ระหว่างเดินทางไปพระราชวังเว่ยซวินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ภายในห้องทรงพระอักษรทั้งหมดให้หลี่หลงหลินฟังแล้วหลี่หลงหลินโมโหจนหน้าเขียว!มิใช่ขึ้งโกรธซูเฟิ่งหลิงข้อแรก ซูเฟิ่งหลิงเพียงนึกสนุก มิได้มีเจตนาร้ายข้อสอง นี่คือเรื่องเล็กน้อยของสองสามีภรรยา เกี่ยวอันใดกับขุนนางใหญ่เหล่านั้นด้วยเล่า!มากที่สุดก็แค่ส่งผลสะท้อนต่อธรรมเนียมปฏิบัติเท่านั้น!พวกขุนนางใหญ่ในสำนักเลขาธิการเหล่านั้นจับจุดอ่อนนี้ไม่ปล่อย ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องการฆ่าตนเองให้ตายกับที่กระนั้น?อันที่จริงหลี่หลงหลินเองก็เข้าใจแต่ไรมาพวกขุนนางใหญ่ไม่ปรองดองกัน ทั้งหมดล้วนวางแผนอยู่ภายในใจของตนครั้งนี้ เหตุใดพวกเขาสามัคคีกันถึงเพียงนี้ พุ่งเป้ามาที่ตนเอง?พูดตามสัตย์จริงต่อให้ตนเองปราบกบฏสร้างความดีความชอบ ได้รับคำชมเชยจากเสด็จพ่อ แต่เมื่อขัดขวางเส้นทางขององค์ชายคนอื่น นั่นก็คือขัดขวางเส้นทางของขุนนางใหญ่แล้วแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจ มักจะโหดร้ายเสมอ!ต่อให้ตนเองต้องการอยู่เพียงลำพังไม่ข้องเกี่ยวกับผู้อื่น เป็นองค์ชายเกียจคร้านเจ้าสำราญคนหนึ่ง ออกห่างจากการต่อสู้ให้ไกลนี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ต่อ
“ข่าวลือก่อนหน้า พริบตาก็ไม่มีคนสนใจแล้ว!”“คนอื่นไม่รู้ แต่บิดารู้จักลูกชายดีที่สุด นี่ต้องเป็นความตั้งใจของเจ้าแน่!”“นี่ไม่ใช่ความดีความชอบแล้วคืออันใดเล่า?”หลังฮ่องเต้หวู่ตรัสจบ สายพระเนตรก็จดจ้องไปที่หลี่หลงหลิน คาดหวังในคำตอบราวกับว่าเพียงหลี่หลงหลินพยักหน้า ยอมรับว่านี่คือความตั้งใจของตน ก็จะตกรางวัลอย่างงามหลี่หลงหลินกลับตกตะลึงเหงื่อเย็นผุดทั่วทั้งสรรพางค์กาย!ฮ่องเต้หวู่เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!ตั้งใจขุดหลุม รอตนเองกระโดดลงไป!หากตนเองยอมรับว่าตั้งใจจริง เช่นนั้นรอตนเองอยู่ จะต้องเป็นเพลิงพิโรธสายอัสนีของฮ่องเต้หวู่เป็นแน่!หลี่หลงหลินตอบอย่างตรงไปตรงมา “เสด็จพ่อ ลูกมิได้ตั้งใจ เป็นเพียงเรื่องบังเอิญอย่างหนึ่ง! ต่อให้ลูกได้รับพระราชทานรางวัลเพราะความไม่ตั้งใจ แต่นั่นก็คือบังเอิญโชคดีดั่งแมวตาบอดพบหนูตาย! นี่มิใช่ความดีความชอบของลูก เสด็จพ่อมีคุณธรรมจริยธรรม พระมหากรุณาธิคุณล้นฟ้า!”ฮ่องเต้หวู่ตะลึงงัน สายพระเนตรมีความแปลกพระทัยยามจ้องมองหลี่หลงหลินทีแรกคิดว่าเจ้าเก้าจะใช้ข้ออ้างนี้หาประโยชน์เข้าตัว รับความดีความชอบนี้เป็นของตนเองเช่นนั้นเขาก็จบสิ้นแล้ว!ฮ่องเต้ห
