Share

บทที่ 445

Penulis: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
กู้เสวี่ยเจี้ยนแค่นเสียงเบา “คนเสแสร้ง!”

จากนั้นนางก็ถอนหายใจอีกครั้งและบ่นพึมพำว่า “ในความทรงจำของหม่อมฉัน อาจารย์มิเคยเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้แย่งชิงของฝ่ายต่าง ๆ แต่คราวนี้เขากลับสั่งให้หม่อมฉันทำเรื่องเช่นนี้ เขาจะยังเป็นเจ้าสำนักหอดูดาวหลงผู้ซื่อตรงที่มิฝักใฝ่ฝ่ายใดอยู่หรือเพคะ?”

“เจ้าก็คิดมากเกินไป ที่อาจารย์ของเจ้าทำเช่นนี้อาจเป็นเพราะรับสั่งของเสด็จพ่อ มิอย่างนั้นเขาก็คงจะกำชับเจ้าตั้งแต่ก่อนออกเดินทางแล้ว”

"ก็จริงเพคะ..." ทันใดนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนก็นึกอะไรออกและพูดอย่างจริงจัง “องค์รัชทายาท ดูเหมือนว่า องค์จักรพรรดิจะทรงระแวงท่าน หม่อมฉันเกรงว่าทางเดินข้างหน้าของท่านจะมีอุปสรรคที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ เพคะ”

ฉินซูพูดอย่างมิเห็นด้วย “ทางเดินของข้ามันผ่านไปได้ง่าย ๆ ตั้งแต่เมื่อไรเล่า ก่อนหน้านี้บรรดาน้องชายทั้งหลายของข้าส่งคนมาลอบสังหารข้าหลายต่อหลายครั้ง แต่เสด็จพ่อของข้าก็มิเคยสอบสวนพวกเขาเลย ดังนั้นตอนนี้ มิว่าเสด็จพ่อจะสงสัยข้าอย่างไรข้าก็มิแปลกใจอะไรทั้งนั้น”

“ท่านช่างหนักแน่นนักเพคะ”

สีหน้าท่าทางของกู้เสวี่ยเจี้ยนอ่อนโยนลง นางพูดต่อ “ท่านวางพระทัยได้เพคะ หม่อมฉันจะมิสืบหายอด
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 446

    ฉินซูมิออกความเห็นเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเช่นปีศาจภูเขา แต่มิเคยเห็นมันด้วยตาของตัวเองเมื่อได้ยินซุนเยวี่ยพูดเช่นนั้น ก็กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเขาขณะนั้นก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามา“ทูลองค์รัชทายาท บรรจุข้าวเสร็จสิ้นแล้ว สามารถออกเดินทางได้ทุกเมื่อพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูพยักหน้าเบา ๆ แล้วพูดกับจี้ซิงเสียนว่า “ใต้เท้าจี้ งานปกครองเมืองเหลียงโจวข้าขอฝากไว้กับพวกท่านด้วย”“ข้าน้อยจะมิทำให้องค์รัชทายาททรงต้องผิดหวังแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”ชั่วครู่ต่อมาฉินซูนำขบวนขนส่งเสบียงไปยังประตูทิศเหนือทันทีที่มาถึงหน้าประตูก็พบว่าที่ตรงนั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเมื่อเห็นฉินซู พวกเขาทั้งหมดก็ทำความเคารพ!พวกเขาตะโกนขึ้นพร้อมกัน​ “ขอคารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูยิ้มพลางพยักหน้าให้พวกเขา จากนั้นก็นำขบวนออกจากเมืองไปอย่างช้า ๆกู้เสวี่ยเจี้ยนหันไปมองฝูงชนและพูดแฝงความนัย “ได้รับเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีจากราษฎรในเมืองเช่นนี้ หลังจากนี้เมื่อกลับไปยังเมืองหลงเฉิง เกรงว่ามันจะไปกระตุ้นความอิจฉาของผู้คนมากมายเข้าน่ะสิ”“เจ้าหมายถึงพวกของฉินหงรึ?”“ถูกต้องเพคะ ท่านทรงทำคุณงามความดี เมื่อ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 447

