสิ่งของแล้วก็พบว่าข้าวสารบนเรือมิได้เสียหายมากนักสวีหลายจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วสั่งว่า “รุ่งสางวันพรุ่งก็ไปซื้อข้าวสารในเมืองมาเสริมส่วนที่เสียหายคืนนี้ให้ครบ”ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งตอบรับด้วยความเคารพว่า “รับทราบ!"ตลอดคืนที่เหลือ สวีหลายทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าด้วยตัวเองโชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นอีกจนถึงรุ่งเช้าหลังจากที่ไปซื้อข้าวในเมืองกลับมาได้แล้ว เรือสินค้าก็ออกเดินทางต่อไปและมุ่งหน้าล่องใต้ไปตามแม่น้ำ……ในเวลาเดียวกันห่างออกไปทางทิศตะวันออกของเมืองหลงเฉิงราวหลายสิบลี้ อารามลอยฟ้าเสวียนคงบนภูเขาอันซานร่างสองร่างปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูวัดในสภาพค่อนข้างอิดโรยคนหนึ่งเป็นพระธุดงค์รูปร่างกำย ใบหน้าฉายแววเคร่งเครียดราวกับมีความแค้นฝังลึก มือถือไม้เท้าปราบมารอีกคนหนึ่งเป็นผู้เฒ่าอายุเกินหกสิบปี สวมชุดคลุมสีดำ ผมยุ่งเหยิงปล่อยกระเซอะกระเซิง มือถือไม้เท้าหัวมังกรปรากฏว่าพวกเขาก็คือคู่มู่และเย่ชางสิง!ทั้งสองเดินทางอยู่หลายวัน กว่าจะกลับมาถึงอารามลอยฟ้าเสวียนคงนักพรตที่กำลังกวาดลานวัดก็คำนับคูมู่แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “ศิษย์คารวะอา