หลี่หลงหลินพูดอย่างถ่อมตน “เสด็จพ่อแม้ทรงพระชราภาพแต่ก็ยังมีพระพลานามัยแข็งแรง! ลูกไหนเลยจะขวัญกล้าเทียบเคียงพระองค์พ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่ทรงโสมนัสอย่างยิ่งยวด แย้มพระสรวลพลางตรัส “อย่างไรเสีย เจ้าก็สยบข่าวลือได้แล้ว สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่! เจ้าต้องการรางวัลอันใดตอบแทน?”หลี่หลงหลินดีใจอยู่ภายในใจทีแรกเขายังตำหนิซูเฟิ่งหลิงทำลายชื่อเสียงของตนชายหญิงผู้ชราเด็กภายในเมืองหลวง ล้วนคิดว่าตนเองชมชอบบุรุษ ภายภาคหน้าตนเองจะพบคนเช่นไร?แต่คิดไม่ถึง เสด็จพ่อถึงขั้นมีพระประสงค์ตกรางวัลให้ตนเอง?เทียบกันแล้ว ชื่อเสียงมายามีประโยชน์อันใด ไหนเลยจะมีรางวัลกันเล่า?หลี่หลงหลินไม่ทำแม้แต่ยั้งคิด “เสด็จพ่อ ลูกต้องการเงิน!”สร้างกองทัพสกุลซูขึ้นใหม่อีกครั้ง คือหลุมใหญ่ลึกเกินหยั่งหลุมหนึ่ง เงินย่อมต้องหาให้มากฮ่องเต้หวู่ตรัสอย่างลำบากพระทัย “เจ้าเองก็รู้สถานการณ์ของราชสำนัก เรื่องเงินนี้ ทำได้ยากยิ่งนัก มิสู้เจ้าเปลี่ยนเป็นรางวัลอื่น!”หลี่หลงหลินใคร่ครวญครู่หนึ่ง พูดว่า “เช่นนั้นลูกขอพระราชทานบรรดาศักดิ์!”เว้นเพียงเงินแล้วบรรดาศักดิ์ก็สำคัญมากหลี่หลงหลินต้องการเกณฑ์ทหาร ก็ต้องแส
หลี่หลงหลินค้อมตัว “ลูกกราบทูลลา!”ฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรมองเงาหลังของหลี่หลงหลิน ทรงโสมนัสเป็นเท่าทวีคูณ “ลูกชายเราคนนี้ ยิ่งมายิ่งคล้ายแล้ว!”ตอนนี้เอง เว่ยซวินขยับขึ้นมาข้างหน้าในทันใด “ฝ่าบาท องค์ชายสี่หลี่จือ กำลังคุกเข่าอยู่ที่นอกตำหนัก ขอเข้าเฝ้าพระองค์! พูดว่ามีเรื่องอยุติธรรมใหญ่หลวง...”“อยุติธรรม?”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น อารมณ์ชื่นชมโสมนัสพลันมลายหายไปราวกับหมอกผ่านตา ตรัสอย่างไม่พอพระทัย “เจ้าสี่คนนี้ ไม่สามารถปล่อยให้เราหยุดพักสักครู่ได้เลยหรือ!”เว่ยซวินลดเสียงต่ำพูดว่า “เช่นนั้นไม่พบ?”ฮ่องเต้หวู่สบถเสียงเย็น “เขาชอบคุกเข่ามิใช่หรือ? ให้เขาคุกเข่ามากอีกพักหนึ่ง! เรากินมื้อดึกสักหน่อย ค่อยพบเขา!”ณ ภายนอกตำหนักหลี่จือคุกเข่าสองข้างบนพื้น สีหน้าไม่สบอารมณ์ถึงขีดสุดระยะอันใกล้หลายวันนี้ เขาค้นหาทุกหนแห่งภายในเรือนองค์ชายหก ค้นหาพลิกฟ้าพลิกดิน!ยังไม่ต้องพูดว่าหนึ่งล้านตำลึงเงิน!แม้แต่หนึ่งตำลึงเงินก็ล้วนหาไม่พบหลี่จือยิ่งคิดยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากล ดังนั้นภายใต้การจัดการของอัครเสนาบดีตู้เหวินหยวน ลอบเข้าคุกหลวง พบองค์ชายหกหลี่เซวียน สืบถามเรื่องเงินของเขาฮ่
ดวงตาองค์ชายสี่หลี่จือกลิ้งกลอก ใคร่ครวญภายในใจเงียบๆสำนักเลขาธิการรวมกลุ่มกันเสนอญัตติปลดตำแหน่งเจ้าเก้า ทุกคนต่างรู้กันถ้วนทั่วเสด็จพ่อเองก็เรียกตัวเจ้าเก้าเข้าวังจริง เห็นชัดว่าต้องการสั่งสอนเขาสำคัญที่สุดคือ หลี่จือรออยู่ภายนอกประตูพระราชวัง มองไม่เห็นเงาของเจ้าเก้านี่ก็หมายความว่าเจ้าเก้ายังมิได้ออกไป ยังอยู่ในพระราชวัง!เช่นนั้น เขาสามารถอยู่ที่ใดได้เล่า?เป็นไปได้มากที่สุด คือเสด็จพ่อพิโรธมาก สั่งกักบริเวณเขา!ใช่!จะต้องเป็นเช่นนี้!