    เมื่อหยางอวิ๋นและคนอื่น ๆ เงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นลูกน้องคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น มิรู้ว่าเป็นหรือตายที่ประตูค่ายป้องกัน ชายหนุ่มชุดขาวเดินเข้ามาโดยปิดบังใบหน้าเอาไว้คนผู้นี้ถือกระบี่ในมือและมีท่าทางหยิ่งผยองหลังจากที่ผ่านประตูเข้ามา เขาก็มองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็จับจ้องไปที่หยางอวิ๋นชายร่างใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ หยางอวิ๋นตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นตะโกนใส่ชายหนุ่มคนนั้นด้วยความโกรธว่า “นี่! ผู้มาเยือนเป็นใคร บอกนามมาเดี๋ยวนี้!”ชายหนุ่มชุดขาวแค่นเสียงเย็นชาแล้วฟาดมือจากระยะไกลไปยังที่นั้น“ซู่!”กระแสพลังฝ่ามือที่รวดเร็วและรุนแรงม้วนพุ่งไปทางชายร่างใหญ่รูม่านตาของหยางอวิ๋นหดตัว เขารีบผลักชายร่างใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ออกไปทำเอาเจ้าตัวล้มลงกับพื้นและกระแสพลังฝ่ามือนั้นก็กระทบกับเก้าอี้ที่ชายร่างใหญ่เคยนั่งหลังจากเกิดเสียงดัง ‘แคร็ก’ เก้าอี้ก็แตกเป็นชิ้น ๆ ทันทีเมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนในห้องรับรองก็ตกตะลึงแม้แต่สีหน้าของหยางอวิ๋นก็ยังเคร่งขรึมมากกว่าปกติเขายกมือคำนับชายหนุ่มชุดขาวพลางถามอย่างสุภาพ “ขอบังอาจถามว่าท่านผู้มีเกียรติ ท่านเป็นใคร เหตุใดจึงได้มารุกรานค่ายป้องกัน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 448

    เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดขาวขู่ว่าจะล้างบางค่ายป้องกันไป๋หยาง ชายอารมณ์ร้อนคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นทันที“ลูกพี่ พวกเราสู้กับเขาเถอะ!”“นั่นสิ พวกเรามีกันตั้งหลายร้อยคน ยังจะต้องกลัวเขาอีกรึ!”“มาช่วยกันสับมันให้สิ้นเสีย!”ทุกคนต่างออกความคิดเห็นอย่างกระตือรือร้นชายหนุ่มชุดขาวมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา ขณะนั้นก็มีจิตสังหารพุ่งออกมาจากตัวเขา!เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า หยางอวิ๋นก็รีบตะโกน “พวกเจ้าทุกคนหุบปากเดี๋ยวนี้!”เขาแอบวิตกกังวลอยู่ในใจ ชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับปฐพีอย่างแท้จริง หากเขาทำให้อีกฝ่ายโมโหขึ้นมา ค่ายป้องกันไป๋หยางคงจะถูกล้างบางจนนองเลือดจริง ๆคนที่ถูกเขาตวาดใส่ก็รีบปิดปากอย่างเชื่อฟังหยางอวิ๋นยกมือคำนับไปทางชายหนุ่มและถามอย่างระมัดระวัง “ท่านจอมยุทธ ข้าขอบังอาจถามว่าในเมื่อท่านมิได้คิดจะปล้นเสบียง เหตุใดท่านจึงประสงค์ให้พวกเราทำการสังหารหมู่กองกำลังขนส่งเสบียง ท่านมีความแค้นกับพวกเขาหรือ?”“เจ้านี่พูดมากนัก!”ชายหนุ่มชุดขาวชักกระบี่ออกมาอย่างเหลืออดปราณแห่งกระบี่อันเฉียบคมรุนแรงพุ่งผ่านอากาศช่วงเวลาต่อมา ก็มีเสียงกรีดร้องดังก้องในหูของหยางอวิ๋นเมื่อทุ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 449

    “แล้วหากเขามิพอใจเล่า?”“เช่นนั้นก็ต้องลงมืออย่างเด็ดขาดแล้ว อย่างไรก็ต้องพูดคำเดิม พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็เงียบไปพวกเขามิใช่โจรชั่วและพวกเขาก็มิเคยทำเรื่องที่ทำลายจิตสำนึกของตัวเองแต่วันนี้กลับมีคนหน้ามิอายบางคนใช้สตรี เด็กและคนชราในค่ายป้องกันมาบีบบังคับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่ยอมกล้ำกลืนฝืนทนแต่โดยดีเมื่อหยางอวิ๋นโบกมือเป็นสัญญาณ ทุกคนก็รีบซุ่มอยู่บนเนินเขาทันทีขณะเดียวกันในป่าที่อยู่มิไกล มู่หรงจื่อเยียนกำลังรออย่างกระวนกระวายทันใดนั้น เงาร่างสีขาวก็ตกลงมาจากท้องฟ้า!นางรีบไปรับเขาแล้วถามว่า “ท่านพี่จื่อชิน เป็นอย่างไรบ้าง?”หนานกงจื่อชินยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “มิต้องกังวล ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม จากนี้ไป พวกเราแค่ต้อง.ใช้กลยุทธ์ดูไฟชายฝั่งและรอโอกาสลงมือ”มู่หรงจื่อเยียนพยักหน้าเบา ๆ พลางมองออกไปนอกป่าด้วยความมิสบายใจไกลออกไปฉินซูที่นำอยู่ด้านหน้าขบวนก็หยุดม้ากะทันหันเมื่อเห็นสถานการณ์ กู้เสวี่ยเจี้ยนก็เลิกคิ้วแล้วถามว่า “หยุดด้วยเหตุใดหรือเพคะ?”ฉินซูจ้องมองทางข้างหน้าและพูดเสียงเรียบ “ทางข้างหน้าด้านหนึ่งเป็นป่าและอ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 450

    ก้อนหินไหลลงมาตามเชิงเขาเงาดำสูงใหญ่เดินขวักไขว่อยู่ท่ามกลางต้นไม้ในป่าเนื่องจากเงาดำเหล่านี้สูงใหญ่มาก ต้นไม้จำนวนมากจึงถูกทับและล้มลงส่งผลให้ในป่าเต็มไปด้วยความสับสนอลเวง“ปีศาจภูเขา! นั่นมันปีศาจภูเขา!!”เจ้าหน้าที่ของที่ว่าการอำเภอฉงซานคนหนึ่งที่อยู่ในกองกำลังขนส่งเสบียงอุทานขึ้นเมื่อเงาร่างสูงใหญ่สีดำเหล่านั้นเข้ามาใกล้ ฉินซูก็สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของพวกมันได้อย่างชัดเจน!ปีศาจภูเขาเหล่านี้มีเบ้าตาสีเข้ม คิ้วสีดำสลับขาว สันจมูกสีแดง และมีหนวดยาวที่บริเวณจมูกทั้งสองข้าง!แก้มทั้งสองข้างขาวราวหิมะ มองแวบแรกดูเหมือนใบหน้าของผีร้ายทั้งตัวของพวกมันยังถูกปกคลุมไปด้วยขนสีดำยาว แขนสองข้างหนากว่าถังน้ำ และยาวกว่าหัวเข่า รูปร่างของมันสูงใหญ่และแข็งแกร่งกว่าชิมแปนซีมากโดยเฉพาะเขี้ยวทั้งสองคู่ที่มุมปากนั้นแลดูน่าหวาดกลัวเมื่อเห็นสัตว์ประหลาดขนยาวที่สูงกว่าคนสองคนยืนต่อตัวกัน ทันใดนั้น ฉินซูก็มีสีหน้ามิพอใจ!นี่พวกเจ้าเรียกเจ้ายักษ์ใหญ่พวกนี้ว่าปีศาจภูเขารึ?!เขาไม่มีเวลาพอที่จะพูดบ่น และตะโกนใส่ทหารที่กำลังหวาดกลัวเสียงดัง “ยังจะยืนตะลึงกันอยู่อีก รีบหนีไปสิ!”“คุ้ม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 451

    บนหน้าผากของมันมีรูแผลขนาดเท่านิ้วมือที่มิรู้ว่าปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไรและเลือดสีแดงในหัวของมันก็พุ่งออกมาจากรูแผลนั้นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ถานเหวยก็ตกตะลึงและมิรู้ว่าใครช่วยชีวิตเขาเอาไว้ในช่วงเวลาวิกฤตินี้“ถานเหวย จะยืนตะลึงอะไรอยู่อีก รีบบังคับรถม้าพาเซี่ยหลานไปที่เนินเขาลั่วเยี่ยนทางนั้นสิ!”เมื่อได้ยินเสียงเร่งเร้าของฉินซู ถานเหวยก็ได้สติเขาพยักหน้ารัว ๆ “องค์รัชทายาทรีบขึ้นรถม้าเถิดพ่ะย่ะค่ะ เร็วเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“เจ้าพาเซี่ยหลานไปก่อน ข้ามียอดฝีมือคอยคุ้มกันอยู่ มิเป็นอะไรหรอก เจ้ารีบไปเร็วเข้า”“ข้าน้อย… เอ่อ..."ถานเหวยลังเลเมื่อฉินซูเห็นสถานการณ์ เขาก็สบถในใจ พลางเตะถานเหวยลอยเข้าไปในรถม้าแล้วฟาดแส้ที่ก้นม้า!ม้าควบออกไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเซี่ยหลานที่อยู่บนรถม้าเห็นเช่นนั้นก็เป็นกังวลมากจนเกือบจะร้องไห้ “องค์รัชทายาท ท่านรีบหนีเถิดเพคะ”“ไปรอข้าอยู่ในที่ปลอดภัย เดี๋ยวข้าจะไปหาเจ้า”หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็คว้าหอกยาวจากมือทหารแล้วเหวี่ยงไปข้างหน้าเป็นครึ่งวงกลม ปราณวายุที่รุนแรงดุดันบีบบังคับให้ปีศาจภูเขาหลายตัวเหล่านั้นถอยหลังทหารเหล่านั้นถึงกับอึ้ง!องค