เสด็จพ่อช่วยพูดแทนเจ้าเก้า จะต้องเป็นเรื่องเท็จ ตั้งใจหยั่งเชิงข้า!“ฮึๆ...”“เจ้าเก้า คราวนี้ยังไม่ตายอีกหรือ?”หลี่จือยิ้มเย็นอยู่ภายในใจครู่หนึ่ง ถัดมาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “เสด็จพ่อ พระองค์ไม่รู้ เจ้าเก้าภายนอกดูดีภายในเจ้าเล่ห์ ใช้อุบายไร้ยางอายหลอกข้า!”ฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรหลี่จือแวบหนึ่ง “เขาใช้อุบายไร้ยางอายเยี่ยงไร เจ้าพูดๆ ดู?”หลี่จือเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในงานเลี้ยงคืนนั้น ออกมาจนหมดหลังฮ่องเต้หวู่ได้ฟังแล้ว สีพระพักตร์กลายเป็นดำทึบทึม คล้ายมีพายุกำลังก่อตัวระลอกหนึ่ง“เสด็จพ่อโปรดออกหน้าแทนลูก ลงโทษเจ้าเก้าสถ
หากเว่ยซวินยืนอยู่ฝั่งเจ้าเก้าจริง เช่นนั้นเหตุใดเขาจึงขับไล่พระชายาโหรวออกจากตำหนักฉางเล่อเล่า?อุบายแสร้งทำร้ายตนเองให้อีกฝ่ายตายใจ?เจ้าเก้าช่วยเราระดมเบี้ยเลี้ยงกองทัพ หลอกเอาเงินเว่ยซวินก้อนใหญ่ นี่จะพูดอย่างไร?นี่ก็คือเงินทองจริงอย่างแท้จริง!ก็สามารถพูดได้ว่าเจ้าเก้าและเว่ยซวิน ไม่เพียงไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกัน แต่ยังเป็นศัตรูกัน!องค์ชายสี่พูดว่าพวกเขาร่วมมือกัน เห็นชัดว่ากำลังปรักปรำ!ฮ่องเต้หวู่พยักหน้าเบาๆ “สหาย เจ้าลุกขึ้นเถอะ! เราเชื่อเจ้า! กระนั้น ไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่นไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นโดยไร้เหตุผล ภายภาคหน้าเจ้าต้องระวัง! ไม่เพียงแค่เจ้าเก้า เราไม่หวัง ให้เจ้าใกล้ชิดกับองค์ชายคนใดเกินไปนัก!”“เจ้าเข้าใจกระมัง?”เว่ยซวินลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ตอบเสียงแผ่ว “บ่าวเข้าใจแล้ว...”ฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรองค์ชายสี่แวบหนึ่ง สีพระพักตร์กระเลียดเกลียดชัง “ตนเองโง่งม ยังปรักปรำผู้อื่น! ยังไม่รีบไสหัวไป ปิดประตูสำนึกผิด!”หลี่จือก้มหน้า สีหน้ามิอาจหักใจอย่างยิ่งยวดไม่รู้เกิดข้อผิดพลาดที่ใด เสด็จพ่อถึงปกป้องเจ้าเก้าไปทุกจุด!ครั้งนี้ ต้องการจัดการเจ้าเก้าให้ตาย เห็นชัดว่าเป
เว่ยซวินคือคนมีไหวพริบคนหนึ่งเขามิได้เอ่ยเรื่องซูเฟิ่งหลิงขายจี้หยกยิ่งไม่ได้พูด เขาคือเถ้าแก่เบื้องหลังของจวี้เป่าไจเพียงสองประโยคสั้นๆ ก็ทำให้องค์ชายสี่หลี่จือตกที่นั่งลำบากได้แล้ว!ฮ่องเต้หวู่พิโรธ ตวาดออกมา “เจ้าสี่ เจ้าอธิบายมาเดี๋ยวนี้! จี้หยกพระราชทานที่เราให้เจ้า เหตุใดปรากฏในร้านเครื่องประดับ?”หลี่จือตกตะลึงพรึงเพริดหน้าถอดสี ไม่รู้สมควรรับมือเยี่ยงไรในทันที พูดอ้ำอึ้ง “ลูก ลูก...”เว่ยซวินยิ้มเยียบเย็น “ต้องเป็นเพราะองค์ชายสี่ขาดเงิน แม้แต่จี้หยกพระราชทานของฝ่าบาท ก็ขายแลกเงินได้!”ประโยคนี้ไม่สามารถนับว่าผิดได้หลี่จือมีเงินใช้สอยติดตัวไม่พอจริงๆ ถึงนำจี้หยกมอบให้เจ้าเก้าทว่าฮ่องเต้หวู่ฟังแล้ว ความหมายถ้อยคำนี้ก็เปลี่ยนไปราวกับหลี่จือขาดเงิน นำจี้หยกไปขายที่ร้านเครื่องประดับ!นี่นับเป็นอันใดกัน!เราพระราชทานให้เจ้า มิใช่เพียงจี้หยกหนึ่งชิ้น แต่คือน้ำใจ หวังว่าจะสามารถเป็นกำลังใจให้เจ้า ไต่บันไดร้อยขั้นเพียรพยายาม ก้าวขึ้นไปข้างหน้า!ความพยายามของเรา ก็ถูกเจ้าเหยียบย่ำอย่างกำเริบเสิบสานเช่นนี้กระนั้น?ฮ่องเต้หวู่กุมหน้าอก สัมผัสได้ถึงโลหิตที่หัวใจ!หลี่จื
เพราะจี้หยกพระราชทานชิ้นนี้ ทำให้เสด็จพ่อถึงขั้นต้องการเอาชีวิตตน?หลี่จือหมอบลงกับพื้น ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด น้ำมูกน้ำตาไหล ร้องขอความยุติธรรม “เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำ! ลูกถูกปรักปรำจริงๆ! จี้หยกนี้ ลูกมิได้นำไปขายให้ร้านเครื่องประดับจริงๆ แต่ให้เจ้าเก้าแทนเงินหนึ่งแสนตำลึง”“ใช่! ลูกเข้าใจแล้ว!”“เป็นเจ้าเก้า!”“เขานำหยกพระราชทานของเสด็จพ่อไปขาย!”ฮ่องเต้หวู่พิโรธดุจอัสนีบาตร ตะคอกใส่ “ความตายอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว ยังกล้าปากแข็ง? ใส่ร้ายป้ายสีเจ้าเก้า? เราเห็นว่าเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา! รีบลากเจ้าลูกอกตัญญูคนนี้ออกไป โบยแรงๆ!”เพียงสิ้นพระสุรเสียง ทหารรักษาการณ์สองคนก็เข้ามา หิ้วปีกซ้ายขวาลากหลี่จือออกจากพระที่นั่งหย่างซิน“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำ...”“ปรักปรำ...”“โอ๊ย...โอ๊ย...”เสียงร้องขอความเมตตาของหลี่จือไกลออกไปเรื่อย ๆ ถัดมากลายเป็นเสียงร้องอย่างเจ็บปวด จนกระทั่งสุดท้ายก็ไม่มีเสียงอีกแม้แต่น้อยอัครมหาเสนาบดีตู้เหวินหยวนได้ยินว่าฮ่องเต้ทรงกริ้วหนัก ลากองค์ชายสี่ออกไปโบยสี่สิบไม้ รีบพาขุนนางเข้าวังในเวลานี้ หลี่จือถูกโบยจนเลือดเนื้อฉีกขาด ไม่รู้เป็นหรือตาย“ฝ่า
องค์หญิงใหญ่ก้าวเข้าไปในตำหนักฉือหนิงแปลกที่ดูเหมือนไม่มีใครในตำหนักรู้จักนางนอกจากหลี่หลงหลินแล้ว ไม่มีใครกล้าเข้ามาทักทายนางเลยองค์หญิงใหญ่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเดิมทีวันนี้นางคิดว่าตัวเองจะเป็นจุดสนใจของทุกคนอย่างน้อยก็น่าจะมีคนเข้ามาพูดคุยกับนางบ้างแต่ตั้งแต่แรก นางก็คิดว่าตัวเองสำคัญเกินไปแล้วหลี่เทียนฉี่กระซิบข้างหูองค์หญิงใหญ่ “องค์หญิงใหญ่ ท่านเห็นหรือไม่ว่าหลี่หลงหลินน่ารังเกียจแค่ไหน!”องค์หญิงใหญ่เหลือบมองเขานางไม่เคยคิดเลยว่า หลี่เทียนฉี่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่คาดหวังของทุกคน ตอนนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าเช่นนี้นางไม่อยากจะยอมรับเลยว่าตัวเองเกิดมาจากท้องแม่เดียวกันกับเขา!แต่หลี่เทียนฉี่พูดถูกอยู่เรื่องหนึ่งหลี่หลงหลินน่ารังเกียจจริงๆเขาไม่เคยมองนางอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำองค์หญิงใหญ่ตวาด “ดูเจ้าสิ ไร้ประโยชน์! ถูกคนไร้ค่าอย่างหลี่หลงหลินแย่งตำแหน่งรัชทายาทไป น่าอับอายขายหน้าจริงๆ!”ยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินยังมีอาจารย์ของฮ่องเต้คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังหลี่เทียนฉี่กล่าว “ท่านอย่าได้ดูแคลนหลี่หลงหลินเชียว เขาไม่ได้เป็นคนที่ดูเผินๆ แล้วจะเข้าใจได้ง่ายๆ หรอก!
นี่คือสงครามที่ไร้ควันปืนหลังจากการทดสอบหลายรอบ องค์หญิงใหญ่ก็รู้ถึงความสามารถของหลี่หลงหลินแล้วเป็นไปตามที่นางคาดไว้ก่อนหน้านี้จริงๆลึกล้ำเกินหยั่งถึงเขาไม่เหมือนกับหลี่เทียนฉี่ ผู้ไร้ประโยชน์ที่ทำอะไรไม่สำเร็จ! บรรยากาศเปลี่ยนไปสายตาขององค์หญิงใหญ่จับจ้องไปที่ซูเฟิ่งหลิง บีบรอยยิ้มปลอมๆ ออกมา “ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ”“ได้ยินชื่อเสียงของพระชายาองค์รัชทายาทมานานแล้ว ว่าเป็นผู้มีชาติตระกูลดี มีฝีมือด้านศิลปะการต่อสู้ กล้าหาญ และเชี่ยวชาญในการต่อสู้”“ได้ยินมาว่าองค์รัชทายาททรงโปรดปรานเรื่องตะวันพันมังกร นึกว่าจะเป็นคนแข็งแกร่ง”“ไม่คิดเลยว่าจะงดงามเช่นนี้”คำพูดไม่กี่คำขององค์หญิงใหญ่ ทำให้บรรยากาศในตำหนักฉือหนิงเปลี่ยนไปในทันทีซูเฟิ่งหลิงไม่สามารถต้านทานได้เลยท้ายที่สุด ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแม้แต่หลี่หลงหลินที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่คิดว่าองค์หญิงใหญ่จะยิ้มเยาะเย้ยถากถางและตรงไปตรงมาเช่นนี้เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิง หลี่เทียนฉี่ก็รู้สึกสะใจ!บรรยายไม่ถูกเลยว่าชื่นใจแค่ไหน!รู้หรือไม่ว่า ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้เปรียบหลี่หลงหลินเลย
“ถวายบังคมองค์รัชทายาท!”เมื่อนางกำนัลและขันทีเห็นหลี่หลงหลิน ต่างรีบวางมือจากงานและคำนับเขาแม้ว่านางกำนัลและขันทีเหล่านี้จะอยู่ในตำหนักฉือหนิง ซึ่งอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางของการต่อสู้ทางการเมืองในวันธรรมดา พวกเขาก็แค่รับใช้ฮองไทเฮา ชีวิตเรียบง่ายยิ่งพวกเขาเข้าไม่ถึงอำนาจมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้นเท่านั้น!อยากรับใช้องค์รัชทายาทแม้ในความฝันต้องการสร้างความสัมพันธ์กับเขาท้ายที่สุด เว่ยซวินก็รับใช้ฮ่องเต้หวู่มาตั้งแต่เด็กจนโตมิฉะนั้น เขาจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?นางกำนัลและขันทีกระตือรือร้นเป็นพิเศษแต่หลี่หลงหลินไม่สนใจเพราะเขามีเรื่องให้ครุ่นคิดอยู่ในใจตั้งแต่มาถึงตำหนักฉือหนิง สายตาของเขาก็มองหาใครบางคนในฝูงชนอยู่ตลอดเวลาต้องการมองหาองค์หญิงไท่ผิงท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาที่ยุ่งยากที่สุดในตอนนี้ก็คือนาง“องค์รัชทายาท ไข่มุกหมิงแห่งทะเลใต้หนึ่งเม็ด!”ขันทีน้อยรายงานของขวัญที่หลี่หลงหลินมอบให้ด้วยเสียงอันดังราวกับกำลังเอาใจหลี่หลงหลินแต่หลี่หลงหลินไม่สนใจ เพียงแต่มองไปที่ซูเฟิ่งหลิงข้างๆ“ช้าแล้ว พวกเราเข้าไปกันเถอะ”หลี่หลงหลินยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ใ
ไม่มีใครมาต้อนรับนางราวกับว่านางไม่เคยมีตัวตนอยู่มีเพียงลู่ฮองเฮาที่ทรงห่วงใยตน แต่ตอนนี้นางถูกฮ่องเต้หวู่เนรเทศไปยังตำหนักเย็นถูกจำกัดอิสรภาพของนางและจะไม่มาต้อนรับตนเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ องค์หญิงใหญ่ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และระงับความโกรธในใจทั้งหมดนี้เป็นเพราะคนชั่วที่ยุยงฮ่องเต้หวู่!“องค์ชายเก้า...”องค์หญิงใหญ่พึมพำในปาก ดวงตาของนางฉายแววฆ่าฟันหลังจากเดินทางมาหลายปีนางมิใช่เด็กสาวที่ไร้เดียงสาเช่นในอดีตอีกต่อไปแล้วการกลับมาครั้งนี้ของนาง ไม่ใช่แค่เพื่อพิสูจน์ตัวเองแต่เพื่อทวงทุกอย่างของนางกลับคืนมาเพื่อให้ขุนนางทั้งราชสำนักยอมสยบต่อนาง!องค์หญิงใหญ่เหลือบมองร่างหลายร่างวูบผ่านข้างรถม้าและหายเข้าไปในกำแพงวังหลวงแม้ว่าพระราชวังต้องห้ามจะเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันแน่นหนาที่สุดในต้าเซี่ยแต่สำหรับหน่วยกล้าตายใต้บัญชาของตนแล้ว เรื่องนี้ไม่มีค่าให้กล่าวถึงเลยท้ายที่สุด พวกเขาล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการคัดเลือกและฝึกฝนอย่างดีจากแคว้นโวกั๋วคอยคุ้มครองนางโดยเฉพาะหากนางได้รับเวลาและเงินทุนเพียงพอการฝึกฝนทหารฝีมือดีแปดร้อยนาย จะต้องสามารถโค่นล้มการปกครอ
หลังจากอยู่ร่วมกันเช้าค่ำเป็นเวลานานหลี่หลงหลินรู้อุปนิสัยของซูเฟิ่งหลิงแล้วเพียงแต่ปากคมดั่งมีด จิตใจกลับนุ่มเหมือนเต้าหู้เท่านั้นหากตนเองไม่พาซูเฟิ่งหลิงไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟ นั่นต่างหากหายนะที่แท้จริง!น่ากลัวว่าต้องถูกทวนเงินแทงจนกลายเป็นตะแกรงร่อน!ดังนั้นตนเองไม่จำเป็นต้องกังวลซูเฟิ่งหลิงเพียงแจ้งนางคร่าวๆ ก็เท่านั้นบัดนี้กังวลที่สุดกลับเป็นองค์หญิงไท่ผิงทั้งหมดล้วนยังไม่มีแผนมนุษย์ทุกคนล้วนหวากหวั่นต่อตำแหน่งอำนาจอยู่ตลอดรอหลี่หลงหลินดึงสติกลับมาได้ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วน้อยๆ “ท่านพูดเถอะวันนั้นข้าใส่เสื้อผ้าเยี่ยงไรถึงจะเหมาะสม?”หลี่หลงหลินครุ่นคิด พูดยิ้มๆ “เมื่อหลายวันก่อนข้าให้พี่สะใภ้สี่ตัดชุดกระโปรงหน้าม้าให้เจ้าแล้วมิใช่หรือ? ทั้งหล่อเหลาทั้งสง่างาม ชวนให้ตกตะลึงทั้งงาน”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้ายิ้มๆ “ที่แท้ท่านก็เตรียมทั้งหมดไว้พรักพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ฟังท่านแล้วกัน!”......พระราชวังต้องห้ามขบวนรถม้าแล่นอย่างเชื่องช้ามาถึงหน้าประตูเมืองขบวนรถม้าจัดเตรียมไว้อย่างเรียบง่ายมาก ทั้งหมดมีคนไม่ถึงยี่สิบคนแต่หากมีความรู้ย่อมสามารถมองออกว่าขบวน
“ให้ข้า?”ภายใต้ท่าทางตกตะลึงของซูเฟิ่งหลิงยังสะท้อนความดีใจอีกสายหนึ่งแต่ความดีใจมลายหายไปอย่างว่องไวนางเอ่ยถามด้วยเสียงเจือความสงสัย “นี่คือของขวัญแต่งงานของพวกเรา?”อีกไม่นานต่อจากนี้ก็คือวันแต่งงานของหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงแม้พูดว่าลั่วอวี้จู๋ใช้จ่ายมือเติบ แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่สามารถยอมรับได้หลี่หลงหลินส่ายหน้า “นี่คือมอบให้พวกเราเป็นของขวัญบรรณาการ”“ของขวัญบรรณาการ?”ซูเฟิ่งหลิงงุนงงมอบให้ใครเล่า?เรื่องอันใด?ย่อมไม่สามารถมอบให้โดยไร้สาเหตุหรอกกระมังหลี่หลงหลินอธิบายเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดให้ซูเฟิ่งหลิงฟังซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วมุ่น “งานเทศกาลโคมไฟ?”ไม่ใช่เพราะซูเฟิ่งหลิงมีความเห็นต่อไทฮองไทเฮาแต่วังหลังซับซ้อน ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นภายในใจงานเลี้ยงใหญ่อีกแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น!หลี่หลงหลินพูด “ในเมื่อเป็นราชวงศ์ ก็ต้องให้ความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันพร้อมหน้า ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงใหญ่ที่เดินทางไปเป็นทูตที่โวกั๋วมานานหลายปีก็จะฉวยโอกาสอยู่ร่วมกันพร้อมหน้านี้กลับมายังต้าเซี่ย”“ถึงตอนนั้นเสด็จพ่อจะต้องให้ความสำคัญต่องานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟในครั
ยามนี้ลั่วอวี้จู๋ถูกจ้องจนประหม่า“องค์ชาย เวลาไม่เช้าแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เกือบจะยามสี่แล้ว หากถูกบ่าวรับใช้พบเข้าจะส่งผลไม่ดีได้”อย่างไรเสียชายหญิงก็อยู่ตามลำพังภายในห้อง ไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนคนโง่ก็ไม่มีวันเชื่อหรอกว่าจะไม่มีอันใดเกิดขึ้นหลี่หลงหลินรับกล่องไม้ไปแล้วกล่าวขอบคุณ “ยังเป็นพี่สะใภ้ใหญ่คิดรอบคอบ”ใบหน้าลั่วอวี้จู๋สะท้อนความรัก “องค์ชาย ท่านและน้องหญิงเล็กมีชีวิตที่ดีย่อมสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด”บนโลกมนุษย์มีสิ่งใดสำคัญไปกว่ามีบุพเพแต่ไร้วาสนาอีกเล่าหลี่หลงหลินโดดเด่นทั้งรูปโฉมและสติปัญญาแต่ลั่วอวี้จู๋ในฐานะพี่สะใภ้ใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถใช้ชีวิตกับหลี่หลงหลินอย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรมได้ดังนั้นต่อให้นางได้รับชมอยู่วงนอกเห็นเขามีความสุขก็พึงพอใจแล้ว!หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “ท่านดีข้าดีทุกคนดี ทุกคนดี ถึงจะดีอย่างแท้จริง!”พูดจบ เขาหันหลังจากไป กลับเข้าห้องของตน แต่ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าซูเฟิ่งหลิงถึงขั้นอยู่ที่นี่ซูเฟิ่งหลิงหันหน้า สีหน้าเปี่ยมโทสะ “องค์ชาย ดึกเพียงนี้ท่านไปที่ใดมา!”เมื่อวานหลี่หลงหลินไม่ได้กลับตลอดคืนซูเฟิ่งหลิ
แต่กลับตามไปไม่ทัน“ดูท่าแล้วมาหาถูกคนจริงเสียด้วย!”มองผ่านท่าทีตอบสนองเมื่อครู่ของลั่วอวี้จู๋ดูแล้ว ในมือนางจะต้องมีสมบัติล้ำค่าที่สามารถนำออกมาได้แน่เวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไปลั่วอวี้จู๋วิ่งกลับมาด้วยความดีใจเต็มเปี่ยมผิวขาวราวกับหิมะมีเหงื่อหอมผุดออกมาปอยผมแนบติดหน้าผากชวนให้หลงใหลหลี่หลงหลินมองไป ได้เห็นลั่วอวี้จู๋ถือกล่องไม้ไว้ในมือรูปลักษณ์ภายนอกธรรรมดาแต่มองผ่านอารมณ์ของลั่วอวี้จู๋ดูแล้วสิ่งนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ลั่วอวี้จู๋พูดอย่างอารมณ์ดี “โชคดีหม่อมฉันหาเจอ หาไม่แล้วจะต้องลืมเจ้าสิ่งนี้ไปแล้วแน่!”หลี่หลงหลินเพิ่งคิดตำหนิที่เมื่อครู่ไม่ให้ตนเองช่วยถือโคมไฟลั่วอวี้จู๋ก็หยิบสมบัติที่อยู่ภายในกล่องไม้ออกมา“นี่คือ?”มองเห็นไข่มุกทรงกลมทอประกายจางๆ ภายในมือลั่วอวี้จู๋ไม่คล้ายเครื่องมือไว้ใช้ส่องสว่างในยุคหลังแสงชนิดนี้คล้ายซึมอยู่ภายในไข่มุกอย่างเป็นธรรมชาติ!“ไข่มุกเรืองแสงแห่งทะเลใต้หรือ?”หลี่หลงหลินเอ่ยถามออกมาลั่วอวี้จู๋สบมองหลี่หลงหลินอย่างแปลกใจ “ท่านรู้จักสิ่งนี้หรือ?”แม้ว่าไม่มีประสบการณ์ แต่ก็ยังรู้จักมาก่อนอย่างไรเสียไข่มุกเรืองแสงแห่งทะเล
ทั้งสองสบตากันลั่วอวี้จู๋หน้าแดงเรื่อ เมื่อครู่สนใจเพียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดเสียใจ ไฉนเลยจะคิดถึงเรื่องนี้!ลูกกระเดือกหลี่หลงหลินเกร็งเล็กน้อย กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้เรือนร่างของลั่วอวี้จู๋เร่าร้อนถึงเพียงนี้ อกอวบอิ่มดูมีน้ำหนัก ปกติเสื้อผ้าหลวมสายคาดเอวกว้างเหล่านั้นปกปิดเรือนร่างเย้ายวนนี้ไว้จนหมดช่างเสียดายของโดยแท้!ลั่วอวี้จู๋หลบตา เอ่ยเสียงเคร่งขรึม “องค์ชาย หากไม่มีเรื่องใดก็กลับไปก่อนเถอะเพคะ...”บัดนี้ลั่วอวี้จู๋อยากหารูมุดเข้าไปเหลือเกินอยากไล่หลี่หลงหลินออกไปก่อน หาไม่แล้วท่ามกลางบรรยากาศคลุมเครือเช่นนี้จะเกิดเรื่องใดขึ้นนางก็ไม่แน่ใจแล้วหลี่หลงหลินรีบขยับถอยออกไป “หากพี่สะใภ้ไม่พูด ข้าก็เกือบลืมธุระสำคัญไปแล้ว เมื่อครู่ข้าผลักประตูเข้ามา วู่วามจริงๆ ตอนนี้ข้าจะออกไปเคาะประตูใหม่..”สิ้นคำ รีบหันหลังกลับออกไปหลี่หลงหลินรีบเบี่ยงเบนความคิดไปที่อื่น กลัววู่วามขึ้นมาทำลายเรื่องผิดต่อศีลธรรมร้ายแรงลั่วอวี้จู๋ไฉนเลยจะฟังความนัยของหลี่หลงหลินไม่ออกรีบสวมเสื้อผ้าตัวใหญ่ตามปกติ ทำให้บรรยากาศไม่อึดอัดถึงเพียงนั้น“เข้ามาเถอะ”หลี่หลงหลินเคาะประตูเข้ามา บรรยาก