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 452

    ขณะที่หนานกงจื่อชินกำลังพูด เขาก็ทะยานตามอีกฝ่ายเข้าไปในป่ามู่หรงจื่อเยียนกระทืบเท้าด้วยความร้อนใจและไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันนางก็รีบพูดโน้มน้าว “พี่จื่อชิน อย่าเลย!”หนานกงจื่อชินหันไปจ้องนางแล้วถามว่า “จื่อเยียน ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“ข้า… ข้าก็แค่…”มู่หรงจื่อเยียนอึกอักและอธิบายเหตุผลมิได้เมื่อเห็นเช่นนั้น หนานกงจื่อชินก็โกรธและพูดพาลใส่ “ดูเหมือนว่าข้าจะเดามิผิด ท่านชอบเจ้าสวะฉินซูนั่น หนานกงจื่อชินด้อยกว่าเขาตรงไหน ท่านถึงได้เลือกเขาแทนที่จะเป็นข้า?”“ข้า… ข้ามิรู้”คำพูดของมู่หรงจื่อเยียนได้ยืนยันสิ่งที่หนานกงจื่อชินคาดเดาไว้อย่างมิต้องสงสัยเขาโกรธมากจนกำหมัดแน่นและกัดฟันดังกรอดฉินซูสับสนงุนงง เขามองไปที่มู่หรงจื่อเยียนด้วยสีหน้าตกตะลึง และในใจของเขาก็มีความประหลาดใจขึ้นมาตัวเขามีเสน่ห์ถึงเพียงนี้เลยหรือ? แม้แต่มู่หรงจื่อเยียนที่เป็นท่านหญิงจากต่างแคว้นผู้นี้ก็ยังหลงใหลในตัวเขาอย่างนั้นหรือ?ขณะนั้น หนานกงจื่อชินระงับความโกรธและพูดว่า “จื่อเยียน ท่านไปรอข้าที่ด้านนอก ขอเพียงท่านออกไปตอนนี้ ข้าก็จะทำเหมือนว่าเรื่องเมื่อครู่มิเคยเกิดขึ้น มิเช่นนั้นเมื่อก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 453

    “บุตรแห่งนักปราชญ์หนานกง เจ้ารู้หรือไม่ว่าในใต้หล้าใบนี้ใครสามารถเก็บความลับได้นานที่สุด?” ฉินซูถามกลับด้วยท่างสบาย ๆหนานกงจื่อชินโพล่งถามออกมา “ใครกัน?”คำพูดของฉินซูสั้นแต่ได้ใจความ “คนตาย!”ม่านตาของหนานกงจื่อชินหดตัวลงอย่างรวดเร็ว หัวใจของเขาสั่นสะท้านขึ้นมากะทันหัน และบนใบหน้าฉายแววตื่นตระหนกเขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพลางถอยหลังไปหลายก้าวโดยมิรู้ตัว“อย่า อย่าฆ่าข้านะ”ฉินซูค่อย ๆ เหยียดฝ่ามือออกพลางพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ต้องขออภัยด้วย เจ้ารู้มากเกินไปแล้ว!”สิ้นคำพูด ลมรุนแรงที่แสนบ้าคลั่งก็พัดออกมาจากฝ่ามือของเขา!หนานกงจื่อชินหวาดกลัวมากจนหันหลังวิ่งหนีไปอย่างมิลังเลเขาได้เปิดใช้งานปราณบริสุทธิ์ในร่างกายจนถึงขีดสุด และยังใช้วิชาตัวเบาขั้นสูงสุดอีกด้วย!แต่เขายังคงสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ากระแสพลังฝ่ามืออันบ้าคลั่งที่อยู่ข้างหลังเขานั้นเหมือนกับเคียวของยมทูตที่เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ“ไม่!!”เสียงที่สิ้นหวังของหนานกงจื่อชินที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังหยุดลงทันที ‘พรึ่บ’ ร่างกายของเขาถูกตบจนกลายเป็นหมอกเลือดในทันใด บุตรแห่งนักปราชญ์จากหอดารารักษ์รุ่นหนึ่งได้สลายหา

Bab terbaru

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 618

    “ท่านแม่ทัพหู แผนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ออกจากประตูเมืองฝั่งเหนือแล้วอ้อมไปอีกหน่อย ก็ลอบโจมตีทัพหนานเยวี่ยได้เหมือนเดิม!”“ไป เร่งฝีเท้า!”ดังนั้น กองทหารของพวกเขาจึงเดินทางมายังใต้ประตูเมืองฝั่งเหนือแม่ทัพรักษาการณ์ที่นี่เห็นหูก่วงเซิงและพวก จึงไต่ถาม “ท่านแม่ทัพหู นี่พวกท่านจะทำการใด?”“ในเมืองผู้คนพลุกพล่านเกินไป พวกเราจะออกไปพักผ่อนนอกเมืองสักหน่อย วันพรุ่งพวกเราจะย้ายค่ายทหารไปตั้งไว้นอกเมืองฝั่งเหนือเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการฝึกทหาร”เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารรักษาการณ์ก็โบกมือให้คนเปิดประตูเมืองจะตำหนิว่าเขาประมาทเกินไปก็มิได้ ท้ายที่สุดแล้วนอกเมืองทางฝั่งเหนือยังมีทหารประจำการอยู่เป็นจำนวนมิน้อย ทหารที่เข้าออกประตูเมืองทางฝั่งเหนือจึงมีจำนวนมากเป็นทุนเดิมหลังจากที่ออกนอกเมืองได้อย่างราบรื่น หูก่วงเซิงจึงนำกองทัพทหารม้าพันนายมุ่งหน้าลงใต้!ขณะเดียวกันนอกประตูเมืองเจียวโจวทางฝั่งใต้ เงาร่างสิบกว่าร่างพุ่งออกมาจากป่าละเมาะห่างออกไปมิไกลนักพวกเขามีท่าทางคล่องแคล่ว เพียงชั่วพริบตาก็เข้าไปซุ่มซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เตี้ย ๆ ฝั่งหนึ่งหลังจากที่สังเกตการณ์บนกำแพงเมืองอยู่ครู่หน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 617

    “ท่านแม่ทัพหู กองทัพหนานเยวี่ยแตกพ่ายในวันนี้ บัดนี้คงอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่เป็นแน่ หากพวกเรานำทัพไปลอบโจมตี อย่างไรก็ต้องสำเร็จ! ถึงเวลานั้นหากสำเร็จ ท่านแม่ทัพใหญ่จะเอาผิดพวกเราที่ยกทัพไปโดยพลการได้อย่างไร?”ชายร่างกำยำอีกด้านกล่าวสำทับ “รองแม่ทัพหลิวกล่าวได้ถูกต้อง ท่านแม่ทัพหู พวกเราอุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงมาถึงเจียวโจวก็มิใช่อื่นใด นอกเสียจากเพื่อสร้างความดีความชอบให้มากยิ่งขึ้นพวกเราสร้างความดีความชอบในเจียวโจวมากเท่าไร พระเกียรติของท่านอ๋องฉู่ในราชสำนักก็จะยิ่งสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น ทุกสิ่งที่พวกเราทำ ล้วนเพื่อท่านอ๋องฉู่ทั้งสิ้น!”“ถูกต้อง พวกเราคือคนของท่านอ๋องฉู่ ท่านแม่ทัพใหญ่ย่อมมิอาจตำหนิพวกเราที่ออกรบโดยพลการได้ ท่านแม่ทัพหู ท่านรีบตัดสินใจเถิด โอกาสมิคอยท่า เวลามิหวนคืน!”“ท่านแม่ทัพหู คนขององค์รัชทายาทออกนอกเมืองไปครึ่งชั่วยามแล้ว หากพวกเรามิรีบเร่งติดตามไป เกรงว่าน้ำแกงก็มิได้ซด อย่าหวังจะได้กินเนื้อเลยขอรับ!”ด้วยคำยุยงของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา ดวงตาของหูก่วงเซิงก็ค่อย ๆ แน่วแน่ขึ้น!เขาพยักหน้าหนักแน่น กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “สั่งให้เหล่าสหายทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม อีกห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 616

    หูก่วงเซิงยกไหสุราขึ้นกระดกไปหลายอึก และแค่นเสียง “หึ ศึกที่ได้ชัยชนะในวันนี้ หากมิใช่เพราะทหารม้าหุ้มเกราะของพวกข้าบุกตะลุยอยู่แนวหน้า มีหรือกองทัพหนานเยวี่ยจะถูกสังหารจนแตกพ่ายยับเยิน?ทว่าในงานเลี้ยงฉลองชัย ท่านแม่ทัพใหญ่กลับมิเอ่ยถึงความดีความชอบของพวกข้าแม้แต่คำเดียว เอาแต่ชื่นชมองค์รัชทายาทมิขาดปากข้าสงสัยนัก องค์รัชทายาทเพียงแต่นำอาวุธที่กรมโยธาธิการประดิษฐ์ขึ้นใหม่มาด้วยเท่านั้น มีสิ่งใดน่าสรรเสริญกัน?”รองแม่ทัพที่นั่งอยู่ข้างกายเขาขมวดคิ้ว กล่าว “ท่านแม่ทัพหู ท่านว่าเช่นนี้เห็นทีจะมิถูกกระมัง อาวุธเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาททรงออกแบบ ศึกครานี้ชนะได้ ก็เป็นเพราะพระองค์”“ใช่แล้ว อีกอย่างที่ทหารม้าหุ้มเกราะของพวกท่านบุกตะลุยกองทัพหนานเยวี่ยได้ไร้ผู้ใดขัดขวาง ก็มิใช่เป็นเพราะมีอาวุธที่องค์รัชทายาททรงออกแบบให้การคุ้มครองหรอกหรือ มิเช่นนั้นกองทัพหนานเยวี่ยจะปล่อยให้พวกท่านบุกตะลุยในแนวรบโดยมิอาจโต้ตอบได้เลยด้วยเหตุใดเล่า?”หูก่วงเซิงเผยสีหน้าดูแคลน หัวเราะเยาะ “องค์รัชทายาทที่เอาแต่เสพสุขไปวัน ๆ ไฉนจึงออกแบบอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้? พวกเจ้าก็ช่างหูเบากันเสียจริง ใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 615

    หลังจากที่ฟังเขาจนจบ ฉงชูโม่ขมวดคิ้วถาม “แผนการของท่านดีก็จริง ทว่าหากพวกมันมิมาในคืนนี้เล่า?”“คืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองชัย พวกมันต้องปักใจเชื่อว่ากำลังป้องกันเมืองของพวกเราหย่อนยาน คืนนี้หากพวกมันมิลงมือ ภายหน้าคงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว ดังนั้นคืนนี้พวกมันต้องลงมือเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ได้ ทำตามที่ท่านว่าก็แล้วกันเพคะ!”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ “อีกอย่าง คืนนี้เจ้าจงส่งทหารสองกองไปซุ่มอยู่หลินสุ่ยและเซี่ยอ้าว เมื่อทัพใหญ่หนานเยวี่ยปรากฏกาย จงปล่อยให้พวกมันเข้ามา รอจนกระทั่งเสียงฆ่าฟันนอกเมืองดังขึ้นค่อยตลบหลังโจมตีกองทัพหนานเยวี่ย จากนั้นจึงเข้าตีกระหนาบหน้าหลัง กวาดล้างพวกมันในคราเดียว!”ฉงชูโม่ถามอย่างตกตะลึง “ท่านคิดว่าคืนนี้พวกหนานเยวี่ยจะบุกโจมตีด้วยทัพใหญ่หรือเพคะ?”“พูดได้แต่เพียงมีความเป็นไปได้สูงนัก”“หม่อมฉันว่ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากเติ้งหม่างเพิ่งประสบความพ่ายแพ้ในวันนี้ ซ้ำร้ายทหารใต้บัญชาของเขายังหวาดหวั่นเกรงกลัวธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าของพวกเราจนหัวหด หากยังมิล่วงรู้ว่าพวกเรามีธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด พวกมันคงมิกล้าผล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 614

    ฉินซูหัวเราะแห้ง ๆ แล้วกล่าวติดตลก “ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะหึงหวงข้า”ฉงชูโม่ถ่มน้ำลาย “ถุย ใครจะหึงท่านกัน อย่าได้หลงตัวเองไปหน่อยเลย!”“อะแฮ่ม ๆ เรื่องนั้นช่างมันเถิด ที่จริงข้ามีธุระสำคัญ...”ฉงชูโม่ขัดขึ้นมาเสียก่อน “มีกระไรก็รีบว่ามา อย่ามัวอ้อมค้อม”ฉินซูปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม แล้วเอ่ยถาม “วันนี้ที่พวกเรามีชัยเหนือแคว้นหนานเยวี่ย ในความเห็นของเจ้า พวกมันจะทำอย่างไรต่อไป?”“ชัยชนะในวันนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับพลานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า กองทัพหนานเยวี่ยประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับถึงเพียงนี้ หากหม่อมฉันเป็นเติ้งหม่าง คงต้องหาทางนำอาวุธทั้งสองชนิดนี้ไปให้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูจึงอดมิได้ที่จะมองนางด้วยสายตาชื่นชมสมแล้วที่ฉงชูโม่เป็นแม่ทัพขั้นหนึ่งที่มากล้นด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ สามารถเดาใจศัตรูได้ล่วงหน้าเช่นนี้“เมื่อรู้ถึงเจตนาของเติ้งหม่างผู้นั้นแล้ว เราควรจะลองมาล่อเสือออกจากถ้ำดูสักครา”“ตรัสเช่นนี้ แสดงว่าท่านทรงคิดแผนการรับมือไว้แล้วหรือ?”ฉงชูโม่เอี้ยวศีรษะมองฉินซู ดวงตาคู่งามกระจ่างใสนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจหางตาฉินซูเหลือบมองอ่างอาบน้ำโดยม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 613

    “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ขอพระองค์โปรดเมตตา”ทั้งสองกล่าวพร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูฉินซูจนปัญญา จึงตะโกนเข้าไปในกระโจม “ชูโม่ ให้ข้าเข้าไปเถิด ข้าขออธิบายให้เจ้าฟังดี ๆ มิได้หรือ?”ทว่าข้างในกลับไร้เสียงตอบรับฉินซูยังคงมิยอมแพ้ กล่าวต่อไป “ชูโม่ เจ้าอย่าหึงหวงนักเลย อย่างน้อยก็ให้ข้าอธิบายสักหน่อยเถิด”เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทหารยามทั้งสองก็อดมิได้ที่จะสบตากัน!ให้ตายสิ ท่านแม่ทัพใหญ่กับองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์ช่างลึกซึ้งเกินคาด!!สีหน้าของพวกเขาทั้งสองฉายแววตกตะลึง ราวกับได้รับข่าวเด็ดข่าวใหญ่ฉินซูเกลี้ยกล่อมอีกสองสามประโยค ทว่าในกระโจมก็ยังคงไร้เสียงตอบรับเมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูจึงหันไปถามทหารยามทั้งสอง “ชูโม่อยู่ข้างในจริง ๆ หรือ?”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ท่านแม่ทัพใหญ่เข้าไปแล้วก็ยังมิได้ออกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่มีประตูด้านหลังใช่หรือไม่?”“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”“มิได้การ ชูโม่อาจจะเป็นกระไรไปแล้วก็ได้!”กล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูจึงตะโกนเข้าไปด้านใน “ชูโม่ ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”ขณะที่ฉินซูกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ทหารยามทั้งสองก็รีบร้องทัดทาน “มิได้พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 612

    ขณะเดียวกันกองหนุนทัพหนานเยวี่ยภายในค่ายทหารแม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างจับจ้องไปยังบุรุษบนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยใจระทึกบุรุษผู้นั้นสวมชุดเกราะสีเงินยวง ร่างกายสูงใหญ่ผึ่งผาย!เขาคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย เติ้งหม่าง!สายตาเย็นเยียบของเขากวาดมองไปยังกลุ่มคนทีละคน สุดท้ายจับจ้องที่แม่ทัพน้อยหม่า“หม่าเวย เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”หม่าเวยรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ทว่าอาวุธของต้าเหยียนคราวนี้ร้ายกาจเหลือเกิน โล่เกราะหวายของพวกเราเมื่อเผชิญกับลูกธนูของพวกมันก็มิต่างกระไรจากดินเหนียว ยิงคราเดียวก็ทะลุง่ายดาย!”“ใช่แล้วท่านแม่ทัพใหญ่ โล่เกราะหวายที่พวกเราเคยภาคภูมิใจนักหนา บัดนี้มิอาจหวังพึ่งได้อีกแล้วขอรับ”“มิเพียงเท่านั้น ทางต้าเหยียนยังใช้อาวุธเพลิงร้ายกาจชนิดหนึ่ง ของสิ่งนั้นอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก ทหารมิใช่น้อยถูกระเบิดจนร่างแหลกมิเหลือชิ้นดีเลยขอรับ”เมื่อกล่าวถึงระเบิดเพลิง หลายคนยังคงหวาดผวาเติ้งหม่างขมวดคิ้วมุ่น และกล่าวพึมพำ “กองทหารรักษาการณ์เจียวโจวถูกพวกเราโจมตีมาเกือบเดือน บัดนี้จู่ ๆ กลับปรากฏอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 611

    วาจาล้ำสมัยปานนี้ ตี๋จิ่งผู้นี้คิดได้อย่างไร?มู่หรงจื่อเยียนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “ฉินซู ท่านมิเป็นกระไรใช่หรือไม่?”“มิเป็นกระไร ไปเถิด”ขณะมองตามสองร่างหายลับไปจากสายตา สหายของตี๋จิ่งก็อดมิได้ที่จะหวั่นวิตกชายร่างกำยำผู้หนึ่งเอ่ยถาม “พี่ตี๋ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี?”“หรือว่าพวกเราฟาดหัวองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนให้สลบ แล้วลักพาตัวกลับเป่ยเยี่ยนดี?”“นั่นสิ หากเป็นเช่นนั้น ท่านหญิงจะได้ตามพวกเรากลับเป่ยเยี่ยนเสียที”ตี๋จิ่งโบกมือ และกล่าวว่า “มิได้ อย่าว่าแต่ท่านหญิงจะยอมให้เราทำหรือไม่เลย ลำพังแค่พวกทหารต้าเหยียนที่ยั้วเยี้ยไปทั่ว พวกเราก็มิมีทางทำสำเร็จแล้ว!”“ก็จริงดังว่า แล้วพวกเราจะทำอย่างไรเล่า?”“เฝ้าสังเกตการณ์ไปก่อน อารักขาความปลอดภัยท่านหญิงให้ดี”“ขอรับ”พวกเขาปรึกษาหารือกันครู่หนึ่ง จากนั้นก็ติดตามไปที่พักของฉินซูถูกจัดสรรให้อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งใกล้กับประตูเมืองทางทิศเหนือที่นี่ห่างจากประตูเมืองทิศใต้ประมาณเจ็ดแปดลี้ จึงมิต้องกังวลว่าจะถูกผลกระทบจากไฟสงครามเมื่อเข้าสู่โรงเตี๊ยมและปิดประตูลง มู่หรงจื่อเยียนก็อดรนทนรอมิไหว โผเข้ากอดคอฉินซู นางเขย่งปลา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 610

    ฉินซูเองก็ประหลาดใจมิต่างกัน เมื่อเห็นสายตาของฉงชูโม่ เขาก็รู้สึกจนปัญญาในใจลอบคิดว่าคนที่มาหาตนนั้นจะเป็นใครกันแน่หรือจะเป็นเซี่ยหลาน หรือว่าหลินชิงเหยา?แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่าเป็นไปมิได้ เพราะทั้งสองคนเคยรับปากตนว่าจะคอยเขากลับไปอยู่ที่ตำหนักบูรพาเมื่อเห็นฉินซูเงียบไปมิพูดจา ฉงชูโม่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ "ฉินซู ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่หม่อมฉันมิอยู่ในเมืองหลวง พระองค์จะสำราญบานใจมิน้อยเลยกระมังเพคะ!"ฉินซูกล่าวอย่างใจเย็น "ข้าเปล่านะ""เปล่าหรือ? แล้วสตรีที่อยู่ข้างนอกนั่นเป็นใครกัน?""ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้""คนผู้นั้นระบุชื่อเจาะจงว่าจะมาพบองค์รัชทายาท จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดได้อย่างไร ไปเถิด ไปดูกันดีกว่าว่าอีกฝ่ายเป็นใครมาจากที่ใด"เมื่อฉงชูโม่กล่าวจบก็เดินนำออกจากกระโจมบัญชาการไปก่อนฉินซูเดินตามไปด้วยความกระวนกระวายใจเดินไปได้มิไกล ฉินซูก็ถึงกับชะงักเท้าอยู่กับที่ จ้องมองหญิงงามที่อยู่เบื้องหน้ามิไกลอย่างเหม่อลอยเมื่อฉงชูโม่เห็นคนผู้นี้ ก็ขมวดคิ้วถาม "มู่หรงจื่อเยียน? ท่านเป็นถึงท่านหญิงแห่งเป่ยเยี่ยน มายังสนามรบต้าเหยียนด้วย